ก่อนอื่น..อย่าเพิ่งคิดว่าเดี๋ยวนี้ Isuzu เปลี่ยนนโยบายส่งรถให้สื่อทดลองขับเยอะๆแล้วนะครับ
รถคันนี้ เราต้องใช้ระบบอุปถัมภ์เพื่อให้ได้มา กรณีคล้ายๆกับที่ D-Max 3.0 คันสีดำที่เราเคยทดสอบไป
เราก็ต้องใช้รถของตาหมู ธีรพัฒน์ ส่วนคันนี้ก็ยืมญาติของหมูมาด้วยความที่พี่หมี (นามสมมติ) แกรู้ว่า
คนถามเรามาเยอะ ก็เลยให้ตาหมูยืมมาลองใช้และให้พวกเราลองทดสอบ เพราะแกเองก็อยากรู้เหมือนกัน
ว่า "พันเก้าวิ่งไหวมั้ย"
เราไม่ได้มีโอกาสบรรทุกหนักเป็นตัน มากที่สุดก็คือนั่งห้าคนโดย 2 คนในนั้นหนักเท่ากับคนสองคน
ก็เหมือนกับการเดินทางไกล 4 คนบวกกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 4 ใบ
เครื่อง 1.9 ลิตร RZ4E-TC 150 แรงม้า แรงบิด 350Nm ปล่อย CO2 165 กรัม/กม. (ตัว 3.0 ของหมู
ปล่อย 185 กรัม/กม.) หลายคนตั้งแง่เอาไว้ก่อนเลยว่าเครื่องพันเก้าจะวิ่งไหวเหรอ หรือว่าจะบรรทุกหนักๆ
แล้ววิ่งไว้มั้ย เราคุยกันแบบเอาตัวเลขเข้าว่าไปแล้วว่าถ้านั่งสองคนแล้วซัดตึง เจ้า 1.9 นี่มันก็วิ่งพอๆกับ
Ranger 2.2 เกียร์ธรรมดานั่นแหละครับ ใครกดก่อนก็ยืดก่อน
สิ่งที่น่ารำคาญหน่อยก็คือการรอบูสท์..ในสมัยรุ่น 3.0VGS นี่ D-Max มันติดเท้า กดแล้วมาดี อัตราเร่งไว
แต่ 1.9DDi นี่..อารมณ์ตอนรอบูสท์มามันเหมือนกับการยืนเล่นมือถือรอแฟนช้อปปิ้งให้เสร็จ..มันไม่ได้นาน
อย่างที่เราคิดแต่มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้น่าเอ็นจอยเท่าไหร่นัก ที่รอบก่อน 2,000 กดคันเร่งลงไปรถไม่มีพลัง
จะมอบให้ ผมคุยกับคุณผู้อ่านที่เพิ่งซื้อ 1.9Ddi ไปใช้งานบรรทุกสแตนเลส วิ่งต่างจังหวัดหลายๆแห่ง
และเทียบกับ Revo 2.4 กับ Vigo 2.5 และ Triton..ก็เป็นอย่างที่ผมคิดคือยิ่งโหลดท้ายหนักเป็นตัน
D-Max 1.9 ขึ้นเขาที่รอบต่ำๆจะไม่มีพลัง (คนขับรถส่งของส่วนมากเวลาอยู่บนเขาก็เล่นเกียร์ 2-3 เป็นหลัก)
ในบางโค้งที่ขับ Revo กับ Vigo วนไต่ขึ้นโดยใช้เกียร์ 2 แบบเฉื่อยๆได้ D-Max 1.9 ต้องใช้เกียร์ 1
ในช่วงที่ความเร็วลดต่ำ เช่นโค้งแฮร์พินบนเขาเวลามีรถสวนลงมาพอดีทำให้ทิ้งความเร็วเข้าโค้งแบบเต็มๆไม่ได้
ดังนั้นคนบรรทุกหนัก น่าจะบ่นเรื่องแรงรอบต่ำ ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับบรรทุกของหนักไปในหลายพื้นที่
ส่วนคนที่ซื้อกระบะเพื่อใช้งานทั่วไป บรรทุกอย่างมาก 500 โล 1.9Ddi ก็มีแค่อาการรอรอบลักษณะ
คล้าย Triton แต่เวลารอรอบ รอนานกว่า Triton และเวลาบูสท์มา ก็ไม่ฟาดแรงสะใจแบบ Triton หรือ Navara
แต่ Triton ที่ผมยกมาเทียบก็เป็นรุ่นท้อปที่มันคนละพิกัดกัน..และ Navara ตัว 163 แรงม้านั้นก็ยังรู้สึก
ขับรอบต่ำมีแรงกว่า รอบสูงกวาดลื่นกว่า แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสตรงนี้ ก็แค่พยายามเลี้ยงรอบให้อยู่ในช่วง
2,000-3,500 ซึ่งในช่วงรอบดังกล่าว เครื่อง 1.9Ddi ตัวนี้ให้พลังใกล้เคียงกับรถกระบะดีเซล 2.2-2.5 หลายรุ่น
อัตราเร่งแซงเวลาเดินทางไกล สบายครับไม่มีปัญหา ไม่ต้องบ้ารอบลากไป 4,200-4,300 นะครับ..สับเกียร์ที่
ราวๆ 3,600-3,700 แล้วรถจะไปดี ไม่ทรมานเครื่องด้วย
ข้อดีของ 1.9DDi ก็คงเป็นเรื่องความประหยัด ผมคิดว่า Isuzu ต้องการเน้นมาทางนี้มากกว่าเรื่องแรง
เพราะถ้าจะแก้อาการรอรอบ ก็แค่ใช้เทอร์โบเล็กมากๆก็ไม่รอรอบแล้ว แต่ถ้าเทอร์โบเล็กมาก เดินทางไกล
จะติดบูสท์ตลอดและความร้อนสะสมสูง กินน้ำมัน นับว่าต้องยอมสละอีกข้อเพื่อให้ได้อีกข้อ
ที่เกือบลืมบอกก็คือเครื่อง RZ4E-TC ตัวใหม่นี่ เงียบมากครับ ไม่คิดเลยว่า Isuzu จะทำเครื่องดีเซล
พาณิชย์เงียบๆได้ แต่ลองสตาร์ทเทียบกับรถ 3.0 ของหมูแล้ว..แอบอึ้งนิดๆครับ แต่อย่าเข้าใจผิด
มันไม่ได้เงียบแบบ BMW/Benz เก๋งดีเซลอะไรแบบนั้นนะครับ
เรื่องช่วงล่างนั้น ก็ยังคงมีสไตล์แบบ Isuzu คือนุ่มเวลาวิ่งบนถนนกึ่งเรียบ แต่เวลาจะถนนปูนไม่สมประกอบ
จะมีแรงสั่นสะเทือนเข้ามาเหมือนกระบะยุคก่อนๆ J!MMY รู้สึกว่าช่วงล่างเวลานั่งเป็นผู้โดยสารแล้วขับแบบ
สันติโหมด มันสบายกว่า Revo ส่วนตัวผมมองว่าช่วงล่างหน้า Revo นิ่งกว่า แต่ช่วงล่างหลัง Revo ออกแบบ
มาเผื่อบรรทุกหนักมากกว่า ทำให้เวลาวิ่งตัวเปล่าดีดดิ้นไม่ใคร่สบายนัก พวงมาลัยของ Isuzu เซ็ตมาได้เหมาะ
สำหรับผู้ใช้งานกระบะส่วนใหญ่ คือไม่เบาและไวแบบ Triton แต่ก็ให้การควบคุมได้แม่นมือกว่า Colorado
สิ่งที่ต่างจากรุ่น 3.0 ก็มีอยู่บ้าง คือช่วงล่างหลังตัว 1.9 เหมือนจะนุ่มขึ้นนิดๆ ไม่สังเกตไม่รู้ และด้านหน้า
ของ 1.9 เวลาเจอถนนลอนๆจะหยุดยั้งอาการขึ้นๆลงๆได้เร็วกระชับกว่าตัว 3.0 ตรงนี้อาจเป็นผลจากน้ำหนักเครื่อง
ที่เบาลงหลายสิบโล
เรื่องการโดยสารและการขับขี่ Isuzu ออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัว เบาะนั่งสำหรับผมถือว่าสบาย
ไม่ดันหัวมากเท่า Navara..อันที่จริงเวลาผมนึกอยากจะพิงหัวขึ้นมากลับกลายเป็นพนักรองศรีษะอยู่ไกลไปนิด
ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าเวลาขับทางไกลๆ D-Max สบายกว่า Navara แต่ผมคิดว่าเบาะยังไม่โอบอุ้มบอดี้หมี XXXL
แบบผมมากเท่า Revo หรือ Triton ส่วนเบาะหลังนั้น เหอะๆ ผมขอนั่ง D-Max มากกว่า Revo ครับ แต่
ยังไง Triton ก็เอาเรื่องความสบายห้องโดยสารไปกินล่ะ
อุปกรณ์ที่มีให้ ผมเสียดายอยู่หลายอย่าง คือภายในแบบสีน้ำตาลอย่างรถของตาหมู พอมาเป็นรุ่นนี้เป็นสีดำ
หลายคนอาจโอเค แต่มันก็ดูธรรมดาไปนิด สวิตช์ต่างๆใช้การง่าย เข้าใจง่าย จอกลางขนาดใหญ่ หน้าปัด
อ่านค่าได้ชัด แต่คนอ่อนด้อยเรื่อง IT อย่างผมรู้สึกว่าน่าจะเอาระบบนำทางใส่ลงในจอกลางให้กดเรียกใช้ได้
แบบไม่ต้องไม่เรียกใช้ผ่านสมาร์ทโฟน..เข้าใจครับว่าอัพเดทผ่านโทรศัพท์มันง่าย แต่ในชีวิตจริง เรา "ใช้" หรือ "อัพเดท"
ระบบนำทางบ่อยกว่ากันครับ?
ท้ายสุด ราคาตอนเราทดสอบ ปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 921,000 บาท อุปกรณ์ความปลอดภัยค่อนข้างครบครันใช้ได้
ผมคิดว่าถ้าคุณเป็นคนที่ชอบ Isuzu อยู่แล้ว แต่ไม่ได้บรรทุกหนักมาก เอารถไว้ขับผ่านบริเวณทุรกันดาร ชอบรถที่
simple เข้าใจง่าย แค่กลัวว่า 1.9 จะวิ่งสู้ 2.5 ตัวเก่าไม่ได้..อันนี้สบายใจได้ครับ สู้ได้ แค่ต้องเล่นรอบหน่อย
ส่วนคนที่บรรทุกหนัก และนั่ง 4 คนเต็มคันด้วย Revo 2.4 ดูจะเหมาะกว่า ส่วนถ้าเป็นผมใช้เอง สิ่งที่หนักที่สุด
ที่จะบรรทุกก็คงมีแค่ตัวผม ผมอาจจะไปมอง Triton ขับสี่เกียร์ธรรมดามากกว่าเพราะชอบความคล่องของพวงมาลัย
เนื้อที่และความสบายภายในและช่วงล่างที่แม้ไม่มั่นเท่า Ranger แต่ก็นุ่มระดับหนึ่งและพอบู๊ได้มากกว่า D-Max
สำหรับคนที่ใช้กระบะทำงานเอนกประสงค์ ไม่เน้นการขับเร็ว บรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 500 โลด้านท้าย
และเน้นศูนย์เยอะซื้อง่ายขายคล่อง D-Max 1.9 นี่ก็เข้าข่ายตอบโจทย์คุณได้ดี แค่ไปลองขับเทียบกับ Revo
ดูว่าชอบฟีลคันไหนมากกว่า