ผู้เขียน หัวข้อ: ใช้น้ำมันเครื่องบาง ๆ สร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์นะครับ โดยเฉพาะรถยุโรป  (อ่าน 10745 ครั้ง)

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
MINI COOPER R56 วิ่งน้อย แต่เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องดู ลูกเบี้ยวเป็นรอย



ไม่ใช่เรื่องปรกตินะครับ กับเลขไมล์เท่านี้ ถ้าลูกเบี้ยวเป็นรอยขนาดนี้แล้ว ลองคิดถึงสูบ เสื้อสูบ แหวน โซ่ราวลิ้น แบร์ริ่งข้อเหวี่ยง ก้านสูบดูสิครับ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยการเปิดฝาเติม ดีที่ว่า MINI สามารถมองผ่านรูเติมน้ำมันเครื่องได้พอจะเห็นสภาพลูกเบี้ยว ถ้ายี่ห้ออื่นคงต้องรอมันดังถึงจะเข้าใจกัน

เครื่องยนต์ที่มีความร้อนสูง ๆ มักจะทำให้น้ำมันเครื่องบางมาก ๆ เวลาร้อน ไม่เพียงพอต่อการหล่อลื่นครับ

บวกกับน้ำมันเครื่องคุณภาพไม่เหมาะสมอีก จะเสียหายกันไปใหญ่ครับ

ด้วยความปราถนาดีครับ

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนตัวผมเล่น mobil 1 0w-40 ล้วนๆครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,477
ส่วนตัวผมเล่น mobil 1 0w-40 ล้วนๆครับ

ผมก็เช่นกันครับ...

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
เดาว่า 0W-20 อีกแน่ๆ เลยครับ ;)

ออฟไลน์ Tue

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
    • อีเมล์

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
ผมใช้อยู่ 2 ตัว
โมบิล1 0W40กับ Eneos 5W40
เบอร์ 20 เคยลองของศูนย์ฮอนด้าไปทีนึง วิ่งได้ราวๆ 8,000 โล รีบถ่ายทิ้งทันที หนืดมากตั้งแต่ 5,000 ก.ม.ละครับ

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
ผมว่าเจ้าของรถควรใช้น้ำมันเครื่องที่เบอร์หนากว่านี้หน่อยจะดีกว่าครับ
วิ่งยังไม่มากเลย เป็นรอยขนาดนี้แล้ว

ปล.
คหสต.แค่ใช้น้ำมันเครื่อง SEMI SYNTETIC คุณภาพดี เบอร์หนาหน่อยก็ปกป้องได้พอสมควรแล้วครับ
ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์บางๆ ได้ลื่นก็จริง แต่ไม่ได้รับการปกป้องเครื่องยนต์ที่เพียงพอครับ
กับรถสมรรถนะแบบนี้เบอร์บางๆไม่เหมาะเลยครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เดาว่า 0W-20 อีกแน่ๆ เลยครับ ;)
เบอร์20 คงจะเป็นมากกว่านี้ครับ

มินิเบอร์30เป็นมาตรฐานครับ ใครใช้มินิที่ผ่านมาคงทราบว่านี่ยี่ห้ออะไร

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
เดาว่า 0W-20 อีกแน่ๆ เลยครับ ;)
เบอร์20 คงจะเป็นมากกว่านี้ครับ

มินิเบอร์30เป็นมาตรฐานครับ ใครใช้มินิที่ผ่านมาคงทราบว่านี่ยี่ห้ออะไร

ครับถ้าเบอร์ 30 ยังเป็นแบบนี้ เครื่องมันบางเปราะด้วยหรือเปล่าครับ

หรือเจ้าของรถก็ขับโหดดัวยครับ

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
ผมลองแต่ 30-40 ใช้ยังไง 40 ก้เวิคกว่าครับ

ออฟไลน์ cefboy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 217
    • อีเมล์
ใช้ตามมาตรฐาน ผู้ผลิตกำหนดมาเท่านั้น ปลอดภัยสุดๆ ถนอมเครื่องโดยวิ่งต่ำกว่าหมื่นโลแล้วเปลี่ยนก่อนนิดหน่อย

เปลี่ยนกรองทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่อง หมั่นเช็คระดับน้ำมัน โดยเฉพาะรถเทอรโบครับ

แต่เดี๋ยวนี้รถเล็กๆ NA นิยมให้ใช้กัน เบอร์ 20 เหมือนกัน วิ่งลื่นดี ขับแล้วทันใจดี  :) สมัยก่อนหายากนะ เบอร์ 20

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
แล้วอีโค่คาร์จะเป็นไรไหมนี่ครับ เบอร์20ตลอดเลย ของ0

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
แล้วอีโค่คาร์จะเป็นไรไหมนี่ครับ เบอร์20ตลอดเลย ของ0

Ecocar ที่ผมเห็นติดoil temp sensor อุณหภูมิไม่ถึง100 องศาครับ คิดว่าบนวาล์วคงไม่ถึง 150 ตลอดเวลาแน่ ๆ สำหรับคนใช้งานทั่ว ๆไป

ถ้าเกิน 150 แบบ BMW MINI BENZบางรุ่น คงจะมีปัญหาไปแล้วครับ

ออฟไลน์ intania68

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 91
ขอแสดงความเห็น กลางๆ ในฐานะที่ทำงานกับ ฝาสูบเครื่องยนต์อยู่ทุกวัน นะครับ  ภาพที่ถ่ายมาไม่อยู่ในระยะ Focus ของกล้อง อาจจะไม่มั่นใจ 100%  แต่ดูๆแล้วตามภาพที่เห็นก็เป็นปกติสำหรับ รถวิ่งมา 50000 ขึ้น นะครับ  ปกติแล้ว ต่อให้ ในเครื่องยนต์ในสภาพใช้งานปกติ ตัวที่จะไปก่อน คือ เพลาราวลิ้น อยู่แล้วครับ   พวก Bearing, Cylinder Liner , Piston pin and bush หรือกระทั่ง Timing Chain จะสึกหรอน้อยกว่า   แต่ถ้าจะให้ดีขอภาพชัดๆหน่อย  แล้วขอดูทั้งด้านลูกเบี้ยว และ ด้านที่ไม่เบี้ยว ด้วย  แล้วไม่ทราบว่าเครื่องรุ่นนี้ ตัว Rocker Arm เป็นลูกกลิ้งใช่ไหม แล้วดูเหมือนว่าจะเป็นระบบตั้งวาวล์ Hydraulic ด้วยหรือเปล่า

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ขอแสดงความเห็น กลางๆ ในฐานะที่ทำงานกับ ฝาสูบเครื่องยนต์อยู่ทุกวัน นะครับ  ภาพที่ถ่ายมาไม่อยู่ในระยะ Focus ของกล้อง อาจจะไม่มั่นใจ 100%  แต่ดูๆแล้วตามภาพที่เห็นก็เป็นปกติสำหรับ รถวิ่งมา 50000 ขึ้น นะครับ  ปกติแล้ว ต่อให้ ในเครื่องยนต์ในสภาพใช้งานปกติ ตัวที่จะไปก่อน คือ เพลาราวลิ้น อยู่แล้วครับ   พวก Bearing, Cylinder Liner , Piston pin and bush หรือกระทั่ง Timing Chain จะสึกหรอน้อยกว่า   แต่ถ้าจะให้ดีขอภาพชัดๆหน่อย  แล้วขอดูทั้งด้านลูกเบี้ยว และ ด้านที่ไม่เบี้ยว ด้วย  แล้วไม่ทราบว่าเครื่องรุ่นนี้ ตัว Rocker Arm เป็นลูกกลิ้งใช่ไหม แล้วดูเหมือนว่าจะเป็นระบบตั้งวาวล์ Hydraulic ด้วยหรือเปล่า
ภาพนี้ผมถ่ายกับมือ เอานิ้วลูบดูแล้วครับ

ตัวนี้เป็น N12 Engine ปรับตั้งวาล์วด้วย tappet มีร็อกเกอร์แบบโรลเลอร์ครับ  ถ้าลูกเบี้ยวเป็นรอยขนาดที่เอานิ้วลูบๆ แล้วมันเป็นร่องคงไม่ใช่เรื่องปรกติครับ

แล้วเครื่องรุ่นนี้ เป็นปรกติที่จะเห็นอาการโซ่หลวมที่มักจะเกิดขึ้นครับ เจอเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว ผมก็เคยแกะเครื่องรุ่นนี้อยู่เหมือนกัน นี่ไม่ใช่คันแรก เทียบกับคนที่เขาดูแลรถเอง สภาพชิ้นส่วนภายในคนละเรื่องครับ

รถผมทุกคันที่เกิน 2 แสนโล เปิดฝาครอบวาล์วมาดูไม่มีรอยอะไรบนลูกเบี้ยวและแท็ปเป็ทแทบทุกคัน มีน้อยมากที่จะเป็นรอยลึกขนาดนี้

เรื่องรูปถ่าย ถ้ายังอยากดูจริง ๆผมก็จะหามาให้ดู แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่ได้มาดูเองสัมผัสเองครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2015, 18:58:23 โดย Jae »

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
ชอบนึกกันว่าหนืดๆแล้วดี จริงๆแล้วน้ำมันเครื่องหนืดๆเช่นเบอร์ 0W-40 ก็ไม่ได้แปลว่าปกป้องดีกว่านะครับ ตรงกันข้าม การใช้นำ้มันเครื่องที่หนืดเกินไปจะยิ่งมีโอกาศทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น

เพราะอะไร??


เพราะน้ำมันเครื่องเบอร์ 40 จะหนืดและไหลช้ากว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำๆเช่น 0W-20, 0w-30 ทำให้เวลาสตร์ทเครื่องน้ำมันที่หนืดกว่าจะไหลไปหล่อลื่นชิ้นส่วนได้ช้ากว่าก็สึกหรอมากกว่า

ยังไม่พอ....อีกจุดนึงก็คือน้ำมันเครื่องหนืดๆโมเลกุลมันจะมีขนาดใหญ่ ชั้นฟิล์มน้ำมันก็จะหนา ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่ไม่ใช่ เพราะเครื่องยนต์สมัยใหม่ไม่เหมือนเครื่องยนต์ยุคก่อนๆ สมัยนี้การผลิดมี Manufacturing tolerance ต่ำมากทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์สมัยนี้ชิดกันมาก และผิวสัมผัสก็เรียบกว่า เรียกว่าผิวสัมผัสของชิ้นส่วนต่างๆฟิตกันมากๆ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตเครื่องยนต์สมัยใหม่จึงเรียกใช้น้ำมันที่ใสลงๆ ก็เพราะว่าเครื่องสมัยใหม่ต้องการฟิล์มนำ้มันบางๆไหลตัวเร็วๆเพื่อไชชอนเข้าไป"แทรกตัว"อยู่ระหว่างชิ้นส่วนที่ชิดกันมากๆได้ดีขึ้น ได้ไวขึ้น



อ้าว....พูดงี้แล้วผมจะเลือกนำ้มันเครื่องยังงัยหล่ะ??

จริงๆแล้วมันอยู่ที่ค่าอื่นๆในตัวน้ำมันเครื่องมากกว่า  เช่นค่า Viscosity Index (VI),  High Temp High Shear (HTHS), ค่า Antiwear Addivtive พวก Zinc, Sulphur เช่น ZDP, ZDDP ซึ่งค่าพวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องนั้นๆมีความสามารถป้องกันการสึกหรอ Metal-to-Metal contact ได้ดีเพียงไร (Zinc Content จะเป็นตัวบ่งชี้) ทนต่อแรงเฉือนแรงเสียดทานได้ดีแค่ไหน(ค่าHTHS จะเป็นคนบอก) เสถียรต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดีเพียงไร (VI บอกได้) ซึ่งค่าพวกนี้ต้องค้นเข้าไปดูตามเว็บไซท์ของผู้ผลิต หรือตามเว็บไซท์ของพวกเล่นน้ำมันเครื่อง เช่น Bob is the oil guy

แล้วน้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆมีไว้ทำไม? ก็มีไว้เพื่อใช้กับเครื่องยนต์รุ่นเก่า หรือเครื่องยนต์ที่มีความสึกหรอสูงแล้ว ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆมากขึ้น เราก็ต้องการชั้นฟิล์มหนาๆ โมเลกุลนำ้มันอ้วนๆ ไปเติมเต็มช่องว่าเหล่านี้ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานหมุนต่อได้โดยไม่สึกหรอไปไวกว่าเดิม และเป็นการป้องกันการรั่วของกำลังอัด ลดอาการกินน้ำมันเครื่อง ดังนั้นเราควรเริ่มใช้น้ำมันเครื่องหนาขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าเครื่องเริ่มกินน้ำมันเครื่องมากขึ้น เพื่อชดเชยตรงนี้

.......เอาละผมพูดยาวไปละ.........

สรุป เบอร์หนา-บางไม่ได้บอกคุณสมบัติในการป้องกัน แต่ต้องดูที่สเปคที่มีค่าบางอย่างเป็นตัวบอก

ออฟไลน์ eaton fuller

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 904
ต้องลองเอานิ้วลํบดูสะดุดหรือไม่ ถึงจะตอบได้ 

หากลูบไม่สะดุด อาจรอยสึกหรอตามปกติได้ ครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ชอบนึกกันว่าหนืดๆแล้วดี จริงๆแล้วน้ำมันเครื่องหนืดๆเช่นเบอร์ 0W-40 ก็ไม่ได้แปลว่าปกป้องดีกว่านะครับ ตรงกันข้าม การใช้นำ้มันเครื่องที่หนืดเกินไปจะยิ่งมีโอกาศทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น

เพราะอะไร??


เพราะน้ำมันเครื่องเบอร์ 40 จะหนืดและไหลช้ากว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำๆเช่น 0W-20, 0w-30 ทำให้เวลาสตร์ทเครื่องน้ำมันที่หนืดกว่าจะไหลไปหล่อลื่นชิ้นส่วนได้ช้ากว่าก็สึกหรอมากกว่า ................


อ่านถึงตรงนี้ผมก็พอเดาได้ว่าคุณคงไม่รู้จัก Parasitic drag

ถ้าจะบอกว่า น้ำมันไหลเร็วช้าตอนสตาร์ท

"บอกอุณหภูมิ" ด้วยสิครับ

เอาที่ 20 Degree Celsius ก่อน ว่าน้ำมันแต่ละเบอร์มันเร็วช้าต่างกันขนาดไหน

ยี่ห้อเดียวในโลกนี้ที่กล้าพูดว่า จะไหลดีขึ้น ประหยัดขึ้น กล้าพูดแค่ 2% สำหรับ เบอร์ 0W-20 ที่อุณหภูมินี้นะ ครับ  ถ้าร้อนกว่านี้ มันไม่มีใครกล้าบอกหรอกว่า Parasitic drag เกิน 0.5%

แล้วเมืองไทยนี่ มันมีซักกี่วันที่จะต่ำกว่า 20องศา

ความหนาของน้ำมันเป็นเรื่องที่วัดผลได้ ว่าง ๆ เลิกอ่าน bob is the oil guy แล้วเข้า api.org ดูครับ

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เลยครับ ของผมเครื่อง25d ตัว4สูบ อุณหภูมิจะเกือบๆ100 เวลาน้ำมันเครื่องไม่ได้คุณภาพมันจะฟ้องเอง เลยจะเล่าจากประวัติการเปลี่ยนถ่าย

ครั้งแรก ติดรถมาจากเยอรมัน น่าจะcastrol วิ่งได้ 13000 ฟ้องให้เปลี่ยน
สอง castrol 5w30 gold edge ของบ้านเรา วิ่ง7000 ฟ้องให้เปลี่ยน ตอนใช้อุณหภูมิเกิน100ไปนิดนึงตลอด
สาม gulf 5w30 ll-04 ผลิตอเมริกา วิ่งเกือบ 15000 ฟ้องให้เปลี่ยน
สี่ อันนี้ประเด็น eneos 5w40 ll-04 ตอนเปลี่ยนไม่รู้จักยี่ห้อนี้ด้วยซ้ำ วิ่งเกือบ 18000 ถึงฟ้องให้เปลี่ยน

ปจบ hks 10w55 เพิ่งเริ่มใช้ เพราะที่เปลี่ยนเค้าบอกว่าพวกเครื่องtwin turboถ้าใช้ไม่หนืดจะมีปัญหา น่าจะหมายถึงกรณีแบบนี้ใช่มั้ยครับ แต่ส่งสัยว่าอันที่ใช้อยู่นี่หนืดไปป่าวครับ

ปล.แต่ขับดูดก็ปกติ ไม่อืด เร่ง การกินน้ำมัน ผมว่าเหมือนเดิม

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ชอบนึกกันว่าหนืดๆแล้วดี จริงๆแล้วน้ำมันเครื่องหนืดๆเช่นเบอร์ 0W-40 ก็ไม่ได้แปลว่าปกป้องดีกว่านะครับ ตรงกันข้าม การใช้นำ้มันเครื่องที่หนืดเกินไปจะยิ่งมีโอกาศทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น

เพราะอะไร??


เพราะน้ำมันเครื่องเบอร์ 40 จะหนืดและไหลช้ากว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำๆเช่น 0W-20, 0w-30 ทำให้เวลาสตร์ทเครื่องน้ำมันที่หนืดกว่าจะไหลไปหล่อลื่นชิ้นส่วนได้ช้ากว่าก็สึกหรอมากกว่า

ยังไม่พอ....อีกจุดนึงก็คือน้ำมันเครื่องหนืดๆโมเลกุลมันจะมีขนาดใหญ่ ชั้นฟิล์มน้ำมันก็จะหนา ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่ไม่ใช่ เพราะเครื่องยนต์สมัยใหม่ไม่เหมือนเครื่องยนต์ยุคก่อนๆ สมัยนี้การผลิดมี Manufacturing tolerance ต่ำมากทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์สมัยนี้ชิดกันมาก และผิวสัมผัสก็เรียบกว่า เรียกว่าผิวสัมผัสของชิ้นส่วนต่างๆฟิตกันมากๆ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตเครื่องยนต์สมัยใหม่จึงเรียกใช้น้ำมันที่ใสลงๆ ก็เพราะว่าเครื่องสมัยใหม่ต้องการฟิล์มนำ้มันบางๆไหลตัวเร็วๆเพื่อไชชอนเข้าไป"แทรกตัว"อยู่ระหว่างชิ้นส่วนที่ชิดกันมากๆได้ดีขึ้น ได้ไวขึ้น



อ้าว....พูดงี้แล้วผมจะเลือกนำ้มันเครื่องยังงัยหล่ะ??

จริงๆแล้วมันอยู่ที่ค่าอื่นๆในตัวน้ำมันเครื่องมากกว่า  เช่นค่า Viscosity Index (VI),  High Temp High Shear (HTHS), ค่า Antiwear Addivtive พวก Zinc, Sulphur เช่น ZDP, ZDDP ซึ่งค่าพวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องนั้นๆมีความสามารถป้องกันการสึกหรอ Metal-to-Metal contact ได้ดีเพียงไร (Zinc Content จะเป็นตัวบ่งชี้) ทนต่อแรงเฉือนแรงเสียดทานได้ดีแค่ไหน(ค่าHTHS จะเป็นคนบอก) เสถียรต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดีเพียงไร (VI บอกได้) ซึ่งค่าพวกนี้ต้องค้นเข้าไปดูตามเว็บไซท์ของผู้ผลิต หรือตามเว็บไซท์ของพวกเล่นน้ำมันเครื่อง เช่น Bob is the oil guy

แล้วน้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆมีไว้ทำไม? ก็มีไว้เพื่อใช้กับเครื่องยนต์รุ่นเก่า หรือเครื่องยนต์ที่มีความสึกหรอสูงแล้ว ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆมากขึ้น เราก็ต้องการชั้นฟิล์มหนาๆ โมเลกุลนำ้มันอ้วนๆ ไปเติมเต็มช่องว่าเหล่านี้ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานหมุนต่อได้โดยไม่สึกหรอไปไวกว่าเดิม และเป็นการป้องกันการรั่วของกำลังอัด ลดอาการกินน้ำมันเครื่อง ดังนั้นเราควรเริ่มใช้น้ำมันเครื่องหนาขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าเครื่องเริ่มกินน้ำมันเครื่องมากขึ้น เพื่อชดเชยตรงนี้

.......เอาละผมพูดยาวไปละ.........

สรุป เบอร์หนา-บางไม่ได้บอกคุณสมบัติในการป้องกัน แต่ต้องดูที่สเปคที่มีค่าบางอย่างเป็นตัวบอก

อย่าแชร์อะไรจากความรู้สึก หรือฟังมาจากช่างเลยครับ มันห่างไกลกับความจริงเยอะมาก

สังเกตดูว่า ตัวท๊อปของบริษัทน้ำมันระดับโลกอย่าง Exxon กับ Shell เป็นเบอร์ 40 ทั้งนั้น
เพราะเขาวิจัยมาแล้วว่า เบอร์ 40 + Additive ที่ดีพอ จะเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิสูง แต่ส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อความหนืดที่อุณหภูมิต่ำ ซึ่งช่วยให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนอย่างเหมาะสมเมื่ออุณหภูมิต่ำ และยังคงข้นหนืดเพียงพอที่จะปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของคุณที่อุณหภูมิสูง

ที่สำคัญเครื่องยนต์เดี๋ยวนี้ เน้น Down-Size ใส่เทอร์โบ เครื่องยิ่งร้อน, น้ำมันเครื่องไม่ดี แปบๆก็ไปละครับ

ยกตัวอย่าง Mobil-1 มี Additive สูตรเฉพาะของเขา  ส่วน Shell ล้ำที่สุดตอนนี้คือเป็น Gas to liquid ซึ่งบริสุทธิ์ที่สุดของเทคโนโลยีสังเคราะห์ตอนนี้
พวกนี้เขาทดลองกันจริงจัง ว่าเทสผ่านไปหลายแสนกิโล จะเห็นความแตกต่างจากสภาพของเครื่องยนต์ชัดเจนครับ (ยิ่ง Mobil-1 เน้นเรื่องการใช้งานกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่เกิดความร้อนสูงเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ)

ไม่งั้นพวก Porche, BMW ไม่ใช้ของแบรนด์เหล่านี้หรอกครับ



ออฟไลน์ CNX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,303
    • อีเมล์
กระทู้นี้ ได้รับความรู้เพิ่มครับ  8)
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่แบ่งปันข้อมูลการใช้งานจริง
และสมาชิกท่านอื่นๆ ที่แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ  :D
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,155

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
ชอบนึกกันว่าหนืดๆแล้วดี จริงๆแล้วน้ำมันเครื่องหนืดๆเช่นเบอร์ 0W-40 ก็ไม่ได้แปลว่าปกป้องดีกว่านะครับ ตรงกันข้าม การใช้นำ้มันเครื่องที่หนืดเกินไปจะยิ่งมีโอกาศทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น

เพราะอะไร??


เพราะน้ำมันเครื่องเบอร์ 40 จะหนืดและไหลช้ากว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ต่ำๆเช่น 0W-20, 0w-30 ทำให้เวลาสตร์ทเครื่องน้ำมันที่หนืดกว่าจะไหลไปหล่อลื่นชิ้นส่วนได้ช้ากว่าก็สึกหรอมากกว่า

ยังไม่พอ....อีกจุดนึงก็คือน้ำมันเครื่องหนืดๆโมเลกุลมันจะมีขนาดใหญ่ ชั้นฟิล์มน้ำมันก็จะหนา ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่ไม่ใช่ เพราะเครื่องยนต์สมัยใหม่ไม่เหมือนเครื่องยนต์ยุคก่อนๆ สมัยนี้การผลิดมี Manufacturing tolerance ต่ำมากทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์สมัยนี้ชิดกันมาก และผิวสัมผัสก็เรียบกว่า เรียกว่าผิวสัมผัสของชิ้นส่วนต่างๆฟิตกันมากๆ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผลิตเครื่องยนต์สมัยใหม่จึงเรียกใช้น้ำมันที่ใสลงๆ ก็เพราะว่าเครื่องสมัยใหม่ต้องการฟิล์มนำ้มันบางๆไหลตัวเร็วๆเพื่อไชชอนเข้าไป"แทรกตัว"อยู่ระหว่างชิ้นส่วนที่ชิดกันมากๆได้ดีขึ้น ได้ไวขึ้น



อ้าว....พูดงี้แล้วผมจะเลือกนำ้มันเครื่องยังงัยหล่ะ??

จริงๆแล้วมันอยู่ที่ค่าอื่นๆในตัวน้ำมันเครื่องมากกว่า  เช่นค่า Viscosity Index (VI),  High Temp High Shear (HTHS), ค่า Antiwear Addivtive พวก Zinc, Sulphur เช่น ZDP, ZDDP ซึ่งค่าพวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องนั้นๆมีความสามารถป้องกันการสึกหรอ Metal-to-Metal contact ได้ดีเพียงไร (Zinc Content จะเป็นตัวบ่งชี้) ทนต่อแรงเฉือนแรงเสียดทานได้ดีแค่ไหน(ค่าHTHS จะเป็นคนบอก) เสถียรต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดีเพียงไร (VI บอกได้) ซึ่งค่าพวกนี้ต้องค้นเข้าไปดูตามเว็บไซท์ของผู้ผลิต หรือตามเว็บไซท์ของพวกเล่นน้ำมันเครื่อง เช่น Bob is the oil guy

แล้วน้ำมันเครื่องเบอร์หนาๆมีไว้ทำไม? ก็มีไว้เพื่อใช้กับเครื่องยนต์รุ่นเก่า หรือเครื่องยนต์ที่มีความสึกหรอสูงแล้ว ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆมากขึ้น เราก็ต้องการชั้นฟิล์มหนาๆ โมเลกุลนำ้มันอ้วนๆ ไปเติมเต็มช่องว่าเหล่านี้ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานหมุนต่อได้โดยไม่สึกหรอไปไวกว่าเดิม และเป็นการป้องกันการรั่วของกำลังอัด ลดอาการกินน้ำมันเครื่อง ดังนั้นเราควรเริ่มใช้น้ำมันเครื่องหนาขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าเครื่องเริ่มกินน้ำมันเครื่องมากขึ้น เพื่อชดเชยตรงนี้

.......เอาละผมพูดยาวไปละ.........

สรุป เบอร์หนา-บางไม่ได้บอกคุณสมบัติในการป้องกัน แต่ต้องดูที่สเปคที่มีค่าบางอย่างเป็นตัวบอก

อย่าแชร์อะไรจากความรู้สึก หรือฟังมาจากช่างเลยครับ มันห่างไกลกับความจริงเยอะมาก

สังเกตดูว่า ตัวท๊อปของบริษัทน้ำมันระดับโลกอย่าง Exxon กับ Shell เป็นเบอร์ 40 ทั้งนั้น
เพราะเขาวิจัยมาแล้วว่า เบอร์ 40 + Additive ที่ดีพอ จะเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิสูง แต่ส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อความหนืดที่อุณหภูมิต่ำ ซึ่งช่วยให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนอย่างเหมาะสมเมื่ออุณหภูมิต่ำ และยังคงข้นหนืดเพียงพอที่จะปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของคุณที่อุณหภูมิสูง

ที่สำคัญเครื่องยนต์เดี๋ยวนี้ เน้น Down-Size ใส่เทอร์โบ เครื่องยิ่งร้อน, น้ำมันเครื่องไม่ดี แปบๆก็ไปละครับ

ยกตัวอย่าง Mobil-1 มี Additive สูตรเฉพาะของเขา  ส่วน Shell ล้ำที่สุดตอนนี้คือเป็น Gas to liquid ซึ่งบริสุทธิ์ที่สุดของเทคโนโลยีสังเคราะห์ตอนนี้
พวกนี้เขาทดลองกันจริงจัง ว่าเทสผ่านไปหลายแสนกิโล จะเห็นความแตกต่างจากสภาพของเครื่องยนต์ชัดเจนครับ (ยิ่ง Mobil-1 เน้นเรื่องการใช้งานกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่เกิดความร้อนสูงเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ)

ไม่งั้นพวก Porche, BMW ไม่ใช้ของแบรนด์เหล่านี้หรอกครับ

ต้องขอโทษจริงๆครับหากมันขัดกับที่คุณเข้าใจหรือทราบมา 

ไม่ได้ฟังเค้ามา หรือใช้ความรู้สึกตอบ  ผมทำงานอยู่ในวงการ Oil & Gas และเคยอยู่ในส่วนของผลิตภัณท์หล่อลื่น (Lubricants) ที่ผมแชร์ก็คือสิ่งที่ผมได้รับการอบรมจาก Lubircant Engineer แต่หากมันไม่ตรงใจก็ขอโทษจริงๆครับ 

ผมเพียงต้องการนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ผมได้รับจากการทำงานจริงๆ ในวงการสารหล่อลื่น ผมรู้ว่ามันขัด แต่นั่นก็คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าสอน

ทั้งหมดผมแค่อยากสื่อว่าความหนืดมันไม่ได้เป็นตัวบอกความสามารถในการปกป้องเครื่อง แต่ความแข็งแรงของชั้นฟิล์มต่างหากที่จะปกป้องเครื่องยนต์ 

ผมแค่อยากจะบอกว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ใสๆแต่ใช้ Base Oil ดีที่มี property ต่างๆที่ดี อาจมีความแข็งแรงของ Oil Film สูงกว่าน้ำมันเครื่องเหนียวๆ แต่มีคุณสมบัติไม่ดีก็ได้

ผู้ผลิตเครื่องยนต์เค้ามีวิศวกร มีงบ R&D เป็นร้อยเป็นพันล้านเรียญ หากเค้ากล้าแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ไหนคงจะคิดดีแล้ว เค้าคงไม่อยากให้เครื่องเค้าพังเร็วหรอกเพราะลูกค้าจะ complain แล้วจะกระทบกรเทือนต่อชื่อเสียงและยอดขายรถของเค้าเองเสียเปล่าๆ

ผมเพียงคิดว่าค่ายรถยนต์บ้านเราเลือกความหนืดน้ำมันเครื่องถูกเบอร์ แต่คุณภาพต่ำมาเติมให้ลูกค้าในศูนย์บริการรึเปล่า ปัญหามันเลยเกิดอยู่บ่อยๆ แม้แต่กับรถหลายๆยี่ห้อ...เท่านัั้นเอง

ออฟไลน์ jajaboss

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 693

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ก่อนกระทู้จะบานปลาย

ขอเคลียร์กัน ก่อน

มันเป็นความสะเพร่าของผมเองที่เขียนมาแบบสั้น ๆไม่ได้อธิบายละเอียด

1. ผมเอานิ้วลูบดูแล้วครับ ว่าLobe มันสึกหรอไปเยอะ เรื่องถ่ายรูปโพสท์ใหม่ ถ้าอยากได้จริง ๆผมจะทำให้ แต่มันก็คงไม่จบถ้าจะมาคอยดัก ผมผ่านMINI แบบใกล้ชิดมาก ๆมาไม่ต่ำกว่า 10 คัน และพวกที่ไม่ใกล้ชิดอีก มากกว่า 50 คัน เห็นพังคาตรีนมาก็เยอะ ไปช่วยเขาลากไปช่วยเขาซ่อมมาก็หลาย เห็นขับได้เป็นสองสามแสนโลไม่พังก็มี Ok ปะ

2. น้ำมันเครื่อง ที่บอกว่าบางหนา ผมเทียบกับคุณสมบัติเดียวกันครับ สังเคราะห์ก็เทียบกับสังเคราะห์ ไม่ใช่เอาพวก Short chain long chain มาเทียบให้ผมฟังใหม่ ผมรู้อยู่แล้วล่ะครับ

3. ที่ว่าบางนี่ผมจับตั้งแต่ เบอร์ 30 ลงไป ใช้ในเมืองไทยตลอดปีครับ ถ้าคุณจะอยู่ดอยตุง ใช้แค่ฤดูหนาว อันนี้จะใช้เบอร์ 0W-10 เครื่องไม่พัง ก็ไม่แปลกนี่ครับ เราคุยกันถึงรถที่ใช้งานในไทยนะครับ

4. Crank start temperature ก็เหมือนกัน ผมเน้นที่ อุณหภูมิในไทยโดยเฉลี่ยครับ เพราะฉะนั้นเนี่ย จะเบอร์ 0w-10 หรือ 0W-60  มันไม่ต่างสำหรับ "ประเทศไทย" ครับ

ต้องการ Qoute อันไหน ผมพยายามใช้ Keyword คำตอบมี อยู่แล้ว ใน API.org ครับ

อ่านกระทู้เก่า ๆ ที่ผมเขียนเรื่องน้ำมันเครื่องก่อนก็ได้ครับ ผมรู้อยู่แล้ว Viscosity, VI, VII, HTHS, และหลายคนก็รู้ ไม่ต้องย้อนไปอธิบายกันนะ อ่านข้อ 1-4 ใหม่ เทียบอะไรก็ Apple to Apple  ใน Environment เดียวกันครับ

เรื่องเบอร์บางน่ะ ถ้ามันดีใช้ได้กับรถทุกคัน วิ่งลื่น สนามแข่งคงใช้ 0W-10 กันหมด ไม่ใช่ 0W-40 หรอกครับ พวกนั้น เปอร์เซนต์เดียวเขาก็ต้องคิดแล้ว หัวกระทู้ก็จั่วไปว่าโดยเฉพาะรถยุโรปครับ ไม่ใช่ Hybrid ยี่ปุ่น, Eco car, City car. แต่ถ้าพวกนี้เอาไปอัดด้วยน้ำมันเบอร์ 20 ผมก็กล้าพูดว่าบางไปเหมือนกัน

เด็กรุ่นใหม่เขาเข้าใจอะไรมั่ว ๆมาเยอะแล้ว สอนให้พวกเขาได้รู้อะไรถูก ๆบ้างเหอะ ฟังอะไรสั้น ๆ ตีความกันมั่ว ๆมากไป เอะอะก็บางแล้วลื่น หนาแล้วหนืดวิ่งไม่ออก  ใครสอนใครสั่งฟระ มันจะเทพเกินไปแล้วที่รู้สึกความแตกต่างของความหนาน้ำมันที่ส่งผลไปเครื่องยนต์ระดับ 0.5% ได้เนี่ย ใช้รถแค่สองแสนโลเครื่องพังบอกว่าปรกตินี่มันอะไรกันเนี่ย ผมใช้เป็นแสน ๆ โลกำลังอัดยังเท่า ๆ ตอนรถใหม่ ๆอยู่เลย

ออฟไลน์ Tue

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
    • อีเมล์
ขออนุญาติเกาะกระทู้ สอบถามรายละเอียด

Highly refined mineral oil (C15 - C50)

ไม่ทราบว่ามีความคิดเห็นกับตัวนี้อย่างไรครับ

หรือช่วยชี้ทาง ที่จะเข้าไปศึกษารายละเอียดดังกล่าวเพิ่มเติม

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ regal

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
  • E90 320ise & E90 320dse
    • อีเมล์
กระทู้นี้ความรู้ล้วนๆ สุดยอดครับ
มีเท่าไหร่ ใส่ไม่ยั้ง เอาให้มันส์ น้ำมันฮวบ!!!

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ขอบคุณครับ ความรู้เพียบ