Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Vipvipvip ที่ กรกฎาคม 12, 2018, 11:25:12
-
คือมีความสงสัยว่าทำไมรถยนต์ยี่ห้อ BMW โดยเฉพาะรุ่นที่เป็น4ประตู พอเวลาหมดBSI/Warrantyแล้ว ราคาจะจมดิ่งมากๆ
เช่น ปี2013 ออก320i F30คันละ2.6-2.7ล้าน พอปีนี้ครบ5ปี ราคาในตลาดรถมือสอง เหลือ1.2-1.3ล้าน สำหรับรถไมล์ประมาณ6-7หมื่น ถ้าไมล์เป็นแสน น่าจะเหลือประมาณ9แสน-1ล้าน
ปี2012 ออก520d F10คันละ3.2-3.3ล้าน ปีนี้ ราคาในตลาดรถมือสอง เหลือ1.2-1.3ล้าน สำหรับรถไมล์หลักแสน
BMWถ้ารถยิ่งอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ราคาก็ยิ่งตกในอัตราประมาณเดิม ไม่มีตกในอัตราที่ช้าลงแบบรถญี่ปุ่น
ขอความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้ครับ
-
.
.
ค่าซ่อมกับค่าอะไหล่ไงครับ อู่นอกก็ยังแพงกว่า MB
ส่วนใหญ่คนขายกันตอนปีที่ 4 ก่อน bsi หมด
คนซื้อก็สบายใจอย่างน้อยมีประกันปีนึง
พอหลังจากนั้นราคามันก็เลยร่วง
-
ถ้าไม่ใช่รถยอดนิยม เมื่อผ่าน 5 ปี ราคาตกเหลือแค่ครึ่งเดียวเป็นส่วนใหญ่ครับ ไม่ใช่เฉพาะยี่ห้อนี้ครับ หลายยี่ห้อหลายรุ่น ก็เป็นครับ
-
เป็นแทบทุกยี่ห้อจริงๆนะครับ XJ รุ่นผมป้ายแดง 13 ล้าน ตอนนี้ลองเอาไปตีราคาสิ ได้ซัก 3 ล้านก็ถือว่าสูงแล้วครับ
-
เป็นปกติของรถราคาแพง ที่ไม่ใช่รุ่นเก็บสะสมครับ
5ปี เหลือครึ่งนึง ยี่ห้ออื่นก็เป็น ไม่เกี่ยวกับ BSI หรอกครับ
-
เป็นเรื่องปกติครับ เพียงแค่เบนส์ ถ้าเป็นรุ่นที่เครื่องสันดาบธรรมดาจะราคาดีหน่อยครับ ตอนนี้เบนส์ที่ราคาแข็งๆ ก็เป็น W204 FL นี่แหละครับ ตกน้อยมาก ส่วน BMW ทำใจครับ ตกมากกว่า ขายยากกว่า ผมเคยมี E34 กว่าจะขายได้แทบตายล่ำไป 4 เดือน ส่วน อีกคัน W202 ไปเร็วปานสายฟ้า โพสเช้าบ่ายมีคนมาเอาไปแล้ว
-
ศรัทธาในการซ่อมครับ
-
BMWถ้าไม่ใช่รุ่นที่สังคมไทยนิยมพอหมดbsiมันจะราคาตกมากครับ
ส่วนถ้าเป็นรุ่นยอดนิยม ราคามันจะตกพอประมาณ ขึ้นอยู่กับสภาพรถ และเลขไมล์
สาเหตุน่าจะมาจากช่างที่ซ่อมเป็นซ่อมแล้วจบ อยู่ในศูนย์บีเอ็มซะส่วนใหญ่
อีกเรื่องคืออะไหล่เทียบกับรถญี่ปุ่นแล้วหายากกว่า ต้องสั่ง บางทีต้องรอของขั้นต่ำ1เดือน ราคาก็เอาเรื่องอยู่
นอกนั่นก็จะเป็นความจุกจิกเรื่องระบบไฟฟ้า ซึ่งเขาลือกันว่ามีช่างนอกศูนย์น้อยคนนักที่จะซ่อมจบ
ปล. จะเล่นแบรนด์นี้ นอกจากใจถึงแล้วทุนก็ต้องถึงด้วย ไม่งั้นขับเปปๆก็ปล่อยออกกันหมด 8)
ปล2. เคยศรัทธาในแบรนด์บีเอ็ม แต่ช่วงนี้แวะมาเมอร์เซดิสบ้าง มันก็ใช้ได้อยู่ รอซีรี่3 G20เข้าไทยนั่นแหละ 8)
-
รถยุโรป 5 ปี
ถ้าราคาหายไปประมาณครึ่ง
ผมว่าก็ค่อนข้างปกตินะ
-
ยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ Range Rover Evoque เลขไมค์ 100,000 พอดีเดี้ย รถปี 2014 ซื้อมา 4.4m ขายได้ 1.68 m อย่างช้ำ 5555
-
ส่วนหนึ่งก็เพราะราคารถใหม่มันกดลงด้วยครับ ที่ไม่รวมกับค่าบำรุงรักษา หรือค่าอะไหล่ ที่แพงแน่ ๆ อยู่แล้ว
ไปดู 320d m sport ป้ายแดงมา ราคาจบ ๆ ไม่เกิน 2.3 ล้าน ทำให้รถมือ 2 ราคาร่วงลงเยอะมาก ๆ ครับ
320d iconic ยังกดลงมาได้ 2.0x ล้าน .. ยังงี้รถมือสอง ก็ต้องลดราคาลงไปอีก ไม่งั้นจอดคาเต้นท์ครับ
-
ยืนยันว่า
BWM Plug-in Hybrid หาช่างที่จะทำจบ ข้างนอก ยากกกกกกครับ
เพราะ เทคโนโลยีนี้ 0 เท่านั่นที่รู้ จับเปลี่ยนอย่างเดียว นี่ก็เพิ่งจะโดน Battery ลูกเล็กไปสดๆร้อน ระเบิดตูมใน Cell กลิ่นหึ่ง
ส่วนผมหรอ เหอะๆๆ ซื้อมาใช้แล้ว จะขายไม่ออกก็ช่างเพราะเตรียมตัวไว้แล้ว
แค่ยาง Runflat ก็ครึ่งแสนแล้วครับ อูย ขนหายไปทั้งตัวแล้วครับตอนนี้
-
ราคาหายผมไม่งง แต่ที่งงคือพวกกล้าซื้อยุโรปมือสองไฮบริด คือคนซื้อมือเงินแน่นๆเค้ายังไม่ไหวเลย :'(
-
คนไม่คุ้นกับรถยุโรป ก็จะใจหาย
คนใช้รถยุโรปจนชิน ก็จะเฉยๆ
-
530i ออกใหม่4.4ล้าน ใช้ไป8เดือน วิ่ง1หมื่นโล ตีราคาได้3ล้าน
คันนี้ถ้าครบ5ปี ขายได้1.5ล้านผมว่าเก่งแล้วครับ
ถ้าสภาพยังดีผมคงเก็บยาว รถยุโรปถ้าหาอู่ซ่อมจบๆใช้งานยาวได้สบายใจดี
แต่ก่อนใช้saab คุณพ่อออกป้ายแดง2ล้าน
รับมรดกมาอายุ20ปี วันสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน มีคนมารับไปด้วยราคา5หมื่น
ยังขอต่อราคาอีก บอกเหลือ3หมื่นได้มั้ย ผมบอกถูกกว่านี้ก็ไม่ใช่รถแล้วพี่ :)
-
ผมเคยเอา 328i M Sport ไปตีราคาที่ดีลเลอร์เบนซ์เมื่อเร็วๆนี้ รถวิ่งมาสองหมื่นโลและยังเหลือ bsi ปีนึงแต่ได้แค่ล้านสองครับ คนตีราคาบอกเป็นรุ่นไม่ฮิตและกินน้ำมันกว่าดีเซล ไม่ค่อยมีคนเล่นเลยราคาพอๆกับ 320d ราคาแบบนี้คงไม่กล้าคิดจะ trade in ครับ
-
รถพวกนี้เมื่อหมดประกัน ก็คือช่วงเวลาที่หมดอายุของชิ้นส่วนสำคัญๆ พอดี และพอขึ้นชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญ แถมยังเป็นรถยุโรปอีก ยังไงราคาก็สูงกว่ารถตลาด ซึ่งกลุ่มคนที่มีกำลังซ่อมแซมได้แบบไม่เดือดร้อน อะไรพังก็เปลี่ยน โดยที่ไม่ต้องคิดมาก ไม่ effect กับขนหน้าแข้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่มีกำลังซื้อรถป้ายแดงอยู่แล้ว แล้วจะซ่อมให้เสียเวลาทำไม ซื้อใหม่เลยดีกว่า ส่วนคนที่ซื้อมือสอง ส่วนใหญ่ก็แบกรับภาระซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหญ่ๆ ไม่ค่อยจะไหว รถกลุ่มนี้ พอเป็นมือสอง เลยไม่ค่อยจะเป็นที่ต้องการ คนมีกำลังก็อยากจะขายทิ้งเพื่อซื้อคันใหม่ คนที่มีมีกำลังรองลงมา จะซื้อมาใช้ต่อก็กลัวค่าซ่อม พอไม่เป็นที่ต้องการ ราคามันก็ต้องตกตามกฎ demand/supply นั่นแหละครับ
ส่วนยี่ห้อไหนจะราคาตกกว่ากัน ก็คงขึ้นอยู่กับความนิยมในตลาด บ้านเราเบนซ์เป็นที่นิยมกว่าบีเอ็ม ราคาก็ดีกว่า แต่คนก็นิยมบีเอ็มมากกว่าวอลโว่ ราคาวอลโว่ก็ต่ำกว่าบีเอ็มเป็นธรรมดา
ส่วนตัวราคาลงมาครึ่งหนึ่งนี่รับได้ครับ อย่างน้อยถ้าถอยคันใหม่ในระดับเดิม ก็เหมือนจ่ายเพิ่มอีกแค่ครึ่งเดียว +/- ไม่มาก
-
มีลุ้นประกอบอินโดมากกว่าไทยรึเปล่าครับ
แต่อาจต้องรอนานเหมือน xpander รึเปล่า
-
ราคาร่วงทุกยี่ห้อครับ
ตลาดบ้านเราแต่ละพื้นที่ มันตกไม่เท่ากัน
-
ตกเหลือครึ่งนึงตอนห้าปีก็แทบทุกยี่ห้ออยู่แล้วนะครับ เรื่องปกติ ยกเว้นคันที่วิ่งเยอะจริงๆแบบนี้เกินครึ่งอยู่แล้ว หรือพวกไฮบริดพวกนี้ตกน่าใจหายแน่นวล เห็นแค่สายไฟที่วายก็อาจเกิดอาการชาได้ทันที อู่และช่างต่างจังหวัดที่พื้นฐานระบบไฟไม่ชำนาญ คอมไม่เป็นนี่ไม่รู้จะไล่เดายังไงถูก
รถคนรู้จักออก ah3 มาสี่ล้านห้าขับได้ไม่ถึงสามปีตีเต๊นท์เป็นสิบที่ไม่มีใครกล้ารับเลยนอกจากเต๊นท์เฉพาะทางปล่อยไปได้เงินกลับมาสองล้านถ้วน
-
ถ้าคิดเป็น % ก็ร่วงพอๆ กันนะครับ
แต่พอมองเป็นราคามันเลยดูเยอะ
รถ BM 5ปี ราคาเหลือ 50% Benz ก็ไม่ต่างกันนะครับ C class 2.4 ล้านป้ายแดง มือสองก็ 1.2 ล้าน (-50% ,1.2ล้านเหมือนกัน
แม้กระทั้งรถ ญป Accord Carry ป้ายแดง 1.6 ล้าน 5 ปีมือสองเหลือ 8 แสน (-50%, 8 แสน)เหมือนกัน
ให้มองที่ % จากราคาป้ายแดง อย่ามองที่ส่วนต่างครับ
แต่คันยิ่งใหญ่ ราคายิ่งตกครับ
-
ราคาตอนที่ซื้อนี่บวกค่าซ่อมฟรีไป 5 ปีแล้วไงครับ ถ้าถอดค่าซ่อมตรงนี้ออกไปรถก็จะราคาตกเป็น % น้อยลงหน่อย
-
:'( :'( :'( :'( :'(
-
พอ BSI/Warranty หมด รถก็เริ่มจะต้องมีจุกจิกบ้างครับตามอายุ ค่าแรง ค่าอะไหล่ ก็เริ่มบานครับ
อีกอย่างนึงคนส่วนใหญ่ยังนิยมตราดาวเป็นหลัก ฉะนั้นตราใบพัดราคาย่อมตกมากกว่าอยู่แล้วครับ