Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: #อินเดียหน้าโจร ที่ ตุลาคม 12, 2017, 20:04:16
-
ผมไปเจอเอกสาร "Secrets of Better Fuel Economy" โดยบังเอิญในเน็ต และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนใช้รถเน้นประหยัดน้ำมันครับ
เอกสารนี้จริงๆแล้วทำออกมาสาหรับรถบรรทุก แต่ผมตัดเฉพาะส่วนที่เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะสามรถนำมาปรับใช้กับรถบ้านใช้งานทั่วไปได้ หรือท่านใดคิดว่า ส่วนใดใช้ได้ ส่วนใดใช้ไม่ได้ ลองมาคุยเล่นกันครับ
https://cumminsengines.com/uploads/docs/cummins_secrets_of_better_fuel_economy.pdf
-
ขอบคุณครับ ยางรถยนต์มีผลเยอะกว่าที่คิด :o
-
ยืนยันจากประสบการณ์เลยครับว่า วิ่ง 55 mph (ประมาณ 88 kph) บนทางหลวงประหยัดจริงๆ แต่เวลาขับรู้สึกน่าเบื่อมากๆ
-
ขอบคุณครับ ยางรถยนต์มีผลเยอะกว่าที่คิด
ขอบคุณครับ
ยืนยันจากประสบการณ์เลยครับว่า วิ่ง 55 mph (ประมาณ 88 kph) บนทางหลวงประหยัดจริงๆ แต่เวลาขับรู้สึกน่าเบื่อมากๆ
ใช่ครับ ระหว่างผมขับ 100+- กับขับ 150+- นี่กินต่างกันเกือบเท่าตัวเลยครับ แต่ได้ระยะทางเท่ากัน ><
-
ผมว่าข้อสุดท้ายนี่ไม่น่าใช่ครับ
เครื่องปกติรอบเดินเบากินอย่างน้อยๆ 0.5 ลิตร/ชม. แน่ๆ มั่นใจว่าอัตราสิ้นเปลืองไม่ใช่ 1%
สัปดาห์ไหนที่รถติดจนความเร็วเฉลี่ยเช้าเย็นผมต่ำกว่า 25 กม./ชม. นี่ เปลืองขึ้น 1 กม./ลิตร ได้ครับ ยิ่งถ้าเบรกๆ เร่งๆ ยิ่งเปลืองหนัก
-
สรุปคนขับมีผลมากสุดใช่ไหมครับ
-
ระยะ run-in ของยางนานจัง
-
ระยะ run-in ของยางนานจัง
ผมก็เพิ่งทราบเช่นกันครับ รถบรรทุกเปลี่ยนยางกันที่ 4 แสน กม. ผมนี่ว้าวมาก เกือลบ 10 เท่าของรถยนต์บ้านๆเลยครับ
-
ผมว่าข้อสุดท้ายนี่ไม่น่าใช่ครับ
เครื่องปกติรอบเดินเบากินอย่างน้อยๆ 0.5 ลิตร/ชม. แน่ๆ มั่นใจว่าอัตราสิ้นเปลืองไม่ใช่ 1%
สัปดาห์ไหนที่รถติดจนความเร็วเฉลี่ยเช้าเย็นผมต่ำกว่า 25 กม./ชม. นี่ เปลืองขึ้น 1 กม./ลิตร ได้ครับ ยิ่งถ้าเบรกๆ เร่งๆ ยิ่งเปลืองหนัก
ผมว่ามันก็แหม่งๆอยู่ข้อสองข้อเช่นกันครับ ตัวเลขมันดูน้อยจัง แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเลขของรถบรรทุกมันจะต่างจากรถบ้านขนาดนั้นหรือเปล่า
-
สรุปคนขับมีผลมากสุดใช่ไหมครับ
ชัวร์ป้าวดครับพี่ คนขับคนเดียวกัน ขับอารมชิว กับอารมรีบ ยังเปลืองคนละโยชน์เลยครับ ^^
-
ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก
ไม่รู้เรื่องซักข้อ
:'( :'( :'( :'( :'(
-
วิ่ง88-99กม/ชม มันช่างประหยัดจริงๆครับ จากรถทุกคันที่ขับมา แต่ทำได้ไม่เกิน100กม ก็ต้องกลับมายืนที่120-140เหมือนเดิม กลับมาเปลืองเหมือนเดิม555
-
ทุกข้อมันถูกสำหรับรถบรรทุกหน้าตัดใหญ่ๆ ทึ่Dragมากๆ เครื่องดีเซลเทอร์โบ ยาง 1000 1100 ครับ
รถเล็กมันDragต่ำกว่ารถบรรทุกอยู่มากถ้าลดDrag 2%แล้วประหยัดขึ้น 1% ง่ายเลยใสspoilerดีๆก็ลดdragรถเก๋งเกิน2%แล้ว
tyre break-in รถเก๋งผมว่า 1000โลก็น่าจะครบแล้วไม่ใช่ 35000miles แน่ๆ
-
ทุกข้อมันถูกสำหรับรถบรรทุกหน้าตัดใหญ่ๆ ทึ่Dragมากๆ เครื่องดีเซลเทอร์โบ ยาง 1000 1100 ครับ
รถเล็กมันDragต่ำกว่ารถบรรทุกอยู่มากถ้าลดDrag 2%แล้วประหยัดขึ้น 1% ง่ายเลยใสspoilerดีๆก็ลดdragรถเก๋งเกิน2%แล้ว
tyre break-in รถเก๋งผมว่า 1000โลก็น่าจะครบแล้วไม่ใช่ 35000miles แน่ๆ
จริงครับ เห็นด้วยครับ แต่อย่างน้อยน้าจะทำให้บางคนฉุกคิดใบางข้อที่ไม่ทราบมาก่อน
-
ผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก
ไม่รู้เรื่องซักข้อ
:'( :'( :'( :'( :'(
จัดไปครับ ผมแปลไม่เก่งนะครับ แต่น่าจะพอเป็นแนวทางให้พอเข้าใจเนื้อความ ถ้าแปลผิดขออภัยนะครับ
1. ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ถ้าลด Drag Force ลงได้ 2% จะประหยัดเชื้อเพลิงได้ราว 1%
2. ในกรณีที่ใช้ความเร็วมากกว่า 55 ไมล์/ชม. (88.5 กม./ชม.) ความเร็วที่เพิ่มขึ้นแต่ละไมล์ (1.6 กม./ชม.) จะสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นอีก 0.1 ไมล์/แกลลอน (0.0425 กม./ล.)
3. ยางสึกประหยัดเชื้อเพลิงกว่ายางใหม่อาจจะมากถึง 7%
4. ยางดอกลายขวางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อาจประหยัดเชื้อเพลิงถึง 0.4 ไมล์/แกลลอน (0.17 กม./ลิตร) เทียบกับยางดอกลายขวางที่ใหม่
5.ใส่ยางที่มีดอกตามแนวยาวที่ล้อที่ใช้ขับเคลื่อน ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น 2-4% เทียบกับใช้ยางที่มีดอกยางแนวขวาง
6. ทุกๆ 10 ปอนด์ที่ลมยางรถบรรทุกอ่อนจนกินยางด้านนอก เปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอีก 1% (ลมยางรถบรรทุกแข็งกว่ารถยนต์บ้านมาก คือเติมประมาณ 120 psi เทีบกับรถบ้านที่เติมประมาณ 30psi ข้อนี้จึงไม่สามารถเทียบใช้กับรถยนต์ได้)
7.ระยะรันอินของยางคือ ประมาณ 35,000-50,000 ไมล์ (ยางรถยรรทุก อายุการใช้งานนานกว่ารถยนต์บ้านมาก นั่นคือ ประมาณ 2 แสนถึง 4 แสน กทม. เรียกว่า 5-10 เท่าเทียบกับยางรถยนต์ ไม่สามารถนำไปเทียบใช้ได้)
8. สำหรับความเร็วต่ำกว่า 50 ไมล์/ชม. (80.5 กม./ชม.) ยางมีผลต่อความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากที่สุด ในความเร็วสูงกว่านั้น อากาศพลศาสตร์ มีผลมากกว่ายาง (เพราะฉะนั้น ถ้าขับรถเร็วกว่า 80.5 อากาศพลศาสตร์มีผลมากครับ)
9. คนขับเก่งๆสามารถขับประหยัดกว่าถึง 30% เทียบกับคนที่ขับประหยัดไม่เก่ง
10 การติดเครื่องจอดรถนั้นเปลืองมาก จอดทิ้ง 1 ชม.สำหรับการเดินทางไกล ทำให้เปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 1% (น้อยแฮะ)
-
วิ่ง88-99กม/ชม มันช่างประหยัดจริงๆครับ จากรถทุกคันที่ขับมา แต่ทำได้ไม่เกิน100กม ก็ต้องกลับมายืนที่120-140เหมือนเดิม กลับมาเปลืองเหมือนเดิม555
ใช่พี่ ผมเลยกำลังคิดว่า เรามาช่วยกันหาวิธีลด drag force กันดีไหม ^^
-
ผมคิดว่าจุดประหยัดของรถแต่ละขนาดต่างกันครับ ไม่ใช่ว่าวิ่ง 90 km/h แล้วจะประหยัดที่สุดทุกคัน
-
ผมคิดว่าจุดประหยัดของรถแต่ละขนาดต่างกันครับ ไม่ใช่ว่าวิ่ง 90 km/h แล้วจะประหยัดที่สุดทุกคัน
เห็นด้วยครับพี่ ผมเคยลองใช้มอนเตอร์เกจอ่านค่าจาก obd2 ปรากฏว่ายิ่งช้า ยิ่งประหยัดครับ
-
มีประโยชน์ ขอบคุณครับ