นึกว่าจะจบแล้วกระทู้นี้ แต่อ่านแล้วอดตอบไม่ได้
เวลาพูดถึงต่างประเทศเขา กรุณาอย่าพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวครับ ผมขออธิบายสั้นๆ ตามประสาผู้ที่ไม่ได้จบสายนี้มาโดยตรง(วิศวกรรม+MBA)
จริงที่ว่าปัญหายูโรโซนนั้นมันยืดเยื้อมาตั้งแต่สมัยก่อนและหลังฟองสบู่แตก
หลังจากการที่ยูโรโซนตกลงใช้สกุลเงินร่วมกัน ก็เกิดการกระตุ้นเศรษกิจอย่างหนัก
เงินนี่ยืมกันเป็นว่าเล่นเพื่อเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจตามกระแสทุนนิยมให้ประชาชน
จับจ่ายใช้สอยมากๆ แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก มันช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
ของพวกยูโรโซนทานอำนาจประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลก แต่ว่าแต่ละประเทศมีระบบ
การคลังเป็นของตัวเอง ขนาดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศส่งผลโดยตรงกับประโยชน์ที่ประเทศ
นั้นจะได้รับจากสกุลเงินยูโร ดังนั้น ทุกประเทศ จึงดำเนินการอย่างหนักทั้งกู้ยืมเงินจากเพื่อนสมาชิก
ประเทศที่เงินมากก็ให้ยืม เงินน้อยก็ไปกู้ บางครั้งก็ไม่สนว่าประเทศตัวเองจะใช้จ่ายแบบขาดดุล
ทางการค้าแก่ประเทศอื่น(กรีซ) ทั้งปัญหาที่ตรึงเครียดกับตุรกีขณะนั้น และปัญหาภายในประเทศที่ต้องการ
ผลักดันแนวคิดพวกขวาจัดให้หมดไป การทุ่มงบให้ภาคเอกชนอย่างธนาคารต่างๆ ในประเทศเพื่อปกปิด
จำนวนเงินที่ตนได้ทำการกู้ยืมไว้ เพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเอามาใช้ทำตัวเลขเศรษฐกิจของตนเอง
ขอให้ตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนก็กู้ยืม จับจ่ายใช้สอยมากๆ
พอกู้กันมากๆ หนี้สินครัวเรือนก็พุ่ง เพราะนโยบายที่ทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากๆ(ประชานิยม) เพื่อรัฐจะได้มีรายได้
หนี้สาธารณะก็พุ่งเพราะไปยืมเขามา ทั้งออกพันธบัตรให้ต่างชาติและอื่นๆ จนหนี้สินล้นพ้นตัว
เกินกว่านี้ ถ้าชำระพร้อมดอกเบี้ยแล้ว จะไม่มีเงินใช้จ่ายในประเทศ(ถังแตก) จะไม่จ่ายก็ไม่ได้
เพราะมีผลต่อเครดิตส์ของประเทศ และส่งผลต่อประเทศผู้ให้ยืมด้วยเป็นลูกโซ่ยาวไปทั่วโลกแน่
จนต้องมาตกลงกันว่าถ้าจะให้ยืม กรีซจะต้องรัดเข็มขัดนะ... อย่าฟุ้งเฟ้อ เพื่อลดรายจ่ายรัฐ และเพิ่มรายได้รัฐ
ประชาชนซวยสิครับ พวกรวยๆ ไม่ได้โบนัส ภาษีถูกเก็บแพงขึ้น ประชาชนต้องทำงานหนักขึ้นและนานขึ้น
ทั้งต่อวันและอายุเกษียณงาน เงินบำนาญ พวกข้าราชการเงินเยอะก็ไม่ได้ พวกได้น้อยก็โดนลด บลาๆๆๆ
สาเหตุมันมาจากากรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ เพื่อรัฐจะได้มีเงินเยอะๆ
เอาไปใช้จ่ายในภาคเอกชนเยอะๆ ตัวเลขเศรฐกิจเยอะๆ ก็ไปกู้ยืมเงินมาเยอะๆ เพื่อกระตุ้นภาคเอกชนเยอะๆ
ยืมไปยืมมา ไม่มีเงินจ่ายคืน เพราะ ทั้งขาดดุลการค้า ทั้งหนี้สินครัวเรือนพุ่งจึงลดการจับจ่ายใช้สอย
ผนวกผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกซึ่งเกิดจากสหรัฐ มันก็มาถึงจุดอิ่มตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุทั้งนั้น
พอเห็นภาพไหมครับ ผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหนดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะนี้บ้าง ให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ
ทั้งลดราคาสินค้าบางชนิดให้คนจับจ่ายใช้สอย ทั้งรัฐซื้อสินค้าบางชนิดแพงขึ้น เหมือนเอาเงินไปให้ประชาชนให้จับจ่ายใช้สอย
สุดท้ายพอเงินไม่พอ ก็จะไปขอกู้ยืม แล้วก็เอามาทุ่มแบบเดิมอีกเป็นวงจร จนเต็มเพดาน สุดท้ายประชาชนซวย
รับกรรมมารับภาระรัดเข็มขัด
มันคงยังไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครับ เพราะประเทศเราสอนให้ประชาชนตกปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจก