Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: clound ที่ สิงหาคม 13, 2017, 13:53:54
-
ผมได้อ่านมาหลายๆความคิดเห็น ที่บอกว่า ขับทางไกล b-seg จะประหยัดน้ำมันกว่า ecocar
ผมสงสัยว่า เป็นความจริงหรือไม่ครับ ด้วยเกียร์ cvt สมัยนี้ ทำให้รอบเครื่องไม่สูง ถ้าวิ่งทางไกล จะเปลืองกว่า b-seg จริงๆหรือครับ
ถ้าวิ่งตามความเร็วกำหนด คือ 120 รอบเครื่องจะต่ำทั้งคู่ ในจุดนี้ ผมว่า ecocar ต้องประหยัดกว่าแน่ๆ
แต่ถ้าอัดไป 140 160 เมื่อนั้น b-seg ถึงจะประหยัดกว่า เพราะ ecocar ต้องเค้นรอบสูงขึ้น ใช่หรือไม่ครับ
พี่ๆน้าๆคิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ
-
ขึ้นกับผู้ขับ ถ้าขับนิ่มๆ นิ่งๆ eco ก็ประหยัดกว่า
แต่ถ้า eco เค้นเครื่องบ่อย ก็จะกินพอกับ b-seg ที่เค้นเครื่องน้อยกว่า
แต่ถ้าขับแบบเค้นทั้งคู่ eco ก็ประหยัดกว่า
รถมันวิ่งเองไม่ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน
-
เป็นได้แค่บางกรณีเท่านั้นแหละครับ ถ้าไม่ได้อัดร้อยสี่สิยร้อยห้าสิบนั่งห้าคน มันจะมาประหยัดกว่าอีโคคาร์ได้ไง
ฟังมาเยอะละวิ่งทางไกล bประหยัดกว่าeco, cประหยัดกว่าb, dเครื่องใหญ่ประหยัดกว่าdเครื่องเล็ก ใช้งานจริงๆในชีวิตประจำวันมันเป็นไปได้ยากครับ
-
หัวข้อนี้ถูกครับ. ขับด้วยตัวแปรเดียวกัน บนสมมุติฐานของทางไกลที่ต้องมีเร่งเเซง
-
ขึ้นกับผู้ขับเป็นหลัก
รองๆลงมาก็สภาพแวดล้อม
-
ก็ถ้าขับ120 นิ่งๆ ecocar ประหยัดกว่าเเต่พอรวมเร่งเเซงหรือขึ้นเขาก็ต้องเปน b seg ละครับ
-
ผมขอเถียงคับในประเด็นที่ว่าขีบ 120 รอบต่ำทั้งคู่ ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับมาสด้าสองเครื่อง mzr ของผมนะ 120 นั่รอบปาไป 3500 เลยนะ แต่ถ้าจะให้รอบต่ำที่ 2000 ผมต้องวิ่งที่ 85-90 คับ ผมไม่รุ้เจ้าสองคันอื่นเปนมั่ย แต่ของผมเปนแบบนี้แหละคับ ;D
-
เคยขับ Almera กับ vios บริทนี่ นั่งเต็มคัน ขับต่างจังหวัด Vios เค้นน้อยกว่าเวลาแซง แต่ถ้าขับเรื่อยๆไม่แซงใครเลย eco car ประหยัดกว่า
แต่ถ้านั่งเต็มคันแล้วไปวิ่งเส้นขึ้นลงภูเขาภาคเหนือยังไง b-seg ก็ประหยัดกว่า
-
เอาประสพการณ์ส่วนตัวนะ ขับ100+-
ขับเร็วเท่ากัน ยังงัยeco car ก็ประหยัดกว่าเครื่อง 1.5 1.6 1.8
-
ดูเป็นรุ่นๆ ดูเป็นระดับความเร็ว และลักษณะการขับขี่ครับ
ถ้าจุดมุ่งหมายสูงสุดคือขับยังไงก็ได้ให้ประหยัดน้ำมัน น่าจะฟันธงได้ว่า eco car
แต่ถ้าเอาแบบว่าเน้นขับแบบสมดุลย์ มีหลากหลายรูปแบบ คราวนี้ก็ไม่ใช่
ว่า eco car จะประหยัดกว่าเสมอไป แต่ก็ต้องดูเป็นรุ่นๆ ไปครับ
-
เหยียบแช่ยาวๆ 120-140 ecocar ก็ยังประหยัดกว่านะ
ยังไงๆเครื่องเล็กก็ประหยัดกว่า เพราะรอบเครื่องยนต์แทบจะเท่ากัน
ถ้าขับแบบเอาสบาย ไม่เครียด มีแรงพอให้ใช้เมื่อต้องการ เครื่องพันห้ายืดหยุ่นกว่า
-
ถ้าทางราบ ขับเรื่อยๆ ก็คงไม่ ยกเว้นจะเร็วมากจริงๆ
ถ้าทางชัน มีโอกาสที่ Eco Car ต้องเค้นบ่อยๆ แต่ B-Seg ไปได้เรื่อยๆ ก็มีโอกาสเป็นจริงตามที่ จขกท. สงสัย
สำหรับเท้าผม เหยียบ Sylphy 1.6 ประหยัดกว่า March 1.2 ซึ่งเป็นเกียร์เดียวกันครับ ที่ความเร็ว 110-120
ถ้าต่ำกว่า 90 ยังไงๆ March ก็ประหยัดกว่า คือเอาง่ายๆ ตราบใดยังอยู่ในช่วงที่เกียร์ทดให้ไม่เกิน 2,000 รอบได้ นั่นแหละ
และที่ต้องคำนึงปัจจัยอีกอย่างคือ Eco Car ยี่ห้ออื่น อาจจะเบา คันเล็กกว่าชัดเจนด้วย เช่น มิราจนี่เบ๊าเบา หรือบริโอ คันนิดเดียว
-
ไม่หรอกครับ
อยู่ที่ว่าเป็นอีโคคาร์รุ่นไหนและเกียร์แบบไหนครับ
นิสัยคนขับด้วยครับ
-
ถ้าเอะอะก็เหยียบ ซัดกระโชกโฮกฮาก ก็ทานเป็นน้ำเลยนะฮะ พวกเครื่อง 1.2 เนี่ย
แต่ถ้าลอยลำ ขับไปเรื่อยๆ ใจร่มๆ 80 - 100 นี่ ช่วงนี้ 1.2 ประหยัดมาก
ปล.มันมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออัตราประหยัดเช่น ขนาดล้อ ขนาดยาง น้ำหนักบรรทุก ลมต้าน ความลาดชัน และอื่นๆ อีกมากครับ
-
ผมขอเถียงคับในประเด็นที่ว่าขีบ 120 รอบต่ำทั้งคู่ ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับมาสด้าสองเครื่อง mzr ของผมนะ 120 นั่รอบปาไป 3500 เลยนะ แต่ถ้าจะให้รอบต่ำที่ 2000 ผมต้องวิ่งที่ 85-90 คับ ผมไม่รุ้เจ้าสองคันอื่นเปนมั่ย แต่ของผมเปนแบบนี้แหละคับ ;D
เคยขับ Mazda 2 โฉมที่แล้ว 120 รอบประมาณนี้เลยครับ สูงมาก คันที่เคยขับ ถ้าขับความเร็วช่วง 70-80 เรื่อยๆ นี่ประหยัดมากครับ มี > 20 กม./ลิตร รอบเครื่องไม่เกิน 2,000 น่าจะประมาณ 1,700 - 1,800
ก็มีน้องที่ผมรู้จักคนหนึ่งยังใช้ Mazda 2 โฉมนี้อยู่ เคยลองถามน้องไปว่าเติมน้ำมันเดือนละกี่ครั้ง น้องบอกเดิมเดือนละครั้ง E20 ตอนแรกก็ตกใจว่าเป็นไปได้เหรอ เพราะตอนผมใช้เติมบ่อยมาก จนน้องบอกว่าขับไปทำงานเรื่อยๆ วิ่ง 60-80 ไม่เกินนี้ วิ่งแต่เลนกลาง ไม่แซงอะไรเลย เบรคก็ไม่ค่อยจะเหยียบ ไป-กลับ ที่ทำงาน วันละ 20 กว่าโล ก็เลยเข้าใจว่าแม้ว่ารุ่นนี้จะกินน้ำมัน แต่ถ้าขับแบบประหยัดมันก็มีจุดที่ประหยัดของมันอยู่
-
ม้าเยอะกว่า ยังไงขับทางไกลก็ประหยัดกว่า เพราะออกแรงไม่มากที่ความเร็วเท่ากัน
-
เอาตามความจริง ไม่มีรถเครื่องใหญ่ ที่กินน้ำมัน น้อยกว่าเครื่องเล็กอ่ะคุณ
แต่ถ้าคุณต้องกดคันเร่ง ณ สถานการณ์จริง พอเริ่มมีตัวแปลนี่ทำให้เครื่องใหญ่กลับมาประหยัตกว่าทันทีครับ
-
เปรียบเทียบที่เคยใช้มา yaris กับ 3 sky วิ่งไกล 3 ประหยัดกว่าหน่อย ในเมือง yaris ประหยัดกว่าหน่อย
คนขับเดียวกันเส้นทางเดียวกัน
-
ผมว่า eco car จะประหยัดถ้าเราวิ่งไม่เกิน 90 นะครับ
อย่างผมใช้มาร์ช ผมไม่จำเป็นจะไม่ขึ้นทางด่วนเลย เพราะไม่คุ้ม
รถผมวิ่ง 90 นี่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว กว่าจะไต่ไป 120 นี่นานมาก
ผมเลยจะวิ่งถนนธรรมดามากกว่า
ข้อดี คือ โอกาสโดนจับความเร็วยากมากครับ เพราะรถมันใช้เวลามาก
-
ครับต้องดูเป็นรุ่นๆครับ
ส่วนรอบสูงกว่า จะกินกว่า หรือต่ำกว่าจะประหยัดกว่า เรื่องนี้ก็ต้อง
ดูเป็นรุ่นๆครับ
-
เหมารวมไม่ได้ครับ
แล้วแต่รุ่น เกียร์ และ คนขับ ครับ
-
แชร์ประสบการณ์
อยุธยา-สัตหีบ
นั่ง 5 คนทุกคัน
city cng วิ่งน้ำมัน ความเร็ว 120-140 ค่าน้ำมัน 1000
swift วิ่ง 120-140 ค่าน้ำมัน 700
Vios 2014 วิ่ง 90-100 ค่าน้ำมัน 600
ถึงต่างกันประมาณ ครึ่ง ชม vios ยางบวมวิ่งเร็วไม่ได้
city น่าจะหนักถังแก๊ส
อยู่ที่การขับนั่นแหละครับ วิ่งช้าๆเถอะประหยักทุกรุ่นเอย
-
ผมขับเส้นทางเดียวกัน
- March ได้ 19 km/l
- Civic 2016 ได้ 17 km/l
-
ถ้าหากขับเร็ว eco car ไม่ได้ประหยัดนะครับ ทั้งเปลือง และ อันตรายมาก
-
รอบเครื่องต่ำไม่ได้แปลว่าประหยัด กลับกันรอบเครื่องสูงไม่ได้แปลว่ากินน้ำมันเสมอไป
วิ่ง 110 ดูจากผลทดสอบของทาง HLM ก็ได้ครับ
ตัวอย่างคือนิสสัน มาร์ช 1.2 วิ่ง 110 กม/ชม เปิดแอร์
http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-nissan1372/
- เกียร์ธรรมดารอบเครื่อง 3200 ได้ 18.05 กม/ลิตร
- เกียร์ CVT รอบเครื่อง 2200 ได้ 17.25 กม/ลิตร
ถึงเกียร์ธรรมดารอบสูงแต่กดคันเร่งน้อยกว่า และเมื่อกดน้อย ECU ก็สั่งจ่ายน้อย มันก็ไม่กิน
กลับกัน เกียร์ CVT ต่อให้ปรับปรุงเรื่องการสูญเสีย แต่ต้องกดคันเร่งมากกว่า ก็กินน้ำมันเยอะกว่าอยู่ดี
---------
ขับทางไกล B-Car อาจจะประหยัดกว่า Ecocar ในบางกรณี เช่น เร่งแซง หรือ ใช้ความเร็วที่สูงกว่ากฏหมายกำหนด 120 กม/ชม ขึ้นไป
ต้องเข้าใจก่อนว่า Ecocar ในเมืองไทย คือการเอารถ B-Car มาตีตั๋วเด็กใส่ 1.2 แทน เพื่อลดภาษี ยกเว้นมิราจ แอททราจ บรีโอ้ ที่เกิดมาเป็น Eco 1200 แท้ๆ
ตัวถังใหญ่แต่เครื่องเล็ก ย่อมแบกน้ำหนักเยอะ วิ่งทางไกลขับ 90 ถึง 100 คงที่ ด้วยความเป็น 1.2 จะได้เปรียบเรื่องความความประหยัด
แต่เมื่อไรที่ต้องเร่งแซง ตัวถังใหญ่แต่กำลังน้อย ต้องเค้นเยอะ จากเดิมรอบต่ำๆประหยัด ก็ต้องดีดรอบขึ้นไปหาแรงบิดเพื่อเอาอัตราเร่ง เมื่อนั้นการกินน้ำมันจะสูงพอๆกับเครื่อง 1.5
ในสถานการณ์เดียวกัน เครื่อง 1.5 อาจจะไม่ต้องเปลื่ยนเกียร์อะไรเลย แค่กดคันเร่ง กำลังและแรงบิดที่สูงกว่าก็สามารถลากตัวรถไปได้
หรือตัวอย่างที่อาจจะไม่เกี่ยวกันแต่ก็ใกล้เคียง คือ แคมรี่ 2.0 และ 2.4
2.0 อาจดูประหยัด แต่กลายเป็น 2.4 ที่ประหยัดและเร่งแซงดีกว่า เพราะ 2.0 ต้องเค้นเยอะ จะแซงทีต้องเปลื่ยนเกียร์ลง ขณะที่ 2.4 ไม่ต้อง กดคันเร่งเบาๆ รถก็พุ่ง เกียร์ไม่ต้องเปลื่ยนลงเพื่อเรียกแรงบิด
ฉะนั้นแล้วขับทางไกล Eco จะประหยัด ก็ต่อเมื่อวิ่งความเร็วคงที่ และ ไม่เร็วจนเกินไป เช่น 90 - 110 กม/ชม เป็นต้น
-
รถ segment ใหญ่กว่าเครื่องใหญ่กว่า ประหยัดกว่าเป็นไปได้นะ ถ้าเอาเฉพาะเดินทางไกล เท่าที่เคยใช้มาหลายปี civic fb ประหยัดกว่า vios ปี 10 แน่ ๆ ทั้งที่ civic ขับเร็วกว่าด้วย แต่ถ้าในเมืองรถติด ๆ civic กินมากจนน่าตกใจ เทียบเคียง eco car กับ b seg ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นไปได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าบรรทุกคนเยอะ ยิ่งเห็นผล
-
ถ้าติดเครื่องจอดทิ้งไว้ เรื่องเล็กกว่าจะกินน้อยกว่า แต่พอวิ่ง จะมีภาระอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าขับด้วยความเร็วเท่ากัน แล้วยังมีเรื่องของเกียร์ น้ำหนักรถ รวมน้ำหนักบรรทุก และที่สำคัญคือตอนเร่งแซงหรือเร่งขึ้นเนิน เครื่องเล็กกว่าจึงเสียเปรียบเพราะต้องเค้นเยอะกว่า
-
ผมขอเถียงคับในประเด็นที่ว่าขีบ 120 รอบต่ำทั้งคู่ ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับมาสด้าสองเครื่อง mzr ของผมนะ 120 นั่รอบปาไป 3500 เลยนะ แต่ถ้าจะให้รอบต่ำที่ 2000 ผมต้องวิ่งที่ 85-90 คับ ผมไม่รุ้เจ้าสองคันอื่นเปนมั่ย แต่ของผมเปนแบบนี้แหละคับ ;D
มันเป็นที่เกียร์ครับ
อัตราทดมันจัดจ้านมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เกียร์ลูกนี้รหัส Ford 4F27E ลากใช้ตั้งแต่ 323 โปรตีเจ้ จนถึง 3 ตัวแรก และแถมใช้ตั้งแต่เครื่อง 1.5 ถึง 2.5 ลิตร (CX7)
-
ไม่น้อยกว่า แต่ประหยัดกว่าไม่มากครับ หลายปีก่อนเคยขับ b-seg วนรอบสาย 9 วิ่งสัก 90 ก็ถึง 20 ได้ครับ
แต่ eco car นี่ลิมิตจะขึ้นไปถึงสัก 100-110
-
ถ้าเอาตามที่ขับ swift eco ขับ 100 ตลอดทางตอนเดินทางไกล ประหยัดกว่า B seg แต่ถ้าขึ้นเขาชันๆเยอะๆ มันจะเปลืองกว่า B seg ครับ
-
เคยเช่า อเมร่า (CVT)ขับไปประจวบ
1.2 เร่งแซงยากมาก ขับแร็วสุด 140 นั่นคือเค้นสุดๆทางตรง
จริงๆคงไปต่อได้อีกแต่ตอนนั้นอยากทำความคุ้นเคยก่อน ว่ามันทำได้แค่ไหน เจอเหตการณ์ต่างๆจะได้รู้ว่าไหวไหม
ประเด็นคือ 12 วิ่ง ตจว เฉลี่ย 110-120 ไม่ประหยัด
10-12 โลลิตร
เมื่อเทียบกับ แอคคอร์ดไฟท้ายสองก้อน VTi-L เครื่อง 2.2 ที่ใช้ประจำ (เกียร์MT)
คันนั้น ในเมือง 9 โลลิตร ตจว. 12 โลลิตร แต่เร่งแซงสบายใจ
ถ้าขับต่างจังหวัดบ่อยๆ แนะนำ เครื่อง 1.5-1.8 ดีกว่าครับ
-
^
อันนี้แปลว่าคุณพี่ Teen หนักมาก
:-\
ถ้าเหยียบแบบเร่งบ้างผ่อนบ้าง โดยเฉพาะรถที่ยังไม่แปลง เติมได้ไม่เกิน E20 ยังไงก็น่าจะได้ราวๆ 15-16 กิโล/ลิตร เป็นอย่างน้อยนะครับ ความเร็วราวๆ นั้น
(แต่ ปล. ไอ้ที่พิมพ์อยู่ ขับ Sylphy ได้ 20 กิโล/ลิตร แหะๆ)
-
^
อันนี้แปลว่าคุณพี่ Teen หนักมาก
:-\
ถ้าเหยียบแบบเร่งบ้างผ่อนบ้าง โดยเฉพาะรถที่ยังไม่แปลง เติมได้ไม่เกิน E20 ยังไงก็น่าจะได้ราวๆ 15-16 กิโล/ลิตร เป็นอย่างน้อยนะครับ ความเร็วราวๆ นั้น
(แต่ ปล. ไอ้ที่พิมพ์อยู่ ขับ Sylphy ได้ 20 กิโล/ลิตร แหะๆ)
ผมขับอยู่ 3 วัน เติมน้ำมัน 3 ครั้ง(ถังกี่ลิตรไม่แน่ใจนะครับ แต่ถังเล็ก) <<< ครั้งที่ 3 คือเติมก่อนคืนรถให้ศูนย์รถเช่านะครับ
มันก็อาจจะไม่เหมือนผู้ใช้จริงครับ ถ้าใช้นานๆ อาจจะจับจังหว่ะให้เหมาะสมได้
แต่สำหรับวิ่งแซง ตจว เลนใหญ่ๆ 1.2 ก็โอเคอยู่นะครับ
แต่ถ้า ตจว สองเลนสวนกัน คงลุ้นกันพอสมควร
-
นิสัยของคนไทยเวลาเจอทางตรงทำให้ไม่ประหยัดครับ ชอบเร่งแซงชอบขับเร็วๆเหมือนจะไปให้เร็วกว่าคันอื่น เครื่องความจุน้อยเร่งแซงย่อมเค้งแรงมากกว่าเครื่องใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่คนไทยมักพูดเสมอว่ารถเครื่องเล็กออกต่างจังหวัดไม่ได้เร่งแซงไม่ไปกินน้ำมัน ก็ใช้ผิดวัตถุประสงค์ของรถเล็กใช้งานในเมืองเองแล้วโทษรถ :-\
-
ลากน้ำหนัก เร่งแซง เครื่องใหญ่ ไม่เสียแรงบิทแรงม้า ดีกว่าประหยัดกว่าแน่นอน แล้วแต่จังหวะถนน ภูมิประเทศ เส้นไหน
-
ผมขอเถียงคับในประเด็นที่ว่าขีบ 120 รอบต่ำทั้งคู่ ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับมาสด้าสองเครื่อง mzr ของผมนะ 120 นั่รอบปาไป 3500 เลยนะ แต่ถ้าจะให้รอบต่ำที่ 2000 ผมต้องวิ่งที่ 85-90 คับ ผมไม่รุ้เจ้าสองคันอื่นเปนมั่ย แต่ของผมเปนแบบนี้แหละคับ ;D
ถ้าชอบออกตัวแรง เร่งหนีชาวบ้านเขาหมด แม้จะใช้ความเร็วสูงสุดแค่ 100 - 120 มันก็ซดน้ำมันอยู่ดีครับ
เชื่อผมสิ เพราะผมขับรถแบบนี้อยู่เสมอครับ 5555
ด้า 2 ของผมเกียร์ธรรมดา กินหนักมาก 10.4 โลลิตร
ถ้าวิ่ง 80 กว่า ๆ รอบปาเข้าไป 3000 แล้วครับ
ถ้ารอบ 2500 นิ่ง ๆ จะได้ความเร็วประมาณ 70 ครับ
-
ผมขับอยู่ 3 วัน เติมน้ำมัน 3 ครั้ง(ถังกี่ลิตรไม่แน่ใจนะครับ แต่ถังเล็ก) <<< ครั้งที่ 3 คือเติมก่อนคืนรถให้ศูนย์รถเช่านะครับ
มันก็อาจจะไม่เหมือนผู้ใช้จริงครับ ถ้าใช้นานๆ อาจจะจับจังหว่ะให้เหมาะสมได้
แต่สำหรับวิ่งแซง ตจว เลนใหญ่ๆ 1.2 ก็โอเคอยู่นะครับ
แต่ถ้า ตจว สองเลนสวนกัน คงลุ้นกันพอสมควร
อาจจะผมชินกับขับ CVT มาหลายคันด้วยครับ
วิธีกดให้ประหยัดมีสองแบบคือ ไม่ตื้บพรวดเดียวให้ความเร็วถึงละถอนคันเร่งเบาๆ ละเหยียบใหม่ ก็เร่งแบบเนิบๆ ไปเลย จะดีกว่าเร่งสัก 3000-4000 รอบแบบแรงบิดยังมาไม่สุด