ผู้เขียน หัวข้อ: Mazda 2 ดันแบรนด์ให้เป็นผู้นำตลาดรถยนต์นั่ง อันดับ 3 ของประเทศ  (อ่าน 5541 ครั้ง)

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
"มาสด้า2"หัวหอกดันแบรนด์..ก้าวขึ้นอันดับ3รถยนต์นั่ง

มาส ด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เชิญสื่อมวลชน 3 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมงาน Mazda Brand Forum 2009 ณ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของโลก เพื่อนำเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีการออกแบบรถยนต์ "มาสด้า" ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดสายพันธุ์สปอร์ตมาสู่ "มาสด้า 2" ด้วยประสบการณ์ zoom zoom เพื่อประกาศความพร้อมบุกตลาดรถยนต์กลุ่มบีคาร์หรือซับคอมแพค อาเซียน ช่วงปลายปี 2552

ประเทศไทยได้ฤกษ์เปิดตัว มาสด้า 2 ไมเนอร์เชนจ์ รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู อย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกของโลก วันที่ 17 พ.ย.2552 เพื่อเตรียมต้อนรับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ในเดือนธ.ค.นี้ และต้นปี 2553 จะเปิดตัว มาสด้า 2 ซีดาน 4 ประตู

มาสด้า2 แม้จะเป็นมาสด้า2 ไมเนอร์เชนจ์ แต่ถือเป็นโฉมใหม่ในไทย (New Model) โดย ผลิตจากโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT จังหวัดระยอง มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้าน ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสารและพื้นที่การใช้งาน และสมรรถนะพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 103 แรงม้า รูปลักษณ์ภายนอกได้มีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้ายใหม่ ที่แตกต่างจากมาสด้า 2 ที่เปิดตัวครั้งแรกในออสเตรเลียปี 2007 รวมทั้งรุ่นที่ทำตลาดอยู่ในประเทศอื่นๆ

ด้วยบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ มาสด้าทุกรุ่น ที่ให้ความเพลิดเพลินและสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งถูกถ่ายทอดมาจาก DNA ของมาสด้า อันประกอบด้วย Stylist การดีไซน์ที่โดดเด่น ทั้งภายนอก และภายใน, Insightful การเข้าใจถึงประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสารและพื้นที่การใช้งาน และ Spirited สมรรถนะที่ต้องสนองทุกการขับขี่

จากต้นแบบ มาสด้า RX-8, MX-5 และ มาสด้า 3 ได้ถูกนำมาพัฒนาไว้ใน "มาสด้า 2" สายพันธุ์สปอร์ตในกลุ่มบีคาร์ ที่คว้ารางวัลยอดเยี่ยมแห่งปี 2551 (World Car of The Year 2008) ในฐานะเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์แรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว และอีก 51 รางวัลทั่วโลก ทำให้ มาสด้า 2 มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่แตกต่างจากตลาดบีคาร์อื่นๆ และสมรรถนะสายพันธุ์สปอร์ต ขับขี่สนุก ตรงใจกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของมาสด้า

สุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าการเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ในปลายปีนี้ และ รุ่นซีดาน 4 ประตูในต้นปี 2553 ทั้ง 2 รุ่น คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายจากรุ่น 5 ประตู ราว 40% และ 4 ประตู ประมาณ 60% โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีราคาเท่ากัน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของมาสด้า 2 จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความแตกต่าง เลือกแบรนด์รถยนต์ด้วยตัวเอง ชื่นชอบรถยนต์สไตล์สปอร์ต ในสายพันธุ์ Zoom Zoom ของมาสด้า

การเปิดตัวมาสด้า 2 ในปลายปีนี้ นับเป็นแผนปฏิบัติต่อเนื่องใน "อาเซียน โปรเจค" ของมาสด้า ในการบุกตลาดรถยนต์นั่งในอาเซียนและประเทศไทย หลังจากไทยสร้างความตื่นเต้นและประสบความสำเร็จมาแล้วในโมเดลมาสด้า 3 ในปี 2547

ที่สำคัญมาสด้า 2 จะเป็นหัวหอกขับเคลื่อนภาพลักษณ์ของมาสด้า ให้ก้าวสู่แบรนด์ Passenger Car อันดับ 3 ของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ จากเดิมน้ำหนักของแบรนด์มาสด้า จะโดดเด่นในรถปิกอัพ บีที 50

การโหมตลาดรถยนต์กลุ่มบีคาร์ ด้วยการส่ง มาสด้า 2 ลงทำตลาดในปลายปีนี้ สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้มีอำนาจซื้อลดลง กลุ่มบีคาร์จึงเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น และเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูง ในไทยเติบโตถึง 13% ปีนี้

ภาพตลาดรถยนต์ในไทยกำลังจะเปลี่ยนจากรถปิกอัพ และคอมแพค คาร์ เป็น รถปิกอัพ และซับคอมแพค คาร์ หรือ บีคาร์ ที่ครองสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์สูงสุด ซึ่ง มาสด้า 2 เรียกว่าเข้ามาถูกจังหวะพอดี และด้วยดีไซน์แตกต่าง สมรรถนะสายพันธุ์สปอร์ตขับสนุก การคาดหวังมาร์เก็ตแชร์ 10% ของมาสด้า 2 ในตลาดบีคาร์ ปีแรก จึงเป็นเป้าหมายที่ "ทำได้" แน่นอน ของ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)

"เรามั่นในตัวโปรดักส์ มาสด้า 2 ว่าจะสร้างความสนใจในตลาดบีคาร์ ได้ไม่ต่างจากการเปิดตัว มาสด้า 3 และเชื่อว่าจะตอบสนองรูปแบบการขับขี่รถยนต์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ที่ตัดสินใจเลือกแบรนด์รถยนต์ที่มีความท้าทาย และนำเสนอดีไซน์แตกต่าง เราเชื่อว่าลูกค้าที่รักการขับรถ จะรักและเลือกมาสด้า” ยูจิ นากามิเน่ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการขายต่างประเทศ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวตอกย้ำความมั่นใจในการบุกตลาดอาเซียนของมาสด้า 2 ปลายปีนี้

โชอิจิ ยูกิ รองผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการขายต่างประเทศ และผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า โรงงาน AAT ในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 5 หมื่นคันต่อปี คาดว่าจะเป็นการผลิต มาสด้า 2 จำนวน 2.5 หมื่นคันต่อปี เพื่อรองรับการบุกตลาดในอาเซียน

ล่าสุด มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวรายละเอียด มาสด้า 2 กับดีลเลอร์ทั่วประเทศไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าราคาของมาสด้า 2 รุ่นแฮทช์แบ็ค เกียร์ธรรมดา จะเริ่มต้นที่ 5.3 แสนบาท และรุ่นสูงสุด ราคาต่ำกว่า 7 แสนบาท

เริ่มนับถอยหลังเพื่อยลโฉมอีกสายพันธุ์สปอร์ต zoom zoom ของมาสด้า 2 ได้ในวันที่ 17 พ.ย.นี้

http://www.bangkokbiznews.com/2009/09/14/news_29461183.php?news_id=29461183

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
นั่นคือแผนที่ดีของเขา

(ในวันที่ นิสสัน ยังไม่ชัวร์ ว่าจะมี มาร์ช....อิอิ)

เอาเข้าจริงแล้ว ผมเชื่อว่า จะได้เป็นแบรนด์ อันดับ 4 ในตลาดรถนั่งบ้านเราได้
คือ ขึ้นแทนเชฟโรเลตได้แน่ๆ ถ้ายัง Keep Momentum อย่างนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ

และ ต้องมี 3 ใหม่ เข้ามาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่เช่นนั้น เหนื่อยแน่

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
เรามาดูยอดขายรถเก๋งเดือนสิงหาคมกัน

1.Toyota 8,502 คัน
2.Honda 6,366 คัน
3.Nissan 838 คัน
4.Chevrolet 344 คัน
5.Mazda 332 คัน

มาสด้าใช้หัวหอกรุ่น 2 เปิดตัววันที่ 17 พฤศจิกายนนี้เฉพาะรุ่น 5 ประตู
ส่วนรุ่นซีดานจะเปิดตัวในงาน motorshow ปี 2010 ตั้งราคาเท่ากับ 5 ประตู


มาดูฝั่ง Nissan ที่ Mazda หมายจะเด็ดหัวกันบ้าง มีนาคมปีหน้าจะส่ง Ecocar เป็นรถญี่ปุ่นที่ถูกที่สุดในท้องตลาด มาแบบไร้คู่แข่ง มีขนาดเท่ากับ Mazda 2
ตั้งเป้าขาย 1,600 คัน/เดือน หาก Nissan ทำยอดขายได้ตามเป้าจริง ก็จะทำให้ขยับยอดขายเก๋งราว 2,600 คัน หากกระแสดีมาก ราคาน้ำมันพุ่งจี๊ดอีกครั้ง และผลิตทัน น่าจะทำยอดเก๋งรวมเกิน 3,000 คัน/เดือน

หากต้องการแซง Nissan ณ เวลานี้ล่ะก็ต้องทำยอดขายมากกว่า 500 คัน/เดือน
แต่สำหรับปีหน้าต้องเพิ่มความยากขึ้นเพราะ Nissan มี Ecocar

Mazda ตั้งเป้าทั้ง 2 ตัวถังรวม 1,000 คัน/เดือน
ผมดูวี่แววแล้ว Mazda 2 ทั้งสองบอดี้ต้องขายเกิน 1,000  คันแน่ ๆ ล่ะ แต่สัดส่วน 5 ประตูจะขายได้มากกว่า 4 ประตูแน่นอน แม้เจ๊สุรีย์ทิพย์จะตั้งสัดส่วนตัวซีดานไว้เยอะกว่าก็ตาม อิอิ

หากรวมยอดขายมาสด้าเก๋งทั้งหมด รถคอมแพคท์รุ่น 3 ที่ทำยอด 332 คัน + มาสด้า 2 ทำยอด 1,000 กว่าคัน ยอดรวมต้องได้มากกว่า 1,332 คันแน่นอน หากมาสด้า 2 ได้รับความนิยมมาก ผลิตทันตามความตอ้งการก็น่าจะทำได้ 1,800 - 2,300 คันต่อเดือน

ดังนั้น สิ่งที่ Mazda ทำได้ต้องเร่งสปีดยอดขาย Mazda 2 Hatchback เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่คาดว่าน่าจะได้เดือนละ 600-700 คัน ให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาถัวเฉลี่ยยอดขายรายปีก็น่าจะพอเก็บสแปร์ได้

แต่ที่แน่ ๆ Mazda แซง Mitsubishi และ Chevrolet ได้แน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 14, 2009, 11:50:24 โดย HOMY_DEMIO »

ออฟไลน์ DENTE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
  • ชายใจสะออน
ครับ  แน่นอนอีกไม่นาน

ขึ้นอันดับ 4  ครับ......(น่าจะแค่นี้นะ)
ตังมีไม่มาก  แต่อยากขับรถดีดี

ออฟไลน์ P_Wut

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 866
  • My Sporty Innova
    • อีเมล์
ถ้าใครได้เห็นรูปโฉม 2 4Dr คันจริงแล้วล่ะก็

คงแทบจะสรุปได้ทันทีเลยว่า ไม่มีทางแซง Vios และ City ได้

แต่ 2 5Dr จะแซง Yaris ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ตามหลัง Jazz ได้แน่ๆ ครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
นี่ นังคุณน้อง  HOMY

หล่อนกล้าเรียก พี่ซู ว่า "เจ๊" เลยเรอะ

ฉานยังไม่กล้าเรียกเล้ยยยยยยย

แหะๆๆๆๆๆๆๆ (คือ อยากหัวเราะ พรวดๆ เต็มๆ หนะนะ แต่แบบว่า เกรงใจฮะ แหะๆๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ wasit

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
 เห็นด้วยกับคุณHOMY วิเคราะห์ได้เก่งจริงๆ ยังไงถ้ามีข่าว เจ้าnissan march อย่าลืมรายงานด้วยนะครับ รอใจจดใจจ่อ น้องสาวผมอยากจะใช้ซักคัน..อิอิ :D