ผู้เขียน หัวข้อ: วลีเด็ดประจำวัน "ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"!!!!  (อ่าน 3924 ครั้ง)

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
พรุ่งนี้วันหยุดคืนนี้ว่างเรามาแลกเปลี่ยนความคิดนอกเรื่องกันดีกว่า  ;D


"ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"เคยได้ยินประโยคนี้จากหนัง ละคร หรือการ์ตูนญี่ปุ่นไหมครับ? ท่านๆมีความคิดเห็นจากประโยคนี้ยังไงกันบ้าง? สำหรับผมแล้วตีความว่าคนเรานั้นเกิดมาก็เกิดหนเดียวตายก็ตายเพียงหนเดียว เกิดมาจากศูนย์ตายก็เหลือเพียงศูนย์ เงินทองทรัพย์สินอำนาจเราเอาไปไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่คงเหลือทิ้งไว้ในโลกนั้นคือสิ่งที่เราได้กระทำในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง คนญี่ปุ่นยึดถือในระเบียบวินัยและวิถีทางแห่งเกียรติและศักศรีอย่างเคร่งครัด ผุ้ชายควรจะอยู่อย่างมีเกียรติเช่นนักรบซามูไรส่วนประโยคที่ว่าค้นหาความตายนั้นไม่ได้หมายถึงให้หาเรื่องตายเปล่าแต่ให้ขบคิดว่าในหนึ่งชีวิตที่เกิดมานั้นจะสามารถทำความดีทิ้งชื่อไว้ในสากลโลกอะไรบ้าง? จงหาคุณค่าในมีชีวิตอยู่ของตัวเอง ยึอถือมั่นและยอมตายเพื่อสิ่งนั้น  :)


ผมอาจจะตีความได้ออกแนวหัวโบราณอนุรักษ์นิยมไปหน่อยแต่ผมเชื่อว่าคนญี่ปุ่นใช้หลักการนี้ในการใช้ชีวิตจริงๆครับ ยกตัวอย่างกรณีเมื่อกรณีซึนามิที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้สูงอายุจำนวน33คนอาสาที่จะเข้าไปแก้ปัญหาในโรงงานนิวเคลียร์ แม้ว่าสิ่งที่รออยู่ปลายทางนั้นคือความตายอย่างเดียวและปฏิบัติการของพวกเค้าอาจะพบกับความล้มเหลว แต่กลุ่มคนเหล่านี้ยึดถือหลักการที่ว่ามันเป็นหน้าที่ของพวกเค้าที่จะปูทางไปสู่อนาคตที่ดีให้แก่คนรุ่นหลังแม้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม  แม้ลุงๆพวกนี้ไม่ได้กล้ามโตและอาจไม่รู้วิชาดาบด้วยซ้ำแต่เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่แหละคือซามูไรที่แท้จริง แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยชื่อให้แก่สาธาระชนรับรู้แต่เชื่อเถอะว่าในครอบครัวของเค้าเหล่าผู้กล้าพวกนี้จะเป็นวีรบุรุษที่จะพูดถึงในการยึดมั่นความดีไปอีกหลายสิบชั่วคนเลยทีเดียว  ;)


ดูดีไหมครับ? การที่เราได้อยู่และตายอย่างมีเกียรติและศักศรี ในบ้านเราก็มีเรื่องราวที่ชีวิตอุทิศให้แก่การทำดีแบบนี้เหมือนกันนะ ยกตัวอย่างเช่นมีลุงคนนึงแกมีอาชีพเก็บของเก่าขาย ไม่มีบ้าน สมบัติติดตัวเพียงอย่างเดียวของแกก็คือรถซาเล้งปั่นหนึ่งคัน วันหนึ่งแกปั่นจักรยานผ่านไปได้ยินเสียงร้องของลูกหมาในพงหญ้า พอไปแหวกๆหญ้าดูเจอลูกหมาตัวนึงร้องอย่างตัวสั่นด้วยความหนาวและหิว ลุงที่ไม่มีบ้านไม่มีเงินทองสมบัติสักอย่างแกเลือกที่จะเอาเงินที่มีอยู่น้อยนิดไปซื้อนมกล่องในเซ่เว่นมาให้มันกินพร้อมทั้งกอดให้ความอบอถ่นกับหมาตัวนี้ แกไม่ทิ้งหมาตัวนี้ไปไหนแต่กลับเลี้ยงดูและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน แม้ว่านั่นหมายถึงแกจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่แกหามาได้ในแต่ละวันเพื่อเลี้ยงดูมันก็ตาม เป็นความดีเมตตาต่อสัตว์ที่ยิ่งใหญ่คนนึงเลยทีเดียวที่แกกล้าแลกทุกอย่างที่มีเพื่อชีวิตน้อยๆตัวนึง ผมเองยังไม่กล้าบอกเลยว่าเมื่ออยู่ในสถาณการเดียวกับแกแล้วจะทำได้แบบนี้ไหม ลุงแกอาจจะไม่ได้ร่ำรวยยิ่งใหญ่อะไรแต่การทำความดีของแกมันยิ่งใหญ่งดงามมากกว่าวังที่สร้างด้วยทองคำเสียอีก  :)


ไหนๆพูดถึงลุงที่แกตั้งมั่นในความดีของแกแล้วผมขอยกตัวอย่างอีกคนหนึ่งที่วีรกรรมยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันดีกว่า แม้ในยามที่อายุมากแล้วแต่แกก็ทุ่มเทและตั้งมั่นในสิ่งที่แกเชื่อจนจากไปจริงๆ อยากให้ท่านที่อ่านเรื่องนี้แล้วลองเก็บไปคิดดูครับ เกิดมาชาตินี้แล้สเราอยากจะลองทิ้งชื่อทำอะไรบ้างเพื่อประดับไว้ในสากลโลกก่อนที่เราจะตายจากไปเป็นเพียงเศษธุลี...............สำหรับตัวผมเองผมหาเจอแล้วครับ ผมไม่ต้องร่ำรวยมีชื่อเสียงใหญ่โตแต่ผมสามารถภูมิใจกับการมีชีวิตของตัวเองได้โดยไม่รู้สึกว่าด้อยกว่าใครๆบนโลกนี้เลย อ่ะมาอ่านเรื่องราวของคุณลุงคนนี้กันดีกว่า  :)


คุณปู่ไป่ ฟาง ลี่
"นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา"

          บทกวีบทนี้ดูเหมือนจะใช้ได้กับ "คนดี" ทุกคนเสมอ โดยเฉพาะหากความดีของบุคคลผู้นั้น ได้สร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับมหาชนด้วยแล้ว ชื่อของเขาก็มักจะถูกจารึกไว้และได้รับการกล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน แม้ว่าเจ้าตัวจะล่วงลับไปนานแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับคนดีที่ทำประโยชน์ยิ่งใหญ่เพื่อสังคม ที่กระปุกดอทคอมนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถ้าหากใครได้อ่านได้รับรู้เรื่องราวของเขาก็คงจะชื่นชมนับถือ และจดจำความดีของเขาขึ้นใจไม่ต่างกัน

          และ เรื่องราวดี ๆ ที่นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณปู่ชาวจีนนามว่า ไป่ ฟาง ลี่ จากเมืองเทียนจิน ผู้ลำบากตรากตรำถีบสามล้อเก็บเงินกว่า 1.7 ล้านบาท แล้วบริจาคให้กับเด็กยากจนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา ให้ได้มีโอกาสเล่าเรียนเป็นอนาคตของชาติ แต่กลับกันตัวคุณปู่เองกลับใช้ชีวิตอย่างสมถะ และมีชีวิตอย่างพอเพียงในกระท่อมเล็ก ๆ ของตัวเอง

          โดยคุณปู่ ไป่ ฟาง ลี่ อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในกระท่อมเล็ก ๆ ในเมืองเทียนจิน และใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มมาทั้งชีวิต แม้ว่าชีวิตวัยเด็กของคุณปู่จะไม่ได้รับการศึกษาเหมือนกับใครหลาย ๆ คน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณปู่คิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นแต่อย่างใด คุณปู่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่แบบพอเพียงแต่ก็มีความสุขไปกับสิ่งรอบข้าง และดูเหมือนว่าชีวิตของคุณปู่จะมีความสุขมากกว่าคนที่มีพร้อมทุกอย่างหลาย ๆ คนบนโลกเสียด้วย

 ในแต่ละวัน คุณปู่จะปั่นสามล้อคู่ใจออกไปคอยรับส่งผู้โดยสารตั้งแต่ 6 โมงเช้า และกลับบ้านไม่ต่ำกว่า 2 ทุ่มทุกวัน ซึ่งตั้งแต่เช้ายันค่ำ ชีวิตของคุณปู่จะวนเวียนอยู่กับการรับผู้โดยสารจากที่หนึ่ง แล้วพาไปส่งที่ปลายทางโดยปลอดภัย ก่อนจะรอรับผู้โดยสารรายใหม่อีกครั้ง และตลอดทั้งวันที่คุณปู่ตระเวนรับส่งผู้โดยสารนั้น แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่รอยยิ้มของคุณปู่ก็ไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้า ราวกับว่าสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าคือความสุขที่สุดในชีวิตของคุณปู่เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น คุณปู่ไม่เคยเกี่ยงเรื่องค่าโดยสาร ไม่เคยตั้งราคาค่าโดยสารเลยสักครั้ง แต่จะให้ผู้โดยสารจ่ายค่าโดยสารตามที่เห็นสมควร และคุณปู่ก็ยิ้มรับมันไม่ว่ามันจะคุ้มค่าเหนื่อยหรือไม่ก็ตาม ส่วนเงินค่าโดยสารที่เก็บได้ในแต่ละวันนั้น คุณปู่ก็เก็บสะสมมาเรื่อย ๆ และไม่เคยอยากได้ อยากมีอะไรเพิ่มเติม คุณปู่ยังคงอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ และประทังชีวิตด้วยอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะทำให้อิ่มได้ทุกมื้อเท่านั้น

 จนเมื่อปี พ.ศ. 2529 ขณะที่คุณปู่มีอายุได้ 74 ปี คุณปู่ได้ก็พบเจอกับเรื่องราวสะเทือนใจ ที่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณปู่ให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากนั้น นั่นคือ วันหนึ่งขณะที่คุณปู่กำลังจอดสามล้อพักหลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จแล้ว คุณปู่ได้มองเห็นเด็กชายวัย 6 ขวบคนหนึ่ง กำลังช่วยหญิงสาวคนหนึ่งถือของพะรุงพะรังที่ซื้อมาจากตลาด ซึ่งมันดูหนักมากสำหรับเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนั้น แต่เขาก็ช่วยหญิงสาวถือของไปจนถึงปลายทางได้ และหญิงสาวก็ได้ให้ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่งแก่เด็กชายคนนั้นไป ซึ่งหลังจากที่เด็กชายได้รับเงินค่าตอบแทน เขาก็มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ราวจะขอบคุณพระเจ้าสำหรับเงินที่ได้รับมาในมือ ก่อนที่จะเก็บมันลงในกระเป๋าแล้วไปรับจ้างถือของให้คนอื่น ๆ และทุกครั้งที่ได้รับเงิน เขาก็จะมองไปบนฟ้าด้วยรอยยิ้มอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

          หลังจากนั้นไม่นาน คุณปู่กลับเห็นเด็กชายคนดังกล่าวไปคุ้ยขยะ เพื่อที่จะค้นหาอะไรบางอย่าง และในที่สุด เด็กชายก็หยิบขนมปังสกปรกชิ้นหนึ่งขึ้นมา แสดงท่าทีดีใจก่อนที่จะปัดสิ่งสกปรกออกไปจากขนมปังชิ้นนั้นแล้วกินเข้าไป อย่างมีความสุข ราวกับขนมปังชิ้นนั้นเป็นของขวัญจากสวรรค์ คุณปู่รู้สึกสะเทือนใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก จึงเข้าไปชวนเด็กชายคนดังกล่าวมานั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แล้วถามเด็กชายคนดังกล่าวว่า ทำไมจึงไม่เอาเงินที่ได้จากการรับจ้างถือของไปซื้อข้าวกินให้อิ่ม ซึ่งคำตอบที่ได้นั้น ก็ทำให้คุณปู่ถึงกับอึ้ง เมื่อเด็กชายได้บอกกับคุณปู่ว่า "ผมจะเอาเงินไปซื้ออาหารให้กับน้อง ๆ ของผม" ก่อนอธิบายต่อไปว่า พ่อแม่ของเขามีอาชีพคุ้ยขยะไปขายประทังชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งพ่อแม่ของเขาก็หายตัวไป และเขาก็ไม่ได้พบกับพ่อแม่อีกเลย ชีวิตของเขาจึงเหลือเพียงน้องสาว 2 คนเท่านั้น

          หลัง จากได้รับรู้เรื่องราวสุดสะเทือนใจของเด็กชายแล้ว คุณปู่ก็ได้ขอให้เด็กชายพาไปหาน้องสาวทั้งสองคน ซึ่งทันทีที่คุณปู่ไปถึง ก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังร้องไห้ออกมา เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือเด็กหญิงวัย 4 และ 5 ขวบ ที่มีเนื้อตัวสกปรกและผ่ายผอม ขณะที่เพื่อนบ้านก็ไม่มีใครสนใจเด็กทั้ง 3 คนเลย

          จาก นั้น คุณปู่จึงได้พาเด็กทั้งสามไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองเทียนจิน และบริจาคเงินทั้งหมดที่เขาเก็บสะสมมาตลอดชีวิตให้กับเด็กกำพร้าที่นี่ เพื่อเป็นค่าอาหารและทุนการศึกษา และตั้งแต่นั้นมา คุณปู่ก็เริ่มทำงานหนักขึ้น เพื่อหาเงินมาบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งถึงแม้จะต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อเงินที่ได้มาก็มีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน โดยเงินทั้ง หมดที่คุณปู่หามาได้หลังจากนั้น คุณปู่จะเจียดไว้นิดหน่อยสำหรับเป็นค่าอาหารในแต่ละวัน นั่นคือ ขนมปัง 2 ชิ้นสำหรับมือเที่ยง และเนื้อกับไข่สำหรับมื้อเย็น นอกนั้นคุณปู่จะบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด

          คุณ ปู่มีความสุขมากกับการทุ่มเททั้งหมดของชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า ขณะที่ตัวเองอยู่อย่างสมถะ ที่อาจจะยากจนในสายตาของใคร ๆ แต่สำหรับคุณปู่แล้ว คุณปู่กลับรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยแล้วที่มีบ้านให้อาศัย มีอาหารให้กินทุกมื้อ และมีเสื้อผ้าใส่ เพียงเท่านี้ คุณปู่ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดียิ่งกว่าใคร ๆ และถึงแม้ว่าตัวเองจะทำงานตลอด 365 วันไม่เคยหยุด ไม่ว่าอากาศจะหนาว จะร้อน หรือหิมะจะตกอย่างไร แต่ถ้ามีใครถามคุณปู่ว่าทำไมถึงต้องทำเพื่อเด็ก ๆ ขนาดนี้ คุณปู่จะบอกเสมอว่า "ไม่เป็นไรหรอกที่จะลำบาก ขอแค่ให้เด็กยากจนได้มีข้าวกิน และได้รับโอกาสทางการศึกษาเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว"

     สำหรับการบริจาคเงินของคุณปู่ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2529 ซึ่งมียอดรวมกว่า 1.7 ล้านบาทนั้น คุณปู่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะร้องขอสิ่งตอบแทนใด ๆ จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และคุณปู่ก็ไม่รู้เลยว่าเด็กคนไหนได้รับประโยชน์จากเงินของคุณปู่บ้าง คุณปู่เฝ้าแต่ตรากตรำหาเงินมาให้เด็กกำพร้า จนเมื่อปี พ.ศ. 2545 เมื่อคุณปู่อายุได้ 90 ปี คุณปู่ก็ได้บริจาคเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตจำนวน 2,500 บาทให้กับโรงเรียนสอนเด็กกำพร้า และบอกว่า "ฉัน แก่เกินไปและอ่อนแอเกินกว่าจะปั่นสามล้อได้เหมือนเดิมแล้ว ไม่สามารถบริจาคอะไรให้กับเด็ก ๆ ได้อีกแล้ว และนี่คงเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ฉันจะบริจาคให้กับทางโรงเรียน" และนั่น คือคำพูดสุดท้ายของคุณปู่  ก่อนที่คุณปู่จะเสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อปี พ.ศ.2548 ในกระท่อมเล็ก ๆ อันแสนสุขของตัวเอง และงานศพของคุณปู่ก็เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้เศร้าโศกเสียใจของเด็ก ๆ และครูอาจารย์จากโรงเรียนสอนเด็กกำพร้าที่มีร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น

 ณ วันนี้ แม้ว่า คุณปู่ไป่ ฟาง ลี่ ได้ล่วงลับไปนานกว่า 5 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าชื่อของคุณปู่ ยังคงถูกนำไปพูดถึงและบอกต่อนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองเทียนจิน รูปคุณปู่ถูกนำไปประดับไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เด็ก ๆ ได้รำลึกถึงผู้มีพระคุณ ที่แม้จะไม่ได้หวังให้ใครยกย่อง และไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใด ๆ แต่ความดีของคุณปู่ก็คงไม่อาจจะถูกลบลืมไปได้ และมันก็จะยังคงดำรงอยู่อย่างนั้นไปอีกนาน

http://www.kondeeteejai.com/index.php/home/297-2010-12-23-07-29-57

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 10, 2011, 23:22:41 โดย 2k »
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: วลีเด็ดประจำวัน "ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"!!!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 23:42:01 »
นึกว่าจะหมายถึงรถญี่ปุ่นหาทางถอยหลังลงคลองซะอีกครับ แต่ก็รับเป็นความรู้ไป

Chariot

  • บุคคลทั่วไป
Re: วลีเด็ดประจำวัน "ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"!!!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 23:47:48 »
ฝากทีมงาน HLM ย้ายไปอยู่กระทู้นอกเรื่องด้วยครับ  :)

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: วลีเด็ดประจำวัน "ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"!!!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2011, 03:01:34 »
ขออนุญาตย้ายไปห้อง Relax & Photoshop นะครับ ตามกฎกติกาของเรา

ออฟไลน์ Blanco

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 124
Re: วลีเด็ดประจำวัน "ซามูไรย่อมค้นหาความตาย"!!!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2011, 23:15:11 »
สีตัวอักษร อ่านยากไปนิดครับ ;)
บางคนว่าพวกที่ก็ดูถูกคนอื่น ทั้งๆที่ตนเองก็ดูถูกคนอื่นอย่างโง่ๆ น่าสมเพชเวทนาครับ