Headlight Magazine : community

General => Relax & Photoshop Room => ข้อความที่เริ่มโดย: Gung ที่ ตุลาคม 20, 2018, 22:16:07

หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Gung ที่ ตุลาคม 20, 2018, 22:16:07
สวัสดีค่ะชาว Headlight mag ทุกคนนนน

วันนี้วันฝนพรำ บรรยากาศสบายๆยามค่ำ อยากจะมาแชร์เรื่องราวของผู้ชายคนนึงที่รักรถมากให้กับชุมชนคนรักรถอ่านกันเพลินๆค่ะ

ผู้ชายคนนี้คือแฟนของเราเอง ย้อนไปเมื่อช่วงเวลาก่อนที่จะเป็นแฟนกันเมื่อห้าปีที่แล้ว เราทำงานเป็นเซลล์ซัพพอร์ตที่บริษัทเอกชนแห่งนึง

อยู่มาวันนึงเซลล์เมเนเจ้อก็พาเซลล์หนุ่มคนใหม่คนนึงมาแนะนำให้พวกเราในทีมรู้จัก เซลล์ใหม่คนนี้มาวันแรกก็สร้างปรากฏการณ์ฮือฮาให้กับทั้งบริษัท

เนื่องด้วยรถที่นางขับมาทำงานนั้นคือรถ BMW Series 5 ใหม่ป้ายแดง ที่แม้แต่ระดับผู้บริหารบริษัทยังถามว่านั่นมันรถใครวะ?

เรียกว่าไม่มีใครในบริษัทที่ใช้รถยุโรปหรูหราอะไรแบบนี้


เวลาผ่านไประยะนึงไม่รู้ว่าด้วยความสวยหรือความแปลกของเรามันดันไปสะดุดตาสะดุดใจเซลล์ใหม่รายนี้เข้า

นางเลยเริ่มมาจีบเรา และจากวันนั้นชีวิตเราก็เริ่มเข้าสู่โลกของรถ รถ รถ

ทุกวันที่นางโทรมาจีบ โทรมาคุย มันก็มักจะมีเรื่อง หน้ายาง แก้มยาง เกียร์ธรรมดา เกียร์ CVT เติมลมยางธรรมดา เติมไนโตรเจน

ระบบขับขี่อัตโนมัติ ฟิล์มคริสตัลไลน์ ยาง Run Flat ความเร็ว 0-100

เรียกว่าขับรถมาก็นานไม่เคยได้ยินอะไรพวกนี้เลยในชีวิต รู้แค่ขับกับเติมน้ำมัน

หลายครั้งก็รู้สึกว่านี่มันใช่หรอวะ? นี่มันคือการโทรมาจีบสาวหรอวะ? หรือมันแค่หาเพื่อนคุย? เพื่อนผู้ชายมันก็มีเยอะแยะไมมันไม่ไปคุย?

คือแบบมึงจะเล่าเรื่องรถอะไรได้เป็นชั่วโมง อธิบายขนาดนี้นี่จะให้กูไปประกอบชิ้นส่วนหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น อย่างที่รู้กันว่าการรับฟังการบรรยายต่างๆก็เป็นสเต็ปนึง แต่อีกสเต็ปนึงซึ่งเป็นขั้นกว่านั้น คือ การปฏิบัติ

ช่วงแรกๆที่จีบกันแล้วมีการขับรถมารับส่ง มันจะมีปัญหากวนใจเราอย่างนึงเมื่อขึ้นรถหรือลงรถ แล้วปิดประตูปุ๊ป

คือ "ยูปิดแรงไปอ่ะ" นางกล่าว

ละอะไรอีกทายสิ? "ยูปิดไม่สนิทอ่ะ"

... โครตตตตต รำคาญเลยยยย

แล้วจะมี instruction ตามมา ยูอย่าดึงปิดจากที่เปิดกว้างๆแบบนั้น ยูดึงเข้ามาให้มันใกล้ๆก่อน แล้วค่อยปิด มันจะพอดี

จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


ละอะไรอีก ก่อนจะดับรถต้องมีพิธีกรรมการปิดแอร์ แล้วก็ไล่ความชื้นก่อนดับเครื่อง

พิธีกรรมนี้ ตอนจีบใหม่ๆยังไม่กล้าทำ ยังไม่กล้าเป่าลมร้อนใส่หน้าคนที่จีบ

แต่คบกันถึงตอนนี้ รถจอด เราจะหนีลงก่อนก็ไม่ได้ ไม่รู้เป็นบ้าไรต้องให้นั่งโดนลมเป่าอยู่ด้วย


ละอะไรอีก ชอบพาไปลองรถ ไม่รถในโชว์รูม ก็ชอบให้ลองขับรถของตัวนางเอง

ขับแล้วต้องบอกด้วยนะว่าเป็นไง ละก็ถาม ยูขับแล้วยูรู้สึกป่ะว่ามันงั้นมันงี้

... คือ บับ กูไม่รู้สึกไรอ่ะ คันนั้นคันนี้ต่างกันยังไง กูไม่รู้ว้อยยยย กูด้าน กูไร้ความรู้สึก

แล้วถ้าเป็นรถนางเองนี่จะมีความน่ารำคาญอีกอย่าง คือ อยากให้เราลองขับมั่งล่ะ อยากเป็นคนนั่งมั่งล่ะ

แต่พอเรามาขับให้จริงก็ไม่ปล่อยให้เราขับอย่างอิสระเสรี ยูอย่าไปใกล้คันหน้าขนาดนั้น ยูระวังหลุม

... คือ บับ ต้องการอารายยยยยจากกู


เวลานางขับขี่รถของนางเองนางก็จะยอมที่จะอ้อมไปที่ไกลๆกว่า เพื่อเลี่ยงทางที่ไม่ดี หรือถ้าไม่มีทางอื่น นางก็จะขับซิ้กแซ้กซ้ายทีขวาที

หลบทุกหลุม ทุกฝาท่อ ทุกร่องรอยบนถนนที่มี ละถ้าพลาดเผลอไปโดนซักดอก ก็จะมีความถอนหายใจ มีความเซ็งเกิดขึ้นในชีวิตทันที


แล้วไม่ว่าจะมีร่องรอยเล็กแค่ไหนที่เกิดกับรถ เล็กเท่าขนแมว เหลี่ยมมุมองศาอะไรเกิดเพี้ยนไป นางจะรู้ได้ทันที

แต่นางจะไม่สามารถรู้ได้ว่าแฟนตัดผมมา แฟนเปลี่ยนสีลิปสติก

นี่ว่าน่าจะต้องมีแขนข้างนึงหายไป นางถึงจะสามารถรู้ได้ว่าแฟนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป


อีกเหตุการณ์นึงที่พีคมาก คือ มีอยู่วันนึงนางขับรถมาส่งเราที่บ้าน แล้ววันนั้นเป็นวันฝนตกแบบวันนี้นี่แหละ

ปกติรถคนในหมู่บ้านจะติดเครื่องอันนึงไว้ในรถที่พอรถมาถึงตรงป้อมยามแล้วไม้กั้นมันจะยกขึ้นให้อัตโนมัติ

แต่นางเป็นคนนอกหมู่บ้าน ไม่มีเครื่อง ก็จะต้องมีการเปิดกระจกรถและแลกบัตร และทันทีที่เปิดกระจกรถน้ำฝนก็ตกลงมาใส่เบาๆที่ประตูด้านในรถ

หลังจากแลกบัตรเรียบร้อย เราสังเกตุละว่านางมีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด เหลือบตามามองประตูข้างที่ฝนตกลงมาใส่เป็นระยะๆ

หลังจากรถจอดหน้าบ้านเรา นางก็พยามหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอะไรมาเช็ดน้ำ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย

สิ่งที่เกิดขึ้น คือ นางถอดเสื้อนางจ้า แล้วก็ยื่นให้เราเอาไปเช็ดรถ เอ้อออ มีใครให้มากกว่านี้อีกมั้ย?


จากที่เล่ามานี้ อยู่ๆเมื่อปีที่แล้ว รถแสนรักของนางก็ต้องถูกพรากไปจากนางด้วยอุบัติเหตุหนักพอควร

นางขับของนางมาดีๆ อยู่ๆรถกระบะคันข้างๆเกิดเปลี่ยนเลนกระทันหัน

เนื่องจากรถคันข้างหน้ารถกระบะคันนั้นเบรก แล้วรถกระบะคันนั้นเบรกตามไม่ทันเลยเลือกจะเปลี่ยนเลนแทน

ผล คือ ชนกันเด้งไปมากระจุยกระจายโดนไปห้าหกคันได้ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร แม้กระบะจะถึงขั้นตีลังกา และรถแฟนเราก็ถึงขั้นขายซาก

รถแสนรักที่ทะนุถนอมมาอย่างดี ช่างเป็นตลกร้าย

แม้ตอนนั้นเราจะคิดในใจว่าในที่สุดเราก็เป็นที่หนึ่ง Series 5 แสนรักได้พ้นทางไปแล้ว ก็ไม่วายที่นางจะมีความอาลัยอาวรณ์ต่อกัน

"จนสุดท้ายแล้วรถคันนี้มันก็ปกป้องผม ผมไม่เป็นอะไรเลยเพราะมัน" นางกล่าวอย่างอาลัย

ในคืนแรกที่ต้องทิ้งรถไว้ที่ลานเก็บซากรถ นางยังมีอาการห่วงใยกัน

"ผมว่าบรรยากาศตรงนั้นมันน่ากลัวนะ รถแต่ละคันสภาพน่ากลัวๆทั้งนั้น ผมน่าจะทิ้งพระไว้ให้มัน ยังไม่น่าเก็บพระมา"

เอ้า กลัวรถโดนผีหลอกอีก เอ้อออออ


จนถึงวันนี้ คือวันนี้เลยจริงๆ รถนางเปลี่ยนไปเป็นอีกคันนึงแล้ว เป็นน้อง S90

ขณะที่ฝนตกแล้วเรากำลังจะเปิดประตูออกจากรถนาง นางก็รีบกุลีกุจอลงจากรถอีกข้างและเดินมาที่ประตูข้างที่เรากำลังจะออกพร้อมร่ม

ทายสิว่านางกางร่มให้ใคร?

ประตูรถด้านในที่เปิดออกมายังคงดูดี กูนี่เปียกไปครึ่งตัว โถถถถถถถถ ชีวิตของอีแย้ม

5555555 ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่


วันนี้ก็มีมาเล่าแค่นี้นะคะ อยากฟังจากคุณผู้ชายคนอื่นบ้าง ว่ามีใครเป็นแบบนี้มั้ย มีใครให้มากกว่านี้อีก?

เราจะได้รับความคิดเห็นอื่นๆไว้ไปพิจารณา ว่าเราควรจะหลีกทางมั้ย ให้เค้าได้ไปใช้ชีวิตกับรถแสนรักของเค้าแบบ Happily ever after ไปจะดีกว่าค่ะ




หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: เบิร์นเนอร์ ที่ ตุลาคม 20, 2018, 22:37:58
เล่าได้สนุกดีครับ เขาคงเป็นคนชอบรถ รักรถมาก ยิ่งถ้าคุณรู้เรื่องรถ คุยเรื่องรถกับเขาได้ล่ะก็ ยาวววแน่ๆ บางครั้งอาจจะดูเรื่องเยอะไปในสายตาผู้หญิง เช่นต้องปิด A/C ไล่ความชื้นแอร์ก่อนถึงบ้าน สมัยผมเด็กๆผมก็บ่นคุณพ่อ เราก็นั่งมาเย็นๆ มาทำให้เราร้อนซะงั้น พอโตมามีรถตัวเองกลับทำอย่างเขาหมดเลย โตมาถึงเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ถ้าให้เปรียบว่าคุณมี Hermes Birkin สักใบ คุณอาจจะกางร่มแล้วถือกระเป๋าสูงๆชิดในร่มไม่ให้โดนละอองฝนไปขึ้นรถเขาก็ได้ ถ้าคุณรักกระเป๋าเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายคุณรับที่เขาเป็นแบบนี้ได้หรือไม่ จุกจิกเรื่องอื่นไหม(ส่งผลต่ออนาคต) เขาอาจจะมีความดีอื่นๆอีกที่คุณไม่ได้พูดมา เรื่องที่เล่ามาก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา ค่อยๆดูกันไปครับ  :)
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: mongolias ที่ ตุลาคม 24, 2018, 13:52:07
ผมก็เป็นคนรักรถนะ แต่พอนานๆเข้า คนที่ผมรักสำคัญกว่ารถครับ เมื่อก่อนก็หงุดหงิดเวลารถเป็นรอย หรือใครทำอะไรให้รถสกปรก แต่เดี๋ยวนี้มุมมองเปลี่ยนไปครับ

สำหรับผมรถมีไว้เพื่อพาเราจาก A-->B, เพื่อปกป้องเราจากอุบัติเหตุ เพื่อความสนุกยามอยู่หลังพวงมาลัย(ของผม ยามขับคนเดียว)
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่อยู่ในรถต้องปลอดภัย ต้องมีความสุขที่ได้นั่งรถผมครับ

ปล. ถ้าผมเป็นจขกท พูดตรงๆนะ ผมคงด่าแฟนคุณไปแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ ตุลาคม 27, 2018, 09:51:23
รถเป็นแค่พาหนะ หรือเครื่องมือประกอบอาชีพ ใช้เดินทางไปทำมาหากิน ผมให้ความสำคัญกันมันเท่านั้น

ฝากให้คิดแค่นี้ละกัน ที่เหลือตัดสินใจเอง โตๆกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Boyja ที่ ตุลาคม 27, 2018, 11:10:40
อ่านแล้วรู้สึกว่าเค้าจะรักมากๆ เลยนะครับ ส่วนตัวก้อเป็นครับ แต่ไม่ขนาดนี้  :-\ ยิ่งป้ายแดงนี่จะเยอะหน่อยแต่นานไปก้อเฉยๆ ครับ  ดูแลกันไปให้อยุ่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดก้อพอครับ :-X
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูมิใจไหม? ที่ ตุลาคม 27, 2018, 11:26:23
ผช คนนั้นอยู่ในเวบนี้แน่ ๆ

ได้ S90 มาก็ยิ้มเลย

นี่แหละ sleeper car ตัวพ่อ

ประหยัดแบบแม่จ้าววว อีกต่างหาก

หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ ตุลาคม 27, 2018, 23:39:31
ฮาดีครับ
ชอบๆ
มาเม้าท์ให้ฟังอีกน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: okashi ที่ ตุลาคม 28, 2018, 00:24:00
ผมก็เคยบ่นเมียนะ เวลาขึ้นรถชอบเหยียบเลยพรม ไปโดนพลาสติกขอบประตู
ไปโดนแผงลำโพงด้านข้างบ้าง เบาะรถก็เหมือนกันพวกครีมโลชั่น เครื่องประทินผิว
 เลอะเทอะเป็นคราบไปทั่วเบาะเลย จากนั้นก็โดนตบไปเพี้ยะนึง งอนไปอีกหลายวัน
กลับกลายว่าผมต้องกลับเป็นฝ่ายง้อ กว่าจะหายสนิทหมดไปหลายบาทเหมือนกัน ตอนนี้ยอมหมดแล้ว
ได้แต่คิดในใจ มึงทำเลอะเดี๋ยวกูเช็ดเอง เข็ด !! 5555
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ ตุลาคม 30, 2018, 20:44:27
ผมก็รักรถนะครับ แต่พอมีลูก ก็เอาไม่อยู่แล้วครับ เลอะไปหมด รอยต่างๆ
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: CTP22 ที่ พฤศจิกายน 04, 2018, 12:49:47
555 อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยครับ ผมก็เคยรักรถมาก และอดทนเก็บเงินเพื่อซื้อรถแพงๆมาขับ
แต่พอถอยมาจริง พอเจออะไรหน่อยจะหัวเสียจิตตกไปหลายวัน

สภาพแวดล้อมบ้านเรามันไม่เอื้ออำนวยจริงๆครับ
ทั้งมอไซค์ชอบเบียดกระจกมองข้างกับเฉี่ยวตรงมุมกันชน
เวลาจอดอยู่ดีๆคันข้างๆก็เปิดประตูกระแทกเป็นรอยลักยิ้ม
หรือจอดซ้อนคันก็โดนคนอื่นเข็นรถเราไปชนอีกคัน
วันก่อนก็เจอพวกชอบขับจี้ๆๆ แล้วสุดท้ายก็โดนท้ายเราจริงๆ พอเราลงไปดูก็ทำเป็นมองวิวไม่รู้ไม่ชี้ ดีว่าเบาๆเลยไม่มีรอย
โอย อีกสารพัดครับ  ;D

ตอนนี้เลยเปลี่ยนความคิดละ มองว่าอย่างบ้านเรามันต้องเล่นรถราคาถูกหน่อยพร้อมแทงค์ แต่ก็ยังมีความแข็งแรงปลอดภัย
สุดท้ายเลยไปได้PPVมือสองมาลุยเป็นคันหลัก ทีนี้ล่ะเอาให้เต็มที่เลยใครจะเบียดจะชนก็ไม่แคร์แล้ว ชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะครับ
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: adamlew ที่ พฤศจิกายน 17, 2018, 17:35:36
ฮาดีครับนึกถึงตัวเองเลยว่างๆมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ
gclub (https://www.kotslot.com/gclub)
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ พฤศจิกายน 17, 2018, 19:57:56
 ;D ;D ;D
ไม่น่าเชื่อนะ ว่ามีคนแบบนี้อยู่ ^^

แต่ถ้าเค้าไม่เจ้าชู้ ก็คบๆต่อไปเถอะ
สมัยนี้หาผู้ชายรักเดียวใจเดียวยากมาก

ส่วนผมเหรอ เคยรักแบบแฟนคุณเหมือนกันนะ
แต่ตั้งแต่มีลูก ก็เหมือนคุณ SM แหละ

ภายในและสีรถ ช่างแม่มเลย
แต่กลับมาดูแลระบบขับเคลื่อน ช่วงล่างให้ดีกว่าเก่า
แค่นั้นเลย

หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว ที่ มกราคม 22, 2019, 22:22:57
ถ้าผมมีเพื่อนแบบนี้ผมเลิกคบเลย คนเราควรจะแคร์สิ่งที่มีความรู้สึกมากกว่าสิ่งของที่ไม่มีความรู้สึก

รักแคร์อะไรก็ควรจะพอดี ผมก็รักรักรถนะแต่ผมรักแฟนรักคนที่ผมรักรอบข้างมากกว่า
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: wannaxaxa ที่ มกราคม 30, 2019, 14:55:45
ผมก็เป็นคนรักรถนะ แต่พอนานๆเข้า คนที่ผมรักสำคัญกว่ารถครับ เมื่อก่อนก็หงุดหงิดเวลารถเป็นรอย หรือใครทำอะไรให้รถสกปรก แต่เดี๋ยวนี้มุมมองเปลี่ยนไปครับ
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: อะไหล่ซิ่ง ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2019, 11:51:13
อ่านไปขำไป
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: tom46 ที่ เมษายน 26, 2019, 08:13:01
555 อ่านแล้วสนุกดีครับ

ก็มีบ้างละครับ ผู้ชายกับของที่เขาชอบ ผมเองก็เป็นเวลาได้อะไรใหม่ๆมา เดี๋ยวสักพักก็หายละครับ
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายรักรถ
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ สิงหาคม 21, 2019, 02:26:28
สนุกมาครับ อ่านไปหัวเราะไปเลย  ;D หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องจริงนะเพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอคนไหนมีพฤติกรรมแบบนี้จริงๆ