Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Dr.Shank ที่ มกราคม 20, 2010, 20:43:38
-
ผมเคยสงสัยกว่าถ้าผมเติมน้ำมัน
1.เบนซิล 95(ซึ่งตจว. มักไม่ค่อยมีแล้ว!!)
2.เบนซิล 91
3.แก๊สโซฮอล์ 95
4.แก๊สโซฮออล์ 91
ในจำนวนเงินที่เท่าๆกันเช่น เติม 1000 บาท ซึ่งจำนวนลิตรที่ได้ก็จะแตกต่างกันเพราะเนื่องจากราคาต่อลิตรที่ไม่เท่ากันนั้น
คือผมอยากรู้ว่า อันไหนจะประหยัดที่สุดอะครับ(คำถามอาจดูโง่ไปหน่อยนะครับแต่ผมสงสัยจริงๆ)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :)
-
โทษนะครับเพิ่มอีก2ชนิดคือ
5. E20
6. E85
-
ก็ต้อง E10 ที่คุ้มค่ามากที่สุด
คิดง่ายๆ สมมุติว่า เอธานอลคือของจอมปลอมที่ไม่ช่วยให้รถวิ่งได้เลย แต่ไม่ทำให้เครื่องพัง น้ำมัน E10 จำนวน 1 ลิตรจะมีน้ำมันอยู่เพียง 0.9 ลิตร ถ้าเราคิดจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 เป็นหลัก เวลานี้ราคาลิตรละ 40.45 บาท ดังนั้น น้ำมันจำนวน 0.9 ลิตรจึงควรมีราคา 36.40 บาท แต่ในความเป็นจริง ราคาแก็สโซฮอล์ 95 ในเวลานี้อยู่ที่ 32.64 บาทเท่านั้น ก็แสดงว่าผู้ใช้ประหยัดไปเหนาะๆเกือบสี่บาท แต่ความเป็นจริงเอธานอลก็ช่วยให้รถวิ่งได้จริงๆ โดยเอธานอลจะมีประสิทธิภาพประมาณสองในสามของนำมันเบนซิน ดังนั้นจึงยิ่งประหยัดเงินมากขึ้น
-
ผมลองคำนวณเล่นๆโดยสร้างตารางขึ้นมาดังนี้ แต่อย่าใส่ใจเลยครับ เพี้ยนเยอะอ่ะ
(http://upic.me/i/08/71111.jpg) (http://upic.me/show.php?id=f432cc76702b0a5ed511a1be587e1cbc)
โดยค่า avg. / ลิตร สมมติเล่นๆ
-
เอ้าไหนๆก็ไหนๆแล้วพอดีไปเจอในเวปมารู้ไว้ใช่ว่าไม่เสียหายครับ
น้ำมันแพง ต้องฉลาดเติม (ภาคพิสดาร)
Ø ไม่ทราบว่าเหล่าผู้ชายเช่นคุณควักกระเป๋าจ่ายเงินค่า น้ำมันกันยังไง
Ø แต่ที่ California ผู้ใช้รถก็จ่ายไม่เบา จนมีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมัน
Ø เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่า
Ø ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เล่าว่า
Ø เขาทำงานที่คลังน้ำมันแห่งหนึ่งใน San Jose , CA ซึ่งมีคลังเก็บ
Ø 34 คลัง ขนาดบรรจุรวม 16,800,000 แกลลอน ณ ที่นั่นแต่ละวันจะจ่าย
Ø น้ำมันประมาณ 4 ล้านแกลลอน ตลอด 24 ชม.
Ø โดยวันหนึ่งจ่ายน้ำมันดีเซล อีกวันหนึ่งจ่ายน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันรถยนต์
Ø เกรดต่างๆ สลับกัน
Ø เขาบอกว่า
Ø จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
Ø อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น
Ø น้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตาม
Ø ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน
Ø แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
Ø ธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ามันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน
Ø เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ
Ø มีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึงเงินมหาศาลในธุรกิจนี้
Ø แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
Ø ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
Ø (ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง) หากคุณสังเกต จะเห็นว่า
Ø กลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ low, middle, และ high
Ø เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด
Ø หากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย
Ø และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร
Ø เคล็ดลับอีกอย่างคือ ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง
Ø (แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ
Ø จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้น
Ø ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน?หมาย เหตุผู้แปล)
Ø เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย
Ø เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด
Ø ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน
Ø ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ
Ø ลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน
Ø จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ
Ø > > >ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
Ø ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊ม
Ø ถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน
Ø จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน"ลงของ" สิ่งแปลกปลอม
Ø ซึ่งปรกติจะตกตะกอนอยู่ใต้ถัง ถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมัน
Ø ช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้
Ø โปรดแบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้ทั่วถึง............................นะครับ :)
-
เยี่ยมจริง ๆ ครับ ปกติ เติมอย่างเดียว ถ้าจะใช้รถ ก็อย่าไปคิดถึงน้ำมัน
-
เป็นบทความที่ดีนะครับ สรุปคือ
1 ควรเติมตอนเช้าเพราะจะได้น้ำมันมากกว่าช่วงเวลาอื่น
2 ควรเติมครึ่งถังพอ เพื่อลดน้ำหนักบรรทุก
3 ควรให้หัวฉีดไหลช้า เพื่อไม่ต้องจ่ายแพงกว่า
4 อย่าเติมขณะเห็นรถบรรทุกน้ำมันอยู่ในปั้มกำลังถ่ายลงถังเก็บ
ผมว่าทำได้ไม่ยากทุกข้อนะ ยกเว้นข้อ 2 โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่คงลำบากหน่อยในกรณีวิ่งไกลๆไปต่างจังหวัด เพราะอาจหาปั้มเติมได้ยาก ที่สำคัญ ราคาน้ำมันต่างจังหวัดแพงกว่าในกรุงเทพฯ คำนวณส่วนต่างแล้ว อาจไม่คุ้ม ดังนั้นถ้าวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ ควรเติมให้เต็มไว้ก่อนดีกว่า
-
ส่วนตัว E10 Octane 95 ครับ
-
เป็นบทความที่ดีนะครับ สรุปคือ
1 ควรเติมตอนเช้าเพราะจะได้น้ำมันมากกว่าช่วงเวลาอื่น
2 ควรเติมครึ่งถังพอ เพื่อลดน้ำหนักบรรทุก
3 ควรให้หัวฉีดไหลช้า เพื่อไม่ต้องจ่ายแพงกว่า
4 อย่าเติมขณะเห็นรถบรรทุกน้ำมันอยู่ในปั้มกำลังถ่ายลงถังเก็บ
ผมว่าทำได้ไม่ยากทุกข้อนะ ยกเว้นข้อ 2 โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่คงลำบากหน่อยในกรณีวิ่งไกลๆไปต่างจังหวัด เพราะอาจหาปั้มเติมได้ยาก ที่สำคัญ ราคาน้ำมันต่างจังหวัดแพงกว่าในกรุงเทพฯ คำนวณส่วนต่างแล้ว อาจไม่คุ้ม ดังนั้นถ้าวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ ควรเติมให้เต็มไว้ก่อนดีกว่า
สำหรับ ข้อ 1 เคยอ่านเจอว่า ปัจจุบันทางบริษัทน้ำมัน ได้แก้ปัญหานี้แล้ว
และอุณหภูมิในถังใต้ดิน มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เยอะอย่างที่คิด
เวลาดูดมาที่หัวจ่าย อุณหภูมิก็จะถูกปรับให้ถูกต้องประมาณนึงแล้วครับ
สำหรับเคล็ดลับข้อนี้ คงต้องใช้กับปั๊มที่มีหัวจ่ายเก่าๆครับ
(แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงกับสิ่งที่จะเจือปนมาในน้ำมัน
เนื่องจากถังเก็บน้ำมันใต้ดินอาจจะมีรอยรั่วซึมได้)
ข้อ 2 จะว่าเห็นด้วยก็ได้นะครับ แต่ถ้าจะคิดให้มาก ระวังอย่าเอารถไปตากแดด
เพราะน้ำมันจะระเหยได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยสิครับ (อันนี้เป็นไปได้นะ)
ข้อ 3 เออ...ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้ปั้มเติมเองซะแล้วมั้ง
แต่ส่วนตัวผม ผมว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย กับการเติมน้ำมันแค่ 40 ลิตร สำหรับรถทั่วไปนะ
ข้อ 4 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
-
E10 สำหรับผมว่าคุ้มที่สุดแล้วคับ
-
ผมลองคำนวณเล่นๆโดยสร้างตารางขึ้นมาดังนี้ แต่อย่าใส่ใจเลยครับ เพี้ยนเยอะอ่ะ
(http://upic.me/i/08/71111.jpg) (http://upic.me/show.php?id=f432cc76702b0a5ed511a1be587e1cbc)
โดยค่า avg. / ลิตร สมมติเล่นๆ
โห !!!
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณมากครับ ทุกคน..
เดี๋ยวผมว่าจะลองดูกับรถตัวเองนี่แหละครับแล้วจะเอามาลงให้ทุกๆท่านดู
แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ
ปล.รถคันที่จะลองทดสอบ เทียน่าโฉม ปัจจุบัน 2500 cc(มันเติมe 85 กับ 20 ไม่ได้อะมั้งครับงั้นคงลองแค่4ข้อแรกก่อน)
***ผมอยากรู้แบบบ้าเข้าขั้น!!!
ฮ่าๆๆ :o
-
จากประสบการณ์ที่เป็นคนเติมน้ำมันมาก่อน (แต่เป็นน้ำมันเครื่องบิน)
ผมยืนยันเลยครับว่าเติมตอนเช้ามืดกำไรสูงสุด
เนื่องจากความถ่วงจำเพาะจะอยู่ประมาณ 0.80
ถ้าตอนกลางวันจะอยู่แถวๆ 0.78-0.77
แต่ถังน้ำมันรถยนต์มันไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่เครื่องบินมันถังใหญ่ (มากๆๆๆๆ)
จนมีส่วนต่างกันเป็นร้อยๆลิตรเลย
แต่ถ้าเติมหลายๆวัน หลายๆครั้ง ก็น่าจะช่วยได้บ้าง
ปล. วัด ถพ. จากหัวจ่ายเลย ไม่ได้จุ่มลงในถังใต้ดิน
-
นอกจากนั้นระวังเรื่องการขับขี่ ไม่กระชาก มากๆ รักษาความเร็วพอเหมาะ ก็ยิ่งประหยัดไปอีกนะครับ ปลอดภัยและไม่รบกวนชาวบ้านด้วยครับ
-
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข
หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน
-
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข
หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน
ครับขอบคุณครับ!!
-
"แต่ผมถามไรหน่อยนะครับ มีวิธีทดสอบรถตัวเองยังไงถึงจะเที่ยงตรงสุดครับ"<-- หนึ่งในวิธีที่ดี คือเลียนแบบคุณ J!MMY ครับ เติมน้ำมันเต็ม ขับขึ้นทางด่วน รักษาความเร็ว 110 ลงทางด่วนกลับมาเติมปั้มเดิมเต็มถัง คำนวณตัวเลข
หรือจะลองวิธีอื่นก็ได้นะครับ หาเส้นทางที่วิ่งด้วยความเร็วนิ่งๆได้ระยะทางสัก 80-100 กม. ก็น่าจะได้ผลใกล้เคียงกัน
ขอเสริมหน่อยครับ
ผมว่าน่าจะลองวิ่งไกล น่าจะยิ่ง ดียิ่ง ขึ้นนะ
เหมือนกับประมานว่า ถ้าลองสั้ยซํก 4-500เมตร แต่มันยังต้องมีระยะทางจากหัวจ่ายไปถึงทางด่วนอีก กว่าจะลอยลำได้ มันน่าจะไกลอยู่ ผมเลยคิดว่า น่าจะลองไกลๆ
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัว
ปล2. เข้าใจความหมายของผมมั้ยครับ ;D