แรงกว่า 2.5 ประหยัดกว่า 2.0 แต่..นั่นสิ่งที่มองโดยตัวเลข ถ้าใครอ่านแค่หัวข้อ The Clip วันนี้ สงสัยคงโดนหลอกไปเยอะ
ถ้างั้นจะบอกแบบเต็มๆให้ว่า คุณเอาภาพและคุณสมบัติของ X-Trail 2.0V 4WD มาเป็นตัวตั้งก่อนนะครับ จากนั้นนี่คือส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป
1. อัตราเร่งน่ะ.. ถ้าแบตห้าก้อน แรงกว่า 2.5V แต่ถ้าแบต 2 ก้อน อาจจะช้ากว่า และที่สำคัญคือแบตของ X-Trail Hybrid เป็นประเภทลูกเล็กชาร์จเต็มเร็วหมดเร็วครับ ทำ Check Out รอบเดียวจากแบต 5 ก้อนลงมาเหลือ 2 แล้ว คือมันเป็นรถที่แรงจริง แต่เป็นแรงเอาไว้แซงเวลาที่จำเป็นครับ ถ้าขยันขยี้ แบตหมดเร็ว และพอแบตตัดปุ๊บพลังก็ลงไปเหลือพอๆกับรุ่น 2.0 ธรรมดา
เกียร์เป็นแบบคลัตช์คู่..แต่ช้าก่อน มันไม่ได้ทำงานแบบ DSG/PDK ครับ แต่มันมีคลัตช์ 2 ชุด ชุดนึงตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องกับมอเตอร์ เป็นคลัตช์แห้งเหมือนเกียร์ธรรมดา อีกชุดตัดต่อระหว่างมอเตอร์กับเกียร์ CVT เป็นคลัตช์เปียกหลายแผ่น ไม่มีชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ นิสัยการทำงานของเกียร์..ว้าว! Just Wow! นิ่มนวลกว่า Subaru และสนุกเหมือนกับรถออโต้ 6 สปีด เวลากดเต็มมีไล่รอบ เอาผู้ดี เอามันส์ ได้ทั้งนั้น อยากให้ Sylphy Turbo ได้เกียร์แบบนี้วุ้ย
2. อัตราสิ้นเปลืองแบบทางไกลนิ่งๆดีกว่า 2.0 (16.7 กิโลลิตร vs 14.12) แต่ถ้าขับแบบกดคันเร่งตามใจหรือวิ่ง130-140 กินแทบไม่ต่างกันครับ เพราะระบบจะดันเครื่องยนต์สันดาปให้ทำงานบ่อยมาก ผมขับไปบางแสนและวิ่งด่วนร่มเกล้าไปกลับจากบ้านตัวเองได้ 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร..ขับแบบวัยรุ่นซัด (แต่รถไม่ติด) เลขออกมาพอๆกับตัว 2.0 ธรรมดาครับถ้าเท้าหนัก
3. เบาะนั่งแถวหลังสบายน้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดา เพราะตัวเบาะแข็งขึ้น ฐานรองตูดสั้นลงแต่ถ้าถามว่านั่งสบายไหม มันก็ยังพอใช้งานได้ในความคิดผม อย่างน้อยองศาพนักพิงหลังก็น่านั่งกว่า CX5 แต่ก็ดีกว่าแค่นิดดดเดียว
4. เบรก ฟีลแป้นปลอมๆสังเคราะห์ๆคาดเดายาก ความเร็วต่ำกดนิดเดียวหน้าทิ่ม แต่วิ่งเร็วๆแล้วมุดต้องกดหนักกดเยอะ ผมกับทีมงานจะเถียงกันตายเพราะเรื่องเบรก ผมขับไปต้องเกร็งเท้าไป กดหนักๆหน้าทิ่ม แต่หมูบอกขับแล้วต้องกดเบรกเยอะ สรุปพอผลัดกันอธิบายเลยได้รู้ว่าถ้าขับในเมือง จะหยุดรถให้นิ่มต้องค่อยๆกดไล่ๆ แต่พอวิ่งซัดเร็วแล้วเจอรถตัดหน้า คุณจะต้องกดลึกกว่าที่คุณคิด เหมือนแป้นเบรกมี 2 อารมณ์
ยิ่งเวลารถติด2ชม.เป็นต้นไปเบรกยิ่งนิสัยบ้าบอ บางทีเหมือนจะหน่วงก็ดันไหล กดลึกอีกหน่อยคราวนี้หัวทิ่ม วันที่ผมได้รถมาวันแรก เราต้องขับไปธุระกันแถวรังสิต ฝ่ารถติดจากวงแหวนไป แล้วก็วิ่งไป รามอินทรา กลับมามอเตอร์โชว์ในวันที่รถติดมากๆ เบรกออกอาการเดี๋ยวไหลเดี๋ยวทิ่มอย่างว่า ไอ้เราก็ปวดเท้าจะตายชักอยู่แล้วยิ่งต้องปวดหนักกว่าเดิม..แต่โอเคในการใช้งานตามปกติที่ไม่เจอรถติดช่วงระหว่างวันเป็นชั่วโมงๆ มันก็แค่เป็นเบรกที่ฟีลหลอนๆแบบเบรกไฟฟ้า ซึ่งถ้าคุณขับไปสักพักก็น่าจะทำตัวให้ชินได้
5. เรื่องความปลอดภัย...ได้ถุงลมข้างเพิ่มมาคู่นึง อันนี้ดีแล้ว รถราคาเกินล้านสองสมัยนี้ถ้าให้ถุงลมสองใบผมถือว่าไม่ดีพอ ใครไม่สนถุงลม ผมสนครับ สนกว่าปุ่มสตาร์ทและฝาท้ายไฟฟ้าอีก X-Trail 2.0 มีสองใบ ผมก็สวดยับ ตัว Hybrid มี 4 ใบ ถือว่าดีขึ้น ดีแค่พอๆกับ MG GS แต่ยังน้อยกว่า CX-5, CR-V และ Forester
6. หักเลี้ยวแรงๆท้ายรถจะออกสไลด์มากกว่ารุ่นปกติ ถึงแบตจะลูกไม่ใหญ่ แต่มันส่งผลกับน้ำหนักด้านท้ายเหมือนเอาตัวผมไปนั่งน่ะครับ ในภาพรวม เรื่องช่วงล่าง ผมยังมองว่า X-Trail เป็นรถช่วงล่างสไตล์แข็ง แต่แทนที่จะแข็งวัยรุ่นจ๋าแบบ CX-5 คนนิสสันเขาก็จูนให้มันนุ่มสบายขึ้นมาพอที่ผู้ใหญ่จะนั่งได้ พยายามเอาใจทั้งคนเน้นนุ่มและคนเท้าหนัก มันยังเป็นช่วงล่างที่มั่นใจได้มากกว่า CR-V แน่ๆ แต่จะมีอาการท้ายออกมากกว่า X-Trail 2.0 และ 2.5
โดยสรุป
- X-Trail Hybrid ก็เหมาะกับคนที่ต้องการพลังแบบ 2.5 ไว้ใช้เฉพาะเวลาจำเป็น แล้วก็ต้องการความประหยัดแบบ 2.0 โดยที่ถ้าวิ่งทางไกลนิ่งๆจะมีโบนัสประหยัดแถมให้ อย่างไรก็ตามคุณต้องแลกเบาะแถวสาม แลกความสบายของเบาะแถวสอง (เพราะเปลี่ยนพาร์ทตัวเบาะ) นอกนั้นอย่างอื่นมันก็เหมือนๆกับ X-Trail พี่น้องของมัน