ผู้เขียน หัวข้อ: Toyota ยัน Ecocar ผลิตไม่ถึง 1 แสนคันแน่ + Nissan อ้อนรัฐขอลดภาษีอีโคคาร์และรถEV  (อ่าน 8199 ครั้ง)

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
เจิมกันที่ข่าวแรกก่อน

Toyota ไม่มั่นใจหากผลิต Ecocar ของตนเองแล้วจะมีตลาดส่งออกของตนเองหรือไม่ เพราะเขามีโรงงานอยู่แทบทุกประเทศยกเว้นตะวันออกกลางที่ไม่นิยมรถเล็กเสียด้วย ขณะที่ค่ายอื่นแผนงานชัดเจนจึงมีตลาดส่งออกได้

พร้อมทั้งถล่มตัวเองว่าผลิตรถเล็กไม่เก่ง โบ้ยให้ Daihatsu ไปพัฒนา (เอจะว่าไปโตโยต้าทำ iq ก็เจ๋งดีนะ แต่ไม่ใช่รถราคาประหยัดเท่านั้นเอง) คาดว่าคงอ้อนรัฐให้ลดกำลังผลิตเหลือ 7.5 หมื่นในปีที่ 5 ต่อไป


--------------------------------

ตโยต้าโยนกลองไดฮัทสุทำอีโคคาร์ พูดชัด"ไม่ถนัด"ทุกปท.มีรง.ส่งออกรถเล็กไปไม่รอด



" โตโยต้า" ย้ำชัด ไม่ถนัดทำรถเล็ก โบ้ย "อีโคคาร์" ให้ไดฮัทสุดำเนินการ ชี้ไทมิ่งไม่เหมาะ ยังเป็นแผนระยะยาว ครวญไม่เลิก จำนวนผลิต 1 แสนคัน ยังเป็นปัญหาหนักอก เหตุไม่มีตลาดส่งออกรองรับ หลังตลาดส่งออกหลักอย่าง "ตะวันออกกลาง" ไม่นิยมรถเล็ก


นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าของโครงการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ ว่าทุกค่ายพร้อมลงทุน เพียงแต่วันนี้อาจจะต้องกลับมาทบทวนถึงความคุ้มค่า ยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจปัจจุบันได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน

นาย ทานาดะกล่าวว่า โครงการอีโคคาร์นั้นตามแผนงาน โตโยต้ามีความสนใจที่ จะลงทุนอย่างแน่นอน แต่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด โดยเฉพาะโตโยต้าเอง ยอมรับว่าไม่มีความถนัดในการผลิต รถยนต์ขนาดเล็ก โตโยต้ามีบริษัทในเครือ "ไดฮัทสุ" ซึ่งทำหน้าที่ตรงนี้อยู่แล้ว

"โครงการอีโคคาร์สำหรับเรา วันนี้อาจจะต้องเป็นแผนระยะยาว อนาคตเราต้องทำ อีโคคาร์ออกสู่ตลาดแน่ๆ เรายอมรับว่า โตโยต้าไม่เก่งเรื่องการผลิตรถขนาดเล็ก แต่เราก็มีรถเล็กอย่างยาริส พรีอุส โคโรลล่า ไว้ครอบคลุมความต้องการของตลาดแล้ว ผมอยากให้มองว่าค่ายรถอื่นที่พร้อมส่งอีโคคาร์ออกสู่ตลาดนั้น จะเห็นว่าส่วนใหญ่ ก็เป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ด้วย" นาย ทานาดะกล่าว

กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า กล่าวอีกว่า ค่ายรถยนต์อย่างนิสสัน ฮอนด้า และซูซูกิ น่าจะมีความพร้อม และผลิตอีโคคาร์ออกสู่ตลาดก่อน เพราะบริษัทเหล่านั้นถือเป็นผู้ชำนาญในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก โดยเฉพาะนิสสันกับฮอนด้า น่าจะเป็น 2 ค่ายแรกที่ส่งรถออกสู่ตลาดก่อน ส่วนโตโยต้ายังต้องใช้เวลาอีกนาน หากจะทำรถยนต์ขนาดเล็กให้เป็นที่ยอมรับ

ส่วน ปัญหาเรื่องข้อกำหนดในแง่ของจำนวนการผลิตที่จำนวน 100,000 คัน ในระยะเวลา 5 ปีนั้น ปัจจุบันสถานการณ์และความต้องการของตลาดได้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ ทำให้วันนี้โตโยต้ามองว่าข้อกำหนดจำนวน 100,000 คันนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะตลาดส่งออก เนื่องจากปัจจุบันโตโยต้ามีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก ยกเว้นแต่ในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของรถปิกอัพขนาด 1 ตันจากประเทศไทย

แต่เนื่องจากตลาดนี้ไม่เป็นที่นิยมและไม่ต้องการ ใช้รถยนต์ขนาดเล็ก เพราะประเทศเขาผลิตน้ำมันเองได้ ทำให้โตโยต้ามองว่าโอกาสของการผลิตอีโคคาร์เพื่อการส่งออกไปยังตลาดนี้มี น้อยประกอบกับสถานการณ์ของโตโยต้าค่อนข้างแตกต่างจากอีก 5 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการรถประหยัดพลังงาน เนื่องจากไม่มีตลาดส่งออกอีโคคาร์ไว้รองรับ เพราะฉะนั้นข้อกำหนดที่จำนวน 100,000 คัน สำหรับโตโยต้าแล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02car01100952&sectionid=0210&day=2009-09-10
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2009, 09:08:17 โดย HOMY_DEMIO »

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
ปธ Nissan ก็เริ่มออกข่าวอีโคคาร์ด้วยตนเองก็ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงควรลดภาษีอีโคคาร์อีก (ก็แน่ล่ะตัวเองออกขายก่อนนิ แหม)
ซึ่งเป็นนโยบายสอดคล้องกับ คลัง-กระทรวงอุตสาหกรรม จะพิจารณาลดภาษีอีโคคาร์และรถพลังงานอื่นด้วย รอสรุปสิ้นกันยายนว่ารัฐจะเอายังไง

ส่วนรถ EV อ่านข่าวจากหลายแหล่งสงวนท่าทีไว้ว่ายังไม่คิด แต่ในข่าวก็รู้เจตนาว่าอยากให้รัฐลดภาษี EV ให้ต่ำกว่า 10% โดยให้เหตุผลว่าเป็นรถเทคโนโลยีต้นทุนสูง แต่ไม่มีมลภาวะ ทำให้บอกกันอ้อม ๆ ว่าคิดจะเอา Leaf มาขายล่ะนะ แต่อยากได้ภาษีต่ำกว่านี้

------------------------------------------------------------------------------------------------------

'นิสสัน'อ้อนคลังเคาะภาษีอีโคคาร์ต่ำกว่า17%
    นิ สสันยันเดินหน้าอีโคคาร์ 100% รอคลังประกาศภาษีใหม่ 1 ตุลาคมนี้ ประกาศความพร้อมบุกตลาด อ้อนรัฐเคาะต่ำกว่า 17% หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มการจ้างงานดึงเงินตราเข้าประเทศ ไม่หวั่นเงื่อนไขผลิตแสนคันในปีที่ 5 เปรยในอนาคต นิสสันอาจพัฒนารถยนต์ไฮบริด เข้าสู่ตลาดรถยนต์ก็เป็นได้



        นายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์นิสสันในประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่นิสสันยังคงเดินหน้าโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์เต็มที่ 100% โดยมั่นใจว่าโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีโคคาร์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก จำหน่ายทั่วโลก

        โดยรถประเภทนี้จะมีความโดดเด่นในด้านประหยัดพลังงาน มีราคาถูกเนื่องจากผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการคลัง จะประกาศลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ ในอัตรา 17% ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 ซึ่งนิสสันจะประกาศความพร้อมในการผลิตอีโคคาร์ในเร็วๆนี้ โดยรถรุ่นใหม่นี้จะมีราคาที่คุ้มค่าสมเหตุสมผลอย่างแน่นอน

        ปัจจุบันแม้ว่า ภาครัฐจะมีนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างแบบ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ รถยนต์ไฮบริด รถยนต์อี 20 ที่ได้รับการส่งเสริมด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิต แต่นิสสัน ก็ยังเชื่อมั่นว่า อีโคคาร์ยังจะเป็นประเภทรถที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐให้การสนับสนุนผลิตรถอี 20 โดยลดภาษีจาก 30%เหลือ 25% ทำให้มีช่องว่างเพียง 8% เมื่อเทียบกับรถอีโคคาร์ ที่เสียภาษี ในอัตรา 17%

        นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้การสนับสนุนรถไฮบริด ด้วยการลดภาษีเหลือแค่ 10% พร้อมลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบภายในประเทศ โดยที่บริษัทรถยนต์บางรายใช้เงินลงทุนน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทรถยนต์อีกจำนวนหนึ่งที่ร่วมโครงการพัฒนาอีโคคาร์ ใช้งบลงทุนหลายพันล้านบาท

        นายฮาเซกาวา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรมุ่งเป้าส่งเสริมโครงการอีโคคาร์ให้เต็มที่ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีผลต่อเนื่องถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากโครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการผลิตรถประหยัดพลังงานเพื่อส่ง ออกไปจำหน่ายทั่วโลกดึงเงินตราเข้าประเทศ ดังนั้น หากมีการส่งเสริมด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ 17% ให้ต่ำลงไปอีกก็จะเป็นเรื่องดี

        ส่วนกรณีที่ผู้ร่วมโครงการอีโคคาร์หลายรายกำลังเจรจากับบีโอไอเพื่อขอปรับ เงื่อนไขการผลิตครบ 100,000 คัน/ปี ภายในปีที่ 5 ของการผลิต เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวอยู่นั้น ทางนิสสันไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่า จะสามารถผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกได้ตามกำหนดการเดิม เพียงแต่นิสสันไม่ค่อยสบายใจที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่รายอื่นกำลังต่อรองกับบีโอไอ เพื่อขอสิทธิพิเศษมากกว่ารายอื่น ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของรัฐบาล

        "แม้ว่าค่ายรถยนต์รายใหญ่อย่างโตโยต้า จะประกอบรถยนต์ คัมรี่ ไฮบริดออกมาโดยได้รับอัตราภาษี 10% และส่วนลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนหลายรายการ แต่ยอดขายของนิสสัน เทียน่าใหม่ ก็ยังเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยปัจจุบัน ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ขณะที่รถยนต์นั่งทิด้า ก็ยังสามารถทำยอดขายต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทำให้คาดว่า เมื่อถึงสิ้นปี นิสสันจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% จากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาดแค่ 5% โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากรถยนต์นั่งเทียน่า และรถปิกอัพนาวารา คาลิเบอร์" นายฮาเซกาวา กล่าวและว่า

        ในอนาคต นิสสันอาจพัฒนารถยนต์ไฮบริด เข้าสู่ตลาดรถยนต์ก็เป็นได้ แต่ในที่สุด เชื่อมั่นว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นตำตอบที่ดีที่สุดแบบหนึ่งสำหรับรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปล่อยมลพิษ 0%

http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=T012460n&issue=2460
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2009, 09:13:28 โดย HOMY_DEMIO »

ออฟไลน์ P_Wut

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 866
  • My Sporty Innova
    • อีเมล์
มีผู้ผลิตรถรวม 7 ค่าย ที่เข้าโครงการ ECOCAR : Honda , Nissan , Suzuki , Mitsu , Toyota , Tata , VW
(ไม่ค่อยแน่ใจเรื่อง VW นะ) 

ผมว่า ที่จะรอด (ผลิตได้จริงเกิน 1 แสนคันในปีที่ 5 ขายทั้งในปท. และส่งออก) มีแค่ 3-4 ค่ายเท่านั้น
รวมยอดผลิต 3-4 แสนคันต่อปี ขายใน ปท. เอาซัก 1.2 - 1.5 แสน นอกนั้นส่งออก

เกินกว่านี้ ผมคิดว่า ไม่มีตลาดรองรับแล้ว 
(เพราะผมว่ามันเป็นไปได้ยากมาก ที่จะผลิตรถเล็ก 7 แสนคันต่อปี ส่งออกป้อนตลาดโลก)

ดังนั้น ใครช้า ขึ้นขบวนรถไฟไม่ทัน อดครับ งานนี้

ปล. ผมว่า ค่ายที่จะขึ้นรถไฟทันมี Nissan (แหงอยู่แล้ว) , Honda , Suzuki แล้วก็ Mitsu ครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ผมกลับมองต่างจากคุณ P_Wut ครับ

ไม่ใช่มิตซูฯ ครับ

แต่อาจเป็น Tata Motors ถ้าเขาปรับวิธีคิดในองค์กรได้ทันต่อควมเปลี่ยนแปลง

นอกนั้น รายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Nissan Honda Suzuki ผมว่าไม่น่ารอด


ออฟไลน์ benley

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 405
สงสัยรัฐบาลคงต้องไปเช็คตราชั่งของฝั่งโตโยต้า ว่าใส่ตะกั่วถ่วงมากไปหรือเปล่า
ไฮบรีดจ่าย 10 รถเล็กจ่าย 17 เฮ้อกรรม

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
น่าจะแบ่งแยกโดยชัดเจนเลยว่า เอา ภาษี
รถที่ใช้ น้ำมัน อย่างเดียว
รถที่ใช้น้ำมัน + ไฟฟ้า
และรถไฟฟ้าอย่างเดียว

พวกใช้น้ำมันอย่างเดียว
โครงสร้างภาษีรายปีก็ปกติไป
รถไฟฟ้า + น้ำมัน
โครงสร้างก็ ลดมาจากน้ำมัน 40% ต่อปี
ส่วน ไฟฟ้าล้วน
คิด 1.5 % ต่อปีคิดจาก ราคาที่เก็บภาษีหน้าโรงงาน(แค่คิดนะจ๊ะ)

ส่วนราคาหน้าห้าง ก็เก็บภาษีให้แตกต่างกัน เกิด10% ของราคารถที่ใช้ไฟฟ้า + น้ำมัน ผมว่ากำลังดี

ส่วน Eco car ให้คิดเท่ากันกับรถ น้ำมัน + ไฟฟ้า จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวกันอีก

รถใช้น้ำมันที่ไม่ใช่ Eco car ก็เก็บไปเต็มๆ
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่ขออะไรมาก ไม่อยากได้ตัวถังใหม่

แต่ขอ VIOS YARIS เครื่อง 1.3 ภาษีระดับ ECO CAR จะได้ไหม

ผมไม่หวังตัวถังนี่หรอก ขอตัวถังหน้าเเล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ไปเลย(จะได้ถือว่าเป็นรุ่นใหม่)

...ค.คิดเห็นส่วนตัวนะครับ :)

ออฟไลน์ P_Wut

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 866
  • My Sporty Innova
    • อีเมล์
ผมกลับมองต่างจากคุณ P_Wut ครับ

ไม่ใช่มิตซูฯ ครับ

แต่อาจเป็น Tata Motors ถ้าเขาปรับวิธีคิดในองค์กรได้ทันต่อควมเปลี่ยนแปลง

นอกนั้น รายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Nissan Honda Suzuki ผมว่าไม่น่ารอด

3 รายแรก เห็นตรงกัน (จริงๆ มันก็ค่อนข้างชัดมาตั้งนานละ)
แต่ตอนจะใส่ชื่อรายสุดท้าย ผมก็ลังเลเหมือนกันว่า จะเลือกรายไหนดี
ตอนแรกก็ VW แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น Tata แต่...ก็ไม่แน่ใจว่า จะมาจริงหรือเปล่า
ก็เลยเลือก Mitsu แทน  หุ หุ

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
ผมว่า VW นี่ตัดออกจากลิสต์ตอนนี้ก่อนนะ มันไม่ชัดเจนเลยอ่ะครับ

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,333
 ;D ;D ;D..............thanks for your all to feeding us up-date informations.

                                                                       yogibear

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
จริงๆไม่ควรต้องอ้อนรัฐ แต่..รัฐต้องรับผิดชอบสิครับ!!