Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: AkE ที่ กรกฎาคม 15, 2020, 16:50:13
-
ตามหัวข้อเลยครับมาแชร์กัน เอาเฉพาะรถที่ใช้อยู่ จะคันที่ใช้ประจำหรือคันอื่นๆที่คนในบ้านใช้ในตอนนี้
ก้ได้ครับ ไม่เอารถที่ขายไปแล้วหรือรถที่จองไว้หรือกำลังจะซื้อนะครับ แชร์สิ่งที่ชอบและไม่ชอบกันหน่อยนะครับ
จะรถเดิมๆหรือแต่งอะไรเพิ่มก้ระบุได้นะครับ แชร์กันครับ ขอบคุณครับ ของผมประมาณนี้
1. Accord G10 1.5T
Good
-เครื่องยนต์ remap มาแล้วขับสนุกครับ อัตราเร่งมาต่อเนื่องดี top speed ไหลพอสมควร
-ใส่ล้อ 19 ยางดีๆไป เกาะถนนดีและน้ำหนักพวงมาลัยกำลังดีมากๆครับ เป็นรถที่แต่งสวยของแต่เพียบ
-ภายในดีไซน์ทันสมัยดี เบาะคู่หน้าสบาย หลังโอเค
Bad
-ยางติดรถ primacy 3 ควรเลิกใช้ได้แล้วครับ ไม่รองรับกับเครื่องยนต์เลย ยิ่งถ้ารถ remap ยางไม่ไหวกับแรงม้า แรงบิดแน่นอน
-option น้อยไปหน่อย สำหรับผม ไม่ได้อยากได้พวก sensing แต่ไฟตัดหมอก, ปุ่มปรับเบาะแบบรุ่นไฮบริด ควรมีครับ
2. C-HR hybrid mid
Good
-ประหยัดน้ำมันมาก แบบลืมเติมน้ำมันได้เลย ถ้าขับในเมืองหรือไม่เกิน 100km/h
-ช่วงล่างดีงาม เทียบกับรถระดับเดียวกันถือว่าคุ้มราคาครับ ต้องขับใส่โค้งแรงๆจริงๆถึงจะมีอาการ
-ดีไซน์ภายในโอเค มีเอกลักษณ์ดีครับ
Bad
-เครื่องยนต์ ค่อนข้างอืด ไม่แย่มากแต่ควรมีกำลังมากกว่านี้หน่อย
-ถ้าขับเกิน 120km/h รถกินน้ำมันไม่เบาเลยยิ่งถ้าขับ 140+ น้ำมันลดลงเร็วมากครับ เร็วกว่า 2.0 hybrid ของยี่ห้อคู่แข่งเยอะเลย
-เบาะด้านคนขับควรมีไฟฟ้าให้ครับและเบาะคู่หน้าที่รองนั่งสั้น ตำแหน่งการขับไม่ค่อยsport แบบ design ของรถ corolla cross กลับมีตำแหน่งนั่งขับที่ sport กว่า
-ไม่มีที่แขวนผ้าหรือศาสดา ด้านประตูคู่หลัง ตอนแรกเหมือนไม่จำเป็นแต่พอจะใช้ก้แย่เหมือนกันครับ
3. Accord G10 hybrid tech
Good
-อัตราเร่งช่วง 0-160 ถ้าแบตเตอรี่เกินครึ่งถือว่าดีเลยครับ
-อาการหนักแบตแล้วหน้าลอยๆแบบ G9 hybrid หายไปแทบหมด ไม่ค่อยรู้สึกครับ
-option ครบสมกับเป็นรุ่นบนสุดครับ
-ประหยัดน้ำมันพอได้ในการขับทุกๆแบบ ทั้งช้าและเร็ว
-น้ำหนักพวงมาลัยและการทดอยู่จุดที่กำลังดีเลยครับ
Bad
-ถ้าแบตเหลือในระดับต่ำ อัตราเร่งหายเยอะครับเกือบๆเหมือนรถคนล่ะคัน
-top speed ต่ำไปหน่อย น่าจะไปล้อคประมาณ 210 km/h แต่นี่ก้ปกติของรถไฮบริด ญี่ปุ่น ล้อค 180-195km/h
4. Colorado highcountry storm 4x2 2.5
Good
-อัตราเร่งโอเค remap แล้วถือว่าเป็นรถที่ขับโอเคเลยครับ
-option โอเคเลยสำหรับการเป็นรถกระบะ4ประตูคันนึง
-ได้มาตอนลดราคา ราคาโอเคมากๆ (อันนี้ไม่เกี่ยวเท่าไหร่ 555)
-ศูนย์บริการถึงตอนนี้พอใช้ได้ ยังบริการพอได้ ไม่ดีมากแต่ไม่แย่แต่ต่อไปคงต้องหาอู่
Bad
-Design คอนโซลหน้าดูโบราณไปหน่อยสำหรับรถยุคนี้
-เสียงเครื่องยนต์เข้าห้องโดยสารเยอะไปหน่อยครับ
-การที่ระบบรถเปิดกระจกทุกๆครั้งที่เปิดประตูคู่หน้า ทำให้กระจกไฟฟ้ารถรวนทั้งๆที่รถยังใหม่
-หม้อน้ำระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดีถ้าขับเร็วเกิน140+ นานๆ ความร้อนค่อนข้างสูง ต้องเปลี่ยนใช้น้ำมันเครื่องตัวดีๆเพื่อคุมอุณหภูมิให้ดีกว่าน้ำมันเครื่องศูนย์แต่โดยรวมก้ยังสูงอยู่ดี
5. City 1.0T RS
Good
-อัตราเร่งดีครับ ต่อเนื่องพอได้ ถ้าเทียบกับรถในระดับใกล้ๆกันในตลาด
-ถ้าขับในเมืองและขับไม่เร็ว ช่วงล่างนุ่มนิ่ม ถือว่าสบายเลยครับ
-พวงมาลัยน้ำหนักดี ทดกำลังดีถือว่าลงตัวสุดในกลุ่มระดับเดัยวกันนะผมว่า
Bad
-ช่วงล่างถ้าขับเข้าโค้งแรงๆย้วยครับ ถือว่าน่ากลัวพอสมควร
-คอนโซลหน้า หน้าตาไม่ทันสมัยครับดูมีความรถเน้นตลาดอินเดียพอสมควร
-กล้องถอยหลังลดต้นทุนจนไม่ชัด ผมว่าเว่อไปมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
6. MG HS 1.5 turbo x
Good
-เบาะด้านหลังนั่งสบายมากครับ
-ช่วงล่างโอเค เวลาใช้ความเร็ว ยางที่ติดรถมาช่วยได้เยอะ แต่เวลาขับช้าผมมองว่าแข็งไปหน่อย
-ลูกเล่นไฟในห้องโดยสารสวยใช้ได้
Bad
-Option ที่มีเยอะแยะใช้ได้จริงบ้างไม่จริงบ้าง อุปกรณ์ยังรวนอย่างที่เป็นข่าวจริงๆ
-เครื่องยนต์เทคโนโลยียังล้าหลัง กินน้ำมันเยอะและอัตราเร่งไม่ดีเท่าที่ควร
-จอกลางเหมือมีไว้โชว์มากกว่าใช้ ใช้งานจริงไม่ค่อยดีเท่าไหร่
-รถวิ่ง 6000km เกียร์กระตุกมากอาการลักษณะเดียวกับ fiesta คนใช้ประจำชอบคันนี้ก้ต้องทนใช้ไป
โดยรวมรถผมเองกับของครอบครัวผม ผมโอเคทุกคันนะมี HS คันเดียวที่ผมมองว่ามันมีออปชั่นมาเน้นขายแต่ยังขาดเรื่องพื้นฐานของการเป็นยานพาหนะคันนึงที่ดี 5555 คนใช้ประจำเค้ารับได้ก้ตามนั้นครับ
-
น่าสนุกดีขอร่วมแชร์ครับ รถทุกคันนี้ผมใช้เองมือเดียว
Edit ลืมตอบคำถามว่าพอใจแค่ไหน ก็พอใจมากครับแต่ความฝันยังไม่เติมเต็ม อยากได้รถไฟฟ้าขับสนุกแบบ Porsche Taycan หรือ รถ ICE V8 V10 สักคันครับ ตอนนี้ก็ขับเท่าที่มีเก็บตังต่อไป
1) 2008 - Toyota Camry 2.0 G
ตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้แล้วครับ เป็นรถคันแรก
ข้อดี
1. คันใหญ่นั่งสบาย เก็บของได้เยอะ เหมาะกับครอบครัว
2. แอร์เย็นมากๆ ถึงจะร้อนแค่ไหนขึ้นรถเปิดแอร์แปปเดียวสบาย
3. ไม่จุกจิกเลย ไม่เคยซ่อมใหญ่เลย ยกเว้นช่วงล่างที่เอาไปทำมาใหม่หมด
ข้อเสีย
1. เรื่อง entertainment ล้าสมัยไปแล้ว เสียบ usb เชื่อมต่อ bluetooth ไม่ได้
2) 2014 - Mercedes Cls 250 cdi
รถสำรองจอดไว้ที่คอนโด
ข้อดี
1. รถดีเซล อัตราเร่งตีนต้นทันใจ
2. ในยุคนั้นถือว่ารูปลักษณ์ภายนอกดูสวยถูกใจ
ข้อเสีย
1. รถค่อนข้างเตี้ย เข้าออกลำบาก
3) 2018 - Volvo XC60 T8
รถหลักใช้งานทุกวัน
ข้อดี
1. รถถ่าน ประหยัดน้ำมัน
2. อัตราเร่งตีนต้น ถูกใจชาวเมือง
3. ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ช่วยผมพ้นอุบัติเหตุมาหลายครั้ง
4. เครื่องเสียงจัดว่าดีมาก ฟังเพลินอยากอยู่ในรถนานๆ
ข้อเสีย
1. ต้องชาร์จไฟบ่อยมากๆ ถ้าจะประหยัดจริงต้องชาร์จทุกวัน
2. ระบบช่วงล่าง โดยเฉพาะเบรค เอาความแรงของรถไม่อยู่ น่าจะเอาไปอัพเกรด
4) 2020 - Mecedes C43 w205 (Facelift)
รถขับเล่น
ข้อดี
1. เอาไปรีแมพ จูน แต่งเล็กๆน้อยๆ stage 1 ได้อัตราเร่ง 0-200 เร้าใจ (แต่ปกติก็ขับแค่ 120)
2. ช่วงล่างแข็ง เบรคเอาอยู่
3. คันเล็ก คล่องตัว
ข้อเสีย
1. ช่วงล่างมันแข็งเกินไป เหมาะกับขับคนเดียว หากมีคนนั่งไปด้วยจะชอบถูกถามว่านี่เบนซ์หรอ
2. กินน้ำมัน (อาจเพราะชอบเร่งๆเบรคๆ ตามกำลังเครื่อง)
-
เพิ่งออก Camry 2.0G มายังไม่ถึง 4 เดือน โดยรวมแล้วชอบ เมียชอบ แม่ยายชอบ
ที่ไม่ชอบคือ option จะกั๊กไปไหน
-
CR-V G3 2.0 S 2WD
ชอบ
- โช้ค Bilstein B6 / กันโคลงหน้าหลัง Ultra racing 23 มม / ค้ำหน้า / ยาง 18 ML Lattitude Sport 3
- ช่วงล่างแข็ง แต่เกาะถนนดีมาก ยัดได้ทุกโค้ง สาดแรงๆ สะบัดพวงมาลัยในโค้ง มีท้ายออก แต่เอาอยู่แก้คืนไม่ยาก
- พวงมาลัยหนัก นิ่ง และ คม
- เบรค Dixcel ทั้งจานและผ้า ความมั่นใจเหลือเฟือ
- เบาะท่านั่งดี นั่งห้อยขา
- ทัศนวิสัยรอบด้านเยี่ยม ถอยจอดที่แคบง่าย
- ช่องเก็บของเยอะแยะไปหมด
- เครื่อง เกิน 80 ขึ้นไป หายห่วง พุ่งดี
- รถ ออกแบบให้ service ด้วยตัวเองง่าย อะไหล่หลายชิ้น แยกชิ้นเล็กชิ้นน้อยขาย (เช่น ปีกนก)
ไม่ชอบ
- กินจุไปหน่อย สำหรับรถสมัยนี้ ทางไกล 13 เอง
- ออกตัวอืดอาด จังหวะลอยตัว ยกคันเร่ง แล้ว กดซ้ำ จะอืด ทอร์คหาย
- อายุเริ่มเยอะ รายการซ่อมเลยมา แพงๆทั้งนั้น ไดชาร์จ 2 หมื่น / แร็ค 3.8 หมื่น
Pulsar 1.6 DIG Turbo
ชอบ
- เบาะ Recaro SR11 / Tein Street Advance Z / ค้ำหน้า Ultra racing
- อัตราเร่งหายห่วง แตะเป็นพุ่ง แซงฉุกเฉินไม่มีอะไรต้องกังวล ขับทางไกล ทำเวลาดีมาก (จังหวะมุด ไม่ต้องรอ)
- เบาะ Recaro ทำให้การขับรวดเดียวพันกว่ากม. เป็นเรื่องสบายๆ
- เก็บเสียงเงียบมาก
- แอร์เย็นฉ่ำ
ไม่ชอบ
- เบาะติดรถแย่มาก ปวดหลัง ไม่มีดันหลัง แถมปวดหลัง เพราะไม่รับไหล่
- ช่วงล่าง นิสัยคานแข็งมั้ง ท้ายชอบออก เวลาโดดเนิน เกาะถนนยังไม่ดีเท่าที่หวัง เทียบ Civic FD ใส่ Tein เหมือนกัน ยังทำได้ดีกว่า ไม่ต้องเทียบ CRV ยังห่างชั้นอีกมาก
- เบรค Dixcel เหมือนกันเป๊ะ แต่ประสิทธิภาพต่างจาก CRV น่าจะเกิน 30%
- ช่องเก็บของหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ขับทางไกลที ของวางเต็มเบาะหน้าซ้าย
- ทัศนวิสัยไม่ดี ถอยหลังลำบาก (ตั้งแต่เบาะเดิมละ) วงเลี้ยวกว้างกว่า CRV
- ดีไซน์มาไม่เผื่อการซ่อมบำรุงด้วยตัวเอง จะเติมน้ำมันเบรค / เปลี่ยนกรองแอร์ ทำได้ยากมาก
- อะไหล่หลายตัวไม่ทนเลย กระจกมองหลังหัก / ลูกปืนเบ้าดัง / เสาอากาศหัก อะไหล่จับชิ้นไหนก็ made in China (แต่ CRV Japan เกือบทั้งคัน)
- ศูนย์ห่วยกว่าเยอะ
- ergonomic สอบตก การวางสวิทช์ การใช้งาน สู้ CRV ไม่ได้ ทั้งที่คันเล็กกว่า น่าจะจับ จะเอื้อมได้ดีกว่า แต่ดันตรงข้าม
- เกียร CVT ความร้อนสูง รถติด ทางชัน ลุ้นแล้วลุ้นอีก จะพุ่งแตะ 100 องศาให้ได้
-
Vios 1.5G 2014
ข้อดี ไม่ต้องผ่อนแล้ว ไปจากจุด A ไปจุด B ไม่ต้องกังวลอะไรนัก สมเป็น Car Normal
ข้อเสีย เล็กไปกับการใช้งานเป็นรถครอบครัว 4 คน เด็กทั้งสองก็โตขึ้นทุกวัน + อยากได้ฟอร์จูนเนอร์แต่ไม่พร้อม คงอีกนาน
Honda Wave 110i
ข้อดี เหมือนวีออส
ข้อเสีย อืด + อยากได้ MSX มากกว่ากะจะซื้อละเจอพิษโควิทซะก่อน โอทีที่หายไปคงเกือบซื้อสดได้ละ
-
BRZ 2018
ข้อดี
-น้ำหนักพวงมาลัยและฟีลลิ่งดีมาก ดีกว่าทุกคันที่เคยลองขับมาในชีวิต
-ประหยัดน้ำมันรับได้ กลาง ๆ
-ตอนแรกอยากโหลดเตี้ย แต่สุดท้ายรับได้ พอใจกับช่วงล่างแบบนี้ ถึงจะไม่สวยก็เถอะ
-คนมอง เด่นมาก คันเดียวในจังหวัดนี้
-ขับในชีวิตประจำวันได้ ทางไกลไม่เมื่อย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ข้อเสีย
-ขึ้นลงยาก ถึงจะชินแล้วก็ยังยาก ไม่สามารถวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็วเวลาฝนตก
-เก็บเสียงแย่ เสียงเครื่องในรอบสูงอยู่ในโทนหนวกหู ไม่เพราะ เดือดร้อนต้องเปลี่ยนท่อไอเสียมากลบเสียงที่ว่า
-ไม่แรงมาก จะแซงใครต้องวางแผน ต้องรอบคอบ
-เตี้ยมาก ก้มหยิบของจากข้างนอกรถไม่ถนัด
-เบาะหลังแทบจะนั่งไม่ได้ ลำบากใจมากเมื่อต้องนั่ง 3 คนในรถ การนั่ง 4 คนแทบเป็นไปไม่ได้
-ฝาท้ายปิดยาก ต้องปิดแรง ๆ ถึงจะสนิท
-
E300 coupe 2018
ข้อดี
-ภายนอกสวยงาม โดนเฉพาะด้านท้าย ไม่มีเสา B-pillar
-คนใช้น้อย ไม่เกลื่อน โดดเด่น
-ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย
-Cockpit และ Infotainment สวยงามหรูหรา ลูกเล่นเยอะ ใช้งานง่าย
-เครื่องเสียง Burmester เสียงดีงาม 13 ลำโพง
-ช่วงล่างนุ่มสบาย วิ่งทางตรงมั่นคงหนักแน่น 200+ยังนิ่งๆ
-Sport Exhuast system เสียงเพราะกำลังดี เพิ่มความเร้าใจ เสียงไม่แว๊นเกินไป
ข้อเสีย
-ขนาดตัวถังค่อนข้างใหญ่ ไม่คล่องตัวมาก
-ความสูงตัวรถสูงเกินไป เกือบเท่า Sedan ไม่สวยเท่าที่ควร
-ช่วงล่างค่อนไปทางนิ่มนวล บู๊ไม่ได้สนุกมาก มีท้ายออกและโยนๆ
-เครื่อง 2.0T 245 HP ความแรงน้อยไปหน่อยสำหรับรถระดับนี้ แต่หนีรถบ้านและกระบะดันรางสบายๆ
-
D-max 2010
ข้อดี - ไม่ค่อยมีอะไรพังเลยตอนใช้งาน มีแค่ SCV ที่เคลมฟรีไปแล้วก็ไม่มีอาการเดิมอีกเลย
ข้อเสีย - ช่วงล่างมันไม่น่าไว้ใจซักเท่าไหร่ กับไม่มี ESP ทำให้เอาไปลงข้างทางมารอบนึง
Ninja 650 2011
ข้อดี - แรงบิดดี ต้นมาไว
ข้อเสีย - บาลานซ์รถไม่ดีเท่าไหร่ หน้ารถหนักกว่าหลังเยอะไป โช้คติดรถไม่ค่อยดีเท่าไหร่
Ford Fiesta Sport Ultimate
ข้อดี - อ๊อปชั่นเยอะสุดแล้วในคลาส (ในยุคสมัยของมันนะครับ) ขับดี ช่วงล่างดี
ข้อเสีย - ขับในเมืองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งปัญหาความร้อนขึ้นและเกียร์กระตุก ราคาขายต่อแบบ เหมือนแจกฟรีให้ญาติมิตรเอาไปใช้
มันเป็นรถที่ดีคันนึงเลย ตอนที่ยังไม่เคยมีอะไรพัง หลังจากนั้น...
Swift 1.25
ข้อดี - แรงพอได้สำหรับรถเครื่องแค่ 1.2 ช่วงล่างดีพอใช้ได้
ข้อเสีย - แร็คดัง เกียร์หอน และบอบบางไปหน่อย
Civic FB
ข้อดี - แรงใช้ได้
ข้อเสีย - เก็บเสียงไม่ค่อยดี ไม่สวยเมื่อเทียบกับ FD หรือ FC
Fortuner 2.4
ข้อดี - ยังไม่มีอะไรพัง
ข้อเสีย - ช่วงล่างมันต้องเอาไปทำเพิ่ม
Jazz GK MT
ข้อดี - ขับสนุก ถ้าขยันเปลี่ยนเกียร์มันก็แรงใช้ได้
ข้อเสีย - เสียงดังไปเพราะรอบสูง น่าจะมีซัก 6 เกียร์ ช่วงล่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เครื่องเสียงติดรถเหมือนให้มาเพื่อให้มาเปลี่ยนเองอีกรอบ
Almera 1.0T
ข้อดี - อ๊อปชั่นเยอะดีเมื่อเทียบกับราคา
ข้อเสีย - ไม่แรงอย่างที่คาดหวังเท่าไหร่ แต่ดีกว่า Eco 1.2 อยู่ ปล. พึ่งรับรถยังไม่เจออะไรมาก
-
Civic FB
Pro:
- ประหยัดน้ำมัน คันเล็กขับไปไหนจอดง่าย
- ขึ้นลงง่ายเพราะเตี้ย
- ตำแหน่งการขับดี
- เป็นรถที่ไม่จุกจิก
Con:
- วัสดุไม่สมราคารถ
- ช่วงล่างเดิมไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่เมื่อขับ 120+
- เบรคเดิมไม่ค่อยดี
- เสียงดังก๊อกแก๊กรอบคัน
- เก็บเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในได้ดีมาก
Mu-X 4x4 2017
Pro:
- ทัศนวิสัยในการขับดี เบาะสูงตามสไตล์รถ
- ช่วงล่างเดิมนุ่มขับสบายในทางตรง
- ขับความเร็ว 120+ ยังมั่นใจกว่า Civic แต่เนื่องจากรถคนละประเภท ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้
- เบรคดีเกินคาด
- รถแทบจะไม่มีเสียงดังก๊อกแก๊กรอบคัน
Con:
- แอร์ออโต้ปลอมไม่มี Heater ขับรถหน้าหนาวภายในหนาวมาก พอติดตั้ง Heater ให้เป็น Climate Control จึงสามารถควบคุมอุณหภูมิในรถได้ปกติ
แต่กลับชอบรับอากาศภายนอกเข้ามาแทน
- วัสดุไม่สมราคารถอย่างแรง
- ท่านั่งขับรถไม่สบาย ปรับให้สบายอย่างไรแล้วขับนานๆแล้วก็ยังปวดคอปวดหลัง
- กินน้ำมันตามสไตล์รถ ขับทางไกลไม่เคยถึง 14 km/l
- คันเร่งหน่วง + มี turbo lag นิดๆ
- เสียงเครื่องดังมาก
- อุปกรณ์ความปลอดภัยน้อยกว่าค่ายอื่นพอสมควร
- ระบบต่างๆภายในรถล้าหลังกว่าทุกยี่ห้ออย่างน้อย 1 Gen
- เก็บเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในได้ดีมาก
-
CX5 2.0 Gen1
ข้อดี
ขับแล้ว ไม่เมาเหมือนรถยกสูงหลายรุ่น
กินน้ำมันราว 11-14 หม/ลิตร เติมได้ยัน E85 ซึ่งไม่เคยเติม
ช่วงล่างแน่นดีสไตล์สปอร์ต วิ่งบนถนนเปียกก็ยังมั่นใจได้
วัสดุที่ใช้ภายในรถ ดูดี มีบุนุ่มหลายส่วน
ข้อเสีย
อะไหล่ราคาแพง แถมถ่ายน้ำมันเกียร์ก็ไม่ได้
ภายในแคบเทียบกับขนาดตัว เบาะหลังชัน แม้ติดตัวปรับเบาะแล้วก็ยังชันอยู่
ช่วงล่างแข็งคนชอบรถนิ่มๆอาจไม่ถูกใจ
อัตราเร่งช่วง0-60 อืดไปหน่อย
Civic FC 1.8EL
ข้อดี
ประหยัดน้ำมัน วิ่งแถว 110 กม/ชม ทำได้แถว 16 กม/ลิตร
ภายในกว้าง นั่งโดยสารสบายกว่า CX5
ช่วงล่างถ้าขับไม่เกิน 140 ผมว่าไว้ใจได้
ข้อเสีย
เก็บเสียงจากพื้นถนนห่วยมาก
วัสดุที่ใช้มีพลาสติกเยอะไปหน่อย การประกอบก็สไตล์ฮอนด้า
มองเห็นจุดลดต้นทุน ซึ่งขัดตาบางจุด
รถเตี้ย เข้าออกลำบากครับ
-
เอารถแปลกกว่าชาวบ้านเขาหน่อยแล้วกัน
Peugeot 408 turbo 2012
สิ่งที่ชอบ
-เครื่องเทอร์โบใช้ร่วมกับเกียร์ออโต้ 6 เกียร์ ขับสนุกมาก ประหยัดน้ำมัน
-หลายคนบอกว่ารถยืดฐานล้อไม่น่าจะเกาะถนน แต่สำหรับคันนี้ ผมว่าเกาะดีทีเดียว พวงมาลัยหนักแน่นอย่างที่ชอบ เล่นโค้งได้อย่างมั่นใจ
-ภายในกว้าง โดยเฉพาะแถวหลัง พื้นที่ขาเยอะมาก
-ห้องโดยสารเงียบ
-ท้ายรถลึกมากๆ ใหญ่โต
-ไม่ค่อยจุกจิกถ้าดูแลถึง ไม่เจออะไรให้ปวดหัว ยิ่งเกียร์เป็นรุ่นใหม่ของไอชิน ทนทานกว่ารุ่นเก่าๆ
-ผมใช้ใน กทม. ย่านรถติดประจำ ไม่เคยมีปัญหาความร้อน หรือปัญหาใดๆเลยซักครั้ง ถือว่าสอบผ่าน
-ระบบความปลอดภัยโอเคในยุคนั้น
-อะไหล่หาไม่ยาก และไม่แพงอย่างที่คิด (ถ้ารู้แหล่งอะไหล่) มีทั้งอะไหล่ใหม่แท้ เทียบจากจีน และมือสอง ค่าบำรุงรักษาเหมือนรถญี่ปุ่นทั่วไป
-รุ่นนี้มีเคลมอะไหล่ต่างๆที่มีปัญหา เช่น คอมแอร์ ล่าสุดตัวแทนเปอร์โยรายใหม่ยังได้เชิญให้เข้าไปเปลี่ยนฟรี ทั้งๆที่รถอายุ 8 ปีแล้ว และไม่ใช่รถที่ตนนำเข้ามาขายเองตั้งแต่แรก ถือว่าใส่ใจลูกค้าดีมาก ต่างจากเจ้าเก่าสิ้นเชิง
สิ่งที่เป็นข้อเสีย
-lot แรกๆ จุกจิกมาก มีอะไหล่บางชิ้นเปราะ เช่นคอมแอร์ ปั๊มแรงดันน้ำมัน ชิ้นส่วนต่างๆที่เป็นยาง ทั้งยางขอบกระจก แผงจิ้งหรีด เจอแดดเข้าไปไม่รอด แต่มีอะไหล่ใหม่ที่ออกมาแก้จุดอ่อนทั้งหมด เปลี่ยนทั้งหมดก็จบ
-หลายคนเข้าใจว่าเป็นโซ่ราวลิ้นแล้วน่าจะทน แต่ก็ควรต้องเช็กทุกแสนกิโลนะครับ
-ซีลยางในเครื่องพอได้อายุแล้วน้ำมันก็เริ่มรั่วซึมกันเยอะเลย และยกออกมาซ่อมยาก แต่เปลี่ยนทั้งชุดแล้วก็ใช้ยาวๆ
-ช่วงล่างกระด้าง นั่งไม่สบาย แต่ขับสนุก
-เบรคตื้นมากๆ แตะนิดเดียวหน้าทิ่ม แต่ก็รู้สึกมั่นใจมากเช่นกัน ขับไปสักพักจะชิน
-คันเร่งไฟฟ้าบางครั้งไวมาก แตะนิดเดียวรถพุ่ง กระตุก ไม่นิ่มนวล ขับไปสักพักจะชิน
-วิทยุเดิมเอ๋อๆเป็นบางครั้ง บางทีก็ต่อบลูทูธไม่ได้ ต้องถอดขั้วแบตใหม่เป็นการรีเซท
-งานประกอบจากมาเลเซียไม่ค่อยเนี้ยบเป็นบางจุด
-บางคนว่ามันไม่ค่อยสวย เพราะมันคือ 308 ต่อตูด
-ถ้าเจอช่างไม่มีเครื่องมือเฉพาะ ไม่มีประสบการณ์ทำรถฝรั่งเศสรุ่นใหม่ มีปวดหัวแน่ๆ
-เติมได้แค่น้ำมัน 95 เท่านั้น
สรุปแล้วพอใจครับ เป็นรถที่ใช้ดีคันนึงเลย เทียบกับราคามือสองตอนนี้
-
March 1.2E CTV ติดแก๊ส
"Good"
1.เล็ก แทรกง่าย จอดง่าย มีจอ MID ให้ดู
2.ค่าซ่อมบำรุงรักษาถูก (แม้จะจุกจิก)
"Bad"
1.พังมาทุกรูปแบบ เคลมเกียร์, เพลาขับหลุด, เปลี่ยนปีกนก 3 รอบ,เครื่อง over heat เพราะโอริงน้ำเข้าหม้อน้ำรั่ว, พัดลมไฟฟ้าเสียทุกปี, บูชเกียร์แตก, เข็มขัดฝั่งคนขับไม่ดึงกลับเอง, ประตูคนขับปิดเบาๆไม่สนิท
2.เครื่องอืด วิ่ง ตจว เจอเนินยาวๆ แซงรถ 18 ล้อลำบาก ขับทางไกล เหนื่อย
3.เกียร์ Jatco มันไม่ฉลาด
4.เบรกดัง พวงมาลัยเบาไป ขับไม่มั่นใจ
5.Option แทบไม่มี แอร์เย็นไม่ทั่วถึง นั่งไม่สบายทุกตำแหน่ง เก็บเสียงพอใช้
6.เข้าโค้งเลี้ยวรู้สึกตัวถังบิดตัว มีเสียงแกีกๆ
Kia Numbo K2700 วาง 2JZ ติดแก๊ส
"Good"
1.ถึก ทนทาน ไม่รู้จะซ่อมอะไร
2.เสียง 6 สูบไพเราะ แรง ออกตัวไล่รถเก๋งได้ เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ไม่กระตุก
3.พวงมาลัยระยะฟรีเยอะ น้ำหนักดี เลี้ยวง่าย เบรกเอาอยู่ ช่วงล่างหนักแน่น ขับมั่นใจกว่า march อีก
2.ภายในกว้าง แอร์เย็น
3.ปัดน้ำฝนปรับหน่วงเวลาได้
4.กระบะกว้าง เปิด 3 ข้าง ไม่มีซุ้มล้อ ขนของสบาย
"Bad"
1.รถวางเจ ความร้อนขึ้นง่าย แก้ยังไม่จบ
2.อะไหล่บางชิ้นแพง แต่ก็ไม่ค่อยเสียนะ
Revo ตอนเดียว 2.8 4x4 เสริมแหนบสั้น 1 แผ่น
"Good"
1.เครื่องแรงจัดประหยัดมาก ขับทางไกลไม่ล้า
2.เบาะนั่งสบาย แอร์เย็น เครื่องเสียงเพราะ การเก็บเสียงพ่อบอกดีพอกับ Camry ACV70 เอ๊ะ!
3.พวงมาลัย & เบรก ดีและจบ
4.ภายใน user friendly ที่วางแก้วตรงช่องแอร์ ช่องเก็บของเยอะ ปุ่ม สวิตช์วางตำแหน่งเหมาะ
"Bad"
1.ช่วงล่างทำให้ตับไตไส้พุงรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
2.ท้ายปัดง่าย ถ้าเจอน้ำ
3.แอร์หนาว เป็นฝ้าทั้งคัน ไม่มีไล่ฝ้ากระจกหลังอีก
4.ปัดน้ำฝนตั้งหน่วงเวลาไม่ได้
5.ไม่มีน้ำกิน เพราะไม่ได้เติมแก๊ส
6.bluetooth ต่อยาก โทรอยู่ละหลุดก็มี มีใครเป็นบ้าง
-
Accord 2.0el 2013
ข้อดี
- การตกแต่งภายในสวยสุดในยุคนั้น
-พวงมาลัยคล่องมือมาก คมสุดๆ ขับในเมืองถึงตัวรถคันใหญ่แต่ขับง่ายมากๆ
-เบาะหน้าเบาะหลังซัพพอร์ตดีมาก นั่งสบาย
-ช่วงล่างผมว่านุ่มกำลังดี ติดเฟิร์มนิดๆ
-เสียงลมตามขอบประตูเก็บเงียบดี
ข้อเสีย
-เก็บเสียงช่วงล่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เสียงยางบดถนนค่อนข้างดัง
-พวงมาลัยหมุนง่ายคล่องมือเกินไป แต่ขับเร็วๆแล้วมันวอกแวกง่ายเกินไป ทำให้ความมันใจในการขับลดลง
-ปั้ม abs ลาโลกเร็วราคาแพงสุดๆ
City 1.5sv+ 2016
ข้อดี
-รถเล็กของฮอนด้าที่ช่วงล่างนิ่มที่สุด ผมว่ามันนิ่มเกือบจะเท่า accord ด้วยซ้ำ รูดถนนไม่เรียบไปแบบสมูทมาก
-ออฟชั่นเยอะสุดในสมัยนั้นเมื่อเทียบกับคลาสเดียวกัน
-ประหยัดน้ำมันพอได้
-เครื่อง+เกียร์ผมว่าทำได้ดีมาก
ข้อเสีย
-เก็บเสียงช่วงล่างเสียงยางค่อนข้างแย่
-งานประกอบบางจุดยังดูไม่ดี
-ช่วงล่างที่นุ่มเกินไปในรถขนาดเล็กขับเร็วๆเหมือนจะไม่มั่นใจ
Mazda 2 1.3 high connect
ข้อดี
-ประหยัดน้ำมันมากกที่สุดใน 3 โลก
-เครื่อง 1.3 กับเกีบร์ 6 ขังหวะผมว่าทำได้ดีพอตัว
-การตกแต่งวัสดุภายในดูดีที่สุดในคลาส
-ออฟชั่นลูกเล่นแพรงพราวเยอะมากในยุคนั้น
-พวงมาลัยกับช่วงล่างขับเร็วแล้วมั่นใจดีมาก
ข้อเสีย
-ภายในแคบมากก แต่ก็ไม่ถึงกับนั่งไม่ได้
-ช่วงล่างแข็งมาก แข็งกว่ารถทุกคันที่เคยขับมา หัวโยกตลอดทางหาคำว่ายิ่มไม่เจอเลยจริงๆ เก็บทุกรอบต่อของถนน
-เบาะเล็กซัพพอร์ทไม่ค่อยดี
-วัสดุภายในเสื่อมสภาพเร็ว เช่นพวงมาลัยลอกเร็วมาก
-ศูนย์บริการยังไม่ค่อยประทับใจ
CRV 1.6 IDTEC 2018
ข้อดี
-เครื่องดีเซลตัวนี้ประหยัดมากครับ เดินทางไกลความเร็วคงที่มี 18-19โลลิตร
-ภายในรถกว้างขวางมาก ตัวเบาะนั่งสบายมากๆ ผมเรียกว่าเบาะดูดวิญญาน
-ช่วงล่างเซ็ตมาได้ผมว่ากำลังดี ขับช้านุ่มสบายก้นดีมากๆ นุ่มกว่า ACCORD มาก ขับเร็วๆแล้วให้คงามมั่นใจได้พอสมควร
ช้อเสีย
-เครื่องเล็กไป เพียงพอต่อการใช้งานแต่อยากให้แรงกว่านี้อีกซักน่อย บางทีเร่งออกเหมือนไม่ค่อยทันใจ
-งานประกอบบางจุดแย่สุดๆ
-ช่วงล่างเวลาเข้าโค้งค่อนข้างโยนตัวไปนิด
-เกียร์ 2-3 ค่อนข้างกระตุก
-ปลดเกียร์ว่างได้แต่ไม่กล้าทำ เพราะบางคนปลดแล้งรถสตาร์ทไม่ติดก็มี
-
เอาตามที่เคย Review ไว้นะครับ
Honda HR-V 1.8 E-Limited CVT MY16
สิ่งที่ชอบ
- Design ทั้งคันของตัวรถ ส่วนตัวผมชอบมากๆ
- Brake Hold อันนี้ชอบมาก ให้ความสบายเวลารถติด
- ไฟหน้า LED Projector Lens ให้ความสว่างที่ดีมากๆ
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ผมคิดว่าสวยกว่าแบบเส้นนำแสงใน Civic FC และ City MC
- ไฟท้ายแบบ Tube มันสวยมาก โดยเฉพาะเวลาที่เปิดไฟหรี่
- ระบบ Keyless Entry และ Push Start ใช้งานสะดวกมาก เหมาะกับคนที่ของในกระเป๋าเยอะแบบผม
- น้ำหนักพวงมาลัย มันกำลังพอดีในแบบที่ผมต้องการเลย แทบจะทุกช่วงความเร็วก็ว่าได้
- ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มทั้ง Airbag 6 ลูก / ABS / EBD / MA-EPS / ESS / HSA / VSA
- ระบบควบคุมการพับกระจกมองข้าง ผ่าน Smart Key มันสะดวกดี แล้วไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มเองภายหลัง
- Paddle Shift 7 Speed ทำให้ขับรถเกียร์ CVT ได้สนุกขึ้น แต่ยังไม่กล้าใช้บ่อยๆอยู่ดีและคันนี้เวลา Shift Down จะกระตุกแรงไปหน่อย
- กล้องมองหลังปรับ 3 มุมมอง ผมใช้ใน Jazz จนติดแล้ว เวลาผมถอยออกจากบ้านมันมองได้กว้างมาก
- ระบบไฟเลี้ยวกระพริบ 3 ครั้ง (ก็ยังเรียกชื่อไม่ถูกเหมือนเดิม)
- เสียงแตรคันนี้ ผมชอบมาก ผมว่าเสียงมันให้ความรู้สึกหนักแน่นกำลังดี พอกลับไปขับ Jazz แล้วเจอเสียงแตร มิ้บๆ อันแสนตะมุตะมิของมัน นี่หมดอารมณ์เลย
สิ่งที่ไม่ชอบ
- ช่วงล่างที่ย้วบย้วยและโคลงเคลงมากไป ขับเร็วๆแล้วไม่มั่นใจ ต้องจับเปลี่ยนโช๊คใหม่ถึงดีขึ้น
- งานประกอบอันเลื่องชื่อของ Honda โดยเฉพาะกันชนหน้า
- สีรถ Honda สมัยนี้มันบางมากๆ โดนกระเด็นนิดเดียว มันก็มีรอยแล้ว
- ไม่ค่อยชอบ Design ของช่องแอร์ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนตัวรู้สึกว่ามันดูแปลกๆ
- ตำแหน่งของช่องจ่ายไฟ 12 V ผมว่ามันติดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานค่อนข้างลำบาก
- เข็มขัดนิรภัยเบาะหลังตรงกลาง ทำไมให้มาแค่แบบ 2 จุดยึดเอง ขนาด Jazz ยังให้แบบ 3 จุดยึดทั้ง 3 ตำแหน่งเลย
- แท่นวางแบตเตอรี่ ฟิวเจอร์บอร์ด!!! อันนี้ผมไม่ชอบอย่างแรง จะลดต้นทุนไปถึงไหน
- กล่องเก็บของที่คอนโซลกลาง ขนาดมันเล็กไปหน่อย และฝาปิดที่ทำเป็นที่วางแขน ถึงแม้จะหุ้มหนังมาให้ แต่มันแข็งมากๆ น่าจะบุอะไรให้มันหนานุ่มกว่านี้
- ชุดเครื่องเสียงติดรถ ตัว MY16 มันดูรถต้นทุนมากเกิน สุดท้ายผมก็ต้องจับเปลี่ยนชุดใหม่อยู่ดี
Honda Jazz GK 1.5 SV CVT MY16
สิ่งที่ชอบ
- สีเหลือง Attract Yellow ถูกใจผมมาก ผมรู้สึกว่ารถเล็กๆควรจะมีสีสันสดใส ไม่ใช่มีแต่ เงิน เทา ดำ
- อุปกรณ์ติดรถที่ค่อนข้างเยอะ ลูกเล่นเยอะมากๆ
- ระบบ Keyless Entry และ Push Start ใช้งานสะดวกมาก ไม่ต้องควานหากุญแจรถในกระเป๋า
- ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มทั้ง Airbag ABS EBD ESS HAS และ VSA ถึงแม้คันนี้ไม่มีม่านถุงลมกับถุงลมในเบาะ แต่ระบบอื่นๆ มาครบ
- พื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างมากๆ เมื่อเทียบกับรถ Segment เดียวกัน
- รูปแบบการพับเบาะ โดยเฉพาะ Refresh Mode ผมใช้อยู่บ่อยๆ
- Paddle Shift 7 Speed ทำให้การขับรถเกียร์ CVT มีอรรถรสมากขึ้น (แต่ไม่กล้าเล่นบ่อย กลัวเกียร์พัง)
- ความคล่องตัวของรถและขนาดที่เล็กระทัตรัต
- อัตราการสิ้นเปลืองคันนี้มันคือสวรรค์เลย
- เครื่องปรับอากาศ เย็นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขนาด 27 ตอนเที่ยงๆยังหนาวเลย
- "ระบบกระดิกไฟเลี้ยวสำหรับเป็นเลน" สะดวกดีมากครับ
สิ่งที่ไม่ชอบ >:(
- ตำแหน่งของสวิทซ์ ปรับกระจกมองข้าง ผมอยากให้มันอยู่บนคอนโซล แบบ City มากกว่าที่จะอยู่บนแผงประตู
- แท่นวางแบตเตอรี่เป็น ฟิวเจอร์บอร์ด อันนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ ลดต้นทุนไปมั้ย
- ช่องเติมน้ำเข้าถังน้ำสำรอง ผมว่าอยู่ในจุดที่เทเติมยากไปหน่อย ต้องหากรวยมาช่วย คัน Stream ก็เป็น แต่ง่ายกว่านิดนึง
- รู้สึกว่าประตูรถค่อนข้างหนักและปิดยาก น่าจะมาจากเรื่องยางขอบประตูแบบใหม่รึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ
- ไม่มีช่องใส่ CD อันนี้ผมพอรับได้นะ แต่ถ้าผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะยังฟัง CD อยู่ แล้วถ้าให้เอาเพลงจาก CD มาใส่ Flash drive บาง
คนทำไม่เป็นแม้รุ่นล่างๆจะยังเล่น CD ได้ แต่รุ่นบนๆ มันก็ควรมีอยู่นะ
- แผงกันความร้อนใต้ฝากระโปรงหน้า เอาออกไปทำไม
- แผงข้างห้องสัมภาระท้าย ถูกลดเหลือแค่วัสดุแข็ง ธรรมดา อาจไม่ทนกับการใช้งานไปนานๆ
- ในคู่มือประจำรถนั้น ไม่มีคู่มือเครื่องเสียงตัวนี้ มีแต่วิทยุของรุ่น S,V ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่มี........
- ไม่มีก้านวัดน้ำมันเกียร์ อ่างน้ำมันเกียร์มันอยู่ใต้ท้องรถ เลยทำให้เช็คอะไรยาก
-
CX-5 2.5 S รุ่นแรกล็อตแรก
+ อัตราเร่งตีนต้น-กลางดี สมัยใหม่ๆ รู้สึกแรงมาก ขับไปนานๆ เริ่มชินให้แรงเฉยๆ พอ ::)
+ เกียร์ตอบสนองดีมาก
+ พวงมาลัยดี ช่วงล่างดี ขับสนุกและมั่นใจทั้งทางตรงทางโค้ง
+ ยกสูง ทัศนวิสัยดี รถไม่ยาว ขับในเมืองคล่องตัว
- ช่วงล่างค่อนข้างแข็ง เบาะหลังชัน คนนั่งจะไม่ชอบ ผมคนขับรู้สึกเฉยๆ
- เก็บเสียงลมไม่ค่อยดี วิ่งเกิน 120 ดัง
- การประกอบและความทนทานของบางชิ้นส่วนยังไม่น่าพอใจ
XC60 D4 2016 โฉมก่อนหน้า
+ ขับทางไกลสบาย หนักแน่น มั่นคง
+ เก็บเสียงดี การประกอบดี
+ Driver assistance เยอะ ใช้แล้วชอบและทำให้คันต่อๆ ไปต้องมีระบบนี้
- อุ้ยอ้าย ขับในเมืองหรือเล่นโค้งไม่สนุก
- ช่วงล่างแข็ง ขับผ่านหลุมในกทม.กระแทกมาก กระแทกกว่า CX-5 อีก
- turbo รอรอบค่อนข้างเยอะ ออกตัวไม่ทันใจต้องเรียนรู้จังหวะ
V60 T8 Inscription
+ ชอบการขับแบบใช้ไฟฟ้าล้วนในเมืองมาก ออกตัวดี เงียบ ขับสบาย
+ อัตราเร่งแรงสะใจ แม้วิ่งเกิน 120 ไฟฟ้าไม่มาช่วยก็ยังแรงดีอยู่
+ ออพชั่นลูกเล่นล้นคัน ระบบ driver assist พัฒนาจาก XC60 ขึ้นไปอีก
+ ออกแบบสวยมากทั้งข้างนอกข้างใน
- ระยะทางไฟฟ้าน้อยไปหน่อย อยากให้ได้สัก 60 กม.กำลังดีกับการใช้ 1 วัน
- ถึงจะแรงแต่ซิ่งไม่มันส์ ช่วงล่างกับเบรกไม่เหมาะกับกำลังรถ
-
Ford escape 3.0 2004 ติดแก๊ส (มือสอง ใช้มาตั้งแต่ปี61)
ข้อดี
- รถสูง สามารถลุยได้
- ช่วงล่างดี
- เครื่องยนต์กำลังโอเค ไม่อืดเท่า 2.3
- มีระบบขับ 4
- เกียร์ถือว่าฉลาดอยู่ สามารถเร่งแซงได้โดยไม่ต้องลดเกียร์ลงมา
- เครื่องทนทาน ติดแก๊สแล้วโอเค ตอนนี้ 399,xxx km ละครับ
ข้อเสีย(สิ่งที่ไม่ชอบ)
- รถหนัก ทำให้กินน้ำมัน/แก๊ส แต่แลกกับการเกาะถนน
- แอร์เบอร์ 1 ลมเบาไปหน่อย คนนั่งหลังมักจะร้อน ต้องเปิดเบอร์ 2 แต่คนนั่งหน้าจะเริ่มหนาว
- ที่วางแก้วตื้นไปหน่อย วางแก้วทรงสูงแล้วมักจะเกือบหล่น เข้าใจว่าทำมาให้วางแก้วกาแฟร้อนสตาบัค สำหรับ USA
- ห้องเครื่องค่อนข้างร้อน ต้องเปิดฝากระโปรงตลอด(ถ้าสามารถเปิดทิ้งไว้ได้)
- โคมไฟหน้าเป็นแบบเกล็ดซี่ๆ ไม่เป็นแบบใส ทำให้บางทีรู้สึกไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง
-
Almera 1.0T VL
Good
-แรง
-ออฟชั่นแน่นคัน
-รถกว้างมาก
-สวยครับ ไฟท้ายสวยดี
-พวงมาลัยเบาขับในเมืองสบาย จอดก็ง่ายหมุนเบาๆ
Bad
-วัสดุก๊องแก๊งมากๆตามสไตล์ eco car
-รุ่นท๊อปไม่มีเบาะหนัง
-จอชอบเอ๋อเวลาสตาร์ทแบบเหยียบเบรคแล้วสตาร์ทเลย
-หน้ารถมันกดลงแปลกๆด้วยดีไซน์ทำให้กะยาก
-ห้องเครื่องรกเกิน
-เบาะเหมือนมันนั่งไม่สบายเลย ปรับแล้วปรับอีก
-ออฟชั่นช่วยเหลือเยอะบางทีน่ารำคาญโดยเฉพาะช่วยเบรคด้านหน้า
-
Honda HR-V EL ปี 2019
+ Design โดยรวมของตัวรถถือว่าลงตัว
+ ทัศนวิสัยปลอดโปร่ง
+ Honda Lanewatch ทำให้สามารถเปลี่ยนเลนได้อย่างมั่นใจขึ้น
+ Breakhold เป็นรถคันแรกที่มีระบบนี้ คันต่อไปต้องมี เพราะให้ความสบายสำหรับคนใช้รถในเมืองอย่างเรา
+ อัตราความประหยัดน้ำมัน ซึ่งถือว่าโอเคสำหรับรถเครื่องเบนซินคันแรกของเรา
- ช่วงล่างที่แข็งเกินในช่วงความเร็วต่ำ แต่กลับย้วยในช่วงความเร็วสูง
- งานประกอบที่คุณภาพไม่สมราคา รถอายุปีนึงแต่เสียงกรอบแกรบไปทั้งคันแล้ว
Mercedes-Benz C220 CDI W203 ปี 2007
+ Design โดยรวมของตัวรถถือว่าลงตัว
+ ไม่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ / ระบบเกียร์
+ อัตราความประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
- อัตราการเร่งค่อนข้างช้า
- วัสดุข้างพลาสติกข้างในลอกง่าย
- เบาะหลังนั่งไม่สบาย
Mercedes-Benz A180 CDI ปี 2007
+ ทัศนวิสัยดีรอบคัน
+ อัตราความประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
- ช่วงล่างไม่ให้ความมั่นใจในความเร็วสูงเท่าไหร่
- เกียร์บอบบาง เปลี่ยนสมองเกียร์ในระยะทางไม่ถึง 100,000 กิโลเมตร
- วัสดุข้างพลาสติกข้างในลอกง่าย
- ราคาแพงกว่า A170 แต่ได้อุปกรณ์น้อยกว่าทั้งภายนอกและภายใน
-
1. Toyota Altis 1.6 AT 2004
ชอบ:
1. ทนมือเท้าดี ไม่ค่อยเจออะไรจุกจิก ไปเพชบูรณ์ ไปสุพรรณ ขึ้นเขาค้อ ขึ้นภูทับเบิก ไม่เคยตายกลางทางเลย
2. ซ่อมถูก อู่เยอะ ซ่อมที่ไหนก็ได้ ตัวเลือกอะไหล่เพียบ ได้ซ่อมใหญ่ไปก็หลายอย่าง แต่ซ่อมแล้วก็จบ หายสนิท
3. แอร์เย็นเจี๊ยบ ติดแก๊ส LPG ประหยัดมาก
ไม่ชอบ:
1. สมรรถนะเรียกว่าห่วยเลยก็ว่าได้ ช่วงล่างยวบย้วย เอาไว้ใช้งานอย่างเดียว สุนทรีย์ในการขับไม่มีเลย
2. สิ่งอำนวยความสะดวก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ค่อนข้างแย่ เพราะรถรุ่นเก่าแล้ว ไม่มีของเล่นแบบรุ่นใหม่ๆ
3. ระบบความปลอดภัยมีแค่ ABS อย่างเดียว ไม่มี VSC และ TRC ซึ่งผมมองว่าสมัยนี้สำคัญ
2. รถคันเดิม จับวางเครื่องซิ่งเกียร์ธีรรมดา ใส่สตรัท เปลี่ยนเบรคอัพผ้าเบรค ใส่ค้ำโช๊คและริจิดคอลล่าร์ กลายเป็นเหมือนรถคนละคัน
ชอบ:
1. ขับสนุกขึ้นเยอะเลย เครื่องแรงแซงได้ดั่งใจ มี lift (คล้ายๆ vtec) ดึงๆหน่อยในรอบสูง
2. ช่วงล่างแน่นเฟิร์ม ผ่านทางขรุขระไม่ต้องเบาก็ได้ ผ่านคอสะพานไม่ต้องเบรคเหมือนรถคันอื่น
3. ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิม แอร์เย็น เพลงเพราะ ขึ้นเขาขึ้นดอย ไปเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ขอนแก่น สุราด เกาะช้าง เกาะพงัน ไม่เคยตายกลางทาง ใช้ LPG ประหยัดดี
ไม่ชอบ:
1. ท่อดัง เปลี่ยนพักปลายมา 4 ใบ ไซเรนเซอร์มา 3 อัน พักกลาง 5 ใบ เงียบลงกว่าตอนแรกๆ และยังคงความวิ่งดีพอประมาณ แต่ยังไม่เงียบสนิทแบบที่อยากได้
2. ช่วงล่างหลังที่เป็นคาน ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ท้ายออกง่าย และยังไม่นุ่มเท่าที่อยากได้ (แต่ก็ยังนุ่มกว่า jazz gk เดิมๆล้อ 16)
3. เกียร์ชิดไป เวลอยากขับชิวๆ เจอเกียร์ชิดเข้าไปก็เบื่อเหมือนกันครับ
4. มีความจุกจิกกว่ารถเดิมๆเล็กน้อย เวลามีปัญหาระบบแอร์ หรือระบบอะไรที่เกี่ยวกับกล่องควบคุม ต้องเข้าร้านเฉพาะทาง และใช้เวลาไล่สายพอสมควร
3. Mazda 2 Skyactiv Benzine 1.3
ชอบ:
1. ช่วงล่างดีมาก เบรคดีมาก เทียบกับรถในเซกเมนต์เดียวกัน แม้แต่เทียบกับรถอัลติสผมตอนเดิมๆก็ยังกินขาด
2. ประหยัดน้ำมันดี ตามแบบฉบับ eco car phase 1
3. ระบบความปลอภัยครบ ระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ครบ ประโยชน์ใช้สอยดีเลย สำหรับคนโสดและข้างหลังไม่ค่อยมีคนมานั่ง
4. ใช้งานทุกวัน วันละ 100 โล (แต่น้องผมเป็นคนใช้นะ ส่วนผมนานๆขับที) ยังไม่เคยอิดออดอะไร
ไม่ชอบ:
1. เครื่อง 1.3 ถือว่าอืดมาก สำหรับผม
2. แคบไปนิด ขับทางไกลเมื่อยขา เพราะ leg room น้อย อยากเปลี่ยนที่วางขาซ้ายบ้าง
3. รถใช้มา 2 ปีแล้ว อันนี้ยังไม่เจอ แต่กลัวครับ กลัวค่าซ่อมแพง และกลัวเกียร์พังครับ
-
Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. 2008
ข้อดี
- นั่งได้ 7 คนจริง นั่งได้ทุกที่นั่งทุกขนาดตัวปกติ หรือเอาพี่แพนไปนั่งแถว 3 ยังได้ แถมแถว 3 สบายกว่าแถว 2 ด้วย เอนได้ทุกเบาะ แถว 2 ก็เลื่อนได้สบาย
- พับเบาะท่าพิสดารแต่ได้อเนกประสงค์เพียบ จะเอนเบาะติดกันทุกแถวทำเป็นที่นอนก็ได้ แถว 3 พับเก็บลงในหลุมทำราบไปกับขอบท้ายรถได้ พลิกตลบแถว 3 นั่งห้อยขาท้ายรถยังได้
- ความสูงรถกำลังดีไม่เตี้ยไม่สูงไป แถว 1 , 2 ขึ้นลงง่าย แถว 3 อาจะมีปีนนิดๆ แต่ก็ยังง่าย
- เซ็นเซอร์มุมรถ ช่วยกะง่ายขึ้นสำหรับรถยาวขนาดนี้
- แอร์เย็นทุกตอน แถว 3 หนาวเลยแหละ
- ช่องเก็บของในรถไม่เยอะไม่น้อย เก๊ะหน้า 2 ชั้น ใต้เบาะคนนั่ง 2 ชั้น คอนโซลกลางเป็นถาดพับแบบ CR-V เจนเก่าๆ ประตูหลังมีทั้งวางแก้ววางขวด แถว 3 กล่องเก็บของลึกระดับนึงเลย
- มีฟังก์ชั่นซ่อนในรีโมทที่ไม่มีในคู่มืออย่างปิดกระจกหน้าต่างทุกบานได้ และจริงๆ หน้าต่างก็ Auto ทั้ง 4 บาน แต่ Auto ได้แค่จากสวิตช์คนขับ คนนั่งต้องกดแช่
- ช่วงล่าง set มานุ่มแต่ไม่โคลงเกินไป ขับไวๆ ก็สุนทรีใช้ได้อยู่นะแม้นั่งหลังจะรับรู้ได้ถึงแรงสะเทือนแบบคานบิด และอาการท้ายรถออกในโค้งบ้างนิดหน่อย
- ไฟท้ายสวยนะ 55555555 และผ่านมา 12 ปี LED ทุกหลอดยังคงติดทำงานปกติ
ข้อเสีย
- 2.4 4G69 + 4AT คู่นี้ทำผลงานยังไม่ประทับใจแม้จะย้อนไปตั้งแต่ 12 ปีก่อนก็ตาม อัตราเร่งก็เรื่อยๆ เอือยๆ (เร็วกว่า Xpander อยู่) แล้วยิ่งการกินน้ำมัน 7 ปีให้หลังนี้ผมไม่เคยเจอตัวเลขแตะ 10 km/l ได้เลยไม่ว่าจะขับในสภาพรูปแบบไหน
- การเก็บเสียงยังไม่เท่าไหร่โดยเฉพาะตอนหน้า ตอนนี้เริ่มดังเข้ามาเพิ่มบ้างแล้วด้วย
- อะไหล่บางตัวอย่างช่วงล่างนี่ก็รู้สึกว่าอายุขัยจะสั้นไปหน่อยเมื่อเทียบกับราคาเบิกศูนย์ที่แพงเอาเรื่อง
- เบาะคนนั่งหน้าแถว 1 แอบดันหลังนิดๆ นั่งนานๆ อาจเมื่อย เพราะตรงกลางเป็นที่เปิดเพื่อสอดวางขาคนนั่งแถว 2 ได้โดยไม่ต้องพับเบาะ เลยทำเบาะรองหลังนูนมาเพื่อรับขาได้ด้วย
- ไม่มีไฟเตือนคาดเข็มขัดให้เลยแม้แต่ดวงเดียว
- เก๋ง D-seg ยุคนั้นที่เป็นเครื่อง 2.4 ราคาใกล้กันก็เริ่มให้ระบบควบคุมการทรงตัวมาบ้างแล้ว เจ้านี่ยังพึ่งจะให้สัญญาณกันขโมยมาหมาดๆ อยู่เลยตอนนั้น ออพชั่นปลอดภัยยังไม่เด่นเท่าไหร่
- ศูนย์ No comment เพราะตอนนี้ไม่ได้เอาเข้าเองแล้ว แต่สมัยที่เอาเข้าเองก็ยังมีเรื่องต้องบ่นต้องด่าบ้าง ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นไง
Mazda 2 1.5XD High Plus L 2016
ข้อดี
- อัตราเร่งตอนต้นดีนะ พาพ้นยามคับขันหลายทีล่ะ ถ้าไม่ต้องรอคันเร่ง Lag จะยิ่งดีกว่านี้อีก
- ความประหยัดน้ำมัน ช่างตรงข้ามคันบนเหลือเกิน รถติดๆ หรือกดตะบี้ตะบันไง ตัวเลขไม่เคยหล่นไปกว่า 16 km/l เลย ยิ่งขับผู้ดียิ่งแตะ 20 km/l ง่าย ประหยัดจริงรับรองได้ และคิดว่าคงหารถสันดาปล้วนที่ประหยัดเท่าไม่ได้แล้วแบบนี้
- ถ้าคิดว่ามันคือรถเล็ก Handling การควบคุมนี่ถือว่าสอบผ่านถนนไทยและนิสัยการขับคนไทยส่วนใหญ่เลยนะ คงไม่ดีสุดในกลุ่มหรือชกข้ามรุ่นได้ แต่ก็ดีจนประทับใจ
- เบรก เอาไปเลย 10 10 10 แป้นเบรกไม่รักมือใหม่หัดขับ แต่รักมือฉมังที่ประมาทประจำมาก เอาอยู่ หยุดโดยไม่มีอะไรกั้นของจริง
- เสียงลมปะทะถือว่าเงียบกว่าที่คิด
- จอ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ดัดแปลงหรืออัพเดตเพิ่มเติมได้รองจากจอ Android เลย
- นั่งมองคอนโซลทุกวันก็ว่าจัดวางปุ่มได้ลงตัวน่าสัมผัสน่าใช้อยู่นะ สัมผัสวัสดุแรกนี่ดีจริง
ข้อเสีย
- แคบ คงไม่ต้องพูดเยอะ แคบจริง กระจกหน้าต่างจัดสูงด้วย
- Handling ดีแต่พี่ก็ set การซับแรงมาซะแข็งโป๊กน้องๆ Jazz เลย ดีว่า mc พอนุ่มขึ้นบ้าง
- เบาะนั่งนานๆ เมื่อยอยู่นะ แม้จะรับสรีระดีแต่ตัวเบาะรวมเล็กตามขนาดห้องโดยสารเลย
- ซื้อมาได้ปีเดียว พี่ก็เทออพชั่นหมดหน้าตักให้รุ่นปีหลังซะงั้น
- อยากได้น้ำหนักพวงมาลัยช่วง 110 km/h ขึ้นไปเพิ่มอีกหน่อย
- คันเร่งลด Lag กว่านี้อีกจะขอบคุณมาก
- เสียงช่วงใต้ท้องรถและหลังคา ก็ไม่เบา
- ปัญหาตัวรถและศูนย์ยังมีนะ รถผมก็ยังมีบางปัญหาที่ยังไม่จบดี เครื่องสั่นเร่งไม่ขึ้น ถ้าไม่มีปัญหานี้ผมคงไม่ต้องมานั่งเอาใจใส่การเผาเขม่าใน DPF หรอก จะขับใช้ก็ใช้ไป จะเผาตอนไหนก็เรื่องของมันฉันจะดับรถแล้ว น้ำมันเครื่องจะเกินรึยังน้า? อันนี้ก็ยังต้องใส่ใจกับมันอยู่ทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง
-
W212 e63
ข้อดี
- อัตราเร่งทันใจ วัดกับ super car ในยุคเดียวกันได้
- เสียงเครื่อง v8 6.2 NA เวลาคลานก็เงียบ เวลาคำรามก็เอาเรื่อง
- เบาะนั่งสบายทุกตำแหน่ง เป็นรถใช้งานได้ทุกวันหากไม่กังวลเรื่องค่าน้ำมัน (ซึ่งผมกังวล)
- ช่วงล่างหนึบแน่น เบรกหนึบ ขับบู๊ก็ได้ขับแบบ cruising ก็ดี
- จุกจิกน้อยที่สุดเทียบกับเบนซ์อีก 2 คันที่ใช้
- sleeper car
ข้อเสีย
- กินน้ำมันพอกับ super car เช่นเดียวกัน
- อะไหล่เครื่องและช่วงล่างราคาสูงมากเพราะต้องเบิกตรงหมด (ยกตัวอย่างเช่นกรองนมค. ราคา 1000++)
- เกียร์มีกระตุกบ้างในช่วงความเร็วต่ำ
- คนมักจะคิดว่าเป็น w212 ใส่เบรกใส่ชุดแต่ง
w204 c250 cgi
ข้อดี
- เบาะหน้านั่งสบายมาก (ตัว alcantara เข็มขัดแดง) แทบไม่เป็นรอง e63 สำหรับผม
- เครื่องเกียร์เหมาะกับการขับแบบนุ่มนวล แต่หากบู๊จะมีความน่าหงุดหงิดอยู่
- เบรก AMG (ชุดเดียวกับ e63) ทำหน้าที่ได้ดีกว่า e63 มากเนื่องจากรถเบากว่า
- ของแต่งเยอะมาก เกิดกิเลศอยู่ตลอดเวลา (ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย)
ข้อเสีย
- คันเร่งหน่วงมาก
- ช่วงล่างด้านหลังแอบดีดมากไปเล็กน้อย และอยากให้มีความรู้สึกว่าเป็นรถหนักมากกว่านี้ อาจจะติดมาจากทั้ง 212 และ 202
- โหลมาก ขับไปไหนก็เจอ
w202 c36 AMG
ข้อดี
- กำลังเครื่องแรงเหลือเฟือ
- ช่วงล่างแน่น นิ่ง ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า 204 เวลาเดินทางไกล
- อะไหล่ไม่แพง เนื่องจากหลายๆอย่างแชร์กับเครื่อง m104 ธรรมดาได้
- sleeper car
ข้อเสีย
- เนื่องจากเป็นรถย้ายของ จึงทำให้มีเสียงจากการประกอบไม่แน่นบ้าง
- เกียร์โง่มาก 0-100 ไม่กลัวใคร แต่ถ้าแข่งกันจาก ความเร็วตอนกลางโดนทิ้งเป็นทุ่ง
- เนื่องจากรถอายุมากแล้วทำให้มีเรื่องต้องเข้าอู่อยู่เป็นประจำ
cx5 2.5s รุ่นแรก
ข้อดี
- อัตราเร่งถือว่าโอเคสำหรับรถยกสูง
- การตอบสนองของเครื่อง เกียร์ คันเร่ง ดีมาก
- ประหยัดมากสำหรับการขับของผม เทียบกับคันอื่นที่มีคันนี้ประหยัดสุด
- ไม่จุกจิกเลยและไม่เจอปัญหากับงานประกอบ อาจจะเป็นดวงของผมเอง แต่สวนทางกับความเชื่อของหลายๆคนต่อแบรนด์มาสด้ามาก
ข้อเสีย
- เบาะนั่งไม่ค่อยสบายนัก เบาะคนขับนั่งนานๆ แล้วชอบปวดหลัง ส่วนเบาะหลังก็อย่างที่รู้ๆกัน
- ช่วงล่างหนึบแต่ยังมีอาการดีดเด้งอยู่บ้าง หากนั่งเต็มคันช่วงล่างจะรู้สึกกำลังดี แต่กลายเป็นเบรกไม่ค่อยอยู่แทน
- ศูนย์บริการรอคิวนานมาก และราคาแพงกว่าพวกพี่โตอยู่ประมาณนึง
พอใจกับทุกคันที่ใช้อยู่ตอนนี้ครับเพราะไม่มีตังซื้อใหม่ :-[
-
2013-2019
Honda Odyssey RB3 นำเข้าฮอนด้า
ชอบ : กว้าง ยาว โปร่ง แอร์เย็น ขับสบาย นั่งสบาย เกาะถนนดีเยี่ยม
ไม่ชอบ : ในเมืองกินน้ำมันใช้ได้เลย ปีท้ายๆ ช่วงล่างเริ่มออกอาการแข็ง อะไหล่แพงไปหน่อย ค่าประกันแพงมาก ออบชั่นติดรถมาน้อยไปหน่อยครับ
2015-
Mitsubishi All new pajero sport
ชอบ : ออบชั่นเยอะ ใช้งานได้จริง เครื่องดี เกียร์ฉลาด
ไม่ชอบ : คาดหวังกับช่วงล่างที่น่าจะนุ่มหนึบ แต่ออกนุ่มย้วย เด้งๆ เปลี่ยนโช้คดังแล้วยังไม่จบ พวงมาลัยโหวงๆ ไม่คม
2018-
Toyota Hilux Revo 2.4 AT Standard ตอนเดียว
ชอบ : ออกตัวดีมาก เครื่องพุ่งตามสั่ง แอร์เย็นจับใจ ขับง่ายเหมือนขับรถเก๋ง พวงมาลัยแน่น คม
ไม่ชอบ : ช่วงล่างดีดสุดๆ ถนนเปียกลื่น ต้องชลอ โค้งท้ายมีปัดนิดๆ ใ่ส่หลังคาถ่วงพอช่วยได้บ้าง
2020-
Mazda CX8 2.5 SP
ชอบ : ออบชั่นใช้งานได้จริง รถขนาดกำลังเหมาะ เครื่องไม่แรงแต่ลื่น ขับง่าย ประหยัดน้ำมันกว่าที่คิด
ไม่ชอบ : ช่วงล่างแข็ง ผ่านรอยต่อถนนเห็นอาการชัด แอร์ไม่เย็นทั่วทุกตำแหน่ง
-
Civic FK RS
ใช้ Daily Drive
Good
- เครื่องแรงจากโรงงาน
- ระบบ Sensing ค่อนข้างครบ
- Autobrake hold ขับในเมืองดี
- RS หล่อจากโรงงาน
- ศูนย์บริการดี และ เยอะ
- ของเล่นเยอะ โมต่อได้สบาย
ฺBad
- เครื่องเทอร์โบ ถ้าบูสไม่ติดก็เหมือนไม่แรง พอบูสมาก็พุ่งซะ
- เครื่องแรงจริงแต่ไม่ได้มีความขับสนุกเลย
- รถเตี้ย เข้าออกลำบาก
- ทัศนวิสัยขับปกติโอเค แต่ตอนถอยจอดนี่ไม่ชินสักที
- เพื่อนบนถนนเยอะไปหน่อย ไม่ค่อยโดดเด่น
- ที่นั่งด้านหลังไม่ได้สบายอย่างที่ต้องการเท่าไหร่ (แต่ปกติก็เป็นคนขับไม่ค่อยได้นั่ง)
- เสียงที่เกิดจากชิ้นงานและการประกอบ มีบ้างแต่ไม่ควรมี
Kia Cerato Koup
ใช้สลับกับ Civic
Good
- หล่อจากโรงงาน เห็นปุ๊ปจองปั๊ป
- เครื่องมีแรงพอใช้งานแบบปกติ
- ภายในกว้างขวางมาก กว้างกว่า Civic
- ตำแหน่งการขับดี
- พวงมาลัยปรับความหนืดได้
- ไม่เจอปัญหาหรือ Defect
- อารมณ์การขับดี มีรอบให้กวาดนิดๆ เกียมีกระชากตอนเปลี่ยนหน่อยๆ อยากขับบ่อยๆ
- เก็บเสียงดีมาก หากไม่ได้ไปทำท่อ
Bad
- ศูนย์บริการน้อย ช่างไม่ค่อยมีความชำนาน
- ของเล่นต้องสั่งนอกหมด
- คนไม่รู้จักชอบถามว่า Mazda 2 รึเปล่า
- เครื่อง NA แรงไม่สุด ต้องหาเครื่องเทอร์โบจากนอกมาลง
- รถรักเจ้าของ แต่ก็คิดว่าจะเก็บไว้ยาวๆ
-
ขอแชร์ด้วยคนนะครับ
1. 2004 Toyota Altis 1.6 E (หน้าหมู) - รถคันแรก ปัจจุบันจอดเก็บรอ Restoration
ข้อดี
- กว้างขวาง นั่งสบาย
- ช่วงล่างนุ่มนวล เดินทางสบาย
- เก็บเสียงดี รถ 16 ปีแล้วยังเก็บเสียงดีกว่ารถอีกคันที่อายุเพิ่งจะ 8 ปี
- อัตราเร่งดีในพิกัดของมัน ไม่ยืดยาด
- ประหยัดน้ำมันสมตัว วิ่งจากชานเมืองเข้าใจกลางไปกลับเฉลี่ยวันละ 60 กม. เติมน้ำมันถังนึงอยู่ได้เกินอาทิตย์
- ซ่อมบำรุงง่าย อะไหล่หาง่าย ไม่แพง
- ทนทาน ไม่จุกจิก 16 ปีที่ผ่านมามีแค่ซ่อมโช๊ค เปลี่ยนคอมแอร์ เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง และเปลี่ยนลูกปืนล้อหลัง ถ้าเทียบกับอีกคันนี่คนละเรื่องเลยครับ
ข้อเสีย
- มีช่วงล่างที่นุ่มสบาย แต่ใช้ความเร็วสูงเกิน 140 ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
- พวงมาลัยเบาไปหน่อยช่วงใช้ความเร็ว แอบมีหวิวบ้าง
- แอร์แบ็คแค่ลูกเดียวและไม่มี VSC แต่เข้าใจได้ครับว่ายุคนั้นของพวกนี้ต้องไปกองอยู่รุ่นท๊อป
2. 2012 Mazda3 2.0 (BL) ก่อนไมเนอร์ - รถใช้ประจำคันปัจจุบัน
ข้อดี
- ทรงสวยถูกใจ มีของเล่นหวือหวาตามยุคสมัยของมัน (ถึงจะไม่ไฮโซเท่าเพื่อนร่วมรุ่นยุคนั้นบางคัน) มีซันรูฟให้เปิดรับแดด (ใครๆ เขาบอกว่ามีไปทำไมมีไว้ก็ไม่ได้เปิด ผมเปิดนะ)
- อัตราเร่งสะใจ เหมือนจะอืดแต่ก็ไม่อืดอย่างที่เขาพูดกัน ได้ท่อกับกรองอากาศเข้าไปอีกชุดยิ่งตามเท้าดี
- ช่วงล่างแน่น ออกแนวแข็ง แต่ไว้ใจได้ทุกย่านความเร็ว เกาะเอาอยู่แทบทุกโค้ง (เคยทำมันหลุดลีมิตไปครั้งนึง โชคดีว่าเป็นถนนส่วนบุคคลเลยไม่มีรถตาม แต่เข็ดยาวๆ ครับ)
- พวงมาลัยไวตามสั่ง ใช้งานในเมืองคล่องตัวดี วงเลี้ยวแคบดีไม่ต้องตีวงเยอะเวลากลับรถ
- ความปลอดภัยพื้นฐานมาค่อนข้างครบครับ แอร์แบ็คคู่หน้า DSC+TRC ถึงจะน่าด่าตรงเอาม่านถุงลมออกทำไมก็เถอะ
- ตำแหน่งการจัดวางสรีระผู้โดยสารกับอุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างดีครับ ตำแหน่งการวางแขน การเอื้อมมือไปกดสวิตช์ใช้งานต่างๆ ทำได้่ดี
ข้อเสีย
- กินจุครับ วิ่งในเมืองมี 8-10 กม./ล. แน่ๆ ทางไกลมี 11-14 กม./ล. น้ำมันถังนึงวิ่งด้วย Condition เดียวกับ Altis ใช้แค่ 5 วันก็ต้องวิ่งหาปั๊มแล้ว (แต่เข้าใจว่าเครื่อง 2000 ของ Mazda ยุคนั้นมันก็แบบนั้นแหละ)
- ช่วงล่างที่แน่นของมันแถมความตึงตังในทุกอย่างที่เจอบนถนนครับ ต่อให้เปลี่ยนอะไหล่ช่วงล่างมาหมดและลองเปลี่ยนซีรีย์ยางเป็น 50 มันก็ยังสะเทือน
- พวงมาลัยที่ไวและคล่องตัวของมันแอบไวเกินไปในช่วงความเร็วสูงครับ 120-140 ยังไม่เป็นไร แต่ช่วง 160 ขึ้นไปนี่แหละทื่เริ่มไม่มั่นใจ ถ้าเจอพื้นถนนที่ไม่เรียบจะชัดเจนมากครับ (เช่นทางด่วนใหม่ที่ไปลงบางบัวทองนี่เลย)
- ของเล่นขาดๆ เกินๆ ครับ อุตส่าห์มี Keyless Entry+Push Start หลังคาซันรูฟมาให้ วิทยุดันไม่มีบลูทูธเชื่อมโทรศัพท์ Cruise Control ก็ไม่มี USB ก็หาย เมืองนอกขายมาก่อนตั้ง 2 ปีเขามียันจอ Navi นี่ไม่ยักใส่เข้ามาให้ มาเจอกันอีกทีตอนไมเนอร์แล้วขายอยู่แปปเดียวเปลี่ยนโฉม
- เก็บเสียงแย่ครับ วิ่งเกิน 120 ไปไม่ต้องคุยกันแล้วในรถ
- พื้นที่นั่งตอนหลังค่อนข้างเล็ก แต่ด้วยว่าปกติใช้รถเต็มที่ก็ 2 คนเลยไม่เท่าไหร่ เคยมีผู้โดยสารเต็มรถเดินทางไกล ข้างหลังก็ไม่ได้บ่นว่าแคบอะไร
- อะไหล่ไม่ค่อยทน ถ้าเทียบกับ Altis อายุ 16 ปีคันข้างบน เจ้านี่มีรายการอะไหล่ที่เสื่อมสภาพและต้องเปลี่ยนใหม่เยอะกว่ามากครับ ลูกยาง ลูกหมาก ยางหุ้มต่างๆ บุ้ชต่างๆ ไปไวมาก
- โรคประจำตัวเยอะครับ กันขโมยชอบร้องเองเพราะกลอนประตูเสื่อม กล่องโมดูล ABS ที่พังกันแบบไม่มีสาเหตุ ปั๊มติ๊กเปราะสไตล์ Mazda โดนกับตัวมาครบเลยครับ
- ราคาอะไหล่ที่ค่อนข้างสูง และจะยิ่งสูงถ้าเข้าศูนย์บริการ โชคดีกว่าอะไหล่บางส่วนใช้กับของ BK ได้และมีอะไหล่เทียบข้างนอกและแหล่งที่ตัดรถเข้ามาจากนอกที่ไว้ใจได้อยู่พอสมควรครับ
- ศูนย์บริการ ไอที่ดีๆ ก็มีครับ แต่ด้วยความชอบลองของเลยลองย้ายศูนย์ไปเรื่อยในละแวกบ้านจนไปเจอที่ๆ ไม่ดีเข้า เลยได้รับรู้รสชาติมาบ้าง
- ของแต่งน้อยครับ BK กับแก๊งค์ Skyactiv เขาของแต่งเยอะมาก BL ด้วยความที่อายุทำตลาดมันสั้นและรถมันน้อย ของแต่งเลยไม่ค่อยมี อยากได้ก็ต้องหาร้านในไทยที่รับทำเฉพาะทางหรือฝากเขาหิ้วจากนอกมา
ถึงจะมีเรื่องให้บ่นให้เหนื่อยแค่ไหน แต่ถามว่าพอใจกับทั้ง 2 คันมั้ย แน่นอนว่าพอใจกับทั้งคู่ครับ คันนึงเป็นรถมรดกที่มีคุณค่าทางใจ อีกคันก็เป็นรถที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองและเป็นรถที่เราใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากที่สุด ก็เลยยังไม่คิดว่าจะหาคันไหนมาแทน 2 คันนี้ได้ครับ ;)
-
Honda BR-V MC
ข้อดี:
1) รูปทรงสวย ดูโฉบเฉี่ยว
2) ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ
3) อัตราเร่งดีที่สุดในกลุ่ม
4) ประหยัดน้ำมัน ในเมืองเฉลี่ย 11-12 กม./ลิตร นอกเมืองเฉลี่ย 15-16 กม./ลิตร
5) ศูนย์บริการมีมาตรฐานการบริการดีมาก
ข้อเสีย:
1) การเก็บเสียงถือว่าแย่มาก
2) ช่วงล่างแข็งกระด้าง
3) ช่วงล่างย้วย ขับเกิน 100 ก็ไม่มั่นใจเท่าไร
4) เมื่อเทียบออฟชั่นกับราคาแล้ว ดูไม่คุ้มค่าเท่าไร
5) โหมด Eco ไม่มีปุ่มปิด ทำให้ช่วงออกตัวจะอืดหน่อยๆ
6) เบาะหน้านั่งไม่สบาย เบาะหลังเป็นแบบเรียบๆ นั่งแล้วไหลตามรถ
-
Mazda Fighter Supercab
ข้อดี
-มันเป็นรถเก่ามากๆแล้วหาข้อดียาก แต่ไม่ได้มีอะไรจุกจิก ซ่อมตามที่อะไหล่หมดอายุการใช้งานของมัน
ข้อเสีย
-มันเป็นรถยุคก่อนระบบหัวฉีด เลยกินน้ำมันโหดประมาณนึง
-เก็บเสียงไม่ดี
-เล็กตามสไตล์ของยุคสมัย
Honda City Gen6 MY2017
ข้อดี
-ประหยัดน้ำมันประมาณหนึ่ง ขับทางไกลไม่กดหนักมาก 16 km/ลิตรจะโผล่มาบ่อยๆ
-พวงมาลัยเบา เวลายูเทิร์นหรือลัดเลาะในซอกซอยทำได้ง่าย
-พื้นที่โดยสารดีสำหรับรถsizeนี้
-option เล็กๆน้อยๆ อย่างพวกpush start, keyless ทำให้ชีวิตสบายไม่น้อย
-ยังไม่เจออาการจุกจิกใดใด
ข้อเสีย
-เก็บเสียงภายนอกไม่ดี เสียงลม/ยางเข้ามาในห้องโดยสารเยอะ
-มีระบบspeed limit พอความเร็วเกิน 120 km/hr ต้องจับพวงมาลัยแน่นขึ้นเพราะมันจะหวิวๆจนเริ่มหวั่นๆ
-ความเร็วต่ำเจอลูกระนาดสะเทือนอันนี้พอรับได้ พอไปความเร็วสูงจะหวิวๆหน่อย แต่พอคอมโบกับพวงมาลัยข้อข้างบนยิ่งเลวร้าย
-คุณภาพงานประกอบไม่ดีเท่าที่ควร บางจุดดูมี gap เยอะไปหน่อย
-
พอใจมาก และรักมันมากและมีความสุขที่ได้ขับมันทุกวันครับ คือเจ้าสองปี 2012 คิดไม่ผิดเลยที่เลือกคันนี้ ขับสนุกมากเลยคับ ไม่ย้วยไปมา หนึบแน่นดี handling โอเครเลย และผมไม่คิดจะขายเลยคับ จะช้ไปตลอดเลยคับเพราะผูกพันกับมันมานานพาไปเกือบทั้วประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมาคับ :-*
-
ford fiesta 1.6 s ปี2012 (เป็นรถคันแรกที่ทำให้หันมาสนใจกับการดูแลรถมากขึ้นจนรู้สึกว่าตัวเองระแวงไปหมดทุกอย่าง)
ข้อดี
- ขับสนุกในความเร็ว การเข้าโค้ง เปลี่ยนเลน รู้สึกมั่นใจ ในความเร็ว 110-140 กม./ชม
- การเก็บเสียงที่ดีมากจากเสียงลมที่เข้ามาภายในห้องโดยสารที่ (ในราคาไม่เกิน 7 แสนบาท)
-
ข้อเสีย
- วัสดุบางอย่างที่ใช้ อาจไม่เหมาะกับสภาะแวดล้อมในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา เช่น แผ่นยางซับเสียงใต้เท้าเราละลายทำให้ส่งกลิ่นเหม็น ,วาวล์น้ำที่เปิดปิดช้า จะมีปัญหากับรถที่มีอายุ5-6 ปี จนบางครั้ง ความร้อนขึ้นสูงเครื่องฮีท (ผมเลยแก้ไขโดยการเปลี่ยนวาวล์น้ำโตต้า)
-
Bmw 320d F30 iconic
ข้อดี
- ราคาถูกสุด เมื่อเทียบกับแบรนด์ข้างๆ
- เบาะหน้า,หลัง นั่งค่อนข้างสบาย
- ไม่จุกจิกเลย ไม่เคยมีปัญหาใดๆ
- ประหยัดน้ำมัน
ข้อเสีย
- ออฟชั่นน้อย
- ความหรู/ห้องโดยสารสู้แบรนด์ข้างๆไม่ได้
mb c220d W205
ข้อดี
- อออฟชั่นเต็มมาก
- สวยงาม/หรู
- ขับขี่ดีกว่า f30
ข้อเสีย
- ช่วงล่างแข็ง สะเทือน ขับผ่านเนินแต่ละทีเสียวยาง/แม็กจะแตกไหม
- ปัญหาจุกจิกเยอะ ม่านไฟฟ้าหลังขึ้นบ้าง/ไม่ขึ้นบ้าง, เบรคโฮลด์กระตุก, เกียร์Pกระตุก, โหมดsport+ เกียร์2>1 เกียร์กระตุก
mb cls53
ข้อดี
- แรง+อัตราเร่งดี เหลือๆในชีวิตประจำวัน
- ช่วงล่างดีมาก นิ่ง นุ่ม มั่นใจ
ข้อเสีย
- เสียงท่อ ไม่ค่อยเร้าใจเท่าไร + การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ดี ทำให้เวลาอยากอัดแรงๆ ไม่ค่อยได้อารมณ์เท่าที่ควร c43 เร้าใจกว่า
-
MERCEDES BENZ W212
- ชินกับการขับขี่ รถคู่ใจมานาน. ตัดใจขายไม่ลง ยังดูดี ไม่เกเร.
แต่mb หลังๆออกแบบงดงามจริงๆ แต่ยังไม่เจอรุ่นที่เป็นเนื้อคู่
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
- สุดยอดของ c segment บ้านๆ ใช้มาจากป้ายแดงจน2.5แสนโล ยังเป๊ะ แต่ เกินแสนกว่าโล จะงอแงหากไม่ใส่ใจเขา ต้องสังเกตอาการเขาและรีบเข้าศุนย์
HONDA CITY S '15
- จอดซะส่วนใหญ่ แต่ไม่มีปัญหาอะไรเลย. ไม่รุ้จะติอะไร
เทียบกับ b segment ผมคิดว่ามันคุ้มค่า ขับดีในมิติการขับปกติอะนะ
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '18
- ไม่ติอะไร. ชอบ คุ้ม ขับดี ของเล่นเยอะ
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
- แรง นุ่ม ขับดี. แต่ผมไม่ชินตอนซัดหนักๆ. เบรกไม่อยุ่ครับ
-
1. Ford ranger 2.2 6at hi-rider 4ประตู 2013
ข้อดี
- ช่วงล่างพวงมาลัยในความเร็วเดินทาง 100 - 140 ถูกใจมากนิ่งแน่นกำลังเหมาะเจอพื้นไม่เรียบมีดีดเล็กแล้วหยุดเลย มุดมอเตอร์เวย์ก็ยังไว้ใจได้ดี
- กำลังเครื่องกดครึ่งคันเร่งกำลังต่อเนื่องดี กดมาเรื่อยๆโดยไม่ต้องลงเกียร์ต่ำ มาแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ
- อัตราสิ้นเปลืองทางไกลไม่โหดร้ายเท่าไหร่ ถ้าคงคันเร่งไว้นิ่งๆได้ตลอด ปล่อยไหลชะลอไม่ต้องเบรกยังมี 13 กิโลเมตรต่อลิตรให้เห็น ถ้าเอาประหยัดกว่านี้ก็ขับไม่เกิน 90 รอบเครื่องไม่เกิน 1600 - 1700 บูสท์อ่อนๆประหยัดแน่ถ้าไม่ง่วงซะก่อน แต่บทจะกินคือกินตามความรีบของเจ้าของรถเลยทีเดียว 8-9 กิโลเมตรต่อลิตรสามารถทำได้ไม่ยาก
- ถังนึงโฆษณาเคลมไว้ 1 ถังได้ 1000 กิโลเมตร นั้นทำได้จริงขับดีๆ1100 -1200เป็นไปได้ แต่ต้องวิ่งชานเมืองมากกว่ารถติดเพราะจะเหลือ 850 - 950 กิโลเมตร
- ภายในอุปกรณ์ก็สมถะ เหมือนจะน้อยแต่ก็ไม่ขาด
- เครื่องเสียง รู้สึกประทับใจกับของติดจากโรงงานมากลำโพง6ตัว จัดว่าฟังได้ดีถ้าไม่ใช่คนฟังแนวออเคสตร้าหรือเพลงที่เครื่องดนตรีเยอะ เครื่องเสียงมีเบสบึ้มบั้มกำลังดี แหลมจนเกื่อบบี้แต่ยัง (ตัวปีอื่นไม่รู้จะเหมือนกันไหมนะ)
- การเก็บเสียงลมทำได้ดี 130 ถึงจะเริ่มได้ยินเข้ามาอันนี้แล้วแต่คนอีกที
- ภายในกว้างพอตัว นั่งแล้วโปร่งโล่งสบาย
- ที่วางแก้วสองช่องกลาง แผงประตู4บานก็วางได้อยู่
- ช่องเสียบไฟมีสองช่องหน้าหลังแต่ระวังฝาปิดหายเอาได้
- ชอบเป็นการส่วนตัวคือฝากระโปรงหน้าปิดลงล็อคง่ายดี โดยที่ไม่ต้องทิ้งลงมาสูงมากนัก
- ฝาท้ายตัวมือเปิดไม่ต้องออกแรงงัดแล้วกลัวจะหัก และปิดกลับแค่ดันก็เข้าล็อคได้ง่ายๆโดยไม่ต้องผลักแรงๆ (พอเป็นตัวใหม่กลับเปลี่ยนพาร์ทซะงั้น)
- ด้วยการกัดลายพลาสติกต่างๆของภายในคอนโซลหน้าแผงประตูรอบคันดูเป็นลายไม่ค่อยเหมือนรถญี่ปุ่น พอใช้ไปนานเลยดูไม่ค่อยเก่าเร็วเท่าไหร่ (แต่ถ้าไปวิ่งในนาอันนั้นก็เก่าอยู่ดี)
ข้อเสีย หึหึ.......
- เป็นรถกระบะที่ที่เลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู หลายอย่างควรใช้เกรดดีๆ เพราะออกแบบมาให้ใช้ของดีๆหรือไม่ก็เพราะป่วยง่าย
- น้ำมันเครื่องควรใช้สังเคราห์แท้ เพื่อลดความเสี่ยงปั้มน้ำมันเครื่องแตก....จริงๆมันก็ออกแบบมาเปราะด้วยส่วนหนึ่งเลยมีปั้มแบบเฟืองออกมาขาย กรองน้ำมันเครื่องก็ลูกเล็กแต่จะให้เปลี่ยน15000กิโล อาจจะไม่ดีเท่าไหร่
- ท่ออินเตอร์ตั้งแต่ใช้รถกระบะมาไม่ค่อยเห็นกระบะรุ่นไหนท่ออินเตอร์แตกมาก่อนในระยะแสนกิโลหน่อยๆ เปลี่ยนท่อโลหะก็หมดปัญหา
- เกียร์ ไม่ถึงกับเปราะแล้วแต่เจ้าของทนุถนอมได้ประมาณไหน 250000 - 270000 ยังอยู่ไหวในวาล์วบอดี้เดิมๆ
- อาการของเกียร์ขับในเมืองกระตุกยับเยิน ช่วงเปลี่ยนลง 3 ไป 2 - 2 ไป 3 จนต้องใช้บวกลบคาเกียร์ไว้เอง
- เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันก็ไม่เท่าไหร่ และเครื่องก็ไม่ได้แรงพอให้หนีเก๋ง1.5ได้พ้น เซ็งตรงนี้
- กำลังเครื่องมันดีที่สุดคือช่วงรอบ 1800 - 2700 เกิน 3000รอบขึ้นไปคือหมดความตื่นเต้นหนืดเหี่ยว ยิ่งเร่งแซงความเร็วที่100 คาเกียร์4 แล้วลากรอบให้พ้นยังเหนื่อย
- ช่วงล่างในความเร็วสูงมันดี ความเร็วต่ำในเมืองนะหรอ หึหึ แม้เจ้า ตึงตังเหลือเกินแม้จะลม32ปอนด์แล้วก็ตาม แต่ยังไม่ขนาดวีโก้ใส่ คายาบ้า ซุปเปอร์เรด + ล้อ20นิ้ว
- เบรกถ้าขับในเมืองอาจจะไม่ชอบ กด20-30%แรกเบรกจับน้อยเกินไป พอเพิ่มเป็น50%ลงไปคือหน้าเริ่มทิ่มเลย แอบรำคาญเหมือนกัน และถ้าขับเร็ว160+ แล้วตกในเบรกแอบมีไหลนิดหน่อยแต่ยังเอาอยู่
- ความคล่องตัวในเมืองจัดว่าอุ้ยอ้ายประมาณนึง แต่ถ้าเป็นซอกซอยก็ต้องชะเง้อดูมุมหน้ารถดีๆ แต่ถ้าคุ้นรถแล้วจะกะระยะได้แม่นเอง แต่เอาชัวร์หาเซนเซอร์รอบคันมาใส่เพิ่มจะอุ่นใจขึ้น
- เบาะนั่งคู่หน้าแรกๆก็นั่งสบายแต่ถ้าขับเป็นเวลาหลายชั่วโมงมากๆก็จะเมื่อยมากกกเช่นกันแม้จะมีดันหลังมาให้
- เบาะหลังตัวรองนั่งแอบแข็งไปหน่อยพอนั่งได้แต่เมื่อยไม่แพ้คู่หน้า ทั้งนี้แล้วแต่คนอีกทีนึง
- ประตูคู่หน้าแอบหนักไปหน่อยก่ะแรงปิดยากต้องผลักแรงหน่อยถึงจะปิดสนิท (แม่ผมคอมเพลนมาเอง)
- และอุปกรณ์บางอย่างที่เสียแบบไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเสียคือพวกมือเปิดประตูด้านในหักคามือ กลอนประตูเสียปิดไม่ได้ (แต่เข้าเคลมได้ฟรี4บาน) ปุ่มล็อคประตูไฟฉุกเฉินกดไม่ค่อยติด
- คู่มือบอกให้เติมน้ำมันอย่างน้อย10ลิตรขึ้นไปไม่งั้นเข็มจะไม่ขึ้นอันนี้ก็ประหลาดดี และจริงด้วยต้องเติมซัก4-5ร้อยบาทขึ้นไปเข็มถึงจะขึ้นให้ บางทีงบน้อย300เข็มไม่ขึ้นให้แต่เข็มก็ยังตกลงเรื่อยๆจนกระทั่งไฟเตือน จนต้องกัดฟันเติมเพิ่มไปอีกเข็มถึงขึ้นให้
- ค่าดูแลแอบแพง ค่าของเหลวถ้าอยากเซฟควรเข้าอู่นอกอย่างเดียว จะเซฟค่าแรงจากศูนย์ไปเยอะ
- สุดท้ายค่าดูแลกก็เยอะแล้ว ยังมีค่าของแต่งมายั่วยวนให้เสียตังค์อีกหลายอย่างไม่ว่ารุ่นไวล์แทร็คจะมีออพชั่นอะไรสามารถเบิกอุปกรณ์มาเปิดระบบใส่ได้
เป็นรถที่เหมือนผู้ชายหน้าตาดีแต่แต่งตัวจืดๆ คืออยู่ด้วยกันได้ทุกวันไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ขี้เหร่ ถ้าไวล์แทร็คก็หล่อครบครันไปเลย
-
BR-V MY2018
สิ่งที่ชอบ
- ความอเนกประสงค์ ขนคน ขนของ เคยขนน้ำแพ็คเล็กไปบริจาค 1,000 ขวด พับเบาะแถวสาม ขนได้แบบเหลือเฟือ (หาข้อมูลความจุเมื่อพับเบาะแถวสามได้ 691 litre VDA) เบาะแถวสามนั่งได้จริง น้องผมสูง 178 หนัก 90 นั่งแล้วไม่บ่นครับ
- อัตราเร่ง พอ ๆ กับรถเก๋ง 1,500-1,600 cc คันเร่งตอบสนองดีและ linear มีเกียร์ L ให้เวลาขึ้นเขา เคยวิ่งไปเขาค้อ ภูพาน สบาย ๆ อัตราสิ้นเปลือง ผมใช้ E20 นอกเมืองได้ 14-15 km/l ในเมือง 11-12 km/l ถ้า E85 จะลดลงราว ๆ 1 km/l และการมีไฟ Eco ทำให้เปลี่ยนลักษณะการเหยียบคันเร่งของผมมากทีเดียวฟ
- พวงมาลัยเบากำลังดีในช่วงความเร็วต่ำ ตัวรถที่ไม่กว้างกว่า Eco Car เท่าไหร่ทำให้ขับมุดในเมืองได้สบาย ช่วงความเร็วสูง อาจจะไวไปนิด แต่ก็ไม่ถึงกับวอกแวก จนไม่มั่นใจ
- เบาะคู่หน้า วางตำแหน่งดีมาก ถึงจะปรับสูง ต่ำไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงเลย อย่างแฟนผมที่เวลาขับ Altis ต้องปรับเบาะขึ้นสุด+เบาะรอง พอมาขับ BR-V ไม่ใช้เบาะรองยังขับได้ครับ และ Leg Room ก็กว้าง ไม่มีคอนโซลกลางมาเบียดขา
- ช่องใส่ขวดน้ำ 11 ตำแหน่ง เยอะมาก ๆ แถมใหญ่ด้วย ตรงประตูหลัง ใส่ขวดน้ำ 1.5 ลิตรได้สบาย ๆ
- มียางอะไหล่ิ (นับว่าเป็นข้อดีได้มั้ย)
สิ่งที่ไม่ชอบ
- การเก็บเสียงไม่ดี ในคลิปรีวิวบอกว่าเกิน 100 km/h แล้วเริ่มดัง แต่ผมขับ 80 km/h ก็เริ่มได้ยินแล้ว
- แบตเสื่อมเร็ว ของผมวิ่งไป ปีครึ่ง ได้ 35,000 km ก็เสื่อมแล้ว รอบนี้รอลุ้นให้ถึง 40,000 km อยู่ครับ
- ช่อง USB เรียกว่า ไม่มีเลยก็ว่าได้
- เบาะแถวสองตัวเบาะค่อนข้างสั้นและแข็ง พอเจอช่วงล่างที่ติดแข็งไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ทำให้นั่งไม่สบายเหมือนรถเก๋ง แต่ก็ชดเชยด้วยพนักพิงหลัง ที่ปรับเอนได้ 3 ระดับ
- คอนโซลกลางไม่มีที่วางแขน ถ้าตัดช่องวางแก้วออก แล้วใส่ที่วางแขนกับช่องเสียบ USB เพิ่มมาให้จะดีมาก
- ออปชั่น อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ให้มาน้อย แม้จะเป็นตัว MC ก็ตาม ผมอยากจะได้ Cruise Control กับ Paddle Shift แล้วก็ขอที่วัดอุณหภูมิหม้อน้ำมาด้วยครับ
Altis 1.6G MY2008 (หน้าแบน)
สิ่งที่ชอบ
- ทน ถึก เลขไมล์ราว ๆ 110,000 km เข้าซ่อมบำรุงที่ศูนย์ตามระยะ ไม่มีอะไรจุกจิกเลย ผมไม่แปลกใจที่แท๊กซี่รุ่นนี้ปลดระวาง แล้วยังใช้ขับส่วนตัวกันต่อ
- ประหยัดน้ำมัน ในเมือง 12-13 km/l นอกเมือง 15-16 km/l น้ำมัน 1 ถัง เคยวิ่งได้ไกลสุด เกือบ 700 km
- เบาะหลังนั่งสบายกว่า BR-V แต่เบาะคู่หน้า ผมรู้สึกดีกับเบาะ BR-V มากกว่า ถึงแม้ว่า Altis จะมีที่วางแขนซ้าย แต่แขนขวา วางแล้วไม่สบายเอาซะเลย
- การเข้าเกียร์แบบซิกแซก ผมชอบมากกว่าการกดปุ่มแบบืHonda เพราะปุ่มมีโอกาสเสียได้ง่ายกว่า
- ช่องสัมภาระหลัง จุใช้ได้ ใส่กระเป๋าเดินทางใหญ่ ๆ ได้หลายใบ
สิ่งที่ไม่ชอบ
- พวงมาลัยไฟฟ้า ที่เบาและไม่ให้ความรู้สึกแม่นยำซะเลย
- คันเร่งไว ขับแรก ๆ จะกะน้ำหนักไม่ค่อยถูก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเครื่อง VVTi แรงไม่พอ
- ไม่มีปุ่ม A/C Off ต้องหมุนลูกบิดอุณหภูมิเวลาต้องการกำลังเครื่องเพิ่ม
- จอไมล์ที่พื้น ๆ มาก คือ Accord ปี 95 ยังมีไฟโชว์ประตูที่ปิดไม่สนิท ไฟเบรคเสีย มาให้ แต่ Altis หน้าแบนมีดีกว่าแค่ Trip A และ B
-
อ่านเพลินเลย ขอแชร์บ้าง
MU-X 3.0 4x4 2014
+ งานประกอบดี ไม่มีเสียงอะไรให้กวนใจ
+ ค่าบำรุงรักษาถูกเมื่อเทียบกับหลายๆ ยี่ห้อ
+ ไม่เสียจุกจิกกวนใจ
+ กว้างขวางนั่งสบาย ไม่อึดอัด
+ ที่วางแก้วน้ำเยอะมาก
+ ศูนย์บริการดีเยี่ยม
- คันเร่งหน่วงไปหน่อย ใครมาขับจะนึกว่ามันอืด ใส่คันเร่งไฟฟ้าไปจบเลย
- ช่วงล่างแย่สำหรับการขับเร็วๆ แต่ใช้ในเมืองนุ่มสบายมาก อันนี้แล้วแต่คนชอบ ผมชอบขับเร็วเลยเปลี่ยนโช็ค
- ล้อ(7)และยาง(255)ใช้ขนาดเล็กกว่ารถ ppv ระดับเดียวกันในตลาด ทำให้ถ้าใครจะหายางตรงรุ่นจะหายากหน่อย
- front อายุสัก 3-5 ปี จะชอบมีปัญหา ในคลับเป็นกันเยอะรวมทั้งรถผมด้วย
- กระจกมองหลังสั่น ไม่รู้ว่าออกแบบมาขาเล็กไปหรือเปล่า ใช้แล้วขัดใจมาก
- ที่พักเท้าซ้ายเล็กมาก ทำให้ขับทางไกลๆ อาจจะเมื่อยได้
- ลำโพงเสียงค่อนข้างแย่
Swift 2015
+ ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ
+ ค่าบำรุงรักษาถูก อะไหล่ไม่แพง
+ เครื่องเสียงคุณภาพโอเคกว่าที่คาด
+ ประหยัดน้ำมัน
- หาศูนย์บริการดีๆ ยาก
- อะไหล่บางตัวเสียเร็วกว่าที่คิด แต่ก็ชดเชยด้วยราคาอะไหล่ที่ไม่สูง
- อืดไปหน่อย สไตล์ eco car กดคันเร่งเยอะๆ พอช่วยได้
-
นั่งไล่อ่านจนครบทุกท่าน