ด้วยความเคารพทุกท่านนะครับ ผมว่าเรามาทำความเข้าใจระบบแอร์ออโต้ที่เราเรียกๆ กันจนติดปากกันสักหน่อยกันดีกว่านะครับ
แอร์ออโต้ในรถยนต์ที่ชาวไทยเรียกกันติดปากนั้นจริงๆ แล้วคือระบบ Automatic HVAC (heating, ventilating, and air conditioning)
หลักการของระบบนี้คือทำยังไงก็ได้ให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายตัวทางด้านอุณหภูมิ ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ไม่หนาวเป็นช่วงๆ
ไม่รู้สึกอากาศแห้งจนแสบจมูก ไม่รู้สึกอากาศชื้นจนอึดอัด และรวมไปถึงการพยายามทำให้คุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารเป็นค่าที่ยอมรับได้
มาถึงตรงนี้ผมอยากให้ทุกท่านลืมแอร์แบบลูกบิดไปให้หมดก่อน ลืมไปให้หมดว่าต้องเร่งพัดลมเท่านั้น เร่งน้ำยาแอร์เท่านี้ ปรับลมเป่าหน้าหรือปรับลมเป่าเท้า ลืมให้หมด
ลืมแอร์ออโต้พิการๆ ที่อยู่ในรถ Toyota ที่ผลิตในประเทศไทยบางรุ่นออกไปให้หมดด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นจะสับสนในการอ่านเปล่าๆ
ต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงแอร์ออโต้กันล้วนๆ .. เริ่มจากหน้าตาของแผงควบคุมแอร์ออโต้กันก่อนนะครับ
หน้าตาของแผงควบคุมหรือแอร์ออโต้ที่เราคุ้นเคยจะมี 2 แบบด้วยกันคือ
แอร์ออโต้ที่แผงควบคุมมีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ (บางคนอาจเรียกแอร์แบบนี้ว่าแอร์ดิจิตอล) อย่างในรูปที่ยกมานี้จะเป็นแอร์ออโต้ของ Nissan March
(จริงๆ ก็อยู่ในนิสสันหลายรุ่นละครับ อิอิ) หน้าของของแอร์ออโต้แบบนี้จะแสดงอุณหภูมิ(ที่เราต้องการ) ความแรงของลม โหมด(เป่าหน้า เป่าขา เป่าโน่นนี่นั่น) เป็นต้น
แอร์ออโต้ที่แผงควบคุมไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ อย่างในรูปที่ยกมาเป็นแอร์ออโต้ของ Lancer EX ซึ่งจะไม่มีการแสดงผลให้เราทราบว่าตอนนี้ความแรงของลมขนาดไหน
โหมดอะไร ส่วนอุณหภูมินั้นก็จะเป็นไปตามที่เราตั้ง อยากได้ 25 องศา ก็ปรับไปที่ 25 องศา แค่นั้นเลย
แค่ไม่ว่าจะเป็นแอร์ออโต้ที่แผงควบคุมมีหน้าจอหรือไม่มีหน้าจอก็มีหลักการทำงานเหมือนกัน ก่อนอื่นมาดูส่วนประกอบหลักๆ ของแอร์ออโต้กันก่อน
มาดูส่วนประกอบหลักๆ ของแอร์ออโต้นะครับ อยากให้ดูรูปภาพข้างล่างนี้ประกอบไปด้วยนะครับ
เริ่มจากอากาศ(ลม)ที่เข้ามาสู่ตู้แอร์มาได้จาก 2 แหล่งคือจากในรถ(หมายเลข 10)หรือจากนอกรถ(หมายเลข
ซึ่งตรงนี้จะมีประตูลม(ที่อยู่ระหว่างเลข 8 กับเลข 10)ควบคุมอยู่
จากนั้นอากาศก็จะถูกดูดเข้าสู่โบลเวอร์(ซึ่งจะถูกควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เดี๋ยวอธิบายอีกครั้ง)และพัดผ่าน evaporator หรือคอยล์เย็น ซึ่งจะได้อากาศเย็น(เจี๊ยบ)ออกมา ..
จากรูปเราจะเห็นประตูลมอันหนึ่งที่เรียกว่า Temp Blend Door หรือภาษาช่างบ้านเราจะเรียกว่าประตูผสมลม(ซึ่งประตูผสมลมนี้จะถูกเปิดมากน้อยโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวมาอธิบายอีกทีว่าประตูผสมลมนี้ทำงานยังไง)
ซึ่งจะทำหน้าที่เปิดมาก/น้อยหรือปิดไปเลยเพื่อให้ลมส่วนหนึ่งเข้าไปสู่ Heater core หรือแผงฮีตเตอร์ ซึ่งใช้น้ำร้อนจากหม้อน้ำมาวนในแผงฮีตเตอร์เพื่อเป็นตัวสร้างความร้อน
หลังจากนั้นลมที่ผสมแล้วจะมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูปรับทิศทางลม หรือ Mode door ซึ่งก็คือจะให้ลมเป่าหน้า เป่าเท้า เป่ากระจกหน้าเพื่อไล่ฝ้าอะไรก็ว่าไป (ซื่งประตูปรับทิศทางลมนี้ก็ถูกปรับอย่างอัตโนมัติเช่นกัน)
และส่วนประกอบสำคัญที่มีในแอร์ออโต้ แต่แอร์ธรรมดาไม่มี คือ เซ็นเซอร์อย่างน้อย 3 ตัว ได้แก่ เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถ(มักจะอยู่หน้าคอยล์ร้อน) เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ด
เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสาร(มักจะอยู่บริเวณเหนือเข่าซ้ายของคนขับ) นอกจากเซ็นเซอร์แล้วแอร์ออโต้ต้องมีกล่องควบคุม 1 กล่อง รวมถึงเสต็ปปิ้งมอเตอร์สำหรับควบคุมประตูลมอีก 2-3 ตัว
ทีนี้แอร์ออโต้ทำงานยังไง มาดูกัน!!!
เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายผมขอสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมานะครับ
เหตุการณ์ที่ 1 รถจอดตากแดดในหน้าร้อนเมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถเกือบ 40 องศา เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าโอ้โหแดดแรงโคตรๆ
เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถปาเข้าไปเกือบ 50 องศา ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม ทำให้กล่องควบคุมรู้ว่า
ตอนนี้ทั้งนอกรถและในรถอากาศร้อนโคตรๆ กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมปิดให้สนิท(เพราะต้องการอากาศเย็นอย่างเดียว) สั่งให้โบลเวอร์หมุนแรงดังพายุ สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลมออกตรงๆ
สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศาโดยเร็วที่สุด ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของห้องโดยสารค่อยๆ เย็นลง ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ
ประตูผสมลมก็จะเริ่มแง้มนิดๆ เพื่อให้อุณหภูมิ 25 องศาคงที(ไม่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว)
เหตุการณ์ที่ 2 ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ช่วงเช้ามืดของปลายปีเมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถ 5 องศา เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าไม่มีแสง
เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถประมาณ 15 องศา ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม ทำให้กล่องควบคุมรู้ว่าตอนนี้นอกรถโคตรหนาว
ในรถก็หนาว(เทียบกับ 25 องศาที่เราตั้งไว้ตอนแรก) กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมเปิดเกือบสุดเพราะต้องการลมอุ่นไปทำให้ห้องโดยสารอุ่นขึ้น
(ตรงนี้คอมแอร์ยังคงทำงานเพื่อให้คอยล์เย็นมีความเย็นเพื่อดึงความชื้นออกจากห้องโดยสาร) สั่งให้โบลเวอร์หมุนแรงพอประมาณ สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลมเป่าลมอุ่นส่วนใหญ่ลงเท้า
(เพราะอากาศร้อนจะลอยขึ้นที่สูง ทำแบบนี้ช่วยให้ห้องโดยสารอุ่นไวขึ้น) สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศาโดยเร็วที่สุด
ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของห้องโดยสารค่อยๆ เย็นลง ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ ประตูผสมลมก็จะเริ่มแง้มมากขึ้น เพื่อให้อุณหภูมิ 25 องศาคงที(ไม่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว)
เหตุการณ์ที่ 3 ขับรถลุยฝนตกหนักเมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถ 23 องศา เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าแสงน้อย
เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถประมาณ 24 องศา แต่ความชื้นสูงเกือบ 90% ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม
ทำให้กล่องควบคุมรู้ว่าตอนนี้นอกรถอากาศเย็น ในรถอากาศก็เย็น กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมเปิดในอัตราที่เหมาะสม สั่งให้โบลเวอร์หมุนเบาๆ สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลมออกตรงๆ
สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศา และลดความชื้นในห้องโดยสารลงให้อยู่ในระดับที่รู้สึกสบาย(ประมาณ 60% ที่อุณหภูมิ 25 องศา)
ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของห้องโดยสารถึง 25 องศาและความชื้นลงถึง 60% ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ ประตูผสมลมจะเปิดคงที่ เพื่อให้อุณหภูมิและความชื้นคงที่
ที่นี้หลายท่านคงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอร์ออโต้ของ Toyota หลายๆ รุ่นที่ผลิตในประเทศไทย
สิ่งที่ Toyota ทำคือดึงแผงฮีตเตอร์ออกไปเลย แต่ยังคงไว้ซึ่งเซนเซอร์และกล่องควบคุม ผลระบบแอร์พิการเพราะขาดส่วนประกอบไปครับ
หวังว่าคงจะไม่งงกันนะครับ
(พิมพ์ยาวๆ ตาลายจัง
)