ผู้เขียน หัวข้อ: รถคันแรกคืนเงินอืด! ไร้เจ้าภาพ “ทนุศักดิ์” สั่งปิดตายโครงการ ยอมรับถังแตก  (อ่าน 23757 ครั้ง)

ออฟไลน์ MandM

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 54
    • อีเมล์
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ

ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ


สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก


ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก  ;D

ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ


- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ

- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก

ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ

ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ

สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 07, 2012, 21:26:11 โดย MandM »

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ใจลึกๆ ผมไม่อยากให้มีครับ ให้มันเป็นไปตามกลไกตลาดดีกว่าครับ

ออฟไลน์ Rhythm

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 40
ประเทศไทยตอนนี้กับสมัยต้มยำกุ้ง 1997 คนละเรื่องกันเลยครับประเทศเราหลังจากสถานการณ์ครั้งนั้นทำให้ค่าเงินบาทเราอ่อนค่าลงไปมาก แต่ผลดีคือเราได้ประโยชน์จากการส่งออกมากขึ้นครับ หลังวิกฤตต้มยำกุ้งการส่งออกได้เกินดุลการนำเข้ามาโดยตลอด ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันถ้าจำไม่ผิดมีอยู่เกือบ 2แสนล้านเหรียญซึ่งมากเป็นอันดับต้นๆของโลก ปัจจุบันการขยายตัวเศรษฐกิจของเราก็ขยายตัวได้ต่อเนื่องถึงแม้ปีนี้จะขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าแต่รัฐบาลก็อัดฉีดให้ขยายตัว หนึ่งในนั้นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศครับรายได้ของประเทศนอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อเก็บภาษีเพิ่มมากขึิึ้น คือการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากรัฐบาล

ลองดูการวิเคราะห์จากทางต่างประเทศดูบ้างมั้ยครับว่าเค้ามองเศรษฐกิจเราว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะพวกสถาบันทั้งหลายนี้ตรวจตราดูเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกนี้ตลอดเวลา ยังไม่เห็นมีตำเตือนมาประเทศไทยใดๆ ออกมาเลยว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเกิดวิกฤต แต่กลับกันเห็นมีแต่คำชมครับว่าเศรษฐกิจเราพื้นฐานแข็งแกร่ง ต่างกับสมัยก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างมาก

ตอนนี้เศรษฐกิจอเมริกามีปัญหา ยุโรปก็มีปัญหา จีนก็ส่งออกได้น้อยลงเพราะประเทศพวกนี้มีปัญหา ตอนนี้ทั่วโลกมองมาที่ South East Asia ครับเพราะไม่ไว้ใจเศรษฐกิจยุโรปกับอเมริกา รวมถึงญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยดีด้วย

ประเทศไทยตอนนี้เป็นโอกาสทองเลยครับ เพราะเราเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ใครๆก็อยากมาลงทุนที่เราครับ แล้วประเทศเราจะมีวิกฤตได้อย่างไรเป็นไปไม่ได้เลยครับ

ถ้าลองดูค่าเงินบาทตอนนี้ขึ้นมาแข็งค่าอยู่ที่ 30.5บาท ต่อดอลล่า ซึ่งเกิดจากการที่เงินทุนนอกประเทศ (บางคนเรียกhot money หมายถึงเงินร้อนซึ่งจะเข้ามาเก็งกำไรรระยะสั้นๆแล้วถอนเงินออกนอกประเทศ) ถึงแม้เงินพวกนี้จะสู้พวก FDI หรือการลงทุนโดยตรงไม่ได้แต่เงินพวกนี้ก็เป็นหลักฐานที่บอกเราได้ว่าตอนนี้เมืองนอกกำลังโยกเงินมาไว้ที่เอเชียแทนแล้วครับ

ขอย้ำอีกทีนะครับว่าประเทศไทยตอนนี้ห่างไกลจากคำว่าวิกฤตมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 07, 2012, 22:13:48 โดย Rhythm »

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ผมว่าถ้าคืนภาษีให้เฉพาะ เครื่องยนต์ที่ไม่เกิน 1300 ซีซี  เพื่ออย่างน้อย  รถพวกนี้ก็ประหยัดน้ำมันกว่าจริงๆ  ถ้าได้คืนภาษีแบบไม่มีปัญหาจริงๆ ผมว่าก็ดีสำหรับคนงบน้อย ผมซื้อให้ภรรยา ผมซื้อเอารุ่นราคาไม่แพงไม่ใช่ตัวท๊อป หรือรองท๊อป เพื่อให้ประหยัดงบและประหยัดน้ำมัน  ส่วนใครจะวิเคราะห์ยังไงหรือจะกระทบอะไร บางทีเรารู้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  หลายคนก็จำเป็นต้องมีรถ  และอาจจะเป็นโชคดี(หรืเปล่า ที่ซื้อช่วงนี้ถ้าได้คืนจริงนะ) 

ผมว่าน่าจะคืนภาษี  ตอนที่เงินดาวน์ + ค่างวด ครบตามจำนวนราคาของรถที่ไม่รวมภาษี หลังจากนั้นค่อยคืน ด้วยวิธี คืนทุกงวด

หรือ ก็คืนทุกงวดที่จ่ายไปเลย จะได้ไม่มีปัญหา

นานาจิตตัง :) :)

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ

ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ


สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก


ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก  ;D

ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ


- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ

- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก

ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ

ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ

สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก

ผลดูจากกราฟรู้สึกว่าเราเสียดุลการค้านะครับ หรือว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะ ไม่ได้จบการเงินมาครับ

http://www2.ops3.moc.go.th/
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ anubiz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ

ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ


สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก


ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก  ;D

ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ


- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ

- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก

ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ

ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ

สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก

ผลดูจากกราฟรู้สึกว่าเราเสียดุลการค้านะครับ หรือว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะ ไม่ได้จบการเงินมาครับ

http://www2.ops3.moc.go.th/

เราเริ่มจะเสียดุลการค้าหลังจากน้ำท่วมนะครับ เนื่องจากต้องสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามาใหม่เพื่อทดแทนของเก่าที่น้ำท่วมเสียหายครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 07, 2012, 23:47:08 โดย anubiz »

ออฟไลน์ RUKI

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
ยังดีที่เห็นที่มาของข่าวก่อน ไม่งั้นคงเสร็จ! ;D

ออฟไลน์ Exeter

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
อ่านกระทู้นี้แล้วชัดเลยครับ  ลบกระทู้ทิ้งดีกว่าจะได้ลืมๆกันไปว่าใครซัพพอร์ทใคร ใครอยู่ฝ่ายไหน คราวหลังจะได้ไม่มีปัญหากัน  ::)

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ผมใช้ตรรกะง่ายๆ ครับ

ภาษีคือสิ่งที่เราต้องจ่ายรัฐ

ถ้าหากรัฐไม่จัดเก็บภาษี ก็แปลว่ารัฐไม่ได้เสียเงิน แต่ไม่ได้เงินก็เท่านั้นครับ

งั้นถ้ารัฐสามารถหาเงินส่วนอื่นมาทำให้เกินดุลได้ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาครับ

มันไม่สำคัญว่ารัฐจะใช้เงินอัดฉีดกับประชาชนในรูปแบบไหน ผมว่ามันสำคัญว่ารัฐรักษาดุลบัญชีได้หรือเปล่ามากกว่าครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ KrisTop

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
  • Ingenious
นึกว่าจะจบแล้วกระทู้นี้ แต่อ่านแล้วอดตอบไม่ได้

เวลาพูดถึงต่างประเทศเขา กรุณาอย่าพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวครับ ผมขออธิบายสั้นๆ ตามประสาผู้ที่ไม่ได้จบสายนี้มาโดยตรง(วิศวกรรม+MBA)
จริงที่ว่าปัญหายูโรโซนนั้นมันยืดเยื้อมาตั้งแต่สมัยก่อนและหลังฟองสบู่แตก
หลังจากการที่ยูโรโซนตกลงใช้สกุลเงินร่วมกัน ก็เกิดการกระตุ้นเศรษกิจอย่างหนัก
เงินนี่ยืมกันเป็นว่าเล่นเพื่อเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจตามกระแสทุนนิยมให้ประชาชน
จับจ่ายใช้สอยมากๆ แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก มันช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
ของพวกยูโรโซนทานอำนาจประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลก แต่ว่าแต่ละประเทศมีระบบ
การคลังเป็นของตัวเอง ขนาดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศส่งผลโดยตรงกับประโยชน์ที่ประเทศ
นั้นจะได้รับจากสกุลเงินยูโร ดังนั้น ทุกประเทศ จึงดำเนินการอย่างหนักทั้งกู้ยืมเงินจากเพื่อนสมาชิก
ประเทศที่เงินมากก็ให้ยืม เงินน้อยก็ไปกู้ บางครั้งก็ไม่สนว่าประเทศตัวเองจะใช้จ่ายแบบขาดดุล
ทางการค้าแก่ประเทศอื่น(กรีซ) ทั้งปัญหาที่ตรึงเครียดกับตุรกีขณะนั้น และปัญหาภายในประเทศที่ต้องการ
ผลักดันแนวคิดพวกขวาจัดให้หมดไป การทุ่มงบให้ภาคเอกชนอย่างธนาคารต่างๆ ในประเทศเพื่อปกปิด
จำนวนเงินที่ตนได้ทำการกู้ยืมไว้ เพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเอามาใช้ทำตัวเลขเศรษฐกิจของตนเอง
ขอให้ตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนก็กู้ยืม จับจ่ายใช้สอยมากๆ
พอกู้กันมากๆ หนี้สินครัวเรือนก็พุ่ง เพราะนโยบายที่ทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากๆ(ประชานิยม) เพื่อรัฐจะได้มีรายได้
หนี้สาธารณะก็พุ่งเพราะไปยืมเขามา ทั้งออกพันธบัตรให้ต่างชาติและอื่นๆ จนหนี้สินล้นพ้นตัว
เกินกว่านี้ ถ้าชำระพร้อมดอกเบี้ยแล้ว จะไม่มีเงินใช้จ่ายในประเทศ(ถังแตก) จะไม่จ่ายก็ไม่ได้
เพราะมีผลต่อเครดิตส์ของประเทศ และส่งผลต่อประเทศผู้ให้ยืมด้วยเป็นลูกโซ่ยาวไปทั่วโลกแน่
จนต้องมาตกลงกันว่าถ้าจะให้ยืม กรีซจะต้องรัดเข็มขัดนะ... อย่าฟุ้งเฟ้อ เพื่อลดรายจ่ายรัฐ และเพิ่มรายได้รัฐ
ประชาชนซวยสิครับ พวกรวยๆ ไม่ได้โบนัส ภาษีถูกเก็บแพงขึ้น ประชาชนต้องทำงานหนักขึ้นและนานขึ้น
ทั้งต่อวันและอายุเกษียณงาน เงินบำนาญ พวกข้าราชการเงินเยอะก็ไม่ได้ พวกได้น้อยก็โดนลด บลาๆๆๆ

สาเหตุมันมาจากากรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ เพื่อรัฐจะได้มีเงินเยอะๆ
เอาไปใช้จ่ายในภาคเอกชนเยอะๆ ตัวเลขเศรฐกิจเยอะๆ ก็ไปกู้ยืมเงินมาเยอะๆ เพื่อกระตุ้นภาคเอกชนเยอะๆ
ยืมไปยืมมา ไม่มีเงินจ่ายคืน เพราะ ทั้งขาดดุลการค้า ทั้งหนี้สินครัวเรือนพุ่งจึงลดการจับจ่ายใช้สอย
ผนวกผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกซึ่งเกิดจากสหรัฐ มันก็มาถึงจุดอิ่มตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุทั้งนั้น

พอเห็นภาพไหมครับ ผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหนดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะนี้บ้าง ให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ
ทั้งลดราคาสินค้าบางชนิดให้คนจับจ่ายใช้สอย ทั้งรัฐซื้อสินค้าบางชนิดแพงขึ้น เหมือนเอาเงินไปให้ประชาชนให้จับจ่ายใช้สอย
สุดท้ายพอเงินไม่พอ ก็จะไปขอกู้ยืม แล้วก็เอามาทุ่มแบบเดิมอีกเป็นวงจร จนเต็มเพดาน สุดท้ายประชาชนซวย
รับกรรมมารับภาระรัดเข็มขัด

มันคงยังไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครับ เพราะประเทศเราสอนให้ประชาชนตกปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจก  :-\
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2012, 03:03:21 โดย normalblue »

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
เข้ามาเก็บความรู้ครับ

ออฟไลน์ XL_SiZe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
กระตุ้นเศรษฐกิจภายในมันก็ดีครับ
ถ้าเรายังเน้นส่งออก ให้ได้คงดุลไปได้

แต่อย่าลิมนะครับว่า สินค้าส่งออกเบอร์ 1 ของเรา ตอนนี้มีปัญหาครับ
ก็มาจาก ประชานิยมอีกชิ้นคือ 15,000 บาทครับ
ราคามันสูงเกินกว่า บางประเทศจะรับได้ หลุดวงเบอร์ 1 ผู้ส่งออกข้าวไปเรียบร้อย
ยิ่งอินเดียมาส่งออกได้เยอะอีก จบเห่....

จนถึงสิ้นเดือน ตุลาคม แล้วสต๊อกข้าวยังส่งออกไม่ใกล้เป้าเลย
และข้าวนาปีกำลังจะออกมาอีก ต้องหาเงินมาซื้อหรือจำนำกันอีกรอยแล้ว

น่าหนักใจการคลังของเราอยู่เหมือนกัน

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
ว่าแล้วน่ะแหละ

ออฟไลน์ wooot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 304
    • อีเมล์
เห็นตัวเลขตอบกระทู้เกินร้อย ต้องกลับมาอีกรอบ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ
บ้านนี้ดีนะครับ เป็นแหล่งรวมสหสาขาวิชา ทั้งวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ถ้าบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ก็ดีสิครับ ทุกศาสตร์ร่วมมือกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมจริงๆ

กลับมาที่เรื่องรถคันแรก ล่าสุดโพลสำนักอะไรสักอย่าง ยกย่องให้กรุงเทพ เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลก และมีสถิติใหม่มาบอกอีกว่ากรุงเทพมีรถมากกว่า capacity ของถนน 5 เท่า น่าชื่นใจนะครับ อิอิ

เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้ใช้ขนส่งสาธารณ แต่ลองเหลียวมามองระบบขนส่งสาธารณะบ้าง ยกตัวอย่างต่างจังหวัดนะครับ
    - หาดใหญ่- ชุมพร  รถไฟ กำหนดรถเข้า 18.00 น  มาจริง 20.00 น (หลายท่านบอกว่ามันเป็นมาตั้งกะปีมะโว้แล้ว) เป็นรถนอนที่นอนไม่ได้ เพราะรางเป็นคลื่น ใครนึกไม่ออกลองนึกถึงเส้นวิภาวดี เลนขวาสุดตั้งแต่แยกลาดพร้าวไปดอนเมืองนั่นละครับ
    - ระยอง-กรุงเทพ รถปรับอากาศชั้นสอง (ดันขึ้นผิดเอง) ออกจากระยอง 12.00 น ถึงกรุงเทพ 18.30 น จะนั่งรถตู้ก็กลัวใจคนขับ รถปรับอากาศชั้นหนึ่งก็เต็มซะแล้ว
    - กรุงเทพ  ท่านที่อยู่กรุงเทพคงเข้าใจดี

   ระบบขนส่งดีๆมีเยอะนะครับ แต่ยังไม่พอ เช่น รถไฟฟ้า รถปรับอากาศ พบว่าแน่นตลอด โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ของดีคนก็สนับสนุนนะครับ ทำเยอะๆเถอะ  เราน่าจะจริงจังกับระบบขนส่งสาธารณะกันซักทีนะครับ หากต้องการจะควบคุมจำนวนรถยนต์ โดยไม่ต้องไปส่งเสริมการเป็นหนี้เพื่อจะได้มีรถไว้ใช้เอง

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ดูเหมือนคน กทม. หลายท่านจะค่นข้างมีปัญหากับนโยบายรัฐบาลนะครับ  :D
H.

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,948
    • อีเมล์
ขอแจมด้วยคน ...อิอิ

เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ อันนี้ ผมยอมรับครับว่าได้ผลอย่างมากมาย ... โดยตรงกับตัวเอง.... โรงงานผมโดนน้ำท่วม ปิดตัวไป ผมตกงาน ....

ผมตัดสินใจเปิดบริษัทฯ ผลิตเครื่องจักรเกี่ยวกับยานยนต์ ... เชื่อไหม 7 เดือน ..... ชีวิตเปลี่ยนเลย .....

เอาล่ะนอกเรื่อง ทีนี้เข้าเรื่องบ้าง

เรื่องยึดรถ ที่ใครๆพูดถึง ....

การยื่นเอกสารคืนภาษี "จะต้องมีใบยอมสระสิทธิ์การขายรถ ภายใน 5 ปี ด้วยนะครับ"

คือ ใบเอกสารที่ทางไฟแนนท์ กับ ผู้เช่าซื้อเซ็นท์สัญญาตกลงกัน ว่า 5 ปีนี้ รถคันนี้จะถูกขาย หรือเปลี่ยนมือมิได้

พูดง่ายๆ ถ้าใครผ่อนไม่ไหว .... ไฟแนนท์ ก็ยึดไม่ได้ เพราะยึดไป ก็ไปขายเปลี่ยนคนเช่าซื้อไม่ได้ ดังนั้น ไฟแนนท์จะคะยั้นคะยอให้คุณต้องผ่อนมัน จนกว่าจะครบ 5 ปี

ลองวิเคราะดูครับว่า ใครซวย .... ประชาชนคนที่ผ่อนไม่ไหว ยิ้มหวานล่ะทีนี้ .... ลองไม่ต้องส่ง 4 ปีแรก ไฟแนนท์ก็ยึดไม่ได้ ไปผ่อนโน่น ปี ที่ 5 ยังได้เลย


ออฟไลน์ jubjeab

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 106
    • อีเมล์
แค่คืนภาษีรถยนต์ไม่เกินแสนต่อคันยังจะถังแตก  แล้วประเทศอื่นที่ภาษีรถไม่แพงบ้าเลือดแบบประเทศไทยนี่  
ทำไมเขาไม่ถังแตกหนอ :D :D :D
อธิบายให้ครับ
คือว่าประเทศเจริญแล้วทุกประเทศ ประชาชนเสียภาษีมากกว่าประเทศไทยทั้งนั้นครับ อย่ามองแต่ภาษีรถครับ ^^
ภาษีรถถือเป็นเรื่องเล็กมากครับ ถ้าเทียบกับภาษีอื่น เพราะรถมันไม่ได้ซื้อบ่อยๆ แต่ภาษีรายได้เสียตลอดครับ (แต่ประเทศเจริญแล้ว  เสียภาษีรายได้แล้ว ชีวิตเขาดีขึ้นเยอะครับ ไม่เหมือนไทย จ่ายมันเข้าไปเหอะภาษี ถนนก็พัง สาธารณูปโภคก็ห่วย คนไทยถึงไม่อยากเสียภาษี ไม่อยากเสียตังอะไรให้รัฐไงครับ เพราะแมร่งเอาไป ประเทศก็ไม่เจริญขึ้นซักที)

จริงครับ  แต่ผมมองว่าจะมาทุ่มเก็บภาษีรถบ้าเลือดอะไรขนาดนี้  มันไม่สมราคาไม่สมเหตุสมผลครับ 
สินค้าอะไร  ที่ผู้บริโภคซื้อก็ควรให้คนซื้อได้จ่ายในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้าครับ 
อย่างนี้อีกหน่อยสินค้าอย่างอื่นจะเก็บภาษีบ้าเลือดแบบรถยนต์อีกเราก็ไม่ต้องคัดค้านเหมือนกรณีรถเหรอครับ 
เพราะจะอ้างว่ายังมีอย่างอื่นอีกที่เก็บภาษีน้อยกว่าต่างประเทศ

ออฟไลน์ ninja250zzx

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • รถมือสอง เชฟโรเลต
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ

รถมือสอง เชฟโรเลตมากมาย