ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคบรรทุกหนัก(ชั่วคราว)สายกระบะ 4 ประตู ฉบับบ้านๆ  (อ่าน 58029 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thanawat Ton

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 213
กระทู้นี้ ผมจะพูดถึงการบรรทุกน้ำหนักมาก ช่วง 800 กก. - 1.3 ตัน (ซึ่งผมคิดว่า ส่วนมากแล้วสำหรับกระบะ 4 ประตูเดิมๆไม่ได้ปรับแต่งช่วงล่างเหมือนสายแบกตลาดไทย)

ในกรณีรถกระบะ 4 ประตูนั้น  โดยปกติกระบะจะอยู่ในตำแหน่งเหลื่อมท้าย (ตั้งแต่เหนือ/ก่อนล้อหลังเล็กน้อย ยาวไปถึงท้ายกระบะ)

เทคนิคง่ายๆ และข้อควรระวัง ไว้แบก(ชั่วคราว) สำหรับบางท่านที่อาจไม่เคยทราบ ตามนี้ครับ
--หากเดินทางไกล ใช้ความเร็ว (ไม่มีผู้โดยสารนั่งเต็มหน้ารถ)
  1. พยายามวางของ/สัมภาระ ที่มีน้ำหนักมากที่สุด ไว้ตำแหน่ง ชิดหัวเก๋ง หรือด้านหน้าสุดครับ ไม่ควรวางของหนักมากๆ ไว้ท้าย เพียงเพื่อยกสะดวก
      เพราะ การวางของหนักไว้ท้าย จะทำให้รถเสียสมดุล ท้ายห้อย หน้าเชิด
      ผลที่ตามมาคือ  ขับและความคุมรถได้ยาก เนื่องจากหน้าลอย พวงมาลัยจะเบามากกว่าเดิม
      ผลระยะยาว ที่อาจะกระทบคือ กรณีถนนไม่ดี เป็นคลื่น จะส่งผลต่อการโก่งงอของแชสซีได้ (นึกภาพเหมือนม้ากระดก ที่มีคนนั่งปลายท้าย และด้านหน้ามีน้ำหนักหัวรถถ่วงไว้ ตรงกลางมีล้อค้ำอยู่ จะแอ่นโค้งขึ้น)
  2. ตรวจสอบลมยาง
      กรณีบรรทุก เกิน 700 กก. - 1.3 ตัน ควรเพิ่มลมยางหลัง ให้มากกว่าเดิม เช่น รถผมล้อ 18 ยางโรงงาน ปกติรถเปล่าเติม 35  ก็เพิ่มเป็น 55 ไม่ควรเกินนี้ เพราะยางจะแข็งเกินไปเสี่ยงต่อการระเบิด ส่วนล้อหน้าไม่จำเป็นต้องเติมครับ ใช้ตามปกติได้เลย
      เพราะ หากบรรทุกเยอะ แต่ลมอ่อน ยางจะย้วย เวลาขับขี่จะควบคุมรถยาก เข้าโค้งย้วย ไม่นิ่ง เจอถนนเป็นคลื่นจะเด้งมาก  เมื่อไม่ได้บรรทุก ก็ควรปล่อยลมออก
      สิ่งที่ควรระวัง ไม่ควรขับเร็วเกิน 100 กม/ชม. เพราะช่วงล่างเดิม ล้อเดิม ยางเดิม ไม่ได้เซ็ทมาให้บรรทุกหนัก อาจส่งผลเสียต่อรถในระยะยาว

เทคนิคการขับรถ 4 ประตู บรรทุกหนัก
  1. ไม่ควรใช้ความเร็วสูง
  2. ต้องสังเกตสภามถนน และคอยระวังตลอด เนื่องจากหนัก 1 ตัน รถนั่งเพลาอยู่แล้ว(ลูกยางค้ำแชสซีติดเพลา) ไม่มีระยะยุบของแหนบแล้ว หากถนนเป็นหลุม คลื่น ที่เด้งจะเป็นยางครับ
  3. ใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว ไม่ใช้รอบที่ต่ำเกินไป เอาไว้มีกำลังฉุดเวลากระทันหัน
  4. เผื่อระยะเบรคให้มากขึ้น
  5. ไม่ควรเบรคแรงๆ หากไม่จำเป็น และเลี่ยงการเบรคหนักๆ แบบเป็นจังหวะ ขย่มรถ จะส่งผลเสียต่อแชสซีรถ เพราะน้ำหนักกดลงที่กลางแชสซีมาก
  6. ไม่ควรออกตัวเร็ว เพราะรถหนัก แรงบิดของเครื่องที่ส่งไปล้อ จะส่งผลให้โครงสร้างแชสซีรับภาระการบิดตัวมากกว่าปกติด้วยน้ำหนักที่มากเป็นแรงส่ง

ผมขอแนะนำเพียงเท่านี้ครับ หากท่านใดมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม หรือเห็นแย้ง เชิญแชร์ร่วมกันได้ครับ เพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้ที่ไม่ประสบการณ์ครับ

**จำไว้ว่า ช่วงล่างเดิมๆ อย่าฝืนเยอะ ให้ระวังมากๆครับ**




ในภาพบน ผมบรรทุก น้ำตาลทราย 20กระสอบ กระสอบละ 50 กก. = 1 ตัน และในเบาะหลังมีของอีกรวม 300 กก. รวม 1.3 ตัน
ภายล่าง  มีน้ำตาลทราย 15 กระสอบ = 750 กก. รวม ของอื่นๆอีก เกือบ 300 กก. ก็ประมาณ 1 ตัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 17, 2017, 11:12:24 โดย thanawat_ratasart »

ออฟไลน์ tnp_super

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,927
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ ขนาดรถผมเป็นแค๊ปผมยังไม่กล้าบรรทุกถึงตันเลยครับ

ออฟไลน์ Dubee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,534
ทำแบบนี้ถูกต้องละครับ บรรทุกของ จัดของยังไงก็ได้ ให้น้ำหนักจุกที่มากที่สุด อยู่เหนือเพลาบรรทุก (ซึ่งก็คือเพลาหลังนั้นเองครับ)

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
เห็นแล้วนึกถึงที่เขา โมฯ

เพิ่มแหนบ โมดิฟายเพลา ทุกกัน 3 - 4 ตัน

แต่ไม่ยอมซื้อ 4 ล้อใหญ่ หรือ 6 ล้อมาใช้

ออฟไลน์ Thanawat Ton

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 213
เห็นแล้วนึกถึงที่เขา โมฯ

เพิ่มแหนบ โมดิฟายเพลา ทุกกัน 3 - 4 ตัน

แต่ไม่ยอมซื้อ 4 ล้อใหญ่ หรือ 6 ล้อมาใช้

เหมือนกันเลยครับ
ผมเคยไปคุยตรงข้ามบ้านที่เขาเป็นสายแบกปิกอัพ ก็คือ
1. กระบะ ไม่ติดเวลาเข้าเมือง
2. บรรทุกหนักแค่ขาเดียว  ส่วนขาวิ่งรถเบา กระบะทำเวลาได้ กินน้ำมันน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับ 4/6ล้อบรรทุก ที่ทำความเร็วไม่ได้ และเครื่องใหญ่ 3,500 cc  4200cc บ้าง กินน้ำมัน เวลาวิ่งรถเบา
3. ภาษีถูก
4. คล่องตัวกว่า
5. หักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือมากกว่า


มีข้อเสี่ยงแค่อย่าวเดียวคือ อุบัติเหตุ เขาก็บอกว่า อยู่ที่ฝีมือ ความชำนาญคนขับ

ออฟไลน์ pongsakorn11

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 855
ของคุณครับสำหรับเทคนิคดีๆ