Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nakul18 ที่ ธันวาคม 03, 2019, 11:23:31
-
VW passat TDI 1.9 ดีเซล ปี 2002 หรือ Skoda fabia 1.9 SDI ดีเซล ปี 2002 ดีครับ คิดว่า ยังพอหาอะไหล่ หรืออู่ซ่อมได้ไหมครับ ตอนนี้ผมขับ BMW E36 อยู่ กินน้ำมัน 9 กม./บิตร เห็นว่า ตัวเครื่องดีเซลของรุ่นที่ผมสนใจ กินน้ำมันระดับ 20 กม./ลิตร หรือว่า ควรจะหลีกเลี่ยงจากพวกนี้ ไปเลย ขอบคุณครับ
-
ประหยัดค่าน้ำมัน แต่ไปแพงเอาค่าซ่อมรึเปล่าครับ
จะเอาประหยัดเงิน ผมว่าเล่นตัวอื่นดีกว่าไหม
-
ไปหารถยุ่น 1.6-1.8 ก็ประหยัดมากมายแล้วครับ
ซ่อมง่ายอะไหล่เกลื่อนด้วย
-
20 โลลิตรนี่มันรถใหม่นะครับ รถดีเซลเก่าๆท่อทางหัวฉีด รางตันหมดแล้วมั้งครับ วิ่งยังไงก็ไม่ได้ 20 หรอกครับ มันทนจริงแต่เวลาซ่อมแพงมหาโหดกว่าเบนซินเยอะเป็นเท่าครับ เจอค่าซ่อมสี่ห้าหมื่นก็เซ็งแล้ว
-
เมื่อก่อนผมก็มอง รถยุโรปมือสอง ด้วยความที่ราคาไม่แรง และขับดีกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดงบางรุ่น แต่ใช้ไปเรื่อยๆ เริ่มปัจหาจุกจิกเยอะตามอายุของมัน ซ่อมจบบ้าง ไม่จบบ้าง เน้นอะไหลมือสอง ปัญหาเยอะจนไม่กล้าเอาวิ่งทางไกล
พอเปลี่ยนเป็น ญี่ปุ่น 1500cc ป้ายแดง แน่นอนมันไม่ได้นั้งสบายเท่ายุโรป แต่มันสบายใจกว่า ใช้มาแสนกว่าโล ค่าใช้จ่ายเข้าศูนย์ ทั้งหมด น่าจะพอๆกับค่าซ่อมยุโรป 1-2 ปี
-
เคยใช้ Passat TDI B5.5 อยู่นะครับ รถขับสนุกมาก แรงบิดดีมาก ค่อนข้างประหยัดน้ำมันแม้จะใช้ในเมือง แต่เรื่องซ่อมบำรุง ค่อนข้างโหดอยู่ครับ เจอซ่อมเกียร์ออโต้ กับระบบเทอร์โบ เจอไปร่วมแสนกว่าบาท หลังจากนั้นผมก็ขายไป จริงๆมันอาจจะไม่ได้ซ่อมแพงขนาดนั้นถ้ารู้แหล่ง พอดีตอนนั้นผมไม่รู้แหล่ง เน้นซ่อมกับอู่รถยุโรปแถวบ้านเป็นหลัก แต่ในความเห็นผมการจะเล่นรถพวกนี้ต้องมีงบเผื่อสำหรับการซ่อมบำรุงไว้พอสมควร เพราะอะไหล่ราคาค่อนข้างสูงกว่ารถญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะสูงกว่า E36 ที่เจ้าของกระทู้ใช้อยู่ด้วย อันนี้ไม่แน่ใจรอผู้รู้มายืนยัน และอายุรถเริ่มเยอะแล้ว น่าจะต้องได้เก็บงานกันบ้าง ถ้าเอาสบายใจ คันเก่าเจ้าของกระทู้น่าจะดีที่สุดครับ หรือไม่ก็ไปรถญี่ปุ่น D-segment เลย แล้วติดแก๊สเอา ประหยัดมากเหมือนกัน
ปัจจุบันผมใช้ Peugeot 407 HDI เป็นเครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.0 รถ 10 กว่าปีแล้ว แต่ประหยัดระดับ 18 กิโลลิตรสบายๆ พละกำลังไม่แพ้กัน แต่นุ่มหนึบกว่ามาก ตัวนี้ผมกล้าใช้เพราะผมรู้แหล่งอะไหล่เจ้าตัวนี้เป็นอย่างดี ราคาไม่สูงมาก และช่างซ่อมบำรุงมีฝีมือไว้ใจได้ ซึ่งส่วนตัวผมชอบรุ่นนี้มาตั้งนานแล้วด้วย ผมใช้อย่างมั่นใจ พาขึ้นเหนือล่องใต้ตลอด ไม่เคยกินข้าวลิงครับ 55
อีกตัวเลือกที่นึกออกก็ Ford Focus รุ่นดีเซลเทอโบ เครื่องตัวเดียวกับ 407 นั่นเอง ขับดี ประหยัดเหมือนกัน ตัวรถใหม่กว่ากันนิดนึง
-
คงต้องพิจารณาจากประสบการณ์ในการใช้รถ และการซ่อมบำรุง E36 ของคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ถ้ามีอู่ประจำ อะไหล่บางรายการหาซื้อได้เอง ก็คงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลละครับ http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44191.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44191.0)
-
คนไม่เคยใช้คงไม่รู้ว่า Passat TDI B5.5 ประหยัดกว่ารถ Eco car หลายรุ่นๆสะอีก ในเมืองรถติดๆ เต็มถังวิ่งได้ไม่ค่ำกว่า 600กิโลแน่นอน ทางไกล 850km + ความแรง 0-100 ไม่ถึง 10วิ
เครื่องเกียร์อะไหล่ อู่เแพาะที่ซ่อม VW-AUDI ถ้าในกทม มีเกลื่อนเลย
แต่ข้อเสียที่สำคัญที่แก้ไม่ได้คือ พลาสติกภายในรถ เปราะหัก แตก กระจุยเป็นผุยผง ซ่อมไม่ได้ เบิกใหม่ก็วัสดุเดิม ถ้ารับได้ ที่เหลือคือดีงาม ::)
-
คนไม่เคยใช้คงไม่รู้ว่า Passat TDI B5.5 ประหยัดกว่ารถ Eco car หลายรุ่นๆสะอีก ในเมืองรถติดๆ เต็มถังวิ่งได้ไม่ค่ำกว่า 600กิโลแน่นอน ทางไกล 850km + ความแรง 0-100 ไม่ถึง 10วิ
เครื่องเกียร์อะไหล่ อู่เแพาะที่ซ่อม VW-AUDI ถ้าในกทม มีเกลื่อนเลย
แต่ข้อเสียที่สำคัญที่แก้ไม่ได้คือ พลาสติกภายในรถ เปราะหัก แตก กระจุยเป็นผุยผง ซ่อมไม่ได้ เบิกใหม่ก็วัสดุเดิม ถ้ารับได้ ที่เหลือคือดีงาม ::)
รถรุ่นนี้สมัยนั้น ราคาน้ำมันดีเซล 15 บาทเองมั้งครับ isuzu D-max 3.0 ผมเติม 500 วิ่งไปกลับ กรุงเทพ-โคราชยังเหลือเลย D-max ไม่ได้ประหยัดแต่ 500 มันเกือบเต็มถังแล้ว ปีนั้น
ลองเอามันมาวิ่งใหม่ปีนี้ดูสิผมว่าน้ำตาแตกอะ ...
-
งบน้อยนี่เท่าไหร่รึครับ
อีโคคาร์ เฟส 2 มือ1 ตอนนี้ได้ 20 โลลิตรแล้ว 5แสน ไม่ต้องดูแล 5ปีแรก
-
ประหยัดค่าน้ำมัน แต่ไปแพงเอาค่าซ่อมรึเปล่าครับ
จะเอาประหยัดเงิน ผมว่าเล่นตัวอื่นดีกว่าไหม
มีตัวไหน แนะนำไหมครับ ผมมองพวก volvo 850 van หรือ V70 ไว้ กับ saab ด้วย
-
ไปหารถยุ่น 1.6-1.8 ก็ประหยัดมากมายแล้วครับ
ซ่อมง่ายอะไหล่เกลื่อนด้วย
แฟนผมขับ accord g6 เจอ rivo ขับชนท้ายพังยับ แต่ rivo ไม่เป็นอะไรเลยครับ เลยอยากได้รถยุโรป จริง ๆ อยากได้ BMW E39 เพราะคุ้นเคยกับ BMW แล้ว แต่คิดว่า กินน้ำมัน
-
Passat 1.9 tdi อัตราเร่งดีมากแถม ประหยัด กว่า เครื่อง1500 ญี่ปุ่นจริง แถมทนถึกมากๆ เสียดายที่ขาย น่าจะเก็บไว้
ใช้มาสิบกว่าปี ทนถึกมาก แต่มีเทคนิคในการดูแลนะ อู่นอกเพียบ
แต่ปัญหาคือ ตอนนี้จะหารถ สภาพดีๆมันยากครับ รถกลุ่มนี้ถ้าโดนยำมาแล้ว กู้กลับสภาพสมบูรณ์ ยาก
-
ไปหารถญี่ปุ่นป้ายแดง โดยเฉพาะสองยี่ห้อเจ้าตลาดดีกว่าครับ
ปัญหาน้อย ขับแล้วสบายใจไม่ต้องกินข้าวลิงกลางทาง
-
อยากเล่น เล่นได้ครับ ภายในกรอบ-แตกง่ายระวังด้วย
เห็นรุ่นน้องจับมาตัวหนึ่ง แปดหมื่น ซื้ออีกคันหกหมื่น(รุ่นเดียวกัน)มาสำรองไว้เอาอะไหล่ แต่เขาซ่อมเป็น รวม ๆแสนต้น ๆ รถยังสีเดิมอีกต่างหากครับ
-
เมื่อก่อนผมก็มอง รถยุโรปมือสอง ด้วยความที่ราคาไม่แรง และขับดีกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดงบางรุ่น แต่ใช้ไปเรื่อยๆ เริ่มปัจหาจุกจิกเยอะตามอายุของมัน ซ่อมจบบ้าง ไม่จบบ้าง เน้นอะไหลมือสอง ปัญหาเยอะจนไม่กล้าเอาวิ่งทางไกล
พอเปลี่ยนเป็น ญี่ปุ่น 1500cc ป้ายแดง แน่นอนมันไม่ได้นั้งสบายเท่ายุโรป แต่มันสบายใจกว่า ใช้มาแสนกว่าโล ค่าใช้จ่ายเข้าศูนย์ ทั้งหมด น่าจะพอๆกับค่าซ่อมยุโรป 1-2 ปี
ผมจะมีงบพร้อมกับการซื้อ 1.6 ป้ายแดง ก็อีก 2 - 3 ปี ครับ คงต้องรอไปก่อน
-
เคยใช้ Passat TDI B5.5 อยู่นะครับ รถขับสนุกมาก แรงบิดดีมาก ค่อนข้างประหยัดน้ำมันแม้จะใช้ในเมือง แต่เรื่องซ่อมบำรุง ค่อนข้างโหดอยู่ครับ เจอซ่อมเกียร์ออโต้ กับระบบเทอร์โบ เจอไปร่วมแสนกว่าบาท หลังจากนั้นผมก็ขายไป จริงๆมันอาจจะไม่ได้ซ่อมแพงขนาดนั้นถ้ารู้แหล่ง พอดีตอนนั้นผมไม่รู้แหล่ง เน้นซ่อมกับอู่รถยุโรปแถวบ้านเป็นหลัก แต่ในความเห็นผมการจะเล่นรถพวกนี้ต้องมีงบเผื่อสำหรับการซ่อมบำรุงไว้พอสมควร เพราะอะไหล่ราคาค่อนข้างสูงกว่ารถญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะสูงกว่า E36 ที่เจ้าของกระทู้ใช้อยู่ด้วย อันนี้ไม่แน่ใจรอผู้รู้มายืนยัน และอายุรถเริ่มเยอะแล้ว น่าจะต้องได้เก็บงานกันบ้าง ถ้าเอาสบายใจ คันเก่าเจ้าของกระทู้น่าจะดีที่สุดครับ หรือไม่ก็ไปรถญี่ปุ่น D-segment เลย แล้วติดแก๊สเอา ประหยัดมากเหมือนกัน
ปัจจุบันผมใช้ Peugeot 407 HDI เป็นเครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.0 รถ 10 กว่าปีแล้ว แต่ประหยัดระดับ 18 กิโลลิตรสบายๆ พละกำลังไม่แพ้กัน แต่นุ่มหนึบกว่ามาก ตัวนี้ผมกล้าใช้เพราะผมรู้แหล่งอะไหล่เจ้าตัวนี้เป็นอย่างดี ราคาไม่สูงมาก และช่างซ่อมบำรุงมีฝีมือไว้ใจได้ ซึ่งส่วนตัวผมชอบรุ่นนี้มาตั้งนานแล้วด้วย ผมใช้อย่างมั่นใจ พาขึ้นเหนือล่องใต้ตลอด ไม่เคยกินข้าวลิงครับ 55
อีกตัวเลือกที่นึกออกก็ Ford Focus รุ่นดีเซลเทอโบ เครื่องตัวเดียวกับ 407 นั่นเอง ขับดี ประหยัดเหมือนกัน ตัวรถใหม่กว่ากันนิดนึง
ไม่มีใคร แนะนำให้ใช้ skoda เลยครับ แหะ ๆ
-
คงต้องพิจารณาจากประสบการณ์ในการใช้รถ และการซ่อมบำรุง E36 ของคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ถ้ามีอู่ประจำ อะไหล่บางรายการหาซื้อได้เอง ก็คงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลละครับ http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44191.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44191.0)
ซื้อแสนซ่อมแสนแล้วครับ ขับดี แต่รถมันเก่า แรงม้า แค่ 115 แต่ก็นานแล้ว ทำให้อืดหน่อย แต่พอลอยตัวแล้ว 160 - 180 สบาย แค่มันกินน้ำมันไปหน่อยนึงครับ
-
งบน้อยนี่เท่าไหร่รึครับ
อีโคคาร์ เฟส 2 มือ1 ตอนนี้ได้ 20 โลลิตรแล้ว 5แสน ไม่ต้องดูแล 5ปีแรก
อยากได้ พวก รถขนาด civic altis ขึ้นไป น่ะสิครับ
-
Passat 1.9 tdi อัตราเร่งดีมากแถม ประหยัด กว่า เครื่อง1500 ญี่ปุ่นจริง แถมทนถึกมากๆ เสียดายที่ขาย น่าจะเก็บไว้
ใช้มาสิบกว่าปี ทนถึกมาก แต่มีเทคนิคในการดูแลนะ อู่นอกเพียบ
แต่ปัญหาคือ ตอนนี้จะหารถ สภาพดีๆมันยากครับ รถกลุ่มนี้ถ้าโดนยำมาแล้ว กู้กลับสภาพสมบูรณ์ ยาก
อยากลองเหมือนกันครับ
-
ไปหารถญี่ปุ่นป้ายแดง โดยเฉพาะสองยี่ห้อเจ้าตลาดดีกว่าครับ
ปัญหาน้อย ขับแล้วสบายใจไม่ต้องกินข้าวลิงกลางทาง
วันก่อน E36 กินไปแล้วรอบนึงครับ พัดลมไฟฟ้าเสีย
-
อยากเล่น เล่นได้ครับ ภายในกรอบ-แตกง่ายระวังด้วย
เห็นรุ่นน้องจับมาตัวหนึ่ง แปดหมื่น ซื้ออีกคันหกหมื่น(รุ่นเดียวกัน)มาสำรองไว้เอาอะไหล่ แต่เขาซ่อมเป็น รวม ๆแสนต้น ๆ รถยังสีเดิมอีกต่างหากครับ
จริง ๆ ชอบ saab 900 มากครับ โดยเฉพาะตัว 3 ประตู audi ก็ชอบ แต่ว่า ติดว่ามันน่าจะกินน้ำมัน
-
ถ้าใจรักรถยุโรปมันก็ได้หมดครับ หาแหล่งซ่อมแหล่งอะไหล่ดีๆ
แต่ยังไงค่าซ่อมหนักๆซักสองรอบนี่เอามาเติมน้ำมันรถญี่ปุ่นได้ทั้งปีเลยนะครับ
ดูจากรุ่นรถที่บอกว่าชอบแล้วนี่ราคาหลักปลายๆหมื่นถึงแสนกลางๆ แต่ได้มาผมว่าน่าจะต้องมาเปลี่ยนถ่ายของเหลวกับซ่อมอะไรจุกจิกๆอีกบ้างนะครับ รวมแล้วก็หลายหมื่น ถ้าe36ที่ใช้ไม่มีอะไรเสียหายผมว่าเอาเงินตรงนี้เก็บไว้เติมน้ำมันคันเดิมดีกว่า พร้อมแล้วค่อยเก็บตังเปลี่ยนเป็นรถญี่ปุ่นป้ายแดง
แต่ถ้าจะซื้อในตัวเลือกจริงๆ Passat ดูมีอนาคตกว่า Skodaครับ
-
คนไม่เคยใช้คงไม่รู้ว่า Passat TDI B5.5 ประหยัดกว่ารถ Eco car หลายรุ่นๆสะอีก ในเมืองรถติดๆ เต็มถังวิ่งได้ไม่ค่ำกว่า 600กิโลแน่นอน ทางไกล 850km + ความแรง 0-100 ไม่ถึง 10วิ
เครื่องเกียร์อะไหล่ อู่เแพาะที่ซ่อม VW-AUDI ถ้าในกทม มีเกลื่อนเลย
แต่ข้อเสียที่สำคัญที่แก้ไม่ได้คือ พลาสติกภายในรถ เปราะหัก แตก กระจุยเป็นผุยผง ซ่อมไม่ได้ เบิกใหม่ก็วัสดุเดิม ถ้ารับได้ ที่เหลือคือดีงาม ::)
รถรุ่นนี้สมัยนั้น ราคาน้ำมันดีเซล 15 บาทเองมั้งครับ isuzu D-max 3.0 ผมเติม 500 วิ่งไปกลับ กรุงเทพ-โคราชยังเหลือเลย D-max ไม่ได้ประหยัดแต่ 500 มันเกือบเต็มถังแล้ว ปีนั้น
ลองเอามันมาวิ่งใหม่ปีนี้ดูสิผมว่าน้ำตาแตกอะ ...
อ่านดีๆค่ะ ไม่ได้พูดถึงราคาน้ำมันเลย ล่าสุดก่อนขายไปเราเติมดีเซลพรีเมียมลิตรละ 30 กว่าบาท ถังนึงไม่ถึง 1500 บาท วิ่งได้ 950 โล + เอาเป็นว่า วิ่งไปกลับ กทม-เชียงใหม่ รวมขึ้นดอยสุเทพ น้ำมันไม่หมดถัง วิ่งทางไกล 140-160 ไม่ได้ขับย่องๆเลี้ยงรอบ