Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yourturle ที่ มีนาคม 25, 2020, 18:43:20

หัวข้อ: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: yourturle ที่ มีนาคม 25, 2020, 18:43:20
ย้อนกลับไป 2011
ราคาแค่  4-5แสนกว่า

ตอนนี้  6-7แสนกว่า
มันไม่เรียก economy price แล้วนะ

เพราะคนไทยติดหรู ติดแพง  และ ไม่ยอมกัน แข่งกันว่าใครเหนือกว่าใคร เสมอ ใช่ไหม
ควรใส่อุปกรณมาตรฐานครบ และราคาใช่ ในclass ของมัน
ไม่ใช่ราคาถูก จริง แต่ จอไม่มี กล้องหลังก็ไม่มี
เอาไปยัดไว้บนๆ กับตัวรอง และใส่นู้นนี่เพิ่ม อ้างว่าได้ ของมาก ต้องเพิ่มราคา มากขึ้นไปอีก อย่างมีเหตุผล

แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ มีนาคม 25, 2020, 18:58:12
เป็นคำถามอีกด้าน ที่น่าสนใจครับ

คนทำขาย ทำให้แพงขายดีกว่า คงเหลือรอดยาก ยังไงก้อต้องเป็นเบี้ยให้เค้าเดินครับ กลไกมันเข้าทางหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: kez ที่ มีนาคม 25, 2020, 18:58:55
 คุณเข้าใจ concept eco car ผิด     มันไม่ได้เกี่ยวกับราคา  จะขายเป็นล้านก็ได้

 ถ้าผ่านเกณฑ์การประหยัดน้ำมัน และมลพิษ  มันคือสิทธิทางภาษี
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มีนาคม 25, 2020, 18:58:58
ทำไมคนถึงเข้าใจไรผิดๆนะครับ งง ecocar มันไม่ได้แปลว่ารถถูก แต่มันคือรถประหยัดน้ำมัน รถที่มลพิษน้อยนะครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:03:05
คุณเข้าใจ EcoCar ผิดแล้วละครับ

EcoCar มาจากคำว่า Ecology Car หรือ รถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ Economy Car หรือ รถยนต์ราคาถูก นะครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:05:29
แต่เกรดที่ขายดี  ไม่ใช่รุ่น top นะ  เป็นรุ่นกลางๆ  ซึ่งถ้าเทียบ option มันก็พอๆกับรุ่น top เฟสแรก  หรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: InBkk ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:18:34
มันก็ตั้งแต่ปี 2011 แล้วหนิครับ ที่เขาเน้นบังคับเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง ค่ามลพิษ และจำนวนการผลิตเป็นหลัก ไม่ได้มีการกำหนดเพดานราคาแต่อย่างใด และอีกอย่าง ในมุมคนทำธุรกิจ ถ้าเขาสร้าง Value added ให้สินค้าของตัวเอง แล้วมันขายได้ในราคาที่ดีขึ้น เขาก็ย่อมทำแน่นอน

จริงๆ แล้วประเทศไทยก็เคยมีรถที่ต่ำกว่า Eco car อย่าง Suzuki Celerio มาแล้ว (Segment เดียวกับ Toyota IQ, Hyundai i10, Peugeot 108) แม้จะราคาถูก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: polarman ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:34:41
มีรถ Eco (Ecology) car ขายในประเทศไทยร่วม 10 ปีแล้ว

โปรดเข้าใจกันให้ถูกๆด้วยว่า eco car (ที่เข้าเกณฑ์ของ BOI) คือรถเน้นประหยัดพลังงาน ไม่ใช่รถราคาประหยัด ซึ่งได้สิทธิ์เรตภาษี และไม่ควรไปรวมกับเรื่อง segment
http://www.headlightmag.com/comparing_ecocar1_vs_ecocar2_report/
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: siwakorn ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:50:49
Eco car จะนิยามยังไงก็แล้วแต่ แต่ส่วนตัวผมยังอยากให้มีรถที่ราคาถูแบบ March almera สมัยก่อนครับ ที่ 5แสนก็ได้ตัวกลางๆแล้ว
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ มีนาคม 25, 2020, 19:53:18
มันไม่เคยบอกว่าต้องเป็นรถราคาถูกนี่ครับ เข้าใจอะไรผิดรึปล่าว

มันคือรถมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันเข้าตามมาตรฐานที่กำหนด ความปลอดภัยมีมาให้ เครื่องขนาดไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ ไม่มีข้อไหนราคาต้องถูก
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: bossa26 ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:00:13
1 รัฐวางแผนให้สิทธิประโยชน์ไม่ดี
2 สะท้อนนิสัยคนไทย ไม่ต้องสงสารที่ไม่มีรุ่นถูกหรอก เพราะเค้าทำของขายตามตลาด ตลาดคนไทยเฟ้อ ของพอเพียงไม่ชอบกันหรอก
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: AboveGod ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:00:58
ผมรอวันที่ Eco Car เป็นแบบ ทรงรถซุปเปอร์คาร์ ใส่เครื่อง ยาริสอะไรแบบนี้ ไม่เน้นแรง เน้นสวย  ;D
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:03:38
แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)

เค้าไม่ได้หลอกเราครับ และเราไม่ได้หลงทาง แต่เป็น ตัวของคุณเองที่มีความคิดความเข้าใจผิดๆครับไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน

https://www.asiadirect.co.th/adbnewsdetail.php?newId=163
Eco Car เป็นชื่อเรียกอย่างย่อจากสื่อต่างๆ ที่มาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ Economy Car ไม่ได้เริ่มมาจากแนวคิดที่ว่าเป็นรถราคาประหยัดอย่างที่คุณคิดไปเอง

Ecology Car มีการกฏเกณฑ์มาเพื่อได้รับสิทธิ์ทางภาษี ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ
1.ความประหยัดน้ำมัน
2.การรักษาสิ่งแวดล้อม
3.ความปลอดภัยชั้นนำ
4.ความเหมาะสมต่อการใช้งาน

มาตรฐานเหล่านี้ก็ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคตามเวลา

ความจริงแล้วนั้นรถยนต์อีโค่คาร์ ไม่ใช่รถยนต์ที่มีราคาถูกแต่ไร้คุณภาพ อีโค่คาร์คือรถที่มีมาตรฐานต่างๆรองรับมากมาย เป็นรถที่มีดีที่มาตรฐาน ดังนั้นหากท่านกำลังมองหารถขนาดเล็กเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานรถเยอะมาก เน้นขับในตัวเมือง อีโค่คาร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:28:14
ย้อนกลับไป 2011
ราคาแค่  4-5แสนกว่า

ตอนนี้  6-7แสนกว่า
มันไม่เรียก economy price แล้วนะ

เพราะคนไทยติดหรู ติดแพง  และ ไม่ยอมกัน แข่งกันว่าใครเหนือกว่าใคร เสมอ ใช่ไหม
ควรใส่อุปกรณมาตรฐานครบ และราคาใช่ ในclass ของมัน
ไม่ใช่ราคาถูก จริง แต่ จอไม่มี กล้องหลังก็ไม่มี
เอาไปยัดไว้บนๆ กับตัวรอง และใส่นู้นนี่เพิ่ม อ้างว่าได้ ของมาก ต้องเพิ่มราคา มากขึ้นไปอีก อย่างมีเหตุผล

แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)
ไม่มีใครหลงทางหรอกครับ คุณเข้าใจผิดอยู่ 2 อย่าง

1) eco car หลายท่านคงพูดไปหมดแล้วว่ามันไม่ได้มีความหมายอย่างที่คุณเข้าใจ
2) เงิน 6 แสนในวันนี้ มีค่าไม่เท่ากับเงิน 6 แสนในปี 2011 ดังนั้นมันจึงเป็นการพูดที่ง่ายเกินไปว่าแพงขึ้น แถมยังมีเรื่องของ productivity ของผู้ผลิตที่ทำให้สินค้าพัฒนาขึ้น เคยได้ยินคำพูดนี้ไหมครับ 40 ปีก่อนก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท ตอนนี้ชามละ 30 บาท ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นทั้งที่สมมติให้ productivity ของก๋วยเตี๋ยวไม่เพิ่มขึ้นเลย มันคือธรรมชาติของเศรษฐกิจครับถ้าคุณเข้าใจมัน

ปล. เอาความเข้าใจพื้นฐานให้ถูกต้องก่อนครับ ค่อยคิดเป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ นาๆ มีคนที่เชื่อแบบผิดๆ อยู่อีกเยอะ โดยขาดความรู้ความเข้าใจ ผมถึงไม่ค่อยอยากออกความเห็นในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความรู้มากนัก โลกในปัจจุบันมัน segmentation มากขึ้น ถ้าไม่รู้จริงมักไม่รอด
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:43:16
พี่ลองสังเกตคอมเม้นท์ต่างๆ ใน HLM ดูก็ได้ครับ
ส่วนใหญ่จะเจอคอมเม้นท์ที่ว่าทำไมไม่ใส่นั่นมา ไม่ใส่นี่มา กั๊ก!!!

หรืออีกประเภทคือ จะติดฟิล์มเบอร์อะไรดี สีอะไรดีที่เข้ากับรถ
รุ่นท้อปสีนั้นสีนี้ น่ะครับ

พอเข้าใจมั้ยครับว่า คนไทยส่วนใหญ่ซื้อรถแบบไหนกัน

แบบไหนขายได้ เขาก็ทำขาย
แบบไหนขายไม่ได้ เขาก็เลิกทำขาย แค่นั้นครับ

หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:48:33
Celerio ยังขายอยู่นะ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jinda Ananta ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:51:30
คุณเข้าใจ concept eco car ผิด     มันไม่ได้เกี่ยวกับราคา  จะขายเป็นล้านก็ได้

 ถ้าผ่านเกณฑ์การประหยัดน้ำมัน และมลพิษ  มันคือสิทธิทางภาษี
เห็นด้วยครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: wa330 ที่ มีนาคม 25, 2020, 20:54:34
almelaใหม่ ผมว่ารถดีราคาถูกนะครับ ผมออกตัวEมา ไม่เอาของแถมจุกจิก
เอาแค่ประกันฟิลม์ ได้ส่วนลดสองหมื่นเหลือ489ราคานี้ผมว่าคุ้มไม่แพงแล้ว
มันขับดีกว่าb-seg vios city พอสมควร อัตราเร่งฟิลลิ่งขับแล้วเกือบc-seg 1.8na
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 25, 2020, 21:00:06
ด้วยราคารถ  ข้อกำหนดต่าง ๆ  สเปก อ๊อพชั่น  มันไม่ใช่รถราคาถูกหรอกนะครับ 
   และด้วยราคานี้   ผมไปซื้อรถอื่นดีกว่า  ไม่ซื้อหรอกอิโคคาร์ ใครอยากซื้อก็เชิญ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ มีนาคม 25, 2020, 21:33:04
Celerio ยังขายอยู่นะ

Celerio เลยครับ ราคาถูกจริง ถูกกว่า March ปี 2010 เมื่อ 10 ปีก่อนอีกครับ

สามแสนปลายๆ (ไม่รวมส่วนลด) ได้รถเกียร์ AT แล้ว
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ มีนาคม 26, 2020, 01:34:07
ผมมองว่าคนไทยติดหรู  ติดใหญ่ด้วยแหละ ทำให้รถคันเล็กราคาถูกแบบที่อยู่ในญี่ปุ่น และอินเดียมันเกิดยากในประเทศไทย เห็นแต่ละคนรอบบข้างขับคนเดียวต้องใหญ่ไว้ก่อนทั้งขับไม่เกิน90 ถอยไปชนนู่นนี่ประจำแล้วมาบ่นที่จอดแคบเล็ก
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ มีนาคม 26, 2020, 03:20:47
ผมมองว่าคนไทยติดหรู  ติดใหญ่ด้วยแหละ ทำให้รถคันเล็กราคาถูกแบบที่อยู่ในญี่ปุ่น และอินเดียมันเกิดยากในประเทศไทย เห็นแต่ละคนรอบบข้างขับคนเดียวต้องใหญ่ไว้ก่อนทั้งขับไม่เกิน90 ถอยไปชนนู่นนี่ประจำแล้วมาบ่นที่จอดแคบเล็ก

ผมว่าตรงนี้ไม่ตรงประเด็นหัวข้อสักเท่าไร แต่จะเกี่ยวกับค่านิยมแต่ละประเทศ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน ถูกกำหนดโดยพฤติกรรมการบริโภคของคนส่วนใหญ่และกลไกทางข้อกำหนดและภาษีของรัฐในแต่ละประเทศ กลไกการตลาดก็ต้องดำเนินไปตามนั้น

อีกอย่าง ที่ญี่ปุ่นเก็บภาษีตามขนาดรถยนต์ ซึ่งตรงนี้บิดเบือนกลไกความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค สรุปไม่ได้ว่าคนญี่ปุ่นชอบรถเล็ก เพียงแต่รถเล็ก(K.Car) นั้นราคาถูกกว่าเยอะเพราะอัตราภาษีพิเศษ และได้สิทธิพิเศษในการใช้งานมากกว่า จึงเป็นที่นิยมมากกว่า

แล้วก็แนวโน้มทั่วโลกนั้นเอียงไปทางรถใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากการที่ออกรถรุ่นใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่ทำตลาดก่อนหน้า เป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว นั่นแปลว่าไม่ใช่แค่คนไทยที่ชอบรถใหญ่ขึ้น แต่เป็นคนจำนวนมากในโลกที่ต้องการรถขนาดใหญ่ขึ้น
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ มีนาคม 26, 2020, 08:44:04
1.เหมือนหลายๆท่านบอก eco car คือ ecology car ไม่ใช่ economy car

2.มูลค่าของเงินตามเวลา มันไม่เท่ากัน ใครเรียนการเงินจะรู้ตัวนี้ดี มีสูตรหา pv fv เยอะแยะไปหมด

เงิน 500,000 ในวันนี้ จะมีมูลค่าจริงไม่ถึง 500,000 ในอนาคตครับ

3.eco car ยุคแรกๆที่ถูกๆ เทียบกับ eco car ปัจจุบัน ทั้งออฟชั่น สเป็ค คุณภาพการขับขี่มันก็ต่างกันเยอะนะครับ

4.ตอนปี 2011 eco car ยุคนั้นดูเหมือนถูก แต่ในตอนนั้นมีส่วนลดหลัก 5-6 หมื่น เหมือน eco car ในปัจจุบันไหม

5.รถราคาถูกมากๆตอนนี้ก็มี celerio ไงครับ ถูกกว่า march เมื่อปี 2010 อีก


หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: ariazero ที่ มีนาคม 26, 2020, 08:45:12
ผมนับ รถยุโรป ที่ต่ำกว่า 3 ล้าน เป็น Eco Car

หลักการคล้ายๆกัน แค่ฐานราคามันมากกว่า
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ มีนาคม 26, 2020, 09:05:32
"แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้"

อยากรู้มากกว่าว่าอะไรที่ทำให้ จขกท. มีความเข้าใจถึงแนวคิดผิดๆ แบบนี้
- การ PR ของคนเริ่มโครงการ?
- การตลาดของผู้ผลิตรถยนต์?
- สื่อมวลชนด้านยานยนต์?
- คนรอบข้าง จขกท.?
ฯลฯ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: gumpzgear ที่ มีนาคม 26, 2020, 09:06:33
ถ้าบอกว่ามันแพง ผมว่ามันก็ไม่แพงนะครับ เทียบรถ 6 แสนวันนี้ กับ รถ 6 แสนปี 2000

ออพชั่น สมรรถนะ สิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ไม่มีทางที่จะหาได้จากรถสมัยนั้นเลยนะครับ
นี่ยังไม่นับมูลค่าเงินที่ต่างกัน 20 ปี

เทียบกับ City Type Z Exi ตัวเองปี 2001 ราคา 559,900 บาท ถุงลมนิรภัยยังไม่มีเลยย
1.0 TURBO EL CVT  559,000 บาท ณ วันนี้ ดูออพชั่นเขาสิครับ โอโห

ผู้ผลิตเขาได้สิทธิทางภาษี เขาไม่ได้ลดราคาลง เขาก็ให้ของมาเยอะขึ้น


แบบนี้ไม่เรียกว่าถูก (Value to price) อีกเหรอครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ มีนาคม 26, 2020, 09:51:26
เงินเดือนข้าราชการแรกบรรจุ คุณวุฒิปริญญาโท

2554: 12,xxx
2563: 17,xxx
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 26, 2020, 10:15:19


ก็ยังเข้าใจผิดๆ อีก

แต่ก่อน B-Segment ที่ไม่ใช่ Eco car  มันมีอยู่
รัฐกระตุ้นตลาด ที่พังทลาย จากนโยบายรถคันแรก
ด้วย การให้ โครงการณ์ ซึ่ง โดยมาก จะทำตลาดให้ต่ำกว่า B- segment ในค่าย คือ Eco car เฟส 1 มีเงือนไขึือ การประหยัด และขนาดเครื่องยนต์
เราเลยได้ รถราคาต่ำ สมรรถนต่ำมาด้วย แต่ ได้ความประหยัด และ ความปลอดภัย
รถที่ผลิต ส่วนมากจะเป็นตัวถังพัฒนาใหม่ขนาดเล็กกว่า B-Segment แต่บางค่ายก็เอา B-Segment มาใส่เครื่องยนต์เล็ก
 
พอมา Eco car เฟส 2 ตลาดรถ เริ่มกลับสู้สภาวะปกติ  เงื่อนไขโหดเรื่อยๆ คือ ประหยัดกว่าเดิม มีระบบ VSC บังคับด้วย
บางค่าย เริ่ม ปรับปรุง เอา  B-Segment  มาพัฒนาเครื่องยนต์ พูดง่ายๆ เฟส 2 อาจได้เครื่องยนต์ที่ประหยัด แต่ไม่แรง หรือ ทั้งแรงและประหยัด

คำถามง่ายๆคือ
คุณจะให้รถ  ที่มีแรงม้า 122  ขายเท่า ตัว 100 หรือ 90 แรงม้าเหรอ
ที่คุณไปแต่งรถหมดเป็น แสน เพื่อได้แรงม้า 10 ตัว ทำไมไม่บ่น
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ มีนาคม 26, 2020, 10:58:31
ตัวเริ่ม ราคา 4-5แสนก็ซื้อได้นิ ... อย่าไปมองตัว TOP แล้วบอกว่าแพงดิ ...

มองอย่างเป็นธรรมตามกำลัง 5 แสนก้ซื้อได้แล้วนะ รถที่มี ABS-EBD มาครบๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ราคานี้ไม่มี ABS ให้นะ ...
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Sleepy Boy ที่ มีนาคม 26, 2020, 11:43:39
ตัวเริ่ม ราคา 4-5แสนก็ซื้อได้นิ ... อย่าไปมองตัว TOP แล้วบอกว่าแพงดิ ...

มองอย่างเป็นธรรมตามกำลัง 5 แสนก้ซื้อได้แล้วนะ รถที่มี ABS-EBD มาครบๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ราคานี้ไม่มี ABS ให้นะ ...
+1
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: SRY ที่ มีนาคม 26, 2020, 12:09:16


ก็ยังเข้าใจผิดๆ อีก

แต่ก่อน B-Segment ที่ไม่ใช่ Eco car  มันมีอยู่
รัฐกระตุ้นตลาด ที่พังทลาย จากนโยบายรถคันแรก
ด้วย การให้ โครงการณ์ ซึ่ง โดยมาก จะทำตลาดให้ต่ำกว่า B- segment ในค่าย คือ Eco car เฟส 1 มีเงือนไขึือ การประหยัด และขนาดเครื่องยนต์
เราเลยได้ รถราคาต่ำ สมรรถนต่ำมาด้วย แต่ ได้ความประหยัด และ ความปลอดภัย
รถที่ผลิต ส่วนมากจะเป็นตัวถังพัฒนาใหม่ขนาดเล็กกว่า B-Segment แต่บางค่ายก็เอา B-Segment มาใส่เครื่องยนต์เล็ก
 
พอมา Eco car เฟส 2 ตลาดรถ เริ่มกลับสู้สภาวะปกติ  เงื่อนไขโหดเรื่อยๆ คือ ประหยัดกว่าเดิม มีระบบ VSC บังคับด้วย
บางค่าย เริ่ม ปรับปรุง เอา  B-Segment  มาพัฒนาเครื่องยนต์ พูดง่ายๆ เฟส 2 อาจได้เครื่องยนต์ที่ประหยัด แต่ไม่แรง หรือ ทั้งแรงและประหยัด

คำถามง่ายๆคือ
คุณจะให้รถ  ที่มีแรงม้า 122  ขายเท่า ตัว 100 หรือ 90 แรงม้าเหรอ
ที่คุณไปแต่งรถหมดเป็น แสน เพื่อได้แรงม้า 10 ตัว ทำไมไม่บ่น
122 แต่ตัดออพชั่นออกจนโล้น ก็แพงนะครับ

ถ้างั้น ตัวก่อน ciaz 91 แรงม้า อัลเมร่า 79 แรงม้า ยาริส 86 แรงม้า แอทราจ 78 แรงม้า amaze 90 แรงม้า
เค้ายังทำให้ขายราคาเท่าๆกันได้เลย
พระเจ้า เท่านี้ก็เอา
ยังไง 122 ก็ขายดีอยู่แล้ว อย่าไปแซะเค้าเลย แค่นี้ก็แย่แล้ว ทำดีแค่ไหนก็ผิด ยอดก็เท่านั้น
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: BKK777 ที่ มีนาคม 26, 2020, 13:02:05
ผมว่าเจ้าของกระทู้ก็เข้าใจถูกแล้วนะครับ จุดประสงค์ของโครงการคือ ทั้ง Ecology และ Economy ที่ต้อง Ecology เพราะตอนนั้นน้ำมันแพง  ถ้าน้ำมันลิตรละ 10 บาท รัฐก็จะไปเล่นเรื่องมลภาวะแวดล้อมเพียงอย่างเดียว พร้อมกับราคาที่เหมาะสม

บ้านเรารถแพงก็มีคนพยายามสร้างภาพว่ารถไม่แพง ของเราทั้งแพงแถมได้เครื่องเล็กกว่าเขา..ก็นะ  ตามสมการของโลกใบนี้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด

In October 2011, Nissan launched a new model as the economical saloon car for the Eco-Car project in Thailand, which was named Nissan Almera. The car is a rebadged version of the Nissan Latio (N17), which is based on the company's global V platform. It is equipped with the same 1.2-litre petrol engine (HR12DE) as the Nissan March and has either a five-speed manual or a CVT transmission. The name is also used for the car in Malaysia, Australia, Indonesia, Singapore, Mauritius and Nigeria.
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ มีนาคม 26, 2020, 13:07:41
ผมจำได้ว่ามีคำพูดถึงราคาของรถ  ECO carในกระบวนการจัดตั้งโครงการ

แต่ไม่มีเอกสาร

เท่าที่เห็นก็แค่เอกสารที่บอกว่า ราคาเอื้อมถึง

หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ มีนาคม 26, 2020, 13:50:42
ผมว่าเจ้าของกระทู้ก็เข้าใจถูกแล้วนะครับ จุดประสงค์ของโครงการคือ ทั้ง Ecology และ Economy ที่ต้อง Ecology เพราะตอนนั้นน้ำมันแพง  ถ้าน้ำมันลิตรละ 10 บาท รัฐก็จะไปเล่นเรื่องมลภาวะแวดล้อมเพียงอย่างเดียว พร้อมกับราคาที่เหมาะสม

บ้านเรารถแพงก็มีคนพยายามสร้างภาพว่ารถไม่แพง ของเราทั้งแพงแถมได้เครื่องเล็กกว่าเขา..ก็นะ  ตามสมการของโลกใบนี้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด

In October 2011, Nissan launched a new model as the economical saloon car for the Eco-Car project in Thailand, which was named Nissan Almera. The car is a rebadged version of the Nissan Latio (N17), which is based on the company's global V platform. It is equipped with the same 1.2-litre petrol engine (HR12DE) as the Nissan March and has either a five-speed manual or a CVT transmission. The name is also used for the car in Malaysia, Australia, Indonesia, Singapore, Mauritius and Nigeria.
เรื่องของราคาถูกจำกัดด้วยข้อ จำนวนการผลิต แล้วครับ ดังนั้นผมมองว่าใช้คำว่าราคาเอื้อมถึงก็พอได้อยู่ แต่ถ้าใช้คำว่าราคาถูก ราคาประหยัด ตามที่ จขกท เข้าใจ มันเป็นอีกกลุ่มนึงมากกว่า ดูจากจำนวนที่กำหนดของโครงการแล้วมองว่าเป็นรถ mass จะถูกต้องกว่า ซึ่ง eco car ก็มีทั้งคนที่ทำตลาดล่างไปจนถึงกลาง ส่วนรถแพงๆ หมดสิทธิครับ คงขายได้ไม่ถึงจำนวนที่กำหนดแน่ๆ รถใหญ่ก็ผ่านเกณฑ์ประหยัดได้ยาก
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 26, 2020, 14:42:55
122 แต่ตัดออพชั่นออกจนโล้น ก็แพงนะครับ

ถ้างั้น ตัวก่อน ciaz 91 แรงม้า อัลเมร่า 79 แรงม้า ยาริส 86 แรงม้า แอทราจ 78 แรงม้า amaze 90 แรงม้า
เค้ายังทำให้ขายราคาเท่าๆกันได้เลย
พระเจ้า เท่านี้ก็เอา
ยังไง 122 ก็ขายดีอยู่แล้ว อย่าไปแซะเค้าเลย แค่นี้ก็แย่แล้ว ทำดีแค่ไหนก็ผิด ยอดก็เท่านั้น

Eco car เฟส 1
อัลเมร่า 79  แรงม้า เฟส 1  433,000 – 608,000.
มิราจ  78 แรงม้า 380,000 - 546,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 442,000 – 564,000.
amaze 90 แรงม้า เฟส 1  ราคา 454,000 – 521,000.
ยาริส 86  แรงม้า เฟส 1  469,000-599,900.

Eco car เฟส 2 2020
มิราจ 78 แรงม้า  474,000-619,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 494,000 – 624,000.
Ciaz 91 แรงม้า  2020  ราคา 523,000 - 675,000.
ยาริส  92 แรงม้า 539,000 – 649,000.
ยาริส ATIV 92 แรงม้า 529,000-649,000.
New อัลเมร่า 100 แรงม้า  เฟส 2  490,000 - 639,000.
New City 122 แรงม้า   579,500 - 665,000.  ( Spacial grade 739,000 )


ตั้ง สติ คิด พิจารณา วิเคราะห์แยกแยะ ดูให้ครบๆ ครับ มันมีหลายๆอย่าง ที่มีผลกับราคา
ที่ Eco car เฟส 1 ขนาดรถจะเน้นตัวถังไปที่ตัวถังเล็กกว่า B- Segment ตามที่ผมบอก

ที่ผม งง คือ ทำไม หลายๆคนรุมด่า แต่ Honda ทั้งที่ หากดูตามตาราง เทียบ ให้ครบทุกค่าย เค้าไม่ได้ขายแพงเลย 55555


หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: AgentMolder ที่ มีนาคม 26, 2020, 15:32:23
Eco car

Eco มาจาก Ecology แปลว่า ระบบนิเวศวิทยา แปลภาษาชาวบ้านคือ รถที่ใส่ใจอนุรักษ์ในสิ่งแวดล้อม

ซึ่งก็คือรถที่ปล่อยมลพิษสู่อากาศ ได้ไม่เกินอัตราที่ กม.กำหนด

ไม่ใช่ Economy ที่แปลว่า ระบบเศรษฐกิจ หรือรถราคาถูก เหมาะกับคนไม่ค่อยมีอัฐ



งงตรงที่มีตั้ง 2 พันกว่ากระทู้ แสดงว่าเล่นบอร์ดนี้มานานมาก แต่ไม่รู้จักนิยามของ Eco Car ได้ยังไงนิ

รถคุณจะ 1000 แรงม้าก็ได้ ถ้ามันปล่อยมลพิษไม่เกินที่ กม.กำหนด ก็เรียก Eco car
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: supercat ที่ มีนาคม 26, 2020, 16:00:46
บริษัทต้องทำ spec ให้เข้าเกณณ์ ecology จะได้เข่าข่ายลดหย่อนภาษี จะได้ตั้งราคาได้ economy  รึเปล่า  :-* :-* :-*
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Wongsakorn5558 ที่ มีนาคม 26, 2020, 16:47:00
จขกท เข้าใจนะถูกแล้วครับตอนตั้งโครงการ ความตั้งใจเป็นแบบนั้น ตั้งใจเป็น "Economy car รถราคาประหยัด" มาตั้งแต่ต้น ไม่มี  ecology car หรือ ecology car มาตอน เฟส 2  ก็ไม่แน่ใจ

ตอนแรกเลยมีการตั้งเงื่อนไขตัวรถด้วยซ้ำไปว่า อีโคคาร์จะต้องมีมิติตัวถัง ความกว้างไม่เกิน 1.6 เมตรและความยาวไม่เกิน 3.6 เมตร ต้องประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงไม่ต่ำกว่า 5.6 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร EURO 4 หรือสูงกว่า ปริมาณ CO2 ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร ฯลฯ

แต่ตอนหลังมาแก้ว่า ไม่กำหนดขนาดตัวรถ (ข่าวลื่อว่า มีการกดดันจากค่ายรถค่ายหนึ่ง เพราะไม่ต้องการลงทุนแพลตฟอร์มใหม่) แก้เป็น 5 ต่อ 100 กิโลเมตร **Brio น่าจะจำเหตุการณืนี้ได้ดี**

คหสต นะครับ Eco car มันกลายพันธุ์เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน ไปแล้วครับ เพราะเหตุการณ์ในข่าวลือ ตอนหลังเลยกลายเป็น รถอะไร ก็ได้ เข้าเข้าเกณฑ์ ที่กำหนด ราคาแพง ก็ไม่เป็นอะไร ลืมที่มาไปเสียฉิบ
เพราะถ้ามีการกำหนดขนาดรถใว้ ขนาดรถยังไงก็เป็นตัวกำหนดราคารถ โดยส่วนใหญ่อยู่แล้ว



เพิ่มเติมครับ อ้างอิงเว็ป aic.or.th บทความ BOI : บทบาทสู่ยุคทอง ยานยนต์ไทย

โครงการ “อีโคคาร์” (Eco Car) เริ่มต้นเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 และถูกนำมาผลักดันชัดเจนในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2547 โดยมีนิยามหรือความหมายมาจากคำว่า Economy car หรือรถราคาประหยัด เพื่อให้เป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยนคู่กับ “รถปิกอัพ” ตามแผนยุทธศาสตร์ยานยนต์ไทย ที่วางเป้าหมายประเทศไทยจะต้องผลิตรถให้ได้1.8 ล้านคัน ในปี พ.ศ. 2553

ปี พ.ศ. 2548 กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนชื่อโครงการอีโคคาร์เป็น “ACEs CAR” เพื่อบ่งบอกนิยามของรถ ที่มีความคล่องตัวสะอาด ราคาประหยัดคุ้มค่าราคา และปลอดภัย ซึ่งมาจากคำว่า Agile, Clean, Economical และ Safety รวมกันเป็น ACEs CAR หรือรถยนต์เล็กประหยัดพลังงาน ที่ได้ข้อสรุปสเปกใหม่ให้มีความกว้างไม่เกิน 1.63 เมตร ความยาวไม่เกิน 3.6 เมตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่เกิน 5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ขณะที่มาตรฐานมลพิษยังคงอยู่ที่ระดับยูโร 4 และมาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับยุโรป ส่วนการตั้งราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 350,000 – 400,000 บาท

ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้มีมติเห็นชอบในการเปิดให้การส่งเสริมการ ลงทุนรถยนต์ประเภทนี้ ภายใต้ชื่อ “รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล” โดยกำหนดเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนไว้ 7 ด้าน คือ
1. ไม่กำหนดขนาดของรถยนต์
2. อัตราสิ้นเปลืองไม่เกิน 5 ลิตร/100 กิโลเมตร
3. มาตรฐานมลพิษ EURO 4 หรือสูงกว่า ปริมาณ CO2 ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร
4. มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล คือ UNECE Reg. 94 และ 95 Rev.0 หรือสูงกว่า
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มีนาคม 26, 2020, 16:57:44
ผมว่าเค้าตั้งใจให้รถเล็กเพราะเครื่องจะได้เล็กเลยปล่อยก๊าซต่ำ ประหยัดน้ำมัน มากกว่า ส่วนราคามันเป็นผลพลอยได้ เพราะรถเล็กราคาเลยถูก แต่ยุคหลังเทคโนโลยีดีขึ้น รถใหญ่เครื่องเล็ก หรือเครื่องใหญ่แต่ยังปล่อยก๊าซ ประหยัดน้ำมันอยู่
ผมว่าเค้าตั้งใจให้เป็น ecology แต่แรก เพราะถ้าเน้นรถถูกก็คงดัน K car ที่เครื่องแค่ 1.0 แต่แรกสิ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:02:49
ผมว่าแปะลิงค์ reference ด้วยก็ดีนะ เพราะที่มาแต่ละอันมันไม่ตรงกัน ถ้าอิงจากแหล่งที่ผิดก็ได้ข้อมูลผิด
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Wongsakorn5558 ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:03:59
ผมว่าแปะลิงค์ reference ด้วยก็ดีนะ เพราะที่มาแต่ละอันมันไม่ตรงกัน ถ้าอิงจากแหล่งที่ผิดก็ได้ข้อมูลผิด


https://www.aic.or.th/about-us/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/BOI-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Wongsakorn5558 ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:06:29
ถ้าใครติดตามมานาน จะมีภาพจำตอนตั้งโครงการแรกๆ ครับ ว่าจะมีรถราคาถูก มลพิษน้อย ใครๆ ก็ซื้อหามาใช้ได้ออกขาย
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:06:58
ในลิงค์ก็บอกว่าประหยัดพลังงานนะ
...ประการแรก สานต่อโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์)...
ปล. เรื่องราคาถูก คืนภาษี ลดภาษี คือการสร้างแรงจูงใจให้คนหันมาใช้
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Wongsakorn5558 ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:11:35
ในลิงค์ก็บอกว่าประหยัดพลังงานนะ
...ประการแรก สานต่อโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์)...

ประโยคที่บอก "ประการแรก สานต่อโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล" มันปลายเหตุแล้วครับ
ต้องอ่านจนจบ จะมีการกล่าวถึงที่มาก่อนครับ ว่า "โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล" มันมาจากอะไร


อย่างที่บอกครับ คหสต ที่รถรถราคาประหยัด กลายเป็น รถยนต์ประหยัดพลังงาน เพราะไปเลิกกำหนดขนาดตัวรถครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:15:02
แต่เริ่ม ความตั้งใจหลัก คือ

Eco car ที่เป็น รถขนาดเล็ก รักสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายคือ กลุ่ม ที่มีกำลัง ซื้อน้อย อ้างอิง ตามนี้ครับ


https://www.set.or.th/th/news/download/files/2551/MAI_T_20080708154703.pdf

แต่ ปัจจุบัน
มันก็ยังเป็นรถรถขนาดเล็ก รักสิ่งแวดล้อม อยู้
เพียงแต่บางค่าย อาศัยช่องโหว่ แต่ ก็ถือว่า ได้รถถูกใน Option ที่มากขึ้น

แต่หลายๆค่าย ไม่ได้ สนใจ จุดประสงค์หลักอีกต่อไป คือ กลุ่ม ที่มีกำลัง ซื้อน้อย

เงื่อนไข ประหยัดเป็นข้ออ้างที่จะทำลายกำแพงภาษีให้ต่ำลงไงครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:18:19
นิยามแบบไทยๆ มันต่างกับนิยามของสากล  8)
ปล. จริงๆก็คือประชานิยมมากกว่าจะนึกถึงสิ่งแวดล้อม แต่ความหมายที่ทั่วโลกเข้าใจคือรถที่ประหยัดน้ำมัน
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: jayjung ที่ มีนาคม 26, 2020, 17:22:26
ไขข้อสงสัย เปรียบเทียบ Eco car เฟส1 และ เฟส2 ต่างกันอย่างไร?


http://www.headlightmag.com/comparing_ecocar1_vs_ecocar2_report/
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Ponthakorn ที่ มีนาคม 26, 2020, 20:42:49
122 แต่ตัดออพชั่นออกจนโล้น ก็แพงนะครับ

ถ้างั้น ตัวก่อน ciaz 91 แรงม้า อัลเมร่า 79 แรงม้า ยาริส 86 แรงม้า แอทราจ 78 แรงม้า amaze 90 แรงม้า
เค้ายังทำให้ขายราคาเท่าๆกันได้เลย
พระเจ้า เท่านี้ก็เอา
ยังไง 122 ก็ขายดีอยู่แล้ว อย่าไปแซะเค้าเลย แค่นี้ก็แย่แล้ว ทำดีแค่ไหนก็ผิด ยอดก็เท่านั้น

Eco car เฟส 1
อัลเมร่า 79  แรงม้า เฟส 1  433,000 – 608,000.
มิราจ  78 แรงม้า 380,000 - 546,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 442,000 – 564,000.
amaze 90 แรงม้า เฟส 1  ราคา 454,000 – 521,000.
ยาริส 86  แรงม้า เฟส 1  469,000-599,900.

Eco car เฟส 2 2020
มิราจ 78 แรงม้า  474,000-619,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 494,000 – 624,000.
Ciaz 91 แรงม้า  2020  ราคา 523,000 - 675,000.
ยาริส  92 แรงม้า 539,000 – 649,000.
ยาริส ATIV 92 แรงม้า 529,000-649,000.
New อัลเมร่า 100 แรงม้า  เฟส 2  490,000 - 639,000.
New City 122 แรงม้า   579,500 - 665,000.  ( Spacial grade 739,000 )


ตั้ง สติ คิด พิจารณา วิเคราะห์แยกแยะ ดูให้ครบๆ ครับ มันมีหลายๆอย่าง ที่มีผลกับราคา
ที่ Eco car เฟส 1 ขนาดรถจะเน้นตัวถังไปที่ตัวถังเล็กกว่า B- Segment ตามที่ผมบอก

ที่ผม งง คือ ทำไม หลายๆคนรุมด่า แต่ Honda ทั้งที่ หากดูตามตาราง เทียบ ให้ครบทุกค่าย เค้าไม่ได้ขายแพงเลย 55555
mazda 2 ละครับ เบนซินก็ได้ ทำไมถึงขาย 690000 บาท ถ้าคุณบอกว่าแรงม้าเยอะต้องขายแพง
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 26, 2020, 22:44:26
122 แต่ตัดออพชั่นออกจนโล้น ก็แพงนะครับ

ถ้างั้น ตัวก่อน ciaz 91 แรงม้า อัลเมร่า 79 แรงม้า ยาริส 86 แรงม้า แอทราจ 78 แรงม้า amaze 90 แรงม้า
เค้ายังทำให้ขายราคาเท่าๆกันได้เลย
พระเจ้า เท่านี้ก็เอา
ยังไง 122 ก็ขายดีอยู่แล้ว อย่าไปแซะเค้าเลย แค่นี้ก็แย่แล้ว ทำดีแค่ไหนก็ผิด ยอดก็เท่านั้น

Eco car เฟส 1
อัลเมร่า 79  แรงม้า เฟส 1  433,000 – 608,000.
มิราจ  78 แรงม้า 380,000 - 546,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 442,000 – 564,000.
amaze 90 แรงม้า เฟส 1  ราคา 454,000 – 521,000.
ยาริส 86  แรงม้า เฟส 1  469,000-599,900.

Eco car เฟส 2 2020
มิราจ 78 แรงม้า  474,000-619,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 494,000 – 624,000.
Ciaz 91 แรงม้า  2020  ราคา 523,000 - 675,000.
ยาริส  92 แรงม้า 539,000 – 649,000.
ยาริส ATIV 92 แรงม้า 529,000-649,000.
New อัลเมร่า 100 แรงม้า  เฟส 2  490,000 - 639,000.
New City 122 แรงม้า   579,500 - 665,000.  ( Spacial grade 739,000 )


ตั้ง สติ คิด พิจารณา วิเคราะห์แยกแยะ ดูให้ครบๆ ครับ มันมีหลายๆอย่าง ที่มีผลกับราคา
ที่ Eco car เฟส 1 ขนาดรถจะเน้นตัวถังไปที่ตัวถังเล็กกว่า B- Segment ตามที่ผมบอก

ที่ผม งง คือ ทำไม หลายๆคนรุมด่า แต่ Honda ทั้งที่ หากดูตามตาราง เทียบ ให้ครบทุกค่าย เค้าไม่ได้ขายแพงเลย 55555
mazda 2 ละครับ เบนซินก็ได้ ทำไมถึงขาย 690000 บาท ถ้าคุณบอกว่าแรงม้าเยอะต้องขายแพง

คำถาม คุณคืออะไรละครับ
mazda 2 1.3 93 แรงม้า เป็น เฟส 2 คันแรกของไทย ราคา 546,000 - 690,000
เปิดตัว ราคา มา สูงกว่า เฟส 1 ทุกค่าย ทำไม ขายดี

New CITY
122 แรงม้า   579,500 - 665,000.  ( Spacial grade 739,000 )

มันก็ไม่ได้แพงกว่า กันสักเท่าไหร่ ทำไม คนในนี้โวยวายเยอะจัง

อะสรุปให้อีกที เฉพาะ เฟส 2

Eco car เฟส 2 2020
mazda 2 1.3 93 แรงม้า เป็น เฟส 2 คันแรกของไทย ราคา 546,000 - 690,000.
มิราจ 78 แรงม้า  474,000-619,000.
แอทราจ 78 แรงม้า ราคา 494,000 – 624,000.
Ciaz 91 แรงม้า  2020  ราคา 523,000 - 675,000.
ยาริส  92 แรงม้า 539,000 – 649,000.
ยาริส ATIV 92 แรงม้า 529,000-649,000.
New อัลเมร่า 100 แรงม้า  เฟส 2  490,000 - 639,000.
New City 122 แรงม้า   579,500 - 665,000.  ( Special grade 739,000 )

พอ Grop เฉพาะ เฟสสอง จะเห็นภาพเลย อะไรที่ ราคามันสูง มันก็มีเหตุผลของมัน mazda 2  ขายดีทั้งที่แพงกว่าชาวบ้าน
ถ้า honda อยากขาย ราคาเท่า ต่ำ เค้าก็ทำได้ แต่อย่าลืม นี้คือ city เค้ามี กลุ่มลูกค้า และ กลุ่มกำลังซื้ออยู่แล้ว
รถ รุ่นนึง มันก็มี หลายเกรด แต่ไม่ดูตัวเริ่ม ไปดูแต่ตัว สูงแล้วก็โวยวายกัน

หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: monsterjeff ที่ มีนาคม 27, 2020, 05:21:20
Toyota Honda Nissan SAIC พวกน้ี้เป็นบริษัทจำกัด กำไรสูงสุดคือเป้าหมายผู้ถือหุ้น
ลูกค้าชอบ อยากได้อะไร จัดได้ครับ คงไม่มีใครออกรถที่ไม่มีใครซื้อ นอกจากอ่านตลาดผิดหรือสู้เขาไม่ได้

ขอตอบว่าแบบไม่เต๊มปากว่า หลงทาง ไม่ว่า ECO หรือ EGO
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Sympho ที่ มีนาคม 27, 2020, 10:16:22
ของแพงขึ้น ค่าแรงขึ้น ค่าเงินลดลง

ราคามันก็ปรับขึ้นเป็นปกติ

Eco Car ยุคนี้ กับ Eco Car รุ่นแรก หลายๆอย่างมันต่างกันพอสมควรนะครับ ราคาเพิ่มมาก็สมเหตุสมผลแล้วนะ

หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มีนาคม 27, 2020, 10:58:32
ผมมองว่าเพราะนิสัยคนไทยครับ ซื้อรถคันเดียว แต่อยากได้ทุกอย่าง ทั้งหน้าตาในสังคม ประหยัด แรง option ขนคน ขนของได้เยอะ แล้วรถราคาถูกๆ ที่ไหนจะตอบโจทย์พวกนี้ได้
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: TCP ที่ มีนาคม 27, 2020, 12:21:57
ย้อนกลับไป 2011
ราคาแค่  4-5แสนกว่า

ตอนนี้  6-7แสนกว่า
มันไม่เรียก economy price แล้วนะ

เพราะคนไทยติดหรู ติดแพง  และ ไม่ยอมกัน แข่งกันว่าใครเหนือกว่าใคร เสมอ ใช่ไหม
ควรใส่อุปกรณมาตรฐานครบ และราคาใช่ ในclass ของมัน
ไม่ใช่ราคาถูก จริง แต่ จอไม่มี กล้องหลังก็ไม่มี
เอาไปยัดไว้บนๆ กับตัวรอง และใส่นู้นนี่เพิ่ม อ้างว่าได้ ของมาก ต้องเพิ่มราคา มากขึ้นไปอีก อย่างมีเหตุผล

แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)

ไปเอาความเชื่อนี้ มาจากไหนครับ ??

โปรดทราบไว้นะครับ ว่า ... ECO CAR ไม่ใช่ .. Economy Car (รถราคาถูกๆ) นะครับ

แต่มาจากคำว่า  Ecology Car (รถเพื่อสิ่งแวดล้อม) .. ครับ  - ประหยัดน้ำมัน ก่อมลพิษต่ำ
รัฐเค้าให้นโยบายนี้ แล้วตั้งใจจะเน้นให้เป็น Product Champion (สินค้าตัวหลักตัวสำคัญ) ชิ้นที่ 2
ต่อจาก รถกระบะ 1 ตัน ที่เป็น Product Champion ตัวแรก ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยครับ

แล้ว .. อีกเรื่องนะ ..  รู้จักคำว่า .. " มูลค่าเงิน " มั้ยครับ ??

เงิน 100 บาท เมื่อปี 2010 (ปีที่ออก ECOCAR รุ่นแรก คือ Nissan March)
วันนั้น มันยังซื้อ ข้าวกล่องได้ 3 กล่อง แล้วยังมีเงินทอนเหลือมาให้ 10 บาทนะครับ
เพราะ ราคาข้าวกล่อง 1 กล่อง สำหรับ 1 คน มันยังราคาแค่ 30 บาทครับ

ไม่ใช่ราคา 40-45 บาท/กล่อง อย่างปัจจุบัน (ปี 2020) นี้  ครับ

เคลียร์มั้ยครับ ..

ยังมีอะไรสงสัยอีกมั้ยครับ ..
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: TCP ที่ มีนาคม 27, 2020, 12:32:25
แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)

เค้าไม่ได้หลอกเราครับ และเราไม่ได้หลงทาง แต่เป็น ตัวของคุณเองที่มีความคิดความเข้าใจผิดๆครับไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน

https://www.asiadirect.co.th/adbnewsdetail.php?newId=163
Eco Car เป็นชื่อเรียกอย่างย่อจากสื่อต่างๆ ที่มาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ Economy Car ไม่ได้เริ่มมาจากแนวคิดที่ว่าเป็นรถราคาประหยัดอย่างที่คุณคิดไปเอง

Ecology Car มีการกฏเกณฑ์มาเพื่อได้รับสิทธิ์ทางภาษี ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ
1.ความประหยัดน้ำมัน
2.การรักษาสิ่งแวดล้อม
3.ความปลอดภัยชั้นนำ
4.ความเหมาะสมต่อการใช้งาน

มาตรฐานเหล่านี้ก็ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคตามเวลา

ความจริงแล้วนั้นรถยนต์อีโค่คาร์ ไม่ใช่รถยนต์ที่มีราคาถูกแต่ไร้คุณภาพ อีโค่คาร์คือรถที่มีมาตรฐานต่างๆรองรับมากมาย เป็นรถที่มีดีที่มาตรฐาน ดังนั้นหากท่านกำลังมองหารถขนาดเล็กเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานรถเยอะมาก เน้นขับในตัวเมือง อีโค่คาร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

งงกับ ข้อความที่คุณลอกเอามาตอบมาก

เกณฑ์ 4 ข้อ มันชัดเจนเลยว่า ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม + ต้องประหยัดพลังงาน + มาตรฐานความปลอดภัยสูง + อีกข้อนึง
แต่ในข้อความ มีช่วงนึงระบุว่า " Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รถยนต์ประหยัดพลังงาน ... " <<< มันจะไม่ใช่ ได้ยังไง !! !!

จะไป copy ข้อความเค้ามาตอบ ก็อ่าน แล้วก็แก้ไขให้ถูกๆ หน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: หมดยุค ของถูก ในนิยาม Eco Car แล้วใช่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 27, 2020, 12:36:54
ย้อนกลับไป 2011
ราคาแค่  4-5แสนกว่า

ตอนนี้  6-7แสนกว่า
มันไม่เรียก economy price แล้วนะ

เพราะคนไทยติดหรู ติดแพง  และ ไม่ยอมกัน แข่งกันว่าใครเหนือกว่าใคร เสมอ ใช่ไหม
ควรใส่อุปกรณมาตรฐานครบ และราคาใช่ ในclass ของมัน
ไม่ใช่ราคาถูก จริง แต่ จอไม่มี กล้องหลังก็ไม่มี
เอาไปยัดไว้บนๆ กับตัวรอง และใส่นู้นนี่เพิ่ม อ้างว่าได้ ของมาก ต้องเพิ่มราคา มากขึ้นไปอีก อย่างมีเหตุผล

แรกเริ่มของแนวคิด Eco car เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและ ทัดเทียมกัน สามารถ มีรถเปนของตัวเองได้

ตอนนี้ข้าวยาก หมากแพง แต่ eco car ราคา b seg กันหมดแล้ว
สรุปเค้าหลอกเรา
หรือ  เราหลงทาง     ;)

ไปเอาความเชื่อนี้ มาจากไหนครับ ??

โปรดทราบไว้นะครับ ว่า ... ECO CAR ไม่ใช่ .. Economy Car (รถราคาถูกๆ) นะครับ

แต่มาจากคำว่า  Ecology Car (รถเพื่อสิ่งแวดล้อม) .. ครับ  - ประหยัดน้ำมัน ก่อมลพิษต่ำ
รัฐเค้าให้นโยบายนี้ แล้วตั้งใจจะเน้นให้เป็น Product Champion (สินค้าตัวหลักตัวสำคัญ) ชิ้นที่ 2
ต่อจาก รถกระบะ 1 ตัน ที่เป็น Product Champion ตัวแรก ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยครับ

แล้ว .. อีกเรื่องนะ ..  รู้จักคำว่า .. " มูลค่าเงิน " มั้ยครับ ??

เงิน 100 บาท เมื่อปี 2010 (ปีที่ออก ECOCAR รุ่นแรก คือ Nissan March)
วันนั้น มันยังซื้อ ข้าวกล่องได้ 3 กล่อง แล้วยังมีเงินทอนเหลือมาให้ 10 บาทนะครับ
เพราะ ราคาข้าวกล่อง 1 กล่อง สำหรับ 1 คน มันยังราคาแค่ 30 บาทครับ

ไม่ใช่ราคา 40-45 บาท/กล่อง อย่างปัจจุบัน (ปี 2020) นี้  ครับ

เคลียร์มั้ยครับ ..

ยังมีอะไรสงสัยอีกมั้ยครับ ..

เอา จริงๆ รัฐก็ไม่ได้ ระบุ ชีชัดนะครับ ว่ามันจะเป็น  Economy หรือ Ecology
เอาจริงๆ มันคือ ทั้งคู้นั้นละครับ
ตาม จุดประสงค์ ที่ต้องการรถ ราคาต่ำ เพื่อ คนรายได้ต่ำในตอนมันเกิดเฟส1 โดยเอา การประหยัดมาทำลายกำแพงภาษี
โดยมีการจำกัดให้ลดมีขนาดเล็กนะครับ เพื่อที่ จะเป็น Segment ที่ราคาต่ำกว่า B-Segment ทั่วไป

แต่นะ เฟส ปัจจุบัน มันเป็น Ecology เต็มตัวโดยไม่สน Economy แล้ว
แล้ว แต่ไป ก็จะไม่มีมีคำนี้แล้ว เพราะ มันกลยมาเป็น  B-Segment  เต็มตัว ไม่ต้องเรียก Eco car อีกต่อไป