Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Mechanics of Emotions ที่ ธันวาคม 04, 2019, 14:07:34
-
คิดเพลินๆ ถ้าใช้รถ 2.5 ลิตร 6 สูบ เสียงหวานๆ แต่ขับในเมืองทั้งรถติดบ้าง ไม่ติดบ้างจะไหวไหมครับ วันนึงสมมติใช้ประมาณ 20-30 km. เน้นขับรถเร็วถ้าถนนโล่ง ถ้าเป็นท่านสมาชิกจะไหวกันไหมครับ?
-
จ่ายค่าน้ำมันได้ อย่างอื่นไม่มีปัญหาครับ
-
ถ้าจ่ายค่าน้ำมันได้ก็น่าใช้ครับ เครื่อง6สูบนิ่งกว่า4สูบเยอะเลย
-
ไหวมั้ย นี่คือจ่ายค่าน้ำมันไหวมั้ย ใช่มั้ยครับ ..... อันนี้ตามกำลังเงินครับ แต่ละคนไม่เท่ากัน. มีทั้งไหวและไม่ไหว
-
ตอนเรียนมีปีนึงผมใช้ e60 525i ขับทุกวันไปกลับ นนทบุรี รังสิต ครับ :-X วันนึงเฉลี่ยไป-กลับ 70โล รถติดนิดหน่อย แต่ส่วนไหญ่ทางด่วนครับ ประมาน 8-9 kml อาทิตนึงเติมเกือบถังครับ 1300-1500 บาท
-
ไหวไม่ไหว หมายถึง เติมน้ำมันไหวไหมอ่ะครับ เพราะผมก็ลังเลอยู่อยากได้ 6 สูบเรียงมาขับ แต่กลัวได้มาแล้วเติมน้ำมันไม่ไหว เลยไม่อยากขับไปซะก่อนครับ
-
ปกติจ่ายค่าน้ำมันอยู่เท่าไหร่ก็คูณ 1.5 เข้าไป น่าจะพอเห็นภาพนะครับ
-
ที่ผ่านมามีช่วงนึง ผมใช้ XJ V8 เป็นรถประจำเลยครับ ถ้าเติมน้ำมันไหวก็จบครับ
แต่พักหลังผมมาตระหนักว่า เสียดายน้ำมันที่เอาไปเผาทิ้งมากกว่า และสร้างมลพิษมากด้วย
ตอนนี้ลดมาใช้ XJ V6 แต่เป็นดีเซล ค่าน้ำมันไม่แรงครับ ใช้สลับกับ C220d, CRV 2.4
รถแรงๆจึงเอาไว้ขับวันหยุด ท่องเที่ยวมากกว่าครับ
-
เคยมีโอกาสแปปๆ กับ 325I e90บอกตรงๆว่าไม่ไหวครับ. ไปนิดไปหน่อยนี่ค่าน้ำมันทั้งนั้น. จ่ายไหวแต่ก็เสียดายตัง ขับไปไหนมาไหนเล่นบ่อยๆ แบงค์พันจะหายเอาไม่รู้ตัว
อยากลองพวก LS500h หรือ LC500h V6 ถ้าเป็น Hybrid อันนั้นผมไหว. เพราะ V6 ตระกูลนี้เดินเรียบ เงียบ นุ่มจริงๆ แถมประหยัดอีก. (แต่ราคารถไม่น่าประหยัด)
-
ถามเพิ่มหน่อยครับ
2.5 6สูบ ยุคไหนครับ
หายใจเองหรือ TURBO เดาว่าเบนซินรึเปล่า
รถผม 2.6 V6 160-170ม้า ปี 03 วิ่งในเมืองเฉลี่ยๆ 6-7 โลลิตร มันก็พอรับได้ แต่ใครๆได้ยินก็บ่นแทนว่าเปลืองน้ำมันจัง
-
เครื่อง 6 สูบ หลายๆรุ่นเป็นรถบอดี้ใหญ่ ขับในเมืองได้แต่คงไม่คล่องเท่ารถที่ขนาด Compact นักครับ เหมาะเอาไว้วิ่งทางโล่งๆถนนต่างจังหวัดมากกว่า
เครื่องวางหน้า เวลาวิ่งเร็วๆโยกหลบไปมาแล้วออกอาการหน้าโยนเพราะหน้ามันหนัก ซึ่งผมไม่ค่อยชอบนัก
หลังๆผมชอบรถเทอร์โบ Down sizing มากกว่าเช่น Civic 1.5 โบ หรือ Levorg 1.6 โบ
เห็นมันเครื่องเล็ก CC น้อย แต่ให้พลังเทียบเท่ารถเครื่องใหญ่ และได้เปรียบตรงที่น้ำหนักเครื่องเบากว่า
ขับแล้วมันคล่องมือ การทรงตัวก็ดีด้วย มุดโยกเปลี่ยนเลนก็คล่องตัวกว่าคับ
-
ไหวไม่ไหวมันอยู่ที่กำลังเงินของคนนั้นอ่ะครับ
มีพี่รู้จักแกก็ขับ Pajero Sport V6 3.0 เติมน้ำมัน
ในเมืองก็ 6-7 กม./ล. นอกเมืองก็ 9-10 กม./ล.
เครื่องนิ่มๆ แต่กดหน่อยก็แรงเอาเรื่อง..
-
อยู่ที่เงินและ Passion ละครับ ;D
ตอนผมใช้ทุกวันก็มีลากรอบฟังเสียงบ้าง 6-8 โลลิตร ตีเป็นค่านำ้มันไม่เกินหมื่นต่อเดือน
-
ผมใช้ N55 วิ่งเข้า-ออกกรุงเทพทุกวัน ระยะทางประมาณวันละ 50-70 km.
กินน้ำมันเฉลี่ย 8-10 km/l ตกกิโลล่ะ 3.Xx บาท เติมน้ำมันทุกอาทิตย์ หนึ่งถังไม่เกิน 1,500 บาท
หนึ่งเดือนค่าน้ำมันไม่เกิน 6,000 บาทครับ เพราะเบิกบริษัทได้แค่นี้ ;D
-
เคยใช้ E36 325 เติม95เพียวๆในยุคที่เกือบลิตรละ40บาทอยู่3ปีครับ ขับไปกลับที่ทำงานทุกวันชิวๆครับ
เพราะติดแก้ส ใช้น้ำมันเฉพาะตอนสตาร์ทกับก่อนดับเครื่อง ::) ::)
-
สบายครับถ้ามีเงินจ่ายค่าน้ำมัน
6สูบกรุงเทพชั้นใน รถติดมากๆ โคตรกิน
-
คิดว่าคงไหวอยู่แล้ว แต่ถามว่าเสียดายไหมดีกว่า ถ้าจากโลละ 2 บาทกว่ากลายเป็นโลละเกือบ 4 บาท
อย่างผมตั้งแต่เริ่มขับรถมาก็เจอรถกินน้ำมัน 7-8 โลลิตรมาตลอด
ตอนนี้หลักๆ ผมใช้ 325i กับ c36 สลับกันวิ่งทุกวันก็กินประมาณนี้ เป็นความเคยชินครับ
แต่ถ้าคนใช้รถ 12-13 โลลิตรมาขับอาจจะมีเหวอได้เหมือนกัน เหมือนเวลาผมเอา cx5 หรือ ยาริสที่บ้านมาใช้ก็เหวอว่าทำไมมันประหยัดจังฟระ
ส่วนเรื่องอารมณ์ 6 สูบกินขาดอย่างไม่มีข้อกังขาครับ
-
สมัยที่ใช้ c240 w202 ก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นนะครับ
ขับจาก ดาวคะนองมาพระราม3 เข้าชั้นในบ้าง ตอนเรียนโทที่กล้วยน้ำไท
ก็ประมาณ 8 โลลิตร
สเปซแวกอน ก็ราวๆนี้
FREED 1.5 ก็ราวๆนี้
-
ผมว่า ถ้าชอบ มันก็ทำใจได้ จ่ายไหว ครับ
เพราะอยากได้อะไรจากมันอยู่แล้ว ก็คงต้องทำใจรับ
แต่ถ้าเป็นรถได้มาแบบมรดกตกทอด หรือ ไม่ได้รักชอบ หรือ ต้องอะไรอะไรจากมัน ก็จับติดแก๊สครับ
-
แชร์ประสบการณ์ใช้ Accord 3.5 V6 อยู่ ซื้อมาเพื่อขับตจว.โดยเฉพาะ ทุกวันนี้ขับทางขึ้นลงเขาแบบไม่มีรถติดเลย 99% กับใช้วิ่งไปกลับบ้านที่กทม. อัตราสิ้นเปลืองตามลายเซ็น
ถ้าขับกลับบ้านก็คือขับไปจอดแล้วเอาคันอื่นออกวิ่งในกทม.แทน เพราะเสียดายน้ำมัน เคยขับไปสยาม 5.7 km/l ครั้งเดียวเลิก กับขับไปพัทยา 8.5 km/l ครั้งเดียวเลิกเหมือนกันครับ 5555
กลางปี 63 จะกลับไปอยู่กทม.ตลอดเวลา ก็จะขายออกละครับ ไม่มีความจำเป็นต้องขับรถ 3.5 ลิตรในกทม.และปริมณฑลแต่อย่างใด เพราะจะยืดเส้นยืดสายได้จริงๆ ก็ต้องวิ่งทางโล่งๆ เท่านั้น
เป็นผมถ้าเครื่อง 2.5 ลิตร 6 สูบขับกทม.และปริมณฑล ก็คงลองดูสักตั้ง คุ้มแน่นอนแลกกับความสุขที่ได้ขับมันทุกวัน (ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องลองคำนวณงบตัวเองด้วย)
ส่วนตัวตอนนี้พอใจกับประสบการณ์แล้ว คันต่อไปอยากได้ Plug-in hybrid
-
อยู่ที่ว่าจ่ายค่าน้ำมันไหวไหม แต่หกสูบยุคใหม่ไม่ได้ซดเก่งเหมือนเมื่อก่อน
อย่างเมื่อก่อนผมเคยใช้ Ford Escape V6 3000cc. วิ่งไปกลับที่ฝึกงานใน กทม. ระยางรวมประมาณ 25กิโล เสียค่าน้ำมัน ราวๆ 500 บาทต่อวัน วิ่งช่วงรถติดตลอด มีอยู่วันนึง ติดมากเป็นพิเศษ เช้าเติมไป 700 กลับมาถึงคอนโดหมดพอดี (ช่วงนั้นรู้สึกน้ำมันแพงกว่าตอนนี้)
-
ผมใช้ N55 วิ่งเข้า-ออกกรุงเทพทุกวัน ระยะทางประมาณวันละ 50-70 km.
กินน้ำมันเฉลี่ย 8-10 km/l ตกกิโลล่ะ 3.Xx บาท เติมน้ำมันทุกอาทิตย์ หนึ่งถังไม่เกิน 1,500 บาท
หนึ่งเดือนค่าน้ำมันไม่เกิน 6,000 บาทครับ เพราะเบิกบริษัทได้แค่นี้ ;D
ถ้าจะขายah3 เมื่อไรบอกผมหน่อยนะครับ หาอยู่เลย
-
เฉลี่ยคือกิโลละ 4-5 บาท ก็ลองคิดดูว่าไหวไหมครับ
แต่สำหรับผมว่าขับรถ 6 สูบ รู้สึกดีกว่า 4 สูบ เยอะครับ นี่เปลี่ยนจาก v6 มาเป็น 4 สูบเทอร์โบ ก็ยังคิดถึงเสียงของ 6 สูบ อยู่เลย
-
Cefiro A31 ของผม จับมันติดแก๊ส LPG มาสิบกว่าปีละครับ สบายหน่อยครับ รถติดๆโลละบาทปลายๆ
ถ้าวิ่งยาวๆนี่บาทหน่อยๆ 8) แต่ถ้าใช้น้ำมัน ในเมือง 7-8โลลิตร นอกเมืองขับนิ่งๆ 12-13
แต่ถ้าขับเร็วๆเสียงมีเครื่องลั่นๆบ้างก็ 10-11 โลลิตร ครับ ลองคำนวนดู 555
-
ใช้อยู่เหมือนกันครับ 6 สูบ 3000 cc ออกแนวจุกๆอยู่เหมือนกันครับ
-
เฉลี่ยคือกิโลละ 4-5 บาท ก็ลองคิดดูว่าไหวไหมครับ
แต่สำหรับผมว่าขับรถ 6 สูบ รู้สึกดีกว่า 4 สูบ เยอะครับ นี่เปลี่ยนจาก v6 มาเป็น 4 สูบเทอร์โบ ก็ยังคิดถึงเสียงของ 6 สูบ อยู่เลย
ตอนลองขับ V8
แล้วกลับมาขับ 6 สูบเรียง
รู้สึกว่ารถตัวเองเดินเบางั้นๆ แถมแรงไม่มีอีกต่างหากครับ
-
ใช้ 6สูบ 1MZ อยู่ กินน้ำมัน 8-9 โลลิตรในเมือง พอรับได้ แลกกับความสบายในตอนขับขี่ 8)
-
เคยใช้ E280 ค่าน้ำมันจุกกกกกกกกก มากครับ
1 อาทิตย์ 1 ถังไม่อยู่ เพราะผมใช้วิ่งงานเกือบทุกวัน
เจอรถติดนาน ๆ ขอดับเครื่องก่อนละกัน
-
เคยใช้V8 5,000CC สมัยน้ำมันถูกๆก็ขับมันดี พอน้ำมันแพงขึ้นก็ขับ6IL อย่าง 1JZ ความมันความสนุกลดลงไปเยอะเลย พอมายุคน้ำมันลิตรละ30กว่าบาท กลับมาขับ 4สูบ เทอโบ เออ ความมันพอได้+ ประหยัดขึ้นมาก
สรุปเหมือนท่านอื่นๆคือ ถ้ามีตังจ่ายค่าน้ำมันเดือนละ6000-10000นิดๆ ขับเลยครับ สนุกดี
-
ตอนนี้ ใช้ j 32 v6 2.5 ตรงตามโจทย์เจ้าของกระทู้เลย
ขับขอบเมืองกับในเมืองบ้าง วันละประมาณ 20 กว่ากิโล
เติมน้ำมันเดือนละ 4000 กว่าครับ
ส่วนตัว คิดว่าถ้าใช้รถเยอะ ก็คงไม่น่าใช้รถ
คันนี้ครับ พอดีเป็นคนใช้รถน้อย 10 ปีแล้ว
เพิ่งวิ่งไปแค่ 140000 โลเองครับ เลยยังใช้คันนี้อยู่ (ราคาขายต่อตอนนี้ ขายก็เสียดายครับ)
-
ตอนใช้ 525 M54 ผมค่าน้ำมันเดือนล่ะ 22,000
ตอนนี้ใช้ 2.4 ดีเซล ค่าน้ำมันเหลือ 16,000
ถ้ารับได้ จ่ายน้ำมันไหวก็เอาเลยครับ แต่ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป ถ้าเลือกได้เอา 1.5 หรือ 2.0 เทอโบ ดีกว่าครับ
-
ทุกวันนี้ใช้ GLC43 ทุกวันอยู่ครับ ค่าน้ำมันเพิ่มจากตอนใช้ BMW 320d มากๆ แต่ก่อนเดือนละ 5-6 พัน ตอนนี้ราวๆ เดือนละหมืนนึง ตอนซื้อก็ไม่คิดว่าจะต่างกันขนาดนี้ แรกๆ ก็หนักใจ เติมแป๊บเดียวหมดอีกแล้ว ตอนนี้ชินแล้วครับ :-X
-
ผมใช้ N55 วิ่งเข้า-ออกกรุงเทพทุกวัน ระยะทางประมาณวันละ 50-70 km.
กินน้ำมันเฉลี่ย 8-10 km/l ตกกิโลล่ะ 3.Xx บาท เติมน้ำมันทุกอาทิตย์ หนึ่งถังไม่เกิน 1,500 บาท
หนึ่งเดือนค่าน้ำมันไม่เกิน 6,000 บาทครับ เพราะเบิกบริษัทได้แค่นี้ ;D
ถ้าจะขายah3 เมื่อไรบอกผมหน่อยนะครับ หาอยู่เลย
ถ้าสนใจจริงๆ หลังไมค์เข้ามาได้ครับผม BSI ยังเหลือ ;D
-
ขอบคุณครับ คงต้องกลับไปตั้งหลักก่อนครับ สนใจ 325i e90
-
มันขึ้นอยู่กับ เทคโนโลยี ของรถด้วยครับ
อย่างผม 1.5 turbo ecoboot ตอนรถติด กินดุกว่า 4 สูบ 2000 turbo ของ f30 อีกครับ แต่ f30 จะสลับ ใช้ eco pro ช่วย ตอนรถติดช่วยได้มากครับ แรกๆ ใช้แต่ comfort mode รถติดๆ นี่กินมาก ครับ แต่ยังไม่เคยลองรถ 6 สูบที่มี mode eco ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน เคยได้ยินว่า จะลดการทำงานให้ไม่ต้องใช้ทุกสูบได้
-
ขับ Teana J31 2.3 6สูบ ไปเรียนปี 2013-2017 มา 4 ปี
ระยะไปกลับบ้าน ประมาณ 15 กิโล เต็มที่
เติมน้ำมันสัปดาห์ละ 500-700 บาท
บอกเลยว่าค่าน้ำมันอ่วมมากกก
-
2GR-FSE 330 ม้า ที่ล้อ ของผม วิ่งในเมืองบวก ชาญเมือง เฉลี่ย 7 โลลิตร ปลายๆ ได้ครับ กดบ้าง ซัดบ้าง
เติม E85 นะครับ
หารเป็น บาทต่อกิโล ประมาณ โลละ 3 บาท
ผมรับได้กับความแรงที่ได้รับมาครับ
-
ถ้ายังโฟกัสเรื่องน้ำมันอยู่ หนี v6 ไปได้เลย ไม่แปลกสมัยนี้เค้าพยายามลดขนาดเครื่องลงแล้วแทนที่ด้วย turbo/hybrid
-
สมัยผมเรียนผมใช้ J32 V6 ไปกลับ นนทบุรี-ศาลายา ทุกวัน วันล่ะ 60 กิโล ค่าน้ำมันประมาณ 6000-8000 บาทต่อเดือนครับ ส่วนตัวผมรับได้ครับ แค่ได้ฟังเสียงท่อเพราะๆตอบรอบสูงๆก็ฟินแล้วครับ555 (รถผม remap e20+เดินท่อใหม่ทั้งเส้นครับ)
-
จะสี่สูบหรือหกสูบก็ไม่สำคัญ สำคัญที่อ้ตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถคันนั้นครับ
-
สบายครับ ทุกวันนี้ใช้ KIA K2700 วาง JZ 6 สูบแถวเรียง ติด LPG
-ขับวันนึง 30-50 กม. ส่วนใหญ่บรรทุกปูน เหล็ก 1-2 ตัน วิ่งในระยอง เฉลี่ยตก กม.ละ 2.4 บาท
(LPG ราคา 14 บาท/กก.)
-วันไหนว่างๆขับไปดูหนังรอบดึก กินข้าวพัทยา/ตัวเมืองระยอง ก็วิ่งรถเปล่า กดจมตลอดถ้าโล่ง ตก กม.ละ 2.2 บาท
-มีธุระไป ตจว. 500-600 กม. ตก กม. ละ 1.9-2.1 บาท
ค่าแก๊สเดือนนึงประมาณ 4000 ครับ (ถ้าใช้ E10 จะตก กม. ละ 4 บาททันที)
ถามว่าไหวไหม วันละ 20-30 กม.
-ผมว่าเรื่องค่าเชื้อเพลิง สบายๆ ไม่หนัก แต่รถ 6 สูบเดี๋ยวนี้ คงเป็นรถยุโรปไปเลย น่ากังวลค่าซ่อมเครื่องมากกว่า
-เบนซิน 6 สูบ เงียบ นิ่ง กดทีเสียงหวานหูมากๆ ตอนเดินเบานี่มีความสุข Revo 2.8 อีกคันเทียบไม่ติดเลยครับ ใช้ Revo รู้สึกรำคาญเสียงเครื่องเลย ไม่พอ ตอนเดินเบานี่สั่นจนรู้สึกได้
-เรื่องอัตราเร่ง ฟินดีครับ ออกตัวเร็ว แรงพอมุด เสียบสบายๆ พอใจสำหรับรถน้ำหนักมากขนาดนี้ที่ความร้อนขึ้นง่าย
เอาจริง ถามว่าไหมมั๊ย ขึ้นอยู่กับรถครับ วิ่งแล้วประหยัดไหม ใช้พลังงานทางเลือกได้ไหม
-
เคยมีความสุขกับยุคนั้นมาครับ
ตอนนั้นใช้ W124 E280 กับ E34 525i
เพื่อนในก๊วนตอนนั้นใช้ W140, E32
ชอบรถ 6 สูบเรียงมาก นุ่ม แน่น (โดยเฉพาะ BMW)
แต่พอถึงจุดนึงเริ่มรู้สึกว่าเวลาไปไหน กลายเป็นคนคิดเยอะโดยไม่รู้ตัว
จะไปหัวหินบ่อยๆก็ต้องดูกระเป๋าสตางค์ เพราะถนนยุคนั้นเดี๋ยวดีเดี๋ยวเจ๊ง ต้องเร่งเบรค เร่งเบรค น้ำมันลดฮวบ จะวนดูสาวแถวสยาม วนไปวนมา เจอ 5 กม./ลิตร
735il ของเพื่อนเอามาจากอังกฤษ ไมล์ต่ำก็เพราะค่าน้ำมันนี่แหละครับ 5555
ที่มีความสุขสุดคือวิ่งบนทางด่วน กับพวกทางยกระดับ นิ่งๆยาวๆ อันนี้ค่อยคุ้มค่าน้ำมัน/ความเร็วหน่อย
ถ้าชอบก็จัดเลยครับ แต่ก็ต้องเตรียมค่าน้ำมันเอาไว้ดีๆ
-
ถ้าแคร์เรื่องค่าน้ำมัน ผมใช้ CX5 MC เหมือน จขกท ยังต้องปรับพฤติกรรมมาขับให้ประหยัดเลยครับ 5555
ส่วนตัวไม่เคยใช้รถหกสูบ แต่รถคันแรกที่ใช้ Accord ปี 87 มรดกจากคุณพ่อ ซัดน้ำมัน 8 ก.ม./ลิตร(นอกเมืองนะครับ) ผมยังสยองไม่หายจนบัดนี้(สมัยเอามาใช้เป็นรถหลัก น้ำมันลิตรละ 30 บาทมั๊ง)
-
ไหวมั้ย นี่คือจ่ายค่าน้ำมันไหวมั้ย ใช่มั้ยครับ ..... อันนี้ตามกำลังเงินครับ แต่ละคนไม่เท่ากัน. มีทั้งไหวและไม่ไหว
+1
-
ตอนแรกผมก็เคยคิดจะหา Camry 3.5Q ตัว ACV40 มาใช้เหมือนกันครับ
แต่คิดไปคิดมา ผมไม่กล้าจริงๆ กลัวเงินหายไปกับค่าน้ำมันครับ
-
ไหวสิ why not ครับ
-
สำหรับผม ถ้าคิดจะมีรถเครื่องยนต์แบบนั้น ก็ต้องทำใจเรื่องค่าน้ำมันได้อยู่แล้วครับ 8) สบาย