ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+  (อ่าน 34307 ครั้ง)

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 23:38:25 »
สวัสดีครับ เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน วันนี้ผมจะมาขอมารีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับเจ้ารถคันนี้ ซึ่งเป็นรถของเพื่อนผมเองครับ
นั่นคือ Ford Focus MK3 2.0 GDi Sport+



นับตั้งแต่ฟอร์ดประเทศไทยเข้ามาทำตลาดเอง รถยนต์นั่งที่ทำตลาดในประเทศไทยขณะนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แค่ในตระกูล C-Segment เท่านั้นครับ
แล้วฟอร์ดประเทศไทย เคยนำรุ่นไหนมาขายบ้าง ?

เริ่มจาก Ford Laser (รวมถึง Laser Tierra) ที่มีเครื่องยนต์เบนซิล ขนาด 1.6 1.8 และ 2.0 ซึ่งเป็นฝาแฝดของ Mazda 323 Protege ในสมัยนั้นครับ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ 4 จังหวะ มีแต่รุ่นเก๋ง 4 ประตูเท่านั้น จากนั้น ก็เปลี่ยนรุ่นมาเป็น Ford Focus MK2 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งมีเครื่องยนต์เบนซิล 1.8 2.0 และ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDCi จับคู่กับเกียร์ธรรมดา อัตโนมัติ 4 จังหวะ และ คลัชต์คู่ 6 จังหวะครับ มีให้เลือกทั้งตัวถังเก๋ง 4 ประตู หรือแบบท้ายตัด 5 ประตูครับ

ปัจจุบัน คือ Ford Focus MK3 มีให้เลือกทั้งตัวถังเก๋ง 4 ประตู หรือแบบท้ายตัด 5 ประตู ซึ่งรายละเอียดผมจะเริ่มกล่าวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ



สำหรับ Ford Focus MK3 2.0 GDi Sport+ คันนี้ เพื่อนผมได้ซื้อ Luxury Pack เพิ่มจากทางฟอร์ด ทำให้ได้เบาะหนังดำด้ายขาว และเบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้เพิ่มเข้ามาครับ (เดิมคือเบาะหนังกึ่งผ้า และไม่มีระบบปรับไฟฟ้าด้านคนขับ) สนนราคาค่าตัว 1,079,000 + Luxury Pack อีก 10,000 บาทครับ

รูปลักษณภายนอก ไม่ต้องอธิบายมากครับ ชมกันได้ตามอัธยาศัยครับ

แผงบังใต้ท้อง เก็บได้เรียบและมิดชิดดี ห้องเครื่องก็เก็บได้เรียบร้อยดีครับ แต่อาจจะดูแน่นไปหน่อย เวลาซ่อมไม่อยากนึกภาพเลยครับ ว่าช่างจะต้องใช้เวลารื้อนานเท่าไหร่ และค่าแรงของศูนย์บริการที่บวกเข้าไปตามระยะเวลางานจะเคาะออกมาเท่าไหร่กัน รถรุ่นนี้ใช้บังโคลนในซุ้มล้อหลัง และใต้ท้องบางส่วนเป็นวัสดุแบบกำมะหยี่ คิดว่าน่าจะช่วยให้ลดเสียงเวลาวิ่งผ่านน้ำได้ครับ และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ เสียงปะทะจากน้ำของรถคันนี้จากใต้ท้อง เก็บได้ค่อนข้างดีครับ




คานหม้อน้ำรุ่นนี้ เท่าที่ดูผ่านๆ เป็นพลาสติกทั้งหมดแล้วครับ ขอตินิดนึงครับ ผมว่าบางส่วนงานหยาบไปหน่อย เหมือนไม่ได้เก็บรอยต่อพลาสติกมาให้ดี ผมแอบเดินไปดูรอบโชว์รูมเห็นเป็นแบบนี้มาทุกคันเลยครับ ไม่เป็นไรครับ มองไม่เห็น เป็นจุดไม่ซีเรียส และคงไม่มีผลอะไรกับความปลอดภัย



ช่วงล่างอิสระทั้งสี่ล้อ จากในรูปเห็นหม้อพักไอเสียใบโตๆอยู่ด้านหลัง พร้อมแผ่นกันความร้อนที่ไม่แน่ใจว่าจะกันได้มากขนาดไหน แต่ถ้ามองระยะไกล ก็จะเห็นหม้อพักไอเสียอยู่บ้าง ใครที่ชอบเรียบๆ คงขัดใจ แต่ถ้าใครชอบดิบๆ คงชอบครับ



เพิ่มเติม จากรูปเหมือนว่าจะมีโครงสร้างอุปกรณ์คล้ายๆกับค้ำโช๊คหน้า เดินขึ้นไปเป็นคานใต้แผงคอจิ้งหรีด ผมยังไม่ได้สำรวจแบบเต็มๆ รบกวนผู้รู้ครับ ว่ามันคือโครงสร้างของอุปกรณ์อะไรกันแน่



อารมณ์การขับขี่

เครื่องยนต์หัวฉีดฝัง (Gasoline Direct Injection, GDi) ขนาดประมาณ 2 ลิตร ชนเกียร์คลัชต์คู่ 6 จังหวะ ที่เรียกว่า Powershift อยู่ในรถเครื่องยนต์เงียบดีมากครับ อัตราเร่งดี รู้สึกได้ถึงแรงดึงเมื่อเร่งแซงอย่างสบายๆ การเปลี่ยนเกียร์กระตุกแบบพอให้รู้สึกว่าเปลี่ยนเกียร์ แต่ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมายครับ ให้อัตราเร่งสม่ำเสมอไม่ต้องรอรอบ เหมือนว่าตัวรถมีแรงพร้อมที่จะทะยานต่อไปตลอดเวลาครับ

สำหรับระบบเกียร์ ตอนออกรถใหม่ๆ สังเกตได้ว่าบางครั้งมีเสียงดัง แกร๊กๆ ขณะเปลี่ยนเกียร์ หลายคนบอกเป็นปกติของเกียร์ Powershift ซึ่งก็ต้องดูต่อไปครับ ว่ามันจะพังไหม ขณะนี้วิ่งไป 1000 กว่ากิโลเมตร พบว่าเสียงดังแกร๊กๆ เบาบางลงไปบ้างครับ และข้อสังเกตของเกียร์ตัวนี้คือ เวลาออกตัวช้าๆค่อยๆแตะคันเร่งไป หรือคลานในเมืองจะรู้สึกว่าตัวรถมีอาการสั่นกระพือเล็กน้อยแบบสัมผัสได้ คล้ายๆกับคนเพิ่งหัดขับรถเกียร์ธรรมดาที่ยังเลี้ยงคลัชต์ไม่ค่อยจะถนัดนัก แต่ถ้าออกตัวแบบปกติจะไม่มีอาการเหล่านี้ครับ และบางครั้ง เมื่อใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งทันที พบว่าคลัชต์น่าจะยังไม่จับครับ ต้องรอประมาณ ครึ่งวินาที จึงจะพุงออกไป ซึ่งจะเป็นบางครั้งเท่านั้น และนานๆจะเกิดอาการนี้สักครั้งครับ

สรุปเรื่องเกียร์ โดยปกติเกียร์คลัชต์คู่มันไม่มีทอร์คคอนเวอร์ตเตอร์ เป็นไปได้ยากที่จะให้มันไม่สะดุด 100% ถ้าใครชอบแนวนี้ และรับได้กับอาการที่เกิดขึ้นในบางครั้ง  ซึ่งโดยปกติจะไม่เกิดอาการเหล่านี้ และเริ่มจับทางถูก ผมว่ามันขับสนุกเลยล่ะครับ ที่เหลือก็มารอลุ้นกล่องควบคุม และ ซีลเกียร์ว่าจะมีรั่วหรือไม่

ถ้าไม่นับเรื่องเกียร์แล้ว โดยรวมตัวรถให้ความคล่องตัวในการขับขี่ดีมากครับ ใช้ล้อ 17 นิ้ว ยางหน้ากว้าง 215 มิลลิเมตร และผมขอยืนยันอีกเสียง ว่าช่วงล่างกับพวงมาลัยของ Focus MK3 คันนี้ หนึบ เฟิร์ม ในเมืองพวงมาลัยน้ำหนักเบา และหนักขึ้นตามความเร็ว พวงมาลัย เบาที่สุดตั้งแต่ทำมา ไล่มาจาก Laser Tierra, Focus MK2 เนื่องจากเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า แต่ไม่ได้ไร้ชีวิตชีวา การเข้าโค้งมีอาการดื้อโค้งน้อยลงมาก อาจเป็นเพราะระบบ Torque Vectoring Control ช่วยเอาไว้ แต่ก็ยังรู้สึกได้บ้างเล็กน้อยครับ ขับแล้วสนุก หาดใหญ่-ภูเก็ต โค้งเยอะๆ ไม่มีเหนื่อยครับ ผู้โดยสายก็บอกเป็นเสียงเดียวกันครับ ว่านั่งสบาย กดไป 160 กม/ชม. แล้วยังไม่รู้สึกว่าตัวรถวิ่งเร็ว หรือโคลงเคลงแต่อย่างใด

อัตราสิ้นเปลือง




ทดสอบวิ่งช่วงรันอิน โดยเติมน้ำมัน E20 จากหาดใหญ่ – ภูเก็ต ระยะทาง 421 กม. วิ่งความเร็ว 100-130 กม/ชม. แซงที่ 150-160 กม./ชม บ้างเป็นบางครั้ง 
เปิดแอร์ นั่งคนเดียว เข้าเมืองตรัง และ เมืองพังงาด้วยนิดหน่อย อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอ 14.7 กม./ล เติมกลับเข้าไปจริงๆ 28.96 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลืองจริง 14.53 กม./ล

ณ ราคาน้ำมัน 27.62 บาท ได้ราคาเฉลี่ย กม. ละ 1.90 บาทครับ

ทดสอบวิ่งในเมืองภูเก็ต ระยะทาง 120 กิโลเมตร และวิ่งกลับ อ.หาดใหญ่ รวม 571 กิโลเมตร เติมน้ำมันจริง 44 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.97 กม./ล ด้วยสภาวะ เปิดแอร์ นั่ง 3 คน ครับ ได้ราคาเฉลี่ย กม. ละ 2.17 บาทครับ



ขอพักเบรกไว้ตรงนี้ก่อนครับ เดี๋ยวจะมาต่อเรื่อง ภายใน ลูกเล่นต่างๆ ในอีกไม่ช้าครับ
ขอขอบคุณ Headlightmag.com และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน
หากสมาชิกท่านใด อยากทราบข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติม หรือจะติชม ผมยินดีเลยครับ ;D

อัพเดทตอนที่ 2 ที่ คห.4 และ 6 ในกระทู้นี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2015, 00:32:50 โดย i-Kao »

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2015, 10:01:50 »
อัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกันครับ
ของผม 4 ประตู Titanium+ ใช้มา 70,000 กิโล เมื่อเมษาที่ผ่านมา วิ่งลงไปเที่ยวหาดใหญ่เหมือนกัน

ไปกลับ 2,174 กิโลจากtrip odometer (2,110 กิโล จากGPSที่จับเปรียบไปด้วย)
เติม E20 ไป  142.36 ลิตร

คำนวณอัตราสิ้นเปลืองจริงได้ 14.8 km/L (ใช้ระยะทางGPS)
คำนวณอัตราสิ้นเปลือง 15.3 km/L (ใช้ระยะทาง trip odometer)

ออฟไลน์ regal

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
  • E90 320ise & E90 320dse
    • อีเมล์
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2015, 10:10:18 »
FOCUS เป็นรถที่ดีของโลกนะคับ ผมเองก็เคยใช้รุ่นแรกที่เข้ามาในไทย

แต่สัจธรรมคือ ไม่ใช่รถที่ดีในไทย เนื่องจาก 0 บริการล้วนๆครับ ผมได้ขายทิ้งไปนานระ  :P

เป็นกำลังใจให้ทางทีมฟอร์ดในการพัฒนานะครับ จะได้มีรถที่คอยดึงราคารถตลาดไม่ให้สูงเวอร์เกินไปอีกค่ายนึง  ;)
มีเท่าไหร่ ใส่ไม่ยั้ง เอาให้มันส์ น้ำมันฮวบ!!!

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2015, 20:39:44 »
อัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกันครับ
ของผม 4 ประตู Titanium+ ใช้มา 70,000 กิโล เมื่อเมษาที่ผ่านมา วิ่งลงไปเที่ยวหาดใหญ่เหมือนกัน

ไปกลับ 2,174 กิโลจากtrip odometer (2,110 กิโล จากGPSที่จับเปรียบไปด้วย)
เติม E20 ไป  142.36 ลิตร

คำนวณอัตราสิ้นเปลืองจริงได้ 14.8 km/L (ใช้ระยะทางGPS)
คำนวณอัตราสิ้นเปลือง 15.3 km/L (ใช้ระยะทาง trip odometer)

ขอขอบคุณครับ สำหรับอัตราสิ้นเปลืองที่นำมาช่วยแชร์กัน แม้ว่าการขับขี่ด้วยบุคคลที่ต่างกัน สภาวะถนนและจราจรที่ต่างกัน ก็สามารถเคาะออกมาคร่าวๆได้แล้วว่า รถคันนี้ประหยัดพอสมควรเลยครับ ประหยัดกว่า Laser Tierra 1.6 ของผม และ Focus MK2 2.0 เบนซิลของเพื่อนผมอีกด้วยครับ

FOCUS เป็นรถที่ดีของโลกนะคับ ผมเองก็เคยใช้รุ่นแรกที่เข้ามาในไทย

แต่สัจธรรมคือ ไม่ใช่รถที่ดีในไทย เนื่องจาก 0 บริการล้วนๆครับ ผมได้ขายทิ้งไปนานระ  :P

เป็นกำลังใจให้ทางทีมฟอร์ดในการพัฒนานะครับ จะได้มีรถที่คอยดึงราคารถตลาดไม่ให้สูงเวอร์เกินไปอีกค่ายนึง  ;)

ผมคิดว่าโฟกัส MK3 ตัวนี้เป็นรถที่ตั้งใจทำ และเห็นการพัฒนา ที่ดีขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ Ford Laser Tierra ที่ผมใช้อยู่ และพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจาก Focus MK2 ของเพื่อนผมอีกคน แม้ว่าอาจจะมีออพชันที่โดนตัดออกไปบ้าง เช่น แอร์หลัง แต่ก็ได้ออพชันอื่นๆที่เสริมเข้ามาอีกมากมายครับ ความพิถีพิถันในการประกอบ ก็บอกกันตามตรงเลยครับ ว่ารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีข้อติบ้างเล็กน้อยที่ต้องปรับปรุงกันต่อไป ส่วนเรื่องศูนย์บริการ ผมใช้กับศูนย์หาดใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับ แต่สำหรับเพื่อนผมแม้ว่าแรกๆ รู้สึกเหมือนกลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็แก้ปัญหาได้จบเช่นกันครับ

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2015, 22:59:20 »
รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+ ตอนที่ 2
ต่อจากครั้งที่แล้ว ที่ผมได้รีวิวคร่าวๆ เกี่ยวกับตัวรถและสมรรถนะโดยรวม คราวนี้เราจะมาดูภายในและลูกเล่นต่างๆ ของรถคันนี้กันนะครับ

ภายในและพื้นที่ใช้สอย




พื้นที่ด้านหน้า จะรู้สึกเหมือนว่าแคบไปนิดสำหรับคนตัวใหญ่ครับ เนื่องจากคอนโซลที่ยื่นออกมาเยอะครับ ตัวเบาะนั่งด้านหน้า โอบประชับดี นั่งสบายไม่มีความเมื่อยล้าแต่อย่างใดครับ จุดด้อยด้านห้องโดยสารของรถคันนี้คือ ตรงที่คอนโซลกลาง ด้านซ้ายเหมือนจะมีแผงหนาๆยื่นออกมา ทำให้ติดขา ซึ่งเซลล์เคยบอกเพื่อนผมว่า ลูกค้าหลายคนบ่น ว่า ทำมาทำไม ? และพื้นที่วางขาถือว่าแคบไปนิดนึงครับ เกือบจะอึดอัด ทั้งหน้ารถ และหลังรถ เทียบกับ New Altis แล้ว เขาทำได้รู้สึกกว้างกว่าชัดเจนครับ ส่วนเบาะหลัง ค่อนข้างชัน และออกไปทางแข็ง (ไม่แข็งมากเหมือน Ford Escape) แต่ผมลองนั่งข้างหลังจริงๆแล้วไม่ได้เหนื่อยมากแบบที่คิดครับ ยังนั่งได้สบายๆ ถามหลายคนที่ลองนั่งแล้ว ทุกคนโอเคครับ



เครื่องเสียง แอร์ และ Cruise Control



ภายในคอนโซลด้านบนเป็นวัสดุบุนุ่ม มาพร้อมเครื่องเสียง Sony และระบบสั่งงานด้วยเสียง Sync จาก Microsoft (อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถคันนี้ชอบครับ เพราะเขาคือสาวก Sony ตัวจริง ตั้งแต่วิทยุ วอร์คแมน โทรทัศน์  มือถือ ฯลฯ) คุณภาพเสียง ถือว่าดีในระดับที่ฟังแล้วมีความสุขแน่นอนครับ นั่งข้างหน้าจะได้ยินเสียงครบถ้วนกว่านั่งข้างหลังครับ จอแสดงผลของเครื่องเสียง ไม่สามารถแสดงผลออกมาเป็นภาษาไทยได้ครับ ทั้งๆที่ระบบฉลาดขนาดนี้แล้ว น่าจะใส่ Encoder ภาษาไทยมาด้วยเลยน่าจะดีครับ ปุ่มบนคอนโซลที่เยอะเกินไป ใช้ยากเฉพาะในช่วงแรกเท่านั้นครับ หลังจากรถอยู่กับเราสักระยะแล้ว จะชินและคล่องไปเองครับ

นอกจากนี้ ผมขอติตรงที่ ระดับเสียงแต่ละขึ้น ดัง-เบา ไม่สมดุลย์กัน เช่น เปิดเบอร์ 4 เบาไป อยากดังอีกนิด กดเพิ่มไปครั้งเดียวไปเบอร์ 5 ก็ดังเกินกว่าที่ต้องการแล้วครับ ไม่รู้ทำไม เครื่องเสียงของฟอร์ดที่ใส่เข้ามา ตั้งแต่ผมสัมผัสมา จะมีการปรับระดับเสียงที่ไม่สมดุลแปลกๆแบบนี้เกือบทั้งหมด  ไม่ว่าจะ Pioneer บน  Ford Laser Tierra เครื่องเสียงบน Ford Ranger Duratorq ตัวแรก และ Sony บน Focus MK3 ทั้งๆที่เครื่องเสียงมาจากต่างค่าย ต่างปี ต่างรุ่นกันทั้งหมด การปรับระดับเสียง ไม่นับคุณภาพเสียง บนเครื่องเสียง OEM ของ Toyota เกือบทุกรุ่น และ Focus MK2 ทำได้ดี และละเอียดกว่ามากครับ

ปุ่มปรับแอร์แบบอัตโนมัติ แยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา ออกจากกัน มีโหมดปรับรวมกันพร้อมกันไปได้ครับ และตามสไตล์แอร์ออโต้ครับ เวลารถร้อนๆ พัดลมจะทำงานแรงก่อน แล้วค่อยเบาลงตามลำดับเมื่อรถเย็นขึ้นแล้ว และรถรุ่นนี้ได้ตัดช่องแอร์หลัง ที่เคยเป็นจุดขายใน MK2 ออกไปเรียบร้อยแล้วครับ

ข้อเสียของระบบแอร์ออโต้เกือยทุกค่าย รวมถึง MK3 คันนี้ที่พบคือ เวลาปรับอุณหภูมิ จะต้องใช้ความรู้สึก หรือ ต้องก้มไปดูตัวเลขครับ ต่างกับระบบแอร์ลูกบิดบ้านๆ ซึ่งปรับอุณหภูมิโดยการกะตำแหน่งลูกบิดเอา ทำให้ละสายตาน้อยกว่าครับ



พวงมาลัย ใส่ปุ่มมาเยอะมากครับ ด้านซ้ายคุ้มเครื่องเสียง กับระบบสั่งงานด้วยเสียง ด้านขวาคุมหน้าจอทริป และระบบ Cruise Control ครับ ก้านไฟเลี้ยวย้ายมาอยู่ด้านขวาแล้ว ส่วนปุ่มเปิดไฟหน้า เป็นลูกบิดแยกออกข้างนอกตามสไตล์รถยุโรปครับ

บนพวงมาลัย มีปุ่ม Toggle สองข้าง ข้างซ้ายคือ ระบบสั่งงานด้วยเสียง ข้างขวาคือระบบ Cruise Control ผมขอไม่กล่าวถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง แต่จะขอกล่าวถึงระบบ Cruise Control อย่างเดียว เนื่องจากเป็นระบบที่ผมใช้งานมากกว่าการสั่งงานด้วยเสียง

ระบบ Cruise Control ของรถคันนี้ มีฟังก์ชันครบถ้วนเหมือน Cruise ทั่วไปครับ คือ Set +/- Cancel Restore ระบบจะตัดการทำงานเมื่อแตะเบรก หรือ ดึงปุ่ม Toggle เพื่อยกเลิกชั่วคราว และ Toggle อีกครั้งเพื่อ Restore กลับไปที่ความเร็วเดิม โดยรถจะทะยานขึ้นไปที่ความเร็วที่ตั้งไว้ครับ ปุ่ม Toggle ด้านหลังวางในตำแหน่งเหมาะสม และใช้งานง่ายอยู่แล้วครับ และเหมือนจะช่วยให้รู้สึกสนุกขึ้นในการใช้ระบบ Cruise Control ครับ



นอกจากนี้ ยังมีระบบจำกัดความเร็วอีกด้วยครับ เช่น ตั้งไว้ที่ 110 กม/ชม. ต่อให้กระทืบคันเร่ง หรือ กดลงไปเกิน รถก็จะไม่วิ่งเร็วกว่านี้แล้วครับ กรณีต้องการเร่งแซงกระทันหัน จะต้อง Toggle เพื่อยกเลิกซ้ำเข้าไปครับ ผมใช้ระบบ Speed Limit นี้สำหรับความประหยัดในทางอ้อม เนื่องจากเท้าไม่นิ่ง เช่น ตั้งไว้ 110 กม/ชม แล้วกดคันเร่งให้เกินลงไป รถก็จะวิ่งที่ 110 ตลอดเวลา พอยกคันเร่ง ความเร็วก็ลดลงครับ คล้ายๆกับระบบ Cruise แต่เป็นการเหยียบเองครับ

ตินิดเดียวครับ ปุ่มปรับที่อยู่ตรงข้างๆกับแผงแตรฝั่งซ้าย คือ ปุ่มเพิ่มลดเสียง ปุ่มเปลี่ยนเพลง และฝั่งขวาคือ ชุด Cruise Control จะใช้ยากสำหรับคนที่มือเล็กครับ เพราะต้องเอื้อมนิ้วยาวๆ หรือ ต้องปล่อยพวงมาลัยมากดครับ ส่วนปุ่ม Toggle ดีอยู่แล้วครับ

ขอพักเบรกตรงนี้ก่อนครับ เดี๋ยวมาต่อเรื่องลูกเล่นต่างๆกันครับ  ;D



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 16, 2015, 23:11:21 โดย i-Kao »

ออฟไลน์ GaB

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 273
  • #StickShiftLife
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2015, 00:00:58 »
เป็นรถดีที่น่าสงสารสำหรับตลาดเมืองไทยจริงๆครับ

ออฟไลน์ i-Kao

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2015, 00:30:16 »
รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+ ตอนที่ 2 (ต่อ)
มารีวิวลูกเล่นกันบ้างครับ รถคันนี้ ได้ข่าวว่าลูกเล่นเยอะ ก็ต้องลองกันหน่อยครับ และต้องขออภัยด้วยครับ ที่บางข้อไม่มีรูปประกอบ
1. กุญแจ Keyless เดินมาที่รถ สามารถเอามือเปิดประตูเข้ารถได้เลย ระบบจะปลดล๊คให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องกดปุ่มบนประตูหรือรีโมท ส่วนการล๊อครถ ก็แค่สัมผัสปุ่มบนประตูเท่านั้นครับ กระจกมองข้างพับอัตโนมัติเมื่อล๊อคประตู

ข้อเสียของระบบนี้คือ  ถ้าเราพกกุญแจอยู่แล้วล้างรถ ก็จะต้องเจอกับการที่รถปลดล๊อค-ล๊อค สลับกันไปตามมือ และน้ำที่ไปสัมผัสมือเปิดประตู เพราะค่อนข้างไวครับ และ ถ้าเราล๊อคประตูแล้ว ต้องการที่จะเช็คว่าประตูล็อคจริงหรือไม่ โดยการดึงมือเปิดย้ำแบบรถรุ่นเก่า ก็ไม่สามารถทำได้ขณะถือกุญแจครับ เพราะประตูจะปลดล๊อคทันทีที่มีการสอดมือเข้าไปในช่องมือเปิดประตู

2. ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ทำงานได้ค่อนข้างดีครับ บางครั้งฝนตกลงมาแล้วใจนึกอยากจะไปกดก้านปัด มันก็ปัดให้เลยครับ และจะปรับความเร็วในการปัดให้เป็นไปตามความหนักของฝนครับ ทั้งแบบหน่วงเวลา ปัดช้า ปัดเร็ว ระบบจะเลือกให้เองตามสภาวะที่ว่าครับ

3. ไฟหน้า Bi-Xenon อัตโนมัติ ผมว่าโอเคเลยครับ แม้ว่าอาจจะเปิดเร็วไป และปิดข้าไปหน่อย มีไฟช่วยสาดออกมาข้างๆเวลาเลี้ยว หรือขับอยู่ในโค้ง สาดเห็นพุ่มไม้ข้างทางกันเลยทีเดียวครับ

4. ไล่ฝ้ากระจกหน้า ถ้าสังเกตดีๆ ในกระจกบานหน้าจะมีลวดไล่ฝ้าเล็กๆ ขดไปมาอยู่เต็มทั้งบ้านครับ แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยแต่อย่างใดครับ แต่บางครั้งหากมีรถสวนแล้วไฟหน้าของรถคันนั้นกระทบบางมุม จะเห็นดวงไฟของรถคันนั้นพร่าออกตามลวดไล่ฝ้าเล็กน้อยครับ ซึ่งก็ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยแต่อย่างใดครับ


5. ที่ฉีดล้างไฟหน้า จะแอบอยู่ในกันชน และจะออกมาพ่นล้างเวลากดล้างครับ พร้อมกับการล้างกระจก แต่ควรล้างตอนรถวิ่งนะครับ จะได้มีฝนช่วยชะล้าง เพราะรถรุ่นนี้ ไม่ได้ใส่ที่ปัดน้ำฝนไฟหน้ามา



6. Ambient Light ไฟส่องเท้า และส่องมือเปิดประตูด้านในสีแดง เปลี่ยนสีไม่ได้ แต่ของต่างประเทศเปลี่ยนสีได้ และกระจกมองข้างมีไฟส่องพื้นเวลาลงจากรถด้วยครับ



7. ใต้กระจังหน้ามีบานเกล็ดปรับระดับลมเข้าหม้อน้ำอัตโนมัติ เพื่อรักษาสมดุลของอุณหภูมิเครื่องยนต์ และน่าจะช่วยเรื่อง Aero Dynamic นิดหน่อยครับ


8. รถคันนี้มีซัมรูฟไฟฟ้า เปิดได้สองแบบ คือ แบบยกขึ้น กับเลื่อนสไลด์ครับ



9. เบาะหลังพับได้แบบในรูปได้เลยครับ


10. ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อเผลอ อันนี้ขอไม่ลองแล้วกันนะครับ ข้ามไป

11. ระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติ ผมคิดว่ามันทำงานได้น่าทึ่งมากครับ เท่าที่ลองมา มันโอเคเลยครับ จากรูปผมจอดด้วยระบบช่วยจอดครับ


12. กระจกตัดแสงอัตโนมัติ ทำงานได้ดีครับ อมเขียวนิดหน่อย ดูแล้วสบายตา แต่มีข้อเสียตรงที่ ถ้าเจอรถสาดไฟสูง มาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ไฟจางๆ เราจะแทบมองไม่เห็นมอเตอร์ไซค์เลยครับ

จริงๆแล้ว ลูกเล่นยังมีอีกพอสมควร ซึ่งผมยังเล่นไม่หมด เพื่อนๆสมาชิกท่านใด ต้องการเสริม หรือจะร่วมแชร์กัน ผมยินดีครับ

สรุปสั้นๆ รถสำหรับสาวก ลูกเล่นคุ้มค่าตัว ขับสนุก แรง หนึบ ประหยัด แต่แคบไปหน่อย อีกทั้งกำลังจะ Minor Change เร็วๆนี้

สำหรับผมก็จบลงเพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมสามารถถาม หรือ ติชมได้ครับ ขอขอบคุณทุกท่านครับ  ;D

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 00:29:09 »
ขอบคุณสำหรับรีวิว

ผมก็เกือบเป็นเจ้าของ

ถ้าไม่ติดว่า

ห้องโดยสารมันแคบเกินไป

ออฟไลน์ carenaruk

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 822
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2015, 00:25:30 »
ขอบคุณครับ รีวิวได้น่าอ่านมากครับ ละเอียดดี

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2015, 06:47:50 »
ลองขับแล้วเทียบกับเฟียสต้าที่ใช้อยู่ ชอบตรงที่เป็นรถที่หนักแน่น คือรูดหลุมก็ไม่ตึงตังไม่มีอาการ ชอบมากๆ ส่วนเบาะหลังผมนั่งได้นะ เพราะนั่งในเฟียสต้าได้เจ้านี่ก็สบาย แต่เฟียสต้าขอคนตัวเล็กมาขับนะ  :P :P :P
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,337
  • My Way or The Highway
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2015, 10:51:34 »
เคยใช้ตัวแรกครับ ยังขับดี ตัวใหม่น่าจะเยี่ยมอย่างจขกท กล่าว

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2015, 01:32:51 »
ขอบคุณครับ เป็นรถที่ขับดีจริงๆ

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 11, 2015, 14:39:41 »
ขอเสริมระบบ Speed Limit ครับ

กรณีฉุกเฉินที่ต้องการความเร็วเกินกว่าที่ตั้งไว้ เช่น แซงจะไม่พ้น ให้กระทืบคันเร่งเต็มแรงจนสุด
จะเป็นการยกเลิกระบบชั่วคราว ให้ความเร็วพุ่งเกินค่าที่ตั้งไว้ได้

เมื่อผ่อนคันเร่งจนความเร็วกลับมาต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้
ก็จะเป็นการกลับสู่ระบบSpeed Limit ค่าเดิมที่ตั้งไว้อีกครั้งครับ

ออฟไลน์ add9na

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
Re: รีวิวสั้น Ford Focus MK3 2.0GDi Sport+
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 12, 2015, 18:44:48 »
ใช้แล้วดีม๊าก..มากครับ บอกต่อได้เลย เยี่ยม