Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Robin ที่ พฤษภาคม 15, 2019, 15:40:47
-
ผมกำลังจะเปลี่ยนยาง เห็นยางหลายยี่ห้อเคลมกันว่ายางเขาประหยัดน้ำมัน อันนี้ผมสงสัยว่ายางมันประหยัดน้ำมันได้จริงๆ หรอ
หรือว่ามันต้องเจาะจงรุ่นของยาง ยี่ห้อของยางลงไปอีกครับ ตอนนี้ผมขับ MG อยู่ครับ
-
ประหยัดกว่าเดิม แต่ไม่ถึง 10% จากเคยขับยาง sport มาเป็นยาง comfort ก็เห็นผลชัดเจน แต่แลกมากับการเกาะถนนแย่ลง
-
เห็นผลครับ แต่ไม่มาก
ผมใช้ฟรีดอยู่ครับ ช่วงแรกผมขับด้วยยางติดรถ จะอยู่ราวๆ 9-10โลลิตร
พอเปลี่ยนมา gy triple max1 วิ่งอยู่ราวๆ 10-11 โลลิตร
พอมา nct5(ใช้อยู่หมื่นโล)ร่วงมา 8-9 โลลิตร
ปัจจุบันใช้ tripple max2 ก็อยู่ 9-10 โลลิตรครับ
ส่วน odyssey ของ Bridgestone gr อะไรจำไม่ได้ ประหยัดสุดๆ แต่หน้ายางแคบกว่า db ติดรถเป็นนิ้ว จาก วิ่ง 10 โลลิตร ขึ้นมาเป็น 12 โลลิตรเฉยเลย
แต่ยางมันเสียก่อนกำหนด เพราะไปสวนพ่อตามา เลยต้องเปลี่ยนที่บีควิกชุมพร โดนอพิรารี่ไป(ตัวถูกสุด)ขับได้ราวๆไม่เกิน 11 โลลิตร
ที่ว่ามานี่คือยางขนาดเดิมๆหมดเลยนะครับ
-
ผมว่าแค่ ออกตัวไม่กระชาก ไม่เร่งรอบเกินไป กับ ไม่ขับเกิน 120 ก็ช่วยได้เยอะมากครับ
ยิ่งถ้ารถไม่ติดแบบต่างจังหวัดนะครับ โอ๊ย!
-
มีจริงครับ เพราะยางจะแรงเสียดทางถนนน้อย
ใช้แปปเดียวยางแข็ง แต่ยางไม่สึกเลย เกาะถนนแย่มากเหมือนรถวิ่งลอยๆ
กลัวเบรคแล้วคุมรถไม่อยู่ รถไถล เลยไม่กล้าขับเกิน 110
เลยทำให้ประหยัดน้ำมันมาก (เพราะไม่กล้าขับเร็วนี่แหละมั้ง 55)
สำหรับผม ครั้งเดียวพอกับยางประเภทนี้
ยอมไปใช้ยางไทย ซึ่งถูกกว่า แต่เปลี่ยนยางใหม่ไวกว่าเดิม ดีกว่า
-
เชื่อว่าน่าจะประหยัดได้จริงจากความรู้สึกว่ามันลื่นทุกช่วงความเร็วเลย ส่วนจะวัดเป็นตัวเลขนี่น่าจะยาก
-
มีจริงแต่ประหยัดเพิ่มติ๊ดเดียว เพราะยางประหยัดน้ำมันจะมีการออกแบบให้มีแรงเสียดทานถนนน้อยกว่ายางทั่วไป แต่ก็ต้องแลกมากับระยะเบรคที่เพิ่มขึ้น (อันนี้ก็อ่าเขามาอีกที)
-
ประหยัดจริงครับ ผมเคยใช้ ep200 ล่าสุด ep300 สังเกตเวลาถอนคันเร่งรถจะไหลไปได้ไกลมากกว่าเดิม ความเร็วตกช้าลง ข้อเสีย เวลาถนนเปียกรถจะมีอาการลื่นมากกว่าปกติพอสมควร
-
;) จริงครับ ใช้อยู่ แต่เค้าเคลมระยะเบรคลดลงด้วยน้ะ
แต่โคลงเครงยวบยาบกว่ายาวสปอร์ตเยอะ :-X
สยานุ่มเงียบหล่ะตอบโจทย์เลยครับ
-
ไอ้พวกยางประหยัดนี่ เวลาปล่อยไหล มันจะไปได้ไกลกว่าใช่ไหมครับ?
-
จริงครับ เพราะรถที่บ้านใช้อยู่
วีออสของเดิมยางติดโรงงานเป็น BS Potenza RE080 เปลื่ยนเป็น MC Energy XM1 (ตอนปี 2553)
ออกตัวฉิว เบรคดี ปล่อยคันเร่งแล้วรถยังไหลต่อนิดๆ ประหยัดน้ำมันกว่าหน่อยๆ
สิ่งที่ต้องแลกคือ การเกาะถนนทั้งโค้งและตรง การรีดน้ำ ระยะเบรคแบบหนักๆ ซึ่งยางเดิม RE080 ทำได้ดีกว่าเยอะ
และที่สำคัญคือ MC ยางแข็งเร็วมาก ถ้าเทียบกับ BS ที่ระยะและเวลาเท่ากัน ยังนิ่มกว่า
-
8) 8) 8).....ได้อย่างหนึ่ง ก็ต้องเสียอย่างหนึ่งครับ โฆษณาว่า ประหยัด 15-10% ใช้จริงแค่ 8-7% แต่เสียงลดความปลอดภัยในการเกาะถนนกับเบรคไม่ฉมัง สูงกว่า 20% ชีวิตผู้ขับขี่จำเป็นต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยขนาดนั้นด้วยหรือ ? :-X
-
ทำไมจะไม่ประหยัดกว่า
สังเกตุมาหลายยี่ห้อละ
แก้มยางกว้างเท่ากัน
แต่ ยางประหยัด ส่วนสัมผัสพื้นจะน้อยกว่า ยางที่เน้นสมรรถนะ
แค่นี้ ก็ลดแรงเสียดทานไปได้หลายอยู่อ่ะนะ
-
ยางประหยัดน้ำมัน มันจะรู้สึกรถไหลๆอะครับ เวลาเบรคต้องกดลึก กดแช่กว่าปกติ แรกๆไม่ชินเลย และผมว่ามันไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันอะไรเลยครับ ถ้าขับธรรมดา ไม่ได้เน้นซิ่ง มันก็โอเคนะครับ ผมใช้ bridgestone ep300 ครับ
-
บริษัทผลิตยางรถยนต์ก็ได้ประหยัดต้นทุนด้วยครับ :P
สังเกตุให้ดียางประเภทนี้หน้าจะแคบกว่าเล็กน้อยในขนาดเท่ากัน ขอบยางจะโค้งกลมหน่อยคล้ายยางมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นมุมฉากแบบยางรถยนต์ทั่วไป การเกาะถนนก็น้อยลงด้วยครับ ส่วนตัวผมว่าอย่าไปเล่นเลยมองในแง่สมรรถนะไม่น่าจะดี แต่ถ้าเป็นคนขับรถไม่ไวใช้งานใกล้ๆบ้านก็น่าใช้ครับ
-
ยางประหยัดน้ำมันมีจริงครับ .....
และรู้ไหม ว่ายาง Performance เกรดดีๆอย่าง Michelin Pilot Sport 4 ,Vredestein Satin, Goodyear Asymmatric3 พวกนี้ได้ Euro label ประหยัดน้ำมันระดับ A ด้วยนะ
บางคนเข้าใจว่ายางประหยัดน้ำมัน คือยางที่พยายามลดแรงยึดเกาะระหว่างพื้นกับผิวยางเพื่อลดแรงเสียดทาน
ซึ่งถูกแค่บางส่วน และโดยรวมแล้วจริงๆแล้วไม่ใช่ทั้งหมด
ยางประหยัดน้ำมันบางรุ่นก็สามารถผลิตให้เกาะถนนทั้งทางเปียก ทางแห้งแบบหนึบๆไปได้พร้อมๆกัน แต่ต้นทุนมันจะแพงมาก
โดยการผสมสารพิเศษลงในเนื้อยางเช่น ซิลิกา เพื่อให้เนื้อยางคืนตัวได้ดีเวลาวิ่งบดไปตามถนน
ลองนึกภาพตามว่าเวลายางรถวิ่งไปตามถนนมันไม่ได้กลมบ๊อกอยู่ตลอดเวลา ส่วนที่สัมผัสถนนจะแบนเล็กน้อยเพราะน้ำหนักกดทับ ตรงนั้นที่ทำให้เกิดแรงต้านการหมุนของล้อและกินแรงเครื่อง
เขาก็แค่ทำให้เนื้อยางมันคืนตัวได้ดี ก็จะลดแรงต้านการหมุนไปได้เยอะ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และรถออกตัวดีขึ้นด้วย
หลีกการนี้ยังนำไปใช้กับจักรยานได้ด้วย สายนักปั่นจะเข้าใจดีเรื่องยางประหยัดแรงขาแต่ยังกาะถนนได้ดีอยู่
-
ไอ้พวกยางประหยัดนี่ เวลาปล่อยไหล มันจะไปได้ไกลกว่าใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ ออกตัวล้อฟรีง่ายกว่าเดิม เบรคแรงหน่อย ABS ก็ทำงานละ ดีที่มันแรงเสียดทานด้านตั้งฉากกับทิศทางหมุนมันไม่ได้แย่ลงมากเท่า
-
ผมมองว่า ยางอึด ดอกไม่หมดง่าย แข็งช้า ก็เป็นยางประหยัดน้ำมัน(เงิน) ได้อีกแบบ
-
สำหรับผม มันลื่น ระยะเบรคยาว ไม่เกาะถนน
-
ประหยัดน้ำมันจริงครับ ยกคันเร่งที ไหลไปยังกับเหยียบคันเร่งค้างไว้อยู่
แต่จะไม่ประหยัด ก็เมื่อเบรคไม่อยู่ หรือขับแล้วแหกโค้งตกข้างทางนั่นแหละครับ จะไม่ประหยัดค่าซ่อมรถหนะสิ :)
-
ก็ใช้ชั้นยางน้อยกว่า เมื่อเบากว่ามันก็ช่วยประหยัดน้ำมันสิครับ
-
ถ้ายางที่ดอกแข็งๆ เป็นยางประหยัด ผมว่ายางจีนนี่คงประหยัดมาก เห็นสายกระบะควันดำใส่กัน
แตะๆ เบิ้ลๆ ล้อฟรี ง่ายๆ
-
ยางประหยัดน้ำมันผมว่ามีจริงครับ ผมเคยอ่านในเว็บบอกว่ายางประหยัดน้ำมันคือยางที่ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองการเดินทางในถนนที่ร้อนๆ ที่แบบมีส่วนผสมที่ช่วยในการต้านแรงหมุนของล้อ ทำให้ยางพุ่งตัวไปข้างหน้า ไม่ยึดถนน ไม่ใช่แรงยนต์เยอะเกินไป
-
ประหยัดจริงครับ แต่แลกกับข้อเสียสารพัด น้องสาวผมยังบอกว่าทีเดียวพอ
แข็ง
เด้ง
ดัง
มาครบ
-
มีครับ ผมใช้อยู่ตอนนี้ก็อย่างยางของ NEXEN ตัวนี้ ถ้าเทียบกับตัวเก่า ยางของ เกาหลี ผมว่าประหยัดน้ำมันไปเยอะเลย
-
ผมก็ใช้ nexen เพราะอ่านรีวิวจากเว็บว่าประหยัดน้ำมันครับ จริงๆ ก็เฉยๆ ไม่ได้คิดว่ามันจะประหยัดจริงๆ ตอนนี้ใช้มา ปีกว่าๆ แล้ว ประหยัดจริงครับ อันนี้เชื่อได้ อีกอย่างได้รถคันใหม่ด้วยเลย เกาะถนนดี๊ดี
-
มีจริงครับ แต่พอเปลี่ยนยางมาแล้ว ก็ต้อ มีจริงครับ แต่พอเปลี่ยนยางมาแล้ว ก็ต้องควบคุมเรื่องน้ำหนักในรถของเราด้วย ไม่ใช่มีอะไรก็ยัดเข้าไปในรถ มันหนัก มันก็ใช้พลังงานเยอะอ่ะดิ งควบคุมเรื่องน้ำหนักในรถของเราด้วย ไม่ใช่มีอะไรก็ยัดเข้าไปในรถ มันหนัก มันก็ใช้พลังงานเยอะอ่ะดิ