ผู้เขียน หัวข้อ: ในอนาคต น้ำมันจะถูกลงกว่านี้ เพราะ พลังงานไฮโดรเจน หรือ fuel cell  (อ่าน 7490 ครั้ง)

ออฟไลน์ @MIN

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 475
  • Life is beautiful
จากบทความนี้  คิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่าครับ
http://www.thairath.co.th/content/474241


เรื่องน้ำมันราคาถูกลงอย่างต่อเนื่องนี่ ถ้าไปถามคุณทนง ขันทอง บรรณาธิการอาวุโสของกลุ่มเนชั่น และ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็น่าจะได้คำตอบ เพราะทั้งสองท่านเป็นคนไทยที่ได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ไปดูงานและเรียนรู้เรื่อง fuel cell หรือเซลล์เชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังงานไฮโดรเจน 10 วันเต็ม เมื่อพฤศจิกายน พ.ศ.2552

ที่จริง ญี่ปุ่นแอบพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนมานานหลายสิบปี แต่ไม่ได้เปิดความก้าวหน้าและผลสำเร็จต่อโลกภายนอกนักเท่าใด ผู้รู้หลายท่านให้เหตุผลว่า น่าจะมาจากการที่ญี่ปุ่นยังเกรงอิทธิพลของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่และของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น เมื่อบุชได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นบุชผู้พ่อ หรือบุชผู้ลูก ญี่ปุ่นจะทำตัวเงียบเชียบเรื่องเซลล์เชื้อเพลิง เพราะครอบครัวตระกูลบุชทำธุรกิจที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับน้ำมัน

กระทั่งหมดสมัยของบุชผู้ลูก วันแรกที่นายโอบามาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็เชิญนักเขียนจากอินเดีย จีน ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง มัลดีฟส์ ฯลฯ ประเทศละคนสองคน รวมแล้วสิบกว่าคนไปดูความก้าวหน้าของเซลล์เชื้อเพลิงทันที พ่อเล่าว่า เมื่อดูงานเสร็จ พวกนักเขียนแถวหน้าของประเทศต่างๆเหล่านั้นยังคุยกันเลยว่า ถ้าเมื่อไรรถยนต์ที่วิ่งด้วยพลังงานไฮโดรเจนออกวางจำหน่าย ราคาน้ำมันก็จะร่วงลงอย่างมาก

และก็เป็นความจริงครับ ขณะนี้มีผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ผลิตรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนหรือเซลล์เชื้อเพลิงออกมาจำหน่าย องค์ความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับเซลล์เชื้อเพลิงถูกแอบศึกษาวิจัยและพัฒนาจนจะสามารถมาแทนที่น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้

อนาคตไม่น่าจะเกิน 20 ปี เมื่อใครพูดถึงน้ำมัน ก็จะเป็นการพูดถึงเรื่องในอดีตที่แสนเชย เหมือนกับคนอวดว่ามีบุตรหลานจบปริญญาตรี-โท-เอก วิศวกรรมศาสตร์ทางโทรเลขในสมัยนี้นั่นแหละครับ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โทรเลขยังมีประโยชน์ แต่พอถึงวันนี้ เป็นเรื่องล้าสมัย เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลัง พ.ศ.2540 ไม่มีใครรู้จักโทรเลขแล้วครับ

สิบกว่าปีก่อน นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ได้ชักชวนให้พ่อผมเป็นที่ปรึกษา รมช.ต่างประเทศ พ่อผมแนะนำให้ท่านพาคณะไปดูงานพลังงานทดแทนที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ท่านปรีชายังให้พ่อผมบรรยายรับใช้ข้าราชการไทยที่ทำงานในหน่วยงานของไทยในภาคพื้นยุโรปฟังที่เยอรมนี ตอนนั้นพ่อผมก็พูดเรื่องเซลล์เชื้อเพลิงหรือพลังงานไฮโดรเจนนี่แหละครับ

คอลัมน์หน้า 2 ของ 1 มกราคม 2548 ซึ่งเขียนโดย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็เขียนเรื่องพลังงานไฮโดรเจน ผมไปอ่านเปิดฟ้าส่องโลกย้อนหลังดูใน www.nitipoom.media อ่านแล้วก็ทราบว่า พลังงานไฮโดรเจนมีพัฒนาการมาอย่างไร ซึ่งผมขออนุญาตยกบางข้อความมารับใช้นะครับ ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่านี่เป็นข้อความในเปิดฟ้าส่องโลกเมื่อ 10 ปีก่อน

“อีกพลังงานหนึ่งซึ่งกำลังมาแรงก็คือ พลังงานไฮโดรเจน ที่เหนือกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่น เพราะมีคุณสมบัติที่เคลื่อนย้ายได้เหมือนพลังงานฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ) เป็นเชื้อเพลิงได้ หมายความว่า สามารถเผาไหม้ ให้พลังงานความร้อน ใช้หุงต้มได้ หรือจะใช้สันดาปภายในเหมือนน้ำมันก็ได้ ไฮโดรเจนยังสามารถกลับมารวมตัวกับออกซิเจน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยตรง”

“อนาคตจะเป็นโลกของไฮโดรเจนที่ใช้ทำเซลล์เชื้อเพลิง”

“พลังงานทดแทนไฮโดรเจนจะเปลี่ยนโฉมหน้าโลกได้มากยิ่งกว่าพลังงานฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ) ซึ่งได้ปฏิวัติวิถีมนุษย์มาแล้ว”

“มหาเศรษฐีโลกกลุ่มใหม่จะเป็นพวกที่เข้าใจพลังงานทดแทนประเภทไฮโดรเจนอย่างถ่องแท้” “รัฐบาลครับ ผู้อ่านที่เคารพครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะทุ่มสุดตัวกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานทดแทนประเภทไฮโดรเจน”

พรุ่งนี้ ผมขออนุญาตกลับมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพกันต่อครับ ว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ซึ่งตอนนั้นเดินทางร่วมกับคุณทนง ขันทอง บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น ได้ไปเรียนรู้พลังงานทดแทนหรือพลังงานไฮโดรเจนอะไรมาบ้างที่ญี่ปุ่น

ในอนาคตน้ำมันจะถูกกว่านี้มาก บาร์เรลละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ผลิตน้ำมันร้องโอดโอยโหยหวนนี่ ก็ยังแพงไปครับ
I have enough of making money. Now I want to make time.

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
แล้วจะเอาพลังงานไหนมาผลิตไฮโดรเจนครับ??

ยังไม่รวมถึง Safety หลายอย่างทางเกี่ยวข้องกับการเก็บไฮโดรเจนอีก เก็บไฮโดรเจนนี้อันตรายกว่าการเก็บ LPG NGV เยอะครับ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ไม่พูดถึงต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนและต้นทุนการจัดเก็บเลย

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
ดีเลย ปั่นๆ น้ำมันจะถูกๆ ;D

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ในการใช้ไฟฟ้าเพื่อแยกไฮโดรเจนออกจากน้ำต้องใช้พลังงานมากกว่า 3 เท่า แล้วไม่ทำไฮบริดปลั๊กอินไปเลยอะ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

promt

  • บุคคลทั่วไป
จากบทความนี้  คิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่าครับ
http://www.thairath.co.th/content/474241


เรื่องน้ำมันราคาถูกลงอย่างต่อเนื่องนี่ ถ้าไปถามคุณทนง ขันทอง บรรณาธิการอาวุโสของกลุ่มเนชั่น และ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็น่าจะได้คำตอบ เพราะทั้งสองท่านเป็นคนไทยที่ได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ไปดูงานและเรียนรู้เรื่อง fuel cell หรือเซลล์เชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังงานไฮโดรเจน 10 วันเต็ม เมื่อพฤศจิกายน พ.ศ.2552

ที่จริง ญี่ปุ่นแอบพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนมานานหลายสิบปี แต่ไม่ได้เปิดความก้าวหน้าและผลสำเร็จต่อโลกภายนอกนักเท่าใด ผู้รู้หลายท่านให้เหตุผลว่า น่าจะมาจากการที่ญี่ปุ่นยังเกรงอิทธิพลของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่และของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น เมื่อบุชได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นบุชผู้พ่อ หรือบุชผู้ลูก ญี่ปุ่นจะทำตัวเงียบเชียบเรื่องเซลล์เชื้อเพลิง เพราะครอบครัวตระกูลบุชทำธุรกิจที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับน้ำมัน

กระทั่งหมดสมัยของบุชผู้ลูก วันแรกที่นายโอบามาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็เชิญนักเขียนจากอินเดีย จีน ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง มัลดีฟส์ ฯลฯ ประเทศละคนสองคน รวมแล้วสิบกว่าคนไปดูความก้าวหน้าของเซลล์เชื้อเพลิงทันที พ่อเล่าว่า เมื่อดูงานเสร็จ พวกนักเขียนแถวหน้าของประเทศต่างๆเหล่านั้นยังคุยกันเลยว่า ถ้าเมื่อไรรถยนต์ที่วิ่งด้วยพลังงานไฮโดรเจนออกวางจำหน่าย ราคาน้ำมันก็จะร่วงลงอย่างมาก

และก็เป็นความจริงครับ ขณะนี้มีผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ผลิตรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนหรือเซลล์เชื้อเพลิงออกมาจำหน่าย องค์ความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับเซลล์เชื้อเพลิงถูกแอบศึกษาวิจัยและพัฒนาจนจะสามารถมาแทนที่น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้

อนาคตไม่น่าจะเกิน 20 ปี เมื่อใครพูดถึงน้ำมัน ก็จะเป็นการพูดถึงเรื่องในอดีตที่แสนเชย เหมือนกับคนอวดว่ามีบุตรหลานจบปริญญาตรี-โท-เอก วิศวกรรมศาสตร์ทางโทรเลขในสมัยนี้นั่นแหละครับ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โทรเลขยังมีประโยชน์ แต่พอถึงวันนี้ เป็นเรื่องล้าสมัย เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลัง พ.ศ.2540 ไม่มีใครรู้จักโทรเลขแล้วครับ

สิบกว่าปีก่อน นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ได้ชักชวนให้พ่อผมเป็นที่ปรึกษา รมช.ต่างประเทศ พ่อผมแนะนำให้ท่านพาคณะไปดูงานพลังงานทดแทนที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ท่านปรีชายังให้พ่อผมบรรยายรับใช้ข้าราชการไทยที่ทำงานในหน่วยงานของไทยในภาคพื้นยุโรปฟังที่เยอรมนี ตอนนั้นพ่อผมก็พูดเรื่องเซลล์เชื้อเพลิงหรือพลังงานไฮโดรเจนนี่แหละครับ

คอลัมน์หน้า 2 ของ 1 มกราคม 2548 ซึ่งเขียนโดย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็เขียนเรื่องพลังงานไฮโดรเจน ผมไปอ่านเปิดฟ้าส่องโลกย้อนหลังดูใน www.nitipoom.media อ่านแล้วก็ทราบว่า พลังงานไฮโดรเจนมีพัฒนาการมาอย่างไร ซึ่งผมขออนุญาตยกบางข้อความมารับใช้นะครับ ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่านี่เป็นข้อความในเปิดฟ้าส่องโลกเมื่อ 10 ปีก่อน

“อีกพลังงานหนึ่งซึ่งกำลังมาแรงก็คือ พลังงานไฮโดรเจน ที่เหนือกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่น เพราะมีคุณสมบัติที่เคลื่อนย้ายได้เหมือนพลังงานฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ) เป็นเชื้อเพลิงได้ หมายความว่า สามารถเผาไหม้ ให้พลังงานความร้อน ใช้หุงต้มได้ หรือจะใช้สันดาปภายในเหมือนน้ำมันก็ได้ ไฮโดรเจนยังสามารถกลับมารวมตัวกับออกซิเจน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยตรง”

“อนาคตจะเป็นโลกของไฮโดรเจนที่ใช้ทำเซลล์เชื้อเพลิง”

“พลังงานทดแทนไฮโดรเจนจะเปลี่ยนโฉมหน้าโลกได้มากยิ่งกว่าพลังงานฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ) ซึ่งได้ปฏิวัติวิถีมนุษย์มาแล้ว”

“มหาเศรษฐีโลกกลุ่มใหม่จะเป็นพวกที่เข้าใจพลังงานทดแทนประเภทไฮโดรเจนอย่างถ่องแท้” “รัฐบาลครับ ผู้อ่านที่เคารพครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะทุ่มสุดตัวกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานทดแทนประเภทไฮโดรเจน”

พรุ่งนี้ ผมขออนุญาตกลับมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพกันต่อครับ ว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ซึ่งตอนนั้นเดินทางร่วมกับคุณทนง ขันทอง บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น ได้ไปเรียนรู้พลังงานทดแทนหรือพลังงานไฮโดรเจนอะไรมาบ้างที่ญี่ปุ่น

ในอนาคตน้ำมันจะถูกกว่านี้มาก บาร์เรลละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ผลิตน้ำมันร้องโอดโอยโหยหวนนี่ ก็ยังแพงไปครับ

ในแวดวง งานวิจัย เรื่องพวกนี้มันเก่ามาก
แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะทำเป็นแมสโปรดักส์ ยังเป็นเรื่องใหม่ครับ

ผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง งานวิจัยจะก้าวหน้าหรือทำไปแล้ว 6-12 ปี จึงจะเห็นผลิตภัณฑ์นั้นบูม หรือมีราคาถูกพอจับต้อง
คือพอลิขสิทธิ์หมด ผลิตภัณฑ์นั้นก็มีราคาถูกลง

เมืองไทยก็มีคนวิจัยเยอะมาก เพียงแต่นิติภูมิ ไม่รู้ คนทั่วไปไม่รู้
ลองไปเดินงานคอนเฟอร์เรนซ์ที่จัดในเมืองไทยนะครับ นักวิจัยไทยก็เก่งมากครับ
เพียงแต่ขาดคนเอาไปทำผลิตภัณฑ์ต่อ

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
ต้องแยกให้ออกนะครับ ทุกวันนี้น้ำมันถูกลงเพราะสงครามเศรษฐกิจระหว่าง สหรัฐและซาอุ ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีรถใช้ฟิวเซลแล้วถูกลง

แต่ถ้าเกิดวันใดรถฟิวเซลเกิดแพร่หลายขึ้นมา ซึ่งจะมีแน่ๆ วันนั้นน้ำจะมีค่ามากกว่าน้ำมันมหาศาลแน่ๆ

แต่ ณ วันนี้การจะผลิตฟิวเซลได้ต้องใช้ต้นทุนเท่ากับน้ำมันที่ 100$ ต่อบาเรล ซึ่งราคาวันนี้ น้ำมันต่อบาเรลอ่อนกว่านั้นมาก ยังไม่รวมถึงต้นทุนรถฟิวเซลที่มากกว่าเครื่องสันดาปเป็นเท่าตัว

ซึ่งยังไงอนาคต น้ำมันจะหมดประโยชน์แน่ๆ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้

ออฟไลน์ mrpich

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,197
  • เฮ้อ...อยากจะเหมาทั้งวง
ดีซิ น้ำมันก็ถูก ไฮโดรเจนก็ถูก แข่งๆกันถูกเข้าไป อิอิ
ถูกใจฮโยยอน-ปลื้มซูยอง-ชื่นชมเจสสิก้า-คิดถึงยูริ-แอบปิ๊งยูนอา-ชอบซอฮยอน-ใฝ่ฝันซันนี่-หลงไหลแทยอน-สุดรักทิฟฟานี่

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
เป็นการเขียนข้อมูลแบบมองด้านเดียว เข้าข้างตัวเองมากไปครับ

ถ้าการเอาไฮโดรเจนมาใช้ในระบบคมนาคม ง่ายขนาดนั้น ป่านนี้ประเทศหลักๆคงใช้กันหมดละครับ และฟิวเซลนี่ ประเทศไทย ตามมหาลัยเขาวิจัยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ติดแค่ตรงนำมาใช้จริงนั่นแหละครับ

เอาแค่รถติด LPG ก็กลัวกันตัวสั่นแล้ว  แล้วคุณจะกล้าขับรถใช้แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแก๊สที่ไวไฟที่สุดในโลก รึเปล่า

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
เป็นการเขียนข้อมูลแบบมองด้านเดียว เข้าข้างตัวเองมากไปครับ

ถ้าการเอาไฮโดรเจนมาใช้ในระบบคมนาคม ง่ายขนาดนั้น ป่านนี้ประเทศหลักๆคงใช้กันหมดละครับ และฟิวเซลนี่ ประเทศไทย ตามมหาลัยเขาวิจัยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ติดแค่ตรงนำมาใช้จริงนั่นแหละครับ

เอาแค่รถติด LPG ก็กลัวกันตัวสั่นแล้ว  แล้วคุณจะกล้าขับรถใช้แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแก๊สที่ไวไฟที่สุดในโลก รึเปล่า

ก็ มหาลัยบ้านเรา มันดีแต่วิจัย แต่เอามาทำจริงไม่ได้ไงครับ หรือไม่จริง มหาลัยเสือกระดาษ
ทำได้ไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ คิดจะทำหรือเปล่า

วิจัย ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันอยู่บนกระดาษ บอกวิจัยๆๆๆ แล้ว แต่ ไม่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมา
ในทางธุรกิจ คือ ไร้ค่า ครับ ไม่มีประโยชน์


นี่คือ ข้อแตกต่างระหว่างชาติที่พัฒนา แล้วกับชาติที่ยังไม่พัฒนา และไม่คิดจะพัฒนาครับ

ออฟไลน์ Kawaei

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
ที่น้ำมันถูกลงตอนนี้เพราะ shell gas มันทำให้อุปทานออกมามากกว่าอุปสงค์ ราคามันก็ลด ก็แค่นั้น

ออฟไลน์ Forty-NineRS

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 179
  • Mister.G
ที่น้ำมันถูกลงตอนนี้เพราะ shell gas มันทำให้อุปทานออกมามากกว่าอุปสงค์ ราคามันก็ลด ก็แค่นั้น
ใช่ครับน้ำมันลงเพราะUSAจากที่เคยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันมากที่สุดของโลกพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหินน้ำมันและสามารถผลิตน้ำมันได้เป็นเบอร์1แล้ว
นอกจากนี้กลุ่มประเทศโอเปคเร่งกำลังผลิตแข่ง ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันตอนนี้ต่ำกว่าที่สามารถผลิตออกมาได้ ราคามันเลยดิ่งเอาๆๆๆๆๆๆๆ
ถ้าถามว่าShale Oilมันยั่งยืนไหม ตามLinkนี้ไปดูคร่าวๆเลยครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,418
อนาคตที่ว่า อาจจะนานแสนนานเลยนะครับ เลยยังไม่อยากคิดอะไร

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,858
สงสัยผมต้องรอลูกสาวอายุซัก 40 แล้วจุดธูปมารายงานผลแล้วล่ะครับ

คนธรรมดาๆ ไม่รู้จะได้ใช้รถแบบนี้ในอีกกี่ปีเลย

แค่นิสสันลีฟ ตาสีตาสา ยังซื้อใช้ไม่ได้เลยครับ

ออฟไลน์ Krissurg

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
    • อีเมล์
ไดยินมาว่าใช้พลังงานจากsolar cell มาผลิตครับ

ออฟไลน์ Krissurg

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
    • อีเมล์
ตอนนี้ไทยมีหลายเจ้าไปลงทุนที่Japan เกี่ยวกับsolar cell

ออฟไลน์ Krissurg

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
    • อีเมล์
วันนี้อ่านข่าวจำไม่ได้ว่าpost today รึเปล่าเห็นญี่ปุ่นเปิดปั๊มhydrogen อย่างเป็นทางการเพื่อใช้กับรถยนต์พลังงานhydrogen

ออฟไลน์ seamonkey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 521
ก็ มหาลัยบ้านเรา มันดีแต่วิจัย แต่เอามาทำจริงไม่ได้ไงครับ หรือไม่จริง มหาลัยเสือกระดาษ
ทำได้ไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ คิดจะทำหรือเปล่า

วิจัย ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันอยู่บนกระดาษ บอกวิจัยๆๆๆ แล้ว แต่ ไม่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมา
ในทางธุรกิจ คือ ไร้ค่า ครับ ไม่มีประโยชน์


นี่คือ ข้อแตกต่างระหว่างชาติที่พัฒนา แล้วกับชาติที่ยังไม่พัฒนา และไม่คิดจะพัฒนาครับ

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่อนนี้นะครับ งานวิจัยหลายอย่างของประเทศเราสามารถนำไปพัฒนาต่อได้เยอะแต่คนทั่วไปไม่รู้
และงานวิจัยหลายอย่างถึงจะคิดออกมาได้ แต่การนำมาใช้เพื่อผลิตขายออกมาไม่ได้ใช้เวลาแค่ 2-3 ปีนะครับ บ้างครั้งใช้เวลาถึง 20-40 ปี

ยกตัวอย่างแค่ solor cell ครับ Albert Einstein อธิบายเรื่อง Photoelectric effect ได้ตั้งแต่ปี 1905 แต่กว่าจะสามารถสร้าง practical silicon solar cellครั้งแรกได้ก็ปี 1954
http://en.wikipedia.org/wiki/Solar_cell

หรืออย่าง Nuclear fusion มีการทดลองทำครั้งแรกใน lab ปี 1932 กว่าจะนำมาใช้ใน A-bomb ครั้งแรกก็ปี 1952 ส่วนโรงไฟฟ้า Fusion ITER ที่กำลังสร้างอยู่กว่าจะเสร็จก็ 2019 จะเริ่มเดินเครื่องก็ 2020
http://en.wikipedia.org/wiki/Nuclear_fusion
http://en.wikipedia.org/wiki/ITER

เทคโนโลยีมันใช้เวลาพัฒนานานครับ แต่ผลที่ได้หลายครั้งก็คุ้มค่าแก่การวิจัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 01:31:26 โดย seamonkey »

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
เป็นไปไม่ได้เลยที่น้ำมันจะถูกลง มีแต่จะเพิ่ม ยกเว้นจะทำให้ไฮโดรเจนจัดเก็บในรถได้ด้วยถังเล็กๆไม่หนัก

ดูตัวอย่าง BMW 7 ที่ใช้ไฮโดรเจน 2 โฉมที่แล้ว ที่เอามาทดสอบ ขนาดใช้ 7 ตัว Li ยังต้องขยับเบาะหลังมาข้างหน้าเลย แล้วถังหนักและหนามาก วิ่งได้ 200-300 KM เอง
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
เป็นการเขียนข้อมูลแบบมองด้านเดียว เข้าข้างตัวเองมากไปครับ

ถ้าการเอาไฮโดรเจนมาใช้ในระบบคมนาคม ง่ายขนาดนั้น ป่านนี้ประเทศหลักๆคงใช้กันหมดละครับ และฟิวเซลนี่ ประเทศไทย ตามมหาลัยเขาวิจัยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ติดแค่ตรงนำมาใช้จริงนั่นแหละครับ

เอาแค่รถติด LPG ก็กลัวกันตัวสั่นแล้ว  แล้วคุณจะกล้าขับรถใช้แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแก๊สที่ไวไฟที่สุดในโลก รึเปล่า

ก็ มหาลัยบ้านเรา มันดีแต่วิจัย แต่เอามาทำจริงไม่ได้ไงครับ หรือไม่จริง มหาลัยเสือกระดาษ
ทำได้ไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ คิดจะทำหรือเปล่า

วิจัย ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันอยู่บนกระดาษ บอกวิจัยๆๆๆ แล้ว แต่ ไม่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมา
ในทางธุรกิจ คือ ไร้ค่า ครับ ไม่มีประโยชน์


นี่คือ ข้อแตกต่างระหว่างชาติที่พัฒนา แล้วกับชาติที่ยังไม่พัฒนา และไม่คิดจะพัฒนาครับ

แหมๆ ขึ้นสิครับ มุมมองคุณนี่บิดเบี้ยวไปนะครับ
จะประเทศพัฒนาแล้วโคตรๆ กับประเทศกำลังพัฒนามันก็ไมีต่างกันหรอกครับ ในสหรัฐและยุโรปมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์
จำนวนมโหฬารมากมายกว่าประเทศไทยหลายเท่านักแต่ไม่ได้มีการนำไปใช้จริงก็เสือกระดาษสิครับ วิจัยแล้วใช่ว่ามันจะเอาไปใช้ได้เลยครับพ่อคุ๊น
มันยังตัองมีอีกหลายขั้นตอน หลายกระบวนการ จนถึงการวิจัยแบบทดลองใช้จริง ซึ่งอาศัยหลายปัจจัยมาก

งานวิจัยที่ทำแล้วนำไปใช้ได้จริงก็เยอะแยะมาก ล่าสุดฝรั่งเศษขอซื้องานวิจัยจาก สกว. ซึ่งเป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยของไทย
นำไปใช้ประโยชน์และต่อยอดในประเทศตัวเอง

ถ้าจะชมต่างชาตินัก คุณทราบไหมครับ ประเทศที่ทำผิดจริยธรรมการวิจัย ทำมั่วๆ ลอกงานวิจัย มากที่สุดคือที่ไหน
อเมริกาครับ ของไทยมีแค่หยิบมือชนิดเอานิ้วนับได้ ยังงี้งานวิจัยในอเมริกาไม่ใช่งานวิจัยจอมปลอมเหรอตามวิธีคิดของคุณ

คนอื่น อาชีพอื่นเขาก็ทำงาน ทำหน้าที่ของเขาครับ ถ้าเราไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ แต่มองในมุมมองและความรู้ของเรา แล้ววิจารณ์ลอยๆแบบคุณมันก็แย่สิครับ สุดท้ายก็ด่ากันเละเทะ  ไม่ใครดี ไม่มีอาชีพไหนเลยที่มีคุณค่าสิแบบนั้น
ผมหละงงจริงๆ ชอบจะกระแนะกระแหนดูถูกกันเอง ไม่มองให้มันกว้างๆ หลายมุม หรือหาข้อมูลก่อน ค่อยมาว่ากัน
พอมีสื่อ นึกจะพูดอะไรก็ว่ากันไป แย่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 07:09:00 โดย Eddy3585 »
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
เป็นการเขียนข้อมูลแบบมองด้านเดียว เข้าข้างตัวเองมากไปครับ

ถ้าการเอาไฮโดรเจนมาใช้ในระบบคมนาคม ง่ายขนาดนั้น ป่านนี้ประเทศหลักๆคงใช้กันหมดละครับ และฟิวเซลนี่ ประเทศไทย ตามมหาลัยเขาวิจัยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ติดแค่ตรงนำมาใช้จริงนั่นแหละครับ

เอาแค่รถติด LPG ก็กลัวกันตัวสั่นแล้ว  แล้วคุณจะกล้าขับรถใช้แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแก๊สที่ไวไฟที่สุดในโลก รึเปล่า

ก็ มหาลัยบ้านเรา มันดีแต่วิจัย แต่เอามาทำจริงไม่ได้ไงครับ หรือไม่จริง มหาลัยเสือกระดาษ
ทำได้ไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ คิดจะทำหรือเปล่า

วิจัย ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันอยู่บนกระดาษ บอกวิจัยๆๆๆ แล้ว แต่ ไม่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมา
ในทางธุรกิจ คือ ไร้ค่า ครับ ไม่มีประโยชน์


นี่คือ ข้อแตกต่างระหว่างชาติที่พัฒนา แล้วกับชาติที่ยังไม่พัฒนา และไม่คิดจะพัฒนาครับ

แหมๆ ขึ้นสิครับ มุมมองคุณนี่บิดเบี้ยวไปนะครับ
จะประเทศพัฒนาแล้วโคตรๆ กับประเทศกำลังพัฒนามันก็ไมีต่างกันหรอกครับ ในสหรัฐและยุโรปมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์
จำนวนมโหฬารมากมายกว่าประเทศไทยหลายเท่านักแต่ไม่ได้มีการนำไปใช้จริงก็เสือกระดาษสิครับ วิจัยแล้วใช่ว่ามันจะเอาไปใช้ได้เลยครับพ่อคุ๊น
มันยังตัองมีอีกหลายขั้นตอน หลายกระบวนการ จนถึงการวิจัยแบบทดลองใช้จริง ซึ่งอาศัยหลายปัจจัยมาก

งานวิจัยที่ทำแล้วนำไปใช้ได้จริงก็เยอะแยะมาก ล่าสุดฝรั่งเศษขอซื้องานวิจัยจาก สกว. ซึ่งเป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยของไทย
นำไปใช้ประโยชน์และต่อยอดในประเทศตัวเอง

ถ้าจะชมต่างชาตินัก คุณทราบไหมครับ ประเทศที่ทำผิดจริยธรรมการวิจัย ทำมั่วๆ ลอกงานวิจัย มากที่สุดคือที่ไหน
อเมริกาครับ ของไทยมีแค่หยิบมือชนิดเอานิ้วนับได้ ยังงี้งานวิจัยในอเมริกาไม่ใช่งานวิจัยจอมปลอมเหรอตามวิธีคิดของคุณ

คนอื่น อาชีพอื่นเขาก็ทำงาน ทำหน้าที่ของเขาครับ ถ้าเราไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ แต่มองในมุมมองและความรู้ของเรา แล้ววิจารณ์ลอยๆแบบคุณมันก็แย่สิครับ สุดท้ายก็ด่ากันเละเทะ  ไม่ใครดี ไม่มีอาชีพไหนเลยที่มีคุณค่าสิแบบนั้น
ผมหละงงจริงๆ ชอบจะกระแนะกระแหนดูถูกกันเอง ไม่มองให้มันกว้างๆ หลายมุม หรือหาข้อมูลก่อน ค่อยมาว่ากัน
พอมีสื่อ นึกจะพูดอะไรก็ว่ากันไป แย่ครับ

ผมไม่ได้ว่าใครทั้งนั้นละครับ ผมแค่พูดในสิ่งที่ผมคิด
ที่ผมต้องการสื่อคือเรื่อง พลังงานไฮโดรเจน เท่านั้นครับ ขอโทษ หากพูดจาไม่ดี
ลอกไม่ลอกงานวิจัยไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ทำให้มันเป็นจริงได้
ใครพัฒนาอะไรมาแล้วทำให้มันเป็นจริงได้ก็ต้องชื่นชม และยอมรับ
งานวิจัยไทยดี มีการนำไปใช้ ผมก็ชื่นชม ยินดีด้วยครับ

ผมแค่อยากเห็นประเทศ เรา พัฒนาบ้าง ในแง่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมาไม่ใช่ ..
มัวแต่พูดว่า บ้านเราก็ วิจัยได้
มีเทคโนโลยี ใหม่ๆ ก็ บ้านเราก็ วิจัยมานานแล้ว
มีกระสวย อวกาศ บ้านเราก็บอก มี บั้งไฟ มานานแล้ว ( อันนี้ขำ ๆ ครับ )

ผมก็แค่ คนกระจอก งอกง่อย คนนึงที่อยากเห็น บ้านเราทำให้มันเป็นจริง ขึ้นมา ในเรื่องพลังงาน ไฮรโดรเจน
เข้าใจ ว่ากำลังทำกันอยู่ แต่เมื่อไหร่
ผมอยากเห็น บ้านเราเลิกง้อน้ำมันก่อน ตายแค่นั้นเอง
ผมก็จะเป็นอีกหนึ่งเสียง ที่สนับ สนุน ให้ งานวิจัยไทย ออกมาเป็น รูปธรรม ไม่ใช่ ไม่ใชาต่อต้าน นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 09:23:06 โดย mamaman »

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ก็ มหาลัยบ้านเรา มันดีแต่วิจัย แต่เอามาทำจริงไม่ได้ไงครับ หรือไม่จริง มหาลัยเสือกระดาษ
ทำได้ไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ คิดจะทำหรือเปล่า

วิจัย ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันอยู่บนกระดาษ บอกวิจัยๆๆๆ แล้ว แต่ ไม่ ทำให้เป็นจริงขึ้นมา
ในทางธุรกิจ คือ ไร้ค่า ครับ ไม่มีประโยชน์


นี่คือ ข้อแตกต่างระหว่างชาติที่พัฒนา แล้วกับชาติที่ยังไม่พัฒนา และไม่คิดจะพัฒนาครับ

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่อนนี้นะครับ งานวิจัยหลายอย่างของประเทศเราสามารถนำไปพัฒนาต่อได้เยอะแต่คนทั่วไปไม่รู้
และงานวิจัยหลายอย่างถึงจะคิดออกมาได้ แต่การนำมาใช้เพื่อผลิตขายออกมาไม่ได้ใช้เวลาแค่ 2-3 ปีนะครับ บ้างครั้งใช้เวลาถึง 20-40 ปี

ยกตัวอย่างแค่ solor cell ครับ Albert Einstein อธิบายเรื่อง Photoelectric effect ได้ตั้งแต่ปี 1905 แต่กว่าจะสามารถสร้าง practical silicon solar cellครั้งแรกได้ก็ปี 1954
http://en.wikipedia.org/wiki/Solar_cell

หรืออย่าง Nuclear fusion มีการทดลองทำครั้งแรกใน lab ปี 1932 กว่าจะนำมาใช้ใน A-bomb ครั้งแรกก็ปี 1952 ส่วนโรงไฟฟ้า Fusion ITER ที่กำลังสร้างอยู่กว่าจะเสร็จก็ 2019 จะเริ่มเดินเครื่องก็ 2020
http://en.wikipedia.org/wiki/Nuclear_fusion
http://en.wikipedia.org/wiki/ITER

เทคโนโลยีมันใช้เวลาพัฒนานานครับ แต่ผลที่ได้หลายครั้งก็คุ้มค่าแก่การวิจัย

ผมอาจจะพูด เกินไปครับ
แต่ทุกอย่าง ล้วนเป็นจริงได้ หากลงมือทำ
ผมแค่ อยากเห็น งานวิจัยที่เป็นจริง
แบบ ญี่ปุ่น ทำไมเค้าทำได้
แต่พอ มาบ้านเราก็ กลัว นั่น กลัวนี่ กันไปหมด แทนที่จะสนับสนุน กัน กลายเป็น มา สกัดกั้นกัน
ผมไม่ได้ ดูถูก งาน วิจัยไทย ครับ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร หากไม่มีใครเอาไปทำต่อ
ผมแค่อยากเห็นมันเป็นรูปเป็นร่าง เหมือน พลังงาน ไฮรโดรเจน ที่ญี่ปุ่น

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
1. Fuel cell ที่ใช้ Hydrogen ไม่ใช่เอา Hydrogen ไปเผา
2. รถที่ใช้Fuel Cell คือใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี เป็นไฟฟ้าเพื่อขับมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่มี Hydrogenถูกเผา
3. ถังบรรจุ+Fuel cell ไม่สามารถผลิตได้ง่าย และไม่ทนแรงกระแทกเนื่องจากโครงสร้างที่เป็นรูพรุนให้ Hydrogen ผ่าน จึงไม่สามารถทำให้ทนทานได้
4. ยังเป็นแค่ความฝันที่ต้องรอSuper Nano technology ขั้นสุดยอด ไม่ต่ำกว่า 20-30 ปีเพื่อใช้กับรถได้เหมือนรถที่เราใช้ทุกวันนี้ ถ้าโชคร้าย ชาตินี้ก็ไม่ได้ใช้
5. อเมริกาไม่เคยขัดขวางหรือมีแนวคิดจะห้ามใครผลิตเทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ ๆ โซล่าเซล หรือจะไฮโดรเจนเซล ต่างก็ต้องใช้เวลาพัฒนาของมันอยู่เพื่อจะทำเป็น Mass
6. น้ำมันคงไม่ถูกไปนานมากกว่าปีนึง และเวลาที่มันกลับมาแพง มันจะแพงกว่าเดิม 1.5 -2 เท่าของราคาที่เคยเป็น ไม่มีนักธุรกิจไหนเฉือนเนื้อตัวเองโดยไม่หวังผลในระยะยาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 11:26:39 โดย Jae »

ออฟไลน์ Akara

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
    • อีเมล์
พูดถึงตัวนี้หรือเปล่า Mirai  http://www.toyota.com/fuelcell/fcv.html

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
1. Fuel cell ที่ใช้ Hydrogen ไม่ใช่เอา Hydrogen ไปเผา
2. รถที่ใช้Fuel Cell คือใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี เป็นไฟฟ้าเพื่อขับมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่มี Hydrogenถูกเผา
3. ถังบรรจุ+Fuel cell ไม่สามารถผลิตได้ง่าย และไม่ทนแรงกระแทกเนื่องจากโครงสร้างที่เป็นรูพรุนให้ Hydrogen ผ่าน จึงไม่สามารถทำให้ทนทานได้
4. ยังเป็นแค่ความฝันที่ต้องรอSuper Nano technology ขั้นสุดยอด ไม่ต่ำกว่า 20-30 ปีเพื่อใช้กับรถได้เหมือนรถที่เราใช้ทุกวันนี้ ถ้าโชคร้าย ชาตินี้ก็ไม่ได้ใช้
5. อเมริกาไม่เคยขัดขวางหรือมีแนวคิดจะห้ามใครผลิตเทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ ๆ โซล่าเซล หรือจะไฮโดรเจนเซล ต่างก็ต้องใช้เวลาพัฒนาของมันอยู่เพื่อจะทำเป็น Mass
6. น้ำมันคงไม่ถูกไปนานมากกว่าปีนึง และเวลาที่มันกลับมาแพง มันจะแพงกว่าเดิม 1.5 -2 เท่าของราคาที่เคยเป็น ไม่มีนักธุรกิจไหนเฉือนเนื้อตัวเองโดยไม่หวังผลในระยะยาว

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม
ปัจุจบัน ราคารถ  Fuel cell ของ toyota ราคามันแพงเพราะต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
Toyota ไม่ได้แค่ทำวิจัย แต่ทำการผลิต และ ทดลอง และใช้ได้จริง แพงแต่จะคุ้มค่า หรือเหมาะสมไหม ในปัจจุบัน
Toyota แจก สิทธิบัตรฟรี เพื่ออะไรไร ? สิทธิบัตรนั้นไม่ใช่งานวิจัย แต่เป็น นวัฒกรรม  คือทำได้จริง ก็ต้องยอมรับว่าเค้าเก่งจริง และทำได้

ออฟไลน์ Poj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 353
เห็นด้วยครับ เมกามันผูกขาดราคาน้ำมันมานาน

เจอพี่ยุ่นเข้าไป ยิ่งถ้าจับมือกับพี่จีน พัฒนาและใช้ ใน 2 ประเทศนี้ ทั้งโลกต้องตามแน่นอนครับ

เรื่องต้นทุนผลิตไฮโดรเจน ให้พี่จีนจัดการครับ เก่งเรื่องลดต้นทุนอยู่แล้ว

ไอ้กันกินแกลบแน่ งานนี้ ;D