ผู้เขียน หัวข้อ: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"  (อ่าน 14333 ครั้ง)

DoNg

  • บุคคลทั่วไป
ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 22:33:17 »
ผมใช้คำว่าพ่อมาได้สามเดือนกว่าๆ ละ

พอเข้าเว็ป HLM เยอะๆ บางทีรู้สึกกังวลเล็กๆ กับอนาคตของไอ่ตัวเล็ก
เห็นเด็กๆ ในนี้ มีรถใช้กันเยอะแยะไปหมด รถแพงๆ ทั้งนั้น บางคนเรียนอยู่
บางคนเพิ่งเริ่มทำงาน แต่พ่อ แม่ ก็หารถมาให้

เด็กสมัยนี้ อะไรมันช่างสบาย พ่อ แม่ประเคนให้ซะเยอะ และเยอะไปรึปล่่าว
กลัวว่า วันนึง ลูกเราไปเจอเพื่อน เค้าจะกลายเป็นคนติดความฟู่ฟ่า เพ้อฝัน
อยากได้อะไรก็จะหามาให้ได้รึปล่าว สาบานได้ว่าจะสั่งสอนเค้าให้ดี แต่บางทีตัวเรา
ไม่ได้ติดไปกับเค้าตลอด

อยากรู้ความคิดจังครับ หลายๆ คนที่อยู่ในเว็ปนี้ ที่พ่อแม่รวย ได้อะไรมาง่ายๆ
วันนึงที่คุณลำบาก คุณจะอยู่ได้ไหวมั๊ย เห็นมีเวลาคุยกันแต่รถแพงๆ

ถ้าให้คุณไปนั่งรถเมล์ โหนรถไฟ หรือทำงานหนักเพื่อที่จะได้รถ หรือสิ่งของมา
โดยไม่อาศัยพ่อ แม่ พวกคุณจะทำได้หรือเปล่า

อยากถามลูกคนรวยๆ ครับ อยากรู้ว่าเค้าคิดยังไงกันมั่ง




ออฟไลน์ AMG GT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,961
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 22:49:49 »
ของผมตอนนี้  ผมอายุ 18 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย  เพื่อนๆผม(บางคน)มักจะมีความคิดที่ว่า เรียนมหาวิทยาลัย ต้องขับรถยนต์ ถ้าให้ใช้มอเตอร์ไซด์  ยอมเดินดีกว่าว่างั้น    ส่วนผมคิดว่าถ้าไม่หนักหนามากใช้มอเตอร์ไซด์เอาดีกว่า  รถยนต์ค่อยทำงานเก็บเงินซื้อเอาครับ   
ปล.บ้านผมก็ไม่ได้รวยอะไรนะ  แต่ถ้าจะให้พ่อแม่ซื้อให้เนี่ย ก็ซื้อให้ได้ครับแต่ไม่เอาหรอก สงสารท่านครับ
ปล2. ผมว่าคนที่ พ่อแม่มีเงินที่พอจะซื้อสดให้ก็โอเคนะ  แต่บางคนส่วนมากด้วยพ่อแม่ต้องมานั่งผ่อนให้.....
คหสต. ครับ

ออฟไลน์ prysakol

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 133
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 22:57:11 »
ตอบในฐานะ พ่อคนนึงเหมือนกัน

ผมคิดว่า ถ้าเราอยากให้ลูกเราเป็นยังไง เราก็ต้องเลี้ยงเค้า ให้เป็นอย่างนั้น

เช่น คุณอยากให้เค้าเป็นคนรักพ่อแม่  แต่ถ้าคุณเองยังไม่รักพ่อแม่ตัวเองก็ไม่มีทางแน่ๆ

เพราะฉนั้น ก็ต้องให้เวลา ความรัก ความเข้าใจเค้าเยอะๆ แล้วออกมาก็จะได้อย่างที่เราหวังเองครับ

ด้วยความเคารพ

ออฟไลน์ pee1818

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 22:58:58 »
ฝากคนที่ใช้มอเตอร์ไซด์หน่อยครับให้ใส่หมวกกันน็อคทุกครั้ง เพราะมอเตอร์เกิดอุบัติเหตุง่ายและโอกาศเจ็บมากจะเยอะ ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนด้วย

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 22:59:39 »
ไม่เป็นลูกคนรวยๆแต่ตอบได้ไหมครับ ยังไม่ใช่พ่อซะด้วยสิ คงไม่ใกล้ๆนี้แน่ แต่สมัยเรียน ก็ขอเน้นยืนรถเมล์ หรือรถไฟ ระบบสาธารณะดีกว่า เพื่อส่วนรวมครับ ไม่ปล่อยพิษ ไม่ทำรถติด นอกจากบางวันกลับดึก ในฐานะพ่อแม่ก็คงอยากให้ลูกปลอดภัยเป็นหลัก ก็เลยใช้บ้าง

แต่ก็ขอให้ดูแลเขาดีๆ อย่าสปอยล์เหมือนวัยรุ่นไทยในทีวีก็พอ

ออฟไลน์ Family man

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 108
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:05:17 »
ตอบแบบเคยเป็นลูกคนจนๆไม่มีรถยนต์ใช้ ไม่มีมอไซค์ขี่ ทำงานจนมีทั่งรถและมอไซค์ใช้
ลำบากไว้ก่อนก็ดีจะได้ไม่เจ็บเวลาล้ม

ออฟไลน์ AMG GT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,961
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:08:29 »
แม่ผมบอกว่า  เด็กมหาลัย เนี่ยแม่เห็นรถคว่ำกันเยอะมากแต่ที่สำคัญ  คว่ำทีก็เสียชีวิตนักหลายคนเพราะว่าอัดกันไปเต็มรถ

ออฟไลน์ Nlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 764
  • พิมพ์ผิดประจำ
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:11:22 »
ตอนเรียนผมใช้ จักรยาน รู้สึกช่วงนั้นหล่อกว่าตอนขับรถเก๋งอีก(สมัยที่จักรยานยังไม่ฮิตเท่าทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีคนใช้ สมัยที่หนังเกาหลีเข้ามาตีตลาดไทยใหม่ๆ สงสัยในหนังเกาหลีจะมีคนขับจักรยานเยอะ) สาวกรี๊ดเพียบ ~!  แต่ด้วยความชันของทางในมหาลัย ทำให้ผมจำเป้นต้องใช้ มอไซ (เอาจริงต้องบอกว่ามีระเบียบไม่มากพอจะใช้จักรยานได้)
และด้วยญาติกลัวไปเป็นเจ้าชายนิททาเลยบอกให้ใช้รถเถอถ

เห๊ยยย....นี่เราหันผิดทางรึเปล่าเนี่ย !!! กลับไปปั่นจักรยานยังทันมั๊ย  ;D

ออฟไลน์ il Rewki' N. li

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 226
  • Passioned in a Magic which called "CARS" ,,* i Luv
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:12:30 »
อยากให้เป็นสิทธิส่วนบุคคลมากกว่าครับ
คนรวยๆหลายคน ไม่ใช่สอนลูกไม่เป็นครับ
แต่เขาไม่ได้ฟุ่มเฟือย เขาแค่ใช้สินค้าที่สมฐานะน่ะครับ

เหมือนคนมีเงินล้าน จะใช้หลุยส์หรือแอร์มีส  เราก็ไม่มองว่าเค้าฟุ่มเฟือยนะครับ
แต่ถ้าคนมีแค่เงินหมื่น...  อยากจะใช้หลุยส์ ... แบบนี้เรียกฟุ่มเฟือยครับ


บางคนที่เป็นเด็ก  พ่อ แม่ ก็ไม่ได้ซื้อให้เสมอไป
ผมคนนึงละซื้อรถเองตอนอายุ 19 จากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง

....

ถ้าอยากเลี้ยงลูกให้ดีนะครับ
ให้เขาหา ให้เขาทำ ของๆเขาเอง
แล้วเขาจะรัก และดูแล และเห็นค่าของมัน
พร้อมทั้งใช้ชีวิตในโลกที่ยุ่งเหยิงได้อย่างมีคุณภาพครับ
หลงใหลใน "รถยนต์" ... เวทย์มนต์ที่ตราตรึง...

ออฟไลน์ OLan-मंदिर लड़का

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 474
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:13:31 »
ตอบในฐานะลูกที่ที่บ้านพอมีจะกินน่ะครับ (แต่ไม่มาก 555)  :P

ส่วนตัวพ่อผมปลูกฝั่งให้ผมเก็บเอาเองอ่ะครับ ถ้าอยากได้อะไรก็เก็บเอา  แถมยังเลี้ยงแบบลากหญ้ามากๆๆ (จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย)  ;)

แต่ก็มีบ้างทีท่านให้เป็นของขวัญ  :D

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:15:53 »
คุยกันดีๆนะครับ เป็นห่วง  :)

ออฟไลน์ Maman_Haheinz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 318
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:17:12 »
ผมขอตอบในฐานะลูกข้าราชการ พอมีเงินบ้างไม่ถึงกับรวย
ตอนเรียนป.ตรี บอกตรงๆนะครับมันก็มีความคิดแว๊บหนึ่งเข้ามาในหัวว่า...
"โตแล้ว อยากได้รถมาขับ มอไซด์ก็ยังดี" แต่พอมองถึงความจำเป็นที่ว่า
จะเอามาทำอะไร ไม่ได้ไปไหนไกล วันๆก็ไปเรียน หอก็อยูใกล้ม.
แถมค่าใช้จ่ายมันก็มากขึ้นเรื่อยๆหากมีรถเมื่อไหร่ จ่ายค่าน้ำมันเยอะแน่นอน
ดังนั้นรถจักรยานก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานั้นของผมแหละครับ

คืออยากให้มองถึงความจำเป็นมากกว่า ว่าสมควรใช้รถรึเปล่า บางคนอาจพอมีเงินบ้าง
ประกอบกับบ้านอยู่ไกล ระบบขนส่งมวลชนห่วย รถยนต์ส่วนตัวก็อาจเป็นคำตอบของครอบครัวนั้นๆก็ได้นะครับ

โห ยี้ โห ยี้ โหยยยยย
หิววววววววว!!!!!!

ออฟไลน์ pinggiyam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:26:23 »
ตอบในฐานะเด็กอายุ20 ปี3 แต่ขับรถไปเรียนเองตั้งแต่ 16นะครับ

ผมว่าพ่อแม่ทุกคนๆ ควรจะปลูกฝังลูกตัวเอง ให้มีเกราะป้องกัน กับเรื่องพวกนี้ไว้ครับ
สังคมมันมีคนหลายระดับมากๆ เด็กที่ไม่มีความคิดอาจจะเกิดความอิจฉาเพื่อน ที่มีรถขับ บ้านรวย ใช้ของราคาแพง (ยิ่งในสังคมมหาลัยนี้นักมาก
 พวกผู้หญิงสะพายกระเป๋าครึ่งแสน )

บางคนถึงขั้นเก็บไปคิดจนเป็นปมด้อย ซึ่ง"ในความคิดของผม"นะครับ ความผิดไม่ได้อยู่ที่เด็ก หรือเพื่อนเขา หรือพ่อแม่ของเพื่อนเขาเลยครับ

ความผิดทั้งหมดมันอยู่ที่ พ่อ/แม่ ของตัวเด็กเอง ที่ไม่ปลูกฝังลูกตัวเอง หรือจะให้ผมตอบตรงๆอีกข้อเลย ก็คือไม่ยอมสร้างฐานะไว้ให้ลูกตัวเอง

จนลูกตัวเองมีความรู้สึกว่าด้อยกว่าคนอื่นๆในสังคมเดียวกันครับ  :D :D

ปล.ผมเกิดมาในครอบครัวที่พูดได้ว่ารวยครับ แต่ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ ค่าขนมผมก็ได้น้อยกว่าเพื่อนๆตลอด
ผมหาเงินเองตั้งแต่15 ทุกวันนี้ผมมีเงินพอจะซื้อรถเงินสดได้หลายคันเลยครับ(ใช้ความรู้ของตัวเอง ไม่ได้ต่อยอดธุรกิจครอบครัว) แต่ยังทนใช้w123เก่าๆจากพ่ออยู่ครับ
กะว่าเรียนจบค่อยซื้อรถดีๆมาขับ  :) :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2013, 23:29:05 โดย pinggiyam »

ออฟไลน์ neutrino

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:51:20 »
โลกทุกวันนี้ผปค.ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ครับว่าจะสอนลูกหลานให้ดีได้อย่างไร สิ่งสำคัญที่สุด(ตอบในฐานะพ่อที่มีลูกเป็นวัยรุ่น) คือการสอน "วิธีคิด"ครับ ไม่ใช่ประเคนวัตถุ,เงินด้วยห่วงว่าลูกหลานจะลำบาก ถ้าลูกมีวิธีคิดที่ดีแล้ว รับรองได้เลยว่า สิ่งแวดล้อมทำอะไรลูกคุผณไม่ได้มากครับ

ออฟไลน์ Lertvarit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 23:52:03 »
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ

ถ้าท่านเลี้ยงดู อบรม ให้ความรักความเข้าใจเค้าอย่างดี ยังไงเสียโตมาก็ได้ดี

... ส่วนผม บอกเลยว่าการมีรถยุโรปราคาแพงขับ มันไม่ได้ทำให้ความคิดหรือการใช้ชีวิตของผม ผิดแผกไปจากคนอื่น

นั่งรถเมลล์กับเพื่อนก็นั่งครับ รถไฟฟ้านี่ประจำ เพราะรถติด  ...

 ที่สำคัญ " ใช้รถราคาแพง อย่าทำตัวราคาถูก "  ยิ่งมีต้นทุนชีวิตที่ดี ยังไงก็ไม่ยอมใช้ชีวิตให้ขาดทุน

FD 1.8 + ACV40 Hybrid + E90 LCI 320d sport 
And My new stuff  E60 LCI 520D sport

DoNg

  • บุคคลทั่วไป
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:13:48 »
สิ่งที่ผมกลัวคือความคิดของลูกแบบคุณ pinggiyam

ที่กลัวคือความคิดแบบว่า ลูกไม่ผิด แต่พ่อแม่เลี้ยงผม/หนูมาแบบนี้นี่นา
คือกลัวเด็กที่มันคิดเองไม่ได้ แล้วโทษพ่อโทษแม่ ว่าทำไมไม่พยายามรวยเหมืิอนคนอื่น

กลัวจริงๆ ถ้าเด็กมันคิดแบบนี้เยอะๆ

Stroke8

  • บุคคลทั่วไป
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:18:04 »
งั้นเราก็ต้องปลูกฝั่งให้เขาเป็นคนที่ชื่นชมของที่ "เจ๋ง" ครับ ไม่ใช่ "หรู"

ผมเป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ที่บ้านรถแพง ได้ฟรีรถใช้ตั้งแต่อยู่ ปี1 ไม่ใช่สิ ได้งบประมาณฟรีๆมา แล้วเลือกซื้อเอง ตั้งแต่อยู่ปี1 ได้ก็พอสมควรครับ ไม่ใช่น้อยๆ ยุคนั้นรถป้ายแดงเก๋ไก๋ไฮโซมากมาย งบประมาณก้อนนั้นเพียงพอที่จะได้รถใหม่ป้ายแดงดีๆมาใช้ ผมเลือกคอร์ติน่าอายุ 29ปี ราคาสมัยนั้นไม่ถึงแสน ทำไมครับ? ผมเลือกดูของที่ความ "เจ๋ง" ไม่ใช่ความ "หรู" ผมอาจจะโดนด่าด้วยมุมมองแบบนี้ แต่ตอนผมเลือก ผมไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ด้วยซ้ำ เพื่อนสมัยเรียนของผมใช้รถดีๆมากมาย แต่ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิด ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเลือกนั้นดีกว่า ... เอสแอลเค ... แซด 3 ... นิวบีเทิ้ล ... ผมรู้ด้วยตัวของผมเองครับ

ผมซื้ออะไหล่เอง (แน่นอนว่าฟอร์ดประเทศไทยสมัยนั้นไม่มีอะไหล่คอร์ติน่าเก็บสต็อก) ผมซ่อมเอง เรียนรู้ไปทีละขั้นตอน ผมใช้มันอยู่ได้ประมาณ 4ปี ผมขายไป เนื่องจากเหตุผลหลายๆประการด้วยกัน รวมๆแล้วผมใช้เงินพ่อแม่ไปน้อยกว่าค่าตัวของ โตโยต้าวีออส สมัยนั้นเสียอีก เสียค่าอะไหล่ ค่าน้ำมันไปเยอะครับ แต่ผมขายไปได้มากกว่าตอนซื้ออยู่สองหมื่น แทนที่จะต้องเสียหลายแสนกับค่าเสื่อมราคา ผมรู้อย่างนั้นตั้งแต่ผมเลือกว่าจะไปเส้นทางนี้แล้วครับ

คุณอาจจะสงสัยว่าผมจะมาเพ้อเจ้อบ่นอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของตัวเอง จุดที่ผมต้องการจะบอกอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณสามารถให้ความรู้กับลูกได้มากพอ คุณก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ว่าเขาจะหลงใหลไปกับวัตถุนิยม

อย่าเหมารวมลูกคนรวยครับ

ถ้าเกิดคุณไม่มั่นใจว่าจะส่งเสริมทางด้านความประหยัด ก็ส่งเสริมมันทางด้านความรู้ ความเข้าใจโลกเนี่ยแหละครับ เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน ดูอย่างผมดิ ;D อ๋อ ไอ้ความคิดแบบนี้มันก็ใช้ไม่ได้กับทุกคนนะครับ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาเหมือนผม แต่ผมมั่นใจครับ ว่าแนวทางแบบนี้ ต่อให้เป็นคนปกติก็ทำได้ แต่อย่ายึดติดกับคำตอบของผมมาก อันนี้บอกเองเลยนะ ไม่ใช่แค่ค่อนข้างยากครับ โคตรยากเลย ถ้าคิดจะเลี้ยงลูกแบบนี้

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:25:09 »
ผมอยู่ธรรมศาสตร์ รังสิตครับ ตอนนี้ปี3 ละ
นอนหอ ใช้จักรยานทุกวันครับ มีแวบนึงเหมือนกันที่ผมอยากได้รถมาขับเหมือนกัน
ตอนเช้าออกไปเรียน แดดก็ร้อน หนังสือก็หนัก ไปถึงตึกเรียนเหงื่อออกเต็มตัว
ตอนบ่ายเลิกเรียนฝนตกอีก ตากฝนกลับมาหนังสือก็เปียก
แต่ถามว่า ตอนนี้ที่มีโอเคไหม ผมก็ไม่เดือดร้อนครับ และก็ happy ที่จะใช้จักรยานต่อไป

เพื่อนผมหลายคนที่มีรถขับ หลายคนพ่อ แม่ห่วงเรื่องความปลอดภัย ไม่อยากให้อยู่หอ
ถ้าทางบ้านพร้อม จะออกมาซักคันผมก็โอเค ไม่เห็นว่าจะเป็นการฟุ่มเฟือย ขอให้เหตุผลพร้อมเท่านั้น
หรือถ้าที่บ้านมีเงินเก็บเป็นร้อยล้าน จะออกรถยุโรปมาซักคัน ก็ไม่แปลก ในเมื่อเขามี เขาก็ต้องมีสิทธิใช้ครับ
ถึงบางทีมันอาจจะดูเว่อร์ไปซักหน่อย แต่เค้าก็รอรับกิจการต่ออยู่แล้ว อนาคตมั่นคง ก็โอเค

ถ้าจะถามว่า ไปเจอเพื่อนที่รวยๆ จะติดหรู รึเปล่า
ผมตอบเลยว่า ถ้าคุณสอนเค้าให้ดี ไม่มีทางแน่ๆ
เพื่อนผมขับ E90 ผมปั่นจักรยาน อีกคนนั่งรถเมล์
ก็อยู่กันได้ ไม่มีใครรู้สึกต่ำต้อยกว่าใคร
เวลาไปเที่ยวไหนกันบางที ไอคนที่มีรถมันขี้เกียจเอารถไปด้วยซ้ำ
ก็นั่งรถตู้กันไป ไม่มีปัญหา

เอาจริงๆนะครับสำหรับผม
เรื่องเงิน ฐานะ เป็นเรื่องรองด้วยซ้ำ นิสัย สำคัญกว่าเยอะครับ
ต้องสอนลูกให้ได้ว่าเลือกคบคนดีๆ ที่นิสัย ไม่ใช่ฐานะ

แต่ก็อย่าเอาซะ ไม่ให้อะไรเลยจนมันกลายเป็นปมด้อยเขานะครับ
ไม่ต้องหรูที่สุด ก็ได้ เอาที่จะอยู่ได้โดยไม่น้อยหน้าใครก็พอ

ถ้าถามว่าตรงไหนพอ อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณ และสังคมของเขา
ถ้าอยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ ยอมส่งเข้าโปรแกรมอินเตอร์
อันนี้ ของหรูหราติดตัว ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา มิฉะนั้นจะเข้าสังคมไม่ได้เลย เน้นว่า ไม่ได้เลยครับ
อันนี้เป็นเรื่องริงที่ผมเจอมากับตัวแล้ว
เพราะสุดท้าย สังคมมันก็วนกลับมาที่วัตถุแหละครับ ก็ต้องมีบ้านนิดๆหน่อยๆ

ผมก็เกิดมาอยู่ในบ้านที่ถือว่าฐานะค่อนข้างดีครับ
แต่ถ้าให้ผม โหนสองแถว ใช้รถสาธารณไปไหนมาไหน บอกได้เลยว่าบ่อยมากครับ
ไม่เป็นปัญหา คุณแม่ผมสอนว่า เมื่อถึงเวลา จำเป็นจริงๆ ค่อยมี
ที่จริงเงินของที่บ้านจะออรถยุโรป อีกซักคันมาให้ผมขับก็สบายๆ
แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการครับ ไว้รอจบแล้วอาจจะให้ท่านดาวน์ C-seg, D-segให้ แล้วผมผ่อนรถเองซักคันอะไรก็ว่าไป

ปล. ผมคงโชคดีด้วยล่ะที่เจอเพื่อนดีๆ สังคมดีๆ ครอบครัวดีๆ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มาอยู่ ณ จุดนี้ครับ
ปล.2 คนที่โดยสปอยล์ก็มีเยอะครับ แต่อันนั้นมันมาจากที่พ่อ แม่ไม่มีเวลาให้ คิดว่าตามใจเพื่อทดแทนความอบอุ่น อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งถ้าคุณสอนมาดีก็ไม่มีปัญหาครับ

ออฟไลน์ pinggiyam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:33:28 »
สิ่งที่ผมกลัวคือความคิดของลูกแบบคุณ pinggiyam

ที่กลัวคือความคิดแบบว่า ลูกไม่ผิด แต่พ่อแม่เลี้ยงผม/หนูมาแบบนี้นี่นา
คือกลัวเด็กที่มันคิดเองไม่ได้ แล้วโทษพ่อโทษแม่ ว่าทำไมไม่พยายามรวยเหมืิอนคนอื่น

กลัวจริงๆ ถ้าเด็กมันคิดแบบนี้เยอะๆ
ขอโทษด้วยครับ ผมหมายถึงในแง่มุมที่ว่า ผู้ใหญ่มองว่าเด็กฟุ่งเฟ้อครับ แต่ไม่ค่อยกลับมามองตัวเองมากกว่านะครับ
ว่าสั่งสอนลูกดีพอหรือยัง และ อบรมเขาให้มีความคิด เตรียมความพร้อมให้เขาอยู่กับผู้คนในระดับใดของสังคม จนไม่เกิดความอิจฉาตาร้อนนะครับ
ผมขอใช้คำพูดแบบนี้แทนละกันครับ ยกตัวอย่าง เด็กที่พ่อแม่ต้องไปกู้เงินเพื่อเรียนม.เอกชน(ทั้งทีเรียนรัฐก็ได้) ค่าเทอมเกือบๆแสน
เด็กเข้าไปในสังคมแบบนั้น เกิดความอิจฉาเพื่อนๆขึ้นมา คำถามคือโทษใครดีครับ เด็กหรอ?? ผมว่าไม่นะครับ เพราะโดนพ่อแม่บังคับมาเรียน
แต่กลับไม่ได้เตรียมความพร้อมให้เขาในด้านอื่นๆ ที่จะอยู่ในสังคมแบบนั้นแบบไม่ต้องด้อยกว่าใครมากก ทำนองนั้นครับบ  ;D ;D

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:46:22 »
ตอนนี้ผมเพิ่งปี 1 ครับ  ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง  ใช้รถส่วนกลางอย่างเดียว
แต่ผมใช้รถมาตั้งแต่เข้า ม.4 แล้วครับ  อยากใช้คันไหนก็เอาไปใช้
แต่หลังจากได้ใช้รถ บอกได้เลยว่าชีวิตผมไม่ได้สบายเหมือนตอนที่ไม่มีรถเลยครับ
เพราะตั้งแต่มีรถมา  มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะ  โดนที่บ้านสั่งนั่นนี่เพียบเลยครับ
แทบจะเรียกได้ว่าเรียนไป ทำงานไปด้วยเลยครับ
ยังกะว่าผมอยากได้  พอถึงเวลา  เขาก็ให้  แต่ต้องทำงานแลกเปลี่ยนนะ
ตอนนี้ผมอยากจะไปปั่นจักรยาน หรือ ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วครับ น่าจะสบายกว่านี้
แต่ไม่รู้จะได้ไหมนะครับ  :P :'(

อ้อ เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งฟัง  เขาก็บอกผมว่าอยากได้รถ
ก็ได้แล้ว  แต่ก็ต้องทำงานแลกเปลี่ยนด้วยนะ    

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,152
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 00:48:11 »
ผมในฐานะ เด็กอายุ 18 นะครับ ถามว่าอยากได้รถใหม่ไหม...อยากได้ครับ....เอา Kia Picanto คันเล็กๆ
เอาไว้ใช้ไปเที่ยวพักผ่อน อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้ใช้อะไรเป็นหลัก...จักรยานครับ

ใครอยู่ชลบุรี ผมคิดว่าต้องเคยมีคนเห็นผมแน่นอน เพราะผมเชื่อว่า ฝีตีนการปั่นของตัวเอง มันกวนทีนชาวบ้านเค้าอยู่หลายๆ ครั้งเหมือนกันครับ ฮ๋าๆๆๆ

ทำไมใช้จักรยาน...ผมพิสูจน์แล้วว่า ในช่วงเวลา 6 โมงเช้าถึง 7 โมง จักรยาน คืนพาหนะที่ทำให้ผมไปถึงโรงเรียนได้เร็วที่สุด....ปลอดภัย ไม่เหนื่อย และถูกที่สุดครับ แถมตอนเย็นผมยังสามารถเอาจักรยานคันที่ว่าไปรับสาวๆ ไปเที่ยวได้อีกด้วยครับ (อยากจะบอกว่า...พาสาวๆ เที่ยวโดยใช้จักรยานนี้....ดูเท่ห์กว่ามอเตอร์ไซค์อีกครับ)

เพื่อนๆ มีรถแพงๆ แล้วผมอิจฉาไหมครับ เพื่อนผมมีตั้งแต่ ขับ Corolla เก่าๆ ไปจนถึง R8 Spyder ก็มี....ถามว่าอิจฉาไหม...ไม่นะครับ แต่ถ้าถามว่าคนอื่น อิจฉาผมไหม....ผมคิดว่าคนอื่นอิจฉาผมน่ะครับ ฮ๋าๆๆๆ

ถ้าถามว่า ตัวผมเองมีรถใช้ไหม....มีครับ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ....แฮๆ ผมปั่นซากรถเก่าอยู่อ่ะครับ Citroen GS ปั่นมาหลายปีล่ะครับ ทำไปเรื่อยๆ ไม่รีบ ฮ๋าๆๆๆ

มีใครยังใช้จักรยานอยู่ไหมครับ ^^
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ Ton247

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 83
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 01:03:34 »
ผมว่าไม่มีอะไรถูก อะไรผิดหรอกครับ แค่แต่ละคนมีมุมมองกันคนละจุด เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์ มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ต่างกัน ถึงเวลาประสบการณ์ก็จะค่อยๆสอนกันเองแหละครับ
คนที่ไม่ค่อยมี ถึงเวลามี เค้าก็อยากให้ลูกหลานสบาย จะซื้อรถให้ ใช้ของดีๆก็ไม่ผิดหรอกครับ และผมก็เชื่อว่าพ่อแม่หลายๆคนก็พยายามสั่งสอนแต่สิ่งดีๆให้กับลูก แต่ตัวลูกเองก็อาจจะต้องสั่งสมประสบการณ์บางอย่างเพิ่มเองด้วย เมื่อมีภูมิดีแล้ว ถึงเวลาไม่มี เค้าก็จะปรับตัวได้ครับ อย่างที่เห็นๆ เศรษฐีหลายๆคนบางทีตกอับก็มี แต่เค้าก็ประหยัด ปรับตัวได้จนสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้อยู่ดีครับ
เราแค่ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดก็พอ พ่อแม่ก็ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดี เหมาะสมกับเหตุและปัจจัย ลูกก็ทำหน้าที่ของลูกที่ดี ถ้าทำเหตุดี ผลก็ดีครับ แต่ถ้าผลมันยังไม่ดี เราก็ต้องรู้จักวางให้เป็นครับ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 01:04:08 »
80% อยู่ที่ฝคุณแม่จะสั่งสอนครับ เอาใจใส่ ให้ความรัก แต่อย่าตามใจแต่เด็ก ปลูกฝังให้รู้จักคิด
พ่อแม่บางคน ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ลูก แต่กลับชดเชยด้วยเงินทองและตามใจลูก สุดท้ายเสียคนครับ อันนี้ยุ่ง
หาเงินให้จนสายตัวขาดก็ยังถมไม่เต็ม คงต้องรอให้ตายจากกันไป เคสนี้น่าสงสารน่ะ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 01:06:35 »
ผมไม่มีลูกนะ มีแต่หลาน และมีแต่รุ่นน้อง รวมๆแล้วผมก็มีประสบการณ์กับเด็กตั้งแต่
เกิดจนถึงรุ่นมหาลัย ผมอาจจะไม่ใช่พ่อคนที่ดี แต่ผมว่าผมเข้าใจ mindset ของเด็กพวกนี้
ดีในระดับหนึ่ง

การจะพูดถึงรถแพงๆ ทำไมจะพูดถึงไม่ได้? คนมีเงินซื้อก็พูดถึงในแง่เจ้าของ
คนไม่มีเงินซื้อ ก็พูดถึง เพราะชอบ เพราะใฝ่ฝันว่าสักวันมันจะได้เป็นเจ้าของ
ก็ให้พูดกันไป ถ้าคนสองกลุ่มนี้คุยกันดี ถูกคอ คนรวยกว่าก็อาจจะแบ่งให้คนจนกว่า
ได้รับประสบการณ์ดีๆกับชีวิตบ้าง คนรวยไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายเหมือนคนจนก็ได้
ที่มาของเงินแต่ละคนไม่เหมือนกัน ได้มาฟรี ได้มาเพราะมรดก ได้มาเพราะลำบาก
มันมากมายก่ายกองซึ่งผมรู้สึกว่าถ้ามันเป็นสิ่งที่คนคนหนึ่งมันกำเนิดมาด้วยสิ่งที่มี
มาให้มันอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่ประเด็นว่าจะต้องทำเหมือนกันหมด

ผมสอนรุ่นน้อง สอนหลาน ผมไม่เคยด่ามันถ้ามันจะคบเพื่อนรวย หรือเพื่อนจน
แต่สอนแค่ว่าอยู่กับคนรวย อย่าเอาความรวยของเขามาทำให้เราเป็นคนมักง่าย เอาเปรียบเขา
เพราะ "ไอ้นี่รวย" ยิ่งคิดแบบนั้นชีวิตยิ่งคล้ายกาฝากมากขึ้น

ถ้ามีเพื่อนจนกว่า ให้แบ่งปัน ให้ช่วยเหลือเขา แต่ให้ดูด้วยว่าเขาแฟร์กับเราแค่ไหน
เพื่อนจนอาจจะไม่มีเงินคืนเรา เลี้ยงข้าวคืนเรา แต่เวลาลำบาก มันอยู่ข้างเราหรือเปล่า
ถ้ามันจน แถมยังมาหาเราเฉพาะตอนหิวข้าว ตอนอยากกินเหล้าฟรี แต่เราเจ็บป่วยไม่เคยถามไถ่
พอเราลำบากก็หายหัวเลย แบบนี้สู้มีเพื่อนรวยให้คันๆใจเล่นเสียยังจะดีกว่า

และที่สำคัญ ผมมักจะบอกน้องบอกหลานเสมอว่า ไม่ต้องไปรีวิวชาติกำเนิด
หรือเรื่องส่วนตัวของคนอื่นให้มันมากนัก มันแค่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเหมือนมีความวิเศษ
เวลาได้วิจารณ์คนอื่น แต่ที่จริงแล้วเสียเวลาเปล่า มองเขาในแง่มุมของพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ
ตีมันออกเป็นแง่ของความเสี่ยง อันไหนควรเลี่ยง อันไหนควรทำ อันไหนควรนำมาใช้
เป็นโมเดลได้ บางทีเรามีสิทธิ์สนุกด้วยกันได้ ตราบใดที่ไม่ดูถูกกัน

ไม่ต้องไปยึดติดอะไรกับฐานะมันมากหรอกครับ คนเงินหมื่นอย่างผม เจอเพื่อนที่รวยกว่าผม
มากมายมาก็เยอะ ตอนเรียนผมมีเงินใช้เดือนละ 6,500 ที่พ่อแม่ให้มา ส่วนเพื่อนผมได้ 20,000
แต่เป็นสองหมื่นต่อวัน ไม่ใช่ต่อเดือน ถามว่าถ้ามันอยากซื้อกระเป๋าใบละแสนให้แฟนเป็นของขวัญวันเกิด
มันใช่หน้าที่ผมหรือเปล่าที่จะต้องไปเตือนว่าไอ้เม้ง มึงฟุ่มเฟือยนะ ลดๆค่าใช้จ่ายลงหน่อย
ซึ่งกรณีนี้ ไอ้เม้งซึ่งได้เงินเดือนละสี่แสนก็บอกว่าเพื่อแฟน แค่นี้จิ๊บๆ แล้วครอบครัวไอ้เม้งจะจนฉิบหาย
เข้าสักวันหรือเปล่า หรือมันจะเป็นเด็กสปอยล์หรือเปล่า ไม่ใช่หน้าที่ของผมต้องไปยุ่งกับมัน
แต่ถ้าไอ้เม้งชอบดูถูกคนจนๆอย่างผม ผมคงชกมันก่อนเป็นอย่างแรก

และอันที่จริงคนอย่างไอ้เม้งก็มีเพื่อนที่รวยกว่ามัน รวยขนาดไหน? ก็ขนาดเจอรถคันไหนชอบ
ก็ซื้อเก็บ เจอเซลส์อ้อนก็ซื้อเก็บ ซื้อไปซื้อมา มารู้ตัวอีกที มีรถในชื่อตัวเองทะลุร้อยคันไปไกล
ไอ้เม้งมันก็จะบอกว่า เห้ย ไอ้จ๊อบ มึงฟุ่มเฟือยมากไปมั้ยวะ มีรถไปทำซาลาแมนเดอร์อะไรร้อยกว่าคัน
เม้งมีแค่ 5 คันเม้งยังดูแลไม่ทั่วถึงเลย ใช้เงินเป็นกระดาษเลยนะแก

คือถ้าเราตั้งประเด็นกับการที่ใครสักคนที่รวยกว่าเราจะมีวิถีชีวิตยังไง เราก็คงต้องตั้งประเด็นกันไป
สิบสองปีสิบสี่ชาติครับ พวกที่ชอบคิดว่าคนที่รวยกว่าเราจะสปอยล์เสมอ คนที่จนกว่าเราจะรสนิยม
ไม่ถึงใจเสมอ..โห ชาตินี้คงมีความสุขยากนะ แทนที่จะมองว่า เห้ยบางส่วนที่แกเงินถึง..ชั้นไม่ถึง
ชั้นไม่เล่นนะ เหี้ยบางอย่างชอบเหมือนกัน พอคุยกันได้ ก็มานั่งกินปาท่องโก๋จิบแมนซั่มคุยกันมันส์ๆ

เราในฐานะคนที่ต้อง shape เด็กยุค "ME ME ME and ME Generation" ให้โตขึ้นไปแล้ว
ไม่เป็นภาระคนอื่นนี่ ไม่ได้อยู่ที่แค่การสอนให้มันคิดดีทำดีแล้วครับ..แต่สอนให้
ประเมินสิ่งต่างๆให้ลึก แต่ไม่่ต้องปล่อยทุกสิ่งที่ตัวเองประเมินออกมา
อะไรทำได้ อะไรทำแล้วยาก? อะไรทำแล้วจะฉิบหายวายป่วง?
อะไรพูดได้ อะไรไม่ควรพูด? อะไรที่พูดแล้วช่วยคนอื่น อะไรที่บางครั้งเก็บๆไว้บ้างก็ได้

และท่ามกลางโลกที่ล้านคนชอบด่า แสนคนชอบวิจารณ์ ร้อยคนเสนอแนะวิธีการ และสิบคนลงมือทำจริง
ผมว่าการเลี้ยงเด็กให้มีคุณภาพทางความคิด มีทักษะในการประเมินความสามารถของตัวเอง และมี
การสื่อสารที่ถูกจังหวะ โดนทั้งเนื้อหา เหมาะสมทั้งเวลา นี่ล่ะคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่


- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Automotive Innovations

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,136
  • เตรียมสร้างอนาคต
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 01:13:51 »
ในฐานะของคนอายุ 19 อยู่ปีสอง ม.หอการค้าไทย ขอบอกบ้างครับ ผมเองก็มีความคิดอยากได้รถเหมือนคนอื่นเค้า ทำไรก็ง่ายสบาย ไปไหนก็ไม่ลำบาก แต่เราลืมไปว่าที่เราใช้ตังนั้นมันไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นตังพ่อแม่ ซึ่งเรายังหาเงินเองไม่ได้ ดังนั้นผมจะแล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ครับ เพราะเราเป็นลูกต้องเชื่อฟังท่าน ทุกวันนี้ผมก็นอนอยู่หอ ผมว่าสะดวกไปมหาลัยแปปเดียว แต่เวลาไปไหนต้องลำบากนิดนึง แต่ผมไม่แคร์ครับ เพราะผมรู้ว่าตัวเองยังโชคดีกว่าคนอื่นมากครับ บางคนยังไม่มีไอโฟนเหมือนเรา ไม่มีหออยู่เหมือนเรา ผมจะคิดเสมอว่าพ่อแม่ให้เราขนาดนี้ เราควรจะตอบแทนบุญคุณท่าน ไม่ทำให้ท่านเสียใจ ยอมลำบากตอนนี้ ดีกว่าลำบากวันหน้าครับ ไม่มีรถมันก็ไม่ตายครับ เดินไปเรียนเอา นั่งแท็กซี่เอาได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ผมก็เกริ่นๆไว้ว่าจะซื้อรถให้ ซึ่งผมก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่เลยครับ

เราควรปลูกฝังให้เค้ามีจิตสำนึกครับ พยายามสิ่งดีๆให้เค้า คุยกับเค้าด้วยเหตุผลด้วยความเข้าใจ ไม่ควรใช้อารมณ์ ถ้าเค้าไม่เข้าใจเรา เราก็พยายามอธิบายครับ แค่นี้เค้าก็จะเป็นคนดี รู้จักแยกแยะ รู้จักคิดสิ่งดีๆได้แล้วครับ
Toyota Camry 2.0G ACV41 2012 MC Black Interior
Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 2WD MY 2017
Ssangyong Stavic SV270  2006
Honda HR-V EL 2016
Toyota Fortuner 2.4V 2WD Big MC 2020
Haval H6 PHEV 2022
Mercedes-Benz C350e Dynamic Plug-in Hybrid 2023

ออฟไลน์ Pingu

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 01:19:07 »
ผมเพิ่งจบครับ เห็นเพื่อนใช้รถกันตั้งแต่ปีหนึ่ง บางคันพ่อแม่ซื้อให้ใหม่บ้าง หรือเอาคันที่มีอยู่แล้วมาใช้บ้าง ทั้งรถยุโรปและรถญี่ปุ่น

ส่วนผมนั่งรถตู้อย่างเดียวครับ เคยอยากได้รถเหมือนกันเพราะว่ามหาลัยไกลบ้าน แต่พอคิดๆดูแล้วถ้าได้รถค่าใช้จ่ายในบ้านคงบานปลาย ไหนค่าบำรุงรักษา

ค่าน้ำมัน เกรงใจพ่อแม่ด้วย กลัวที่บ้านมีรายจ่ายเพิ่ม เลยทนนั่งรถตู้จนจบ(แม่บอกดีออกมีคนขับรถให้ด้วย) ทุกวันนี้จบมาอยากได้รถบ้างกลายเป็น คิดโน่นนี่นั่นไป

เรื่อยครับ พอได้มาทำงานเอง ยิ่งยากเลยสำหรับการผ่อนรถคันนึง ตอนนี้เลยนั่งรถตู้เหมือนเดิม ฮาาา สำหรับเพื่อนผมที่มีรถก็ไม่ได้แย่นะครับ บางคนรู้จักรับผิดชอบ

ขับรถอย่างมีสติ ผมมองว่าจุดนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคลและวิจารณญาณของผู้ปกครองครับ ถ้าเค้าไม่เดือดร้อน และลูกมีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ ใช้รถเป็น ก็ไม่

น่าเป็นห่วงอะไรครับ ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือพวกขับรถแย่ๆเนี่ย... :-\

ออฟไลน์ wooot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 304
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 02:00:03 »
ขอตอบในฐานะคนที่มีโอกาสคลุกคลีกับวัยรุ่นเยอะๆ ก็บรรดานิสิตนักศีึกษาครับ ผมมีหน้าที่สอนและดูแล
นิสิตผมมีทุกรูปแบบครับ ทั้งขาดแคลน และมีเหลือเฟือ
เรื่องข้าวของเงินทอง รถ โทรศัพท์ นิสัย จิตใจ ฯลฯ   เหล่านี้ผมให้น้ำหนักไปที่ครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ ครับ

       เด็กที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรัก เอาใจใส่ ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ว่ารวยหรือจน ผมพบว่าเป็นเด็กดีหมดครับ 99 % ไม่ว่ามันจะต่อยตีกัน กินเหล้า สูบบุหรี่ พูดจาหยาบคาย แต่เนื้อแท้ เป็นคนดีครับ มีน้ำใจ  เด็กพวกนี้พอขึ้นปีสาม จะกลับเข้าสู่ชีวิตที่ควรจะเป็น และจบออกไปค่อนข้างมีคุณภาพ

      เด็กที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรักที่ขาดเหตุผล เมื่อมีปัญหาผมพบว่ากลุ่มนี้ มักจะโทษสิ่งแวดล้อม โทษคนอื่น เมื่อเชิญผู้ปกครองมาพบ มักจะมาแบบเดียวกันเป๊ะ ลูกชั้นไม่ผิด มีแม้กระทั่ง โทรมาลาสอบให้ลูก เพราะลูกไม่อยากสอบ อ่านหนังสือไม่ทัน บางเคสลูกไ่ม่มาสอบเพราะไม่ได้สนใจว่า เค้ามีสอบกันนะเว้ยเฮ้ย! พ่อแม่ก็โทรมาอ้านู่นนี่นั่นให้ลูก หลายๆคนต้องรีไทร์กลางคัน

     กลับมาที่เรื่องข้าวของ รถ โทรศัพท์ ผมอยากให้มองเป็นเรื่องปกติของแต่ละครอบครัวครับ  คนมีเงินมากเด็กโตขึ้นท่ามกลางข้าวของที่มีคุณภาพสูงและราคาแพง ไม่แปลกถ้าครอบครัวอยากให้ใช้ของที่มีคุณภาพสูง ซึ่งแน่นอน ราคาแพง  ครอบครัวที่ีฐานะลดหลั่นกันลงมาก็ใช้ของตามฐานะกันไป
     
       ครอบครัวจะสอนยังไงให้ลูกเข้าใจว่า ข้าวของเหล่านี้ใช้เพื่อตอบโจทย์เท่านั้น โทรศัพท์ที่เล่นเฟสบุค ต่อเนต ถ่ายรูป อัพอินสตาแกรมได้ ไม่ได้มีแค่ ไอโฟน หรือ s4 เหล่านี้พ่อแม่ต้องทำให้ดูครับ ต้องให้เขาได้เห็นตั้งแต่เด็ก พ่อเป็นฮีโร่คนแรกของเด็กๆครับ พ่อทำยังไง เค้าจำครับและมีแนวโน้มจะทำตาม  สิ่งที่อยากให้มีมากๆคือ ความรับผิดชอบครับ  ต่อตัวเอง ต่อสังคม (ต่อการบ้านที่สั่งด้วยยิ่งดี  ผมจะได้มีคะแนนช่วยมันมั่ง)

       แต่อยากตั้งข้อสังเกตอีกนิดนึงว่า ถ้าคิดถึงคุณภาพ ของทุกอย่างมันมีมาตรฐานขั้นต่ำสุดที่จะยอมรับได้อยู่ ทั้งโรงเรียน ข้าวของเครื่องใช้ อาหาร หรืออะไรก็ตาม อันนี้แหละครับ ที่เป็นความเหนื่อยยากของพ่อแม่ละ ขึ้นอยู่กับว่าขั้นต่ำของคุณอยู่ตรงไหน และขั้นต่ำทั่ว่าเนี่ยเราพอใจที่จะให้ลูกของเราหรือเปล่า.....

ออฟไลน์ I-Am-Mixx

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 102
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 02:06:50 »
ผมเป็นคนนึงที่มีรถใช้ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
และได้รถเพราะว่า  มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ต่างจังหวัด   การเดินทางค่อนข้างลำบาก
ถ้าถามว่ามันเป็นของที่ฟุ่มเฟือยไหม  สำหรับผมคิดว่ามันเป็นเพราะตั้งแต่ผมมีมัน
ผมต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก  เดือนละ 1500 - 2000 บาท
ซึ่งรายจ่ายทั้งหมด เป็นภาระที่พ่อกับแม่ เป็นคนจ่าย
ถามว่าการมีรถแล้วเหลิงไหม เมื่ออายุยังน้อยมีบ้างนิดหน่อย
แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมเริ่มที่จะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น 
ปัจจุบันการใช้รถของผม  จะเน้นใช้เวลาไปเรียนเป็นหลัก   เพราะต้องขนคอมและเอกสารไปทำ Project
พ่อกับแม่ บอกเสมอว่า เงินทอง มันเป็นของหายาก และ ลำบากกว่าจะได้มันมา
จะใช้จ่ายอะไรให้จำไว้ว่า เงินทุกบาทมันคือ หยาดเหงือแรงกายของพ่อกับแม่
สำหรับผม มันไม่ใช่แค่รถคันนึง แต่มันความห่วงใยที่พ่อกับแม่มีให้
ผมถึงพยายามที่จะดูแลมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 02:33:36 »
อดีตเคยจนครับ เลยตอบคำถามไม่ได้
แต่ด้วยประสบการณ์พ่อลูก๒จะบอกว่า ในความเป็นพ่อนั้น
เราคงกะเกณฑ์ คาดหวังในตัวลูกไม่ได้ ลูกจะไม่ฟังที่เราพูด แต่จะทำตามเรา
การเป็นตัวอย่างที่ดีสำคัญที่สุด
 
ตอนเด็กผมเคยนั่งข้างถนนมองเด็กคนอื่นๆกินข้าว แต่ผมกินวันละไม่เกิน๒มื้อ เพราะไม่มีเงิน กลับไปหาญาติที่แม่กลอง ต้องนั่งรถบรรทุกน้ำปลากลับไปหาอาม่าด้วยตัวเองตั้งแต่๑๐ขวบ เคยฆ่าตัวตายมาหลายรอบ เคยเสี่ยงมาทุกอย่าง แต่เมื่อเห็นที่สุดแห่งทุกข์ และความลำบาก
กลับเป็นประโยชน์ มันทำให้ผมไม่ยอมแพ้ แม้กระทั่งพ่อผมจะด่าง่าไอ้ควาย ไอ้ซื่อบื้อ ญาติจะด่าว่าอย่างไรไม่สนใจ ผมมีหน้าที่ทำชีวิตให้ดีขึ้น
เป็นแรงส่งให้ตัวเอง พัฒนาด้านฐานะ และ จิตใจ ถึงปัจจุบัน ไม่อิจฉาคนที่มีมากกว่า ไม่รังเกียจคนที่ด้อยกว่า เป็นสิ่งที่ภูมิใจว่า ลูกผมได้เห็นตัวอย่างด้านดีไว้มาก ด้านเลวผมพยายามลด ระวังลูกจะเลียนแบบ

จากชายบ้านนอกที่น่าจะติดยา หรือ ไม่ก็ซิ่งมอไซด์จนตาย มาเป็นคนทำงานเอกชน รายได้ ๖ หลักต่อเดือน แต่งงานกับลูกนายพลที่เป็นราชองครักษ์ มีลูกที่น่ารักและมีสัมมาคารวะ มีเพืี่อนและกลุ่มเพื่อนของภรรยาในทุกระดับฐานะ ตั้งแต่คนไม่มีอาชีพ ค้ายาเสพติด ขับแท็กซี่ ดารา นักร้อง ผู้ประกาศข่าว นายตำรวจ นายทหาร

แต่พอกลับบ้านผมจะไหว้และดูแลป้าที่ดูแลผมมาตลอด ป้าที่ทำงานหนัก ส่งเสียผมมา แม้แกจะจบแค่ป.๔ อาชีพหิ้วตะกร้าขายของในตลาด เวลาผมไปตลาดจะจอดรถยนต์ ลงไปไหว้แก และช่วยหิ้วของในตะกร้า ด้วยความภูมิใจว่า เพราะสินค้าและหยาดเหงื่อของท่านทำให้ผมมีวันนี้
ที่เล่ามา คือ การปฏิบัติดูแลผู้มีพระคุณ สิ่งนี้ลูกผมจะซึมซาบและรู้สึกได้เอง โดยที่ผมไม่เคยต้องสอน เวลาลูกผมเจอญาติผู้ใหญ่ที่ภายนอกดูไม่มีฐานะ ก็จะไม่รังเกียจ แถมยังเข้าไปช่วยงานโดยอัตโนมัติ
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ chean

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 293
    • อีเมล์
Re: ในวันที่ผมเป็น "พ่อ"
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 04:31:56 »
ความจนจะทำให้เรารวย.....

ความรวยจะทำให้เราจน......

แต่เหนือสิ่งอื่นใด พื้นฐานของครอบครัว เป็นตัวกำหนดให้เราเลือกเดินไปทางไหน

ปล.ดีนะผมเกิดมาแบบแรก 555