ผู้เขียน หัวข้อ: HYBRID สำหรับผม แบบที่ไม่เคยเห็นใครอธิบายแบบนี้ ในแบบบ้านๆ  (อ่าน 10499 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ที่ว่าใครอธิบาย หมายถึงสื่อต่างๆ ที่มาจากค่ายรถ และคำอธิบายอื่นๆ จากคนทั่วไปที่ค่อนข้างมีภูมิความรู้เยอะ

ต้องบอกก่อนว่าผมประทับใจในรถ Hybrid และผมก็จะเลือกรถ Hybrid ถ้ามันมีให้เลือก
และถ้ามีเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ขึ้นไปอีกที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า ผมก็อยากจะลอง ก็เล็งๆ e-power อยู่
แต่คำนิยามของผมสำหรับ Hybrid ที่จะเขียนแบบบ้านๆ นี้ อาจจะอ่านแล้วดูขัดแย้งเหมือนจะด่า
แต่มันเป็นการด่าแบบเอ็นดูมากกว่า และที่มาลงคือต้องการอธิบายให้คนอื่นๆ ที่มีความรู้คล้ายๆ ผม
คือ แม่นข้อมูลจากข้อมูลที่ค่ายรถสื่อมาให้ แต่อาจจะไม่ได้ใช้งานจริง และอาจจะไม่ได้รู้ว่าจริงๆ มันไม่ได้เป็น
อย่างที่คิด และกับคนที่อาจจะไม่ได้เข้าใจลึกนัก แต่ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่สายด้านเทคนิค ด้านเทคโนโลยี่เลย
แต่เป็นผู้ใช้บ้านๆ ที่มีทั้งเหตุผลและอารมณ์ความรู้สึกจึงอยากได้คำอธิบายที่เป็นรูปธรรมมากกว่า ตัวเลขและสถิติต่างๆ

ผมใช้ Hybrid ครั้งแรกกับ Prius ที่ญี่ปุ่นประมาณ 2-3 วัน ซึ่งมันน่าประทับใจมากๆ ประหยัดดีสุดๆ
และแค่นั้น ไม่ได้ลงลึกอะไร แต่มันก็ขึ้นใจอยู่ถึงภาพอธิบายของ Toyota ช่วงขับช้าๆ ไฟฟ้าทำงานอย่างเดียว
ช่วงเร่งเต็มที่ หรือช่วงขึ้นทางชัน ก็จะใช้ทั้งแรงเครื่องและแรงไฟฟ้า และช่วงปล่อยให้รถไหลหรือเบรกก็จะคืนไฟฟ้าเข้าแบต
แต่ที่จริงแล้ว "มันไม่ได้บอกอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย" วันนี้เมื่อผมนึกย้อนกลับไป ผมก็รู้สึกว่าผมนั้นโง่มาก
เพราะคิดว่าไดอาแกรมนั้นน่ะก็คือคำอธิบายความเป็นรถ Hybrid จริงๆ ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ มันเป็นแค่คำอธิบาย กริยาท่าทาง
ของคุณเวลาขับรถ hybrid เท่านั้นเอง

ทำไมผมเขียนแบบนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้บอกว่า คุณจะต้องขับยังไง และใช้ชีวิตยังไงกับมันน่ะสิ ถึงจะได้ความประหยัด
ถึงจะได้สมรรถนะ ซึ่งทั้งหมดคุณต้องไป experience กันเอาเอง ซึ่งแต่ล่ะคนอาจจะได้ผลลัพท์ออกมาไม่เหมือนกัน
แต่สิ่งที่ผมพบจากการใช้ Camry Hybrid มาสักระยะ ผมพบว่ามันทำให้เป็นคำอธิบายที่ดูง่ายๆ และบ้านๆ แต่มันอาจจะ
ไม่ดึงดูดให้ลูกค้าซื้อรถ Hybrid ก็ได้ถ้าอ่านสิ่งที่ผมจะเขียนไป แต่ผมต้องย้ำอีกทีว่า ตัวผมน่ะชอบ แต่ผมน่ะเดาว่าคุณคงจะ
ไม่ชอบในสิ่งที่ผมเขียนอธิบายเกี่ยวกับมัน และฝ่ายการตลาดก็จะไม่มีวันเขียนถึงมันแบบที่ผมจะอธิบายแน่ๆ

ผมขออ้างอิงที่คุณจิมมี่ (เรียกคุณแล้วกันเพราะอายุเท่ากัน) เขียนอธิบายในสไตล์ตัวเองว่า "Hybrid ของ Toyota คือ
แบบที่ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพระเอกทั้งคู่ ส่วน Hybird IMA ของ Honda คือให้เครื่องยนต์เป็นพระเอก"
คำพูดนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้ประดับเป็นความรู้ในสมองมาตลอด แม้ว่าในความเป็นจริง ผมไม่ได้พบว่าไฟฟ้ามันเป็น
พระเอกขนาดนั้นอย่างที่เขียนเป็นตัวหนังสือ

และอีกประเด็นคือ คำถามที่ไม่เคยมีใครถาม หรือไม่มีใครมาอธิบายว่า ทำให้ฝั่งเครื่องยนต์ถึงต้องลดทอนกำลังแรงม้า
ของตัวเองลงมาขนาดนั้น คือลดลงมาเยอะมากกก เพื่อมารวมกับระบบ Hybird ที่มีกำลังแรงม้าของมอเตอร์ไฟฟ้า แล้วค่อย
รวมออกมาเป็นแรงม้า 190-200 ตัวอีกที ทำไมไม่ให้เครื่องยนต์มันใช้แรงม้าเท่าที่มันมีแบบในรุ่นเครื่องยนต์อย่างเดียวปกติ
ผมก็เพิ่งมาเห็นภาพชัดๆ นี่เอง

เอาล่ะผมจะเริ่มอธิบายแล้วครับ
รถผมเป็น Camry Hybrid 2.4 มือสอง ที่ระบบแบตยังโอเคอยู่ ยังไม่ได้เคลมนะครับ กำลังของแบตก็อาจจะไม่ได้แรง
เหมือนของใหม่ๆ อันนี้ก็เรื่องนึง ซึ่งผมต้องรอดูอีกทีตอนที่แบตเสียแล้วเคลม
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมใช้ eco car บ่อยมาก ใช้มาหลายปี หลายรุ่นด้วยกัน และเป็นคนขับที่เน้นประหยัดน้ำมันด้วย
พอมาใช้ hybrid ก็เลยตั้งใจขับให้ประหยัดดู ผมรู้สึกว่าทั้ง Hybrid และ Eco car มันมีอะไรที่เหมือนๆ กัน!?

คำอธิบายสั้นๆ ของคนที่ใช้รถและต้องการความประหยัดเป็นหลัก
"รถยนต์ Hybrid มันก็เหมือน Eco car ที่สามารถสั่งให้มันแรงโคตรได้เมื่อใจต้องการ มีแอร์เป่าเย็นๆ และไม่สูบน้ำมัน
ตอนรถติดไฟแดงชั่วระยะนึง และสามารถขับเหมือนขับฟรีๆ ไม่กินน้ำมันได้ระยะประมาณนึง"

และผมพบว่า สิ่งที่ทำให้รถ Hybrid ประหยัดจริงๆ ถ้าไม่นับ activity พิเศษดังกล่าวที่เสริมมาจากระบบไฟฟ้า
พูดว่า สมมติวันนึงระบบไฟฟ้าเกิดตายจากไป หายไป หรือแบตหมด สิ่งที่ประหยัดก็มาจากเครื่องยนต์ที่จูนแรงม้ามาต่ำๆ นี่แหล่ะครับ
จากการสังเกตุดูมาหลายครั้ง บอกได้เลยว่า ถ้าไม่จูนแรงม้ามาน้อยๆ ในช่วงที่เหยียบเท่าๆ กับเครื่อง 2.4 ปกติ และไม่มีไฟฟ้ามาปั่นช่วย
น้ำมันก็คงสูบเท่าๆ กัน แต่เพราะแรงม้าน้อย มันจึงกินน้อยไปด้วย และตรงจุดนี้ ไฟฟ้าถึงถูกนำเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาอืด

ตรงนี้เองที่เหมือนกับ Eco car เพียงแต่ eco car มันไม่มีไฟฟ้ามาช่วยไง และ 1200cc ของมันก็คือพยายามจูน
มาเต็มที่แล้วเพื่อให้ได้ แรงม้า และความประหยัดที่เหมาะสมที่สุด ผมนึกถึงสมาชิกหลายท่านที่บอกว่า ถ้าอยากผ่าน eco car 2
ก็จูนให้อืดลง ตอนแรงม้าออกก็ผ่านได้ ผมว่า เออ..มันก็น่าจะจริงแหะ 

นี่คือการมองในแบบของนักขับแบบประหยัด
แต่ถ้ามองแบบนักขับซิ่ง ซึ่งเมื่อก่อนผมก็เคยขับแบบบ้าพลังอยู่เหมือนกันพักนึง ความหมายของ Hybrid อาจจะฟังดูวิเศษกว่านี้
คือ"รถที่มันแรง แต่เหยียบๆ ไป เฮ้ย..อัตราสิ้นเปลืองโคตรดี" มันฟังดูพิเศษกว่าพูดว่า "Hybrid ก็เหมือน eco car ที่มีไฟฟ้ามาช่วย" ใช่มั้ยครับ

พอหลักๆ ความประหยัดมันมาจากการที่จูนนิ่งเครื่องส่วนเรื่องว่าใครจะใช้แบตได้ประสิทธิภาพต่างกันขนาดไหน
ทำให้ผมมองระบบ Hybrid IMA ก่อนหน้านี้ของ Honda ดีขึ้นเยอะเลย เพราะหลักๆ ระบบ Hybrid มันก็คือการ
ใช้ประโยชน์ของเครื่องยนต์จูนมาไม่ให้แรง แล้วมาดูว่าพลังงานไฟฟ้าจากแบตจะมาเสริมจุดด้อยเรื่องสมรรถนะได้ตรงไหนบ้าง

ดังนั้นระบบ Hybrid ผมว่า ระบบไฟฟ้ายังไม่ใช่พระเอกเลยแม้แต่น้อย เพราะพระเอกของผม เดี๋ยวมาบ้างไม่มาบ้าง
และจริงๆ พระเอกก็ต้องพึ่งกำลังเครื่องอ่อยๆ ที่มาเป็นลูกคู่ของมัน ถ้าจะบอกว่าระบบไฟฟ้าเป็นพระเอกได้จริง ผมคิดว่า
คงมีแต่ระบบไฟที่วิ่งแทนเครื่องยนต์ได้เลยจะเร็วแค่ไหนก็ช่าง อย่าง e-power ผมยังบอกตัวเองไม่ได้ว่า ใครเป็นพระเอก
หรือเป็นพระเอกทั้งคู่ เพราะยังไม่เคยลองขับ แต่คิดว่า พระเอกที่เป็นฝั่งไฟฟ้า น่าจะมาเรื่อยๆ ไม่มาๆ หายๆ

และอีกอย่างที่พิสูจน์ว่าผมคิดไม่ผิดก็คือ
Hybrid นั้นวิ่งนอกเมืองประหยัดครับ
หลายคนเข้าใจผิด เพราะอ่านไดอาแกรมดังกล่าวแล้วทำให้มโนภาพไปเช่นนั้น
เพราะว่าเนื้อแท้แล้ว ระบบ Hybrid ต้องพึ่งเครื่องยนต์ที่จูนมาไม่แรง ทำให้เวลาขับลอยลำนานๆ
อัตราสิ้นเปลืองมันถึงได้ดีครับ มันไม่ใช่ว่า มีไฟฟ้ามาช่วยนิด มาช่วยหน่อยตอนที่รถติดในเมืองแล้วมันจะได้
อัตราสิ้นเปลืองเลิศเลอ มันแค่ช่วยให้ไม่เสียน้ำมันไปฟรีๆ ตอนรถติดๆ มากกว่าครับ ลักษณะที่วิ่งนอกเมืองลอยๆ ยาวๆ
แล้วได้อัตราสิ้นเปลืองดีมากๆ ก็พวกรถ eco car ครับ

ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในย่านที่รถไม่ติด ไม่ได้แคร์อัตราเร่ง 0-100 ไม่ได้อยากแซงเลนที่มีแค่ 2 เลนแล้วเสียวรถบรรทุก
รถยนต์ eco car ให้คำตอบคุณได้เท่าๆ รถ Hybrid เลยครับ คนที่เป็นแบบนี้อาจจะมีเยอะก็ได้ในความคิดของผม
ผมอยากจะบอกว่า ถ้าคุณเลือก eco car คุณจะได้อะไรที่เหมือนๆ กัน แต่ประหยัดกว่ากันเป็นล้าน
แต่ถ้าคุณเป็นคนแนวซิ่ง ความหมายก็จะเปลี่ยนไป การเปรียบเทียบก็จะกลายเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรถ Hybrid
กับรถ Turbo แทน หรือเทียบกับ รถเทอร์โบดีเซลแทน เท่านั้นเอง

ส่วนที่ผมว่ามันเหมือน Eco car ที่เหยียบซิ่งได้ดังใจ มันเทียบได้กับอะไร มันเทียบได้กับว่า
เหมือนเรามี turbo อยู่ที่เท้าครับ ให้นึกถึงเราขับ Swift มาช้าๆ กำลังประหยัดๆ จู่ๆ อยากพุ่งแบบเทอร์โบ
นี่คือรถ Hybrid

นี่คือคำอธิบายแบบบ้านๆ ของผมครับ และหวังว่ามุมมองอีกมุมจะทำให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ


ออฟไลน์ nuntapon.s

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,910
    • อีเมล์
ทำไมผมเข้าใจว่าเวลาวิ่งลอยลำแล้ว(ที่ความเร็วไม่เกินที่กำหนดไว้) มอเตอร์ทำงานคู่กับเครื่องยนต์  ถ้าเป็นตามที่ผมคิด  มันก็ไม่ได้ประหยัดเพราะatkinson cycleอย่างเดียวหรอก

ส่วนเรื่องอื่นๆผมก็เห็นด้วยนะ  แต่ถ้าอธิบายให้คนซื้อฟังแบบนี้คงไม่มีใครซื้อแน่นอน

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
ขอบคุณคับ

ส่วนตัวผมสนใจ ระบบ Mild Hybrid ของ suzuki ครับ

ผมว่ารถเบาๆ พวกเล็กกว่า B-car ลงไป ยัด 1.2 แล้วใส่มอเตอร์เล็กๆ ช่วยพลังนิดๆ และลดโหลด น่าจะเหมาะกับประเทศไทยมากสุด

ส่วนระบบ E-power น่าสนใจในแง่ความแรงและราคาไม่สูงมากคับ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
ผมก็เคยอธิบายความรู้สึกส่วยตัว ไปว่า ไปลองขับมา ความรู้สึก และ อารมณ์ คือ

camry ถ้ามองว่าเป็น hybrid มันก็คือ hybrid แท้ๆ เลย คือจะทำงานด้วยเครื่องยนต์+motor เป็นหลัก

accord มันให้ motor ทำงานเป็นหลัก เครื่องทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟซะส่วนใหญ่

ถ้าถามว่า ชอบแบบไหน ผมขอบ hybrid ของ accord มากกว่า เพราะ motor ทำงาน มันดึงดีมาก กดเป็นมา แรงบิดจาก motor มันใช่มาก (ถ้าไม่คิดยี่ห้อ หรือ ตัวรถ มองแค่ว่าเป็น hybrid) และน่าจะเป็นเหตุผลที่มันประหยัดหลัก 20km/l ตามที่ hlm ทดสอบมา

ส่วน x-trail เหมือนไม่ใช่ hybrid แอบรำคาญด้วย เพราะมันสลับระบบ hybrid บ่อยหรือถี่เกินไป กลับชอบตัว เบนซิน ธรรมดา มากกว่า


ออฟไลน์ SLuang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,816
ผมว่านั่นเป็นผลพลอยได้ครับ
แต่ไม่ใช่แนวคิดหลักของการเกิด Hybrid
แนวคิดหลักจริงๆ  คือ รถยนต์ที่ขับอยู่นั้น มันปล่อยมลพิษเป็น 0 ในบางเวลา  ทั้งๆ ที่วิ่งอยู่ ถ้าคิดแค่นี้ perfect ขนาดไหน

ทุกวันนี้มีรถที่ประหยัดกว่าอีโคคาร์ แต่แรงกว่า Hybrid ตั้งหลายรุ่น กลุ่มที่รักความแรง ไม่เหลียวมอง Hybrid เลยนะ

ส่วนกลุ่มที่เลือก Hybrid ก็จะไม่ใช่กลุ่มที่รักรถแรง


ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ผมว่ามันก็เป็นอะไรที่มีอธิบายอยู่ทั่วไปนะครับ  (ยังงงว่าทำไมถึงขึ้นหัวข้อว่า ไม่เคยเห็นใครอธิบายแบบนี้)

ทำไมเครื่องต้องไปลดแรงม้ามันลง  ทำไมไม่ให้มันแรงม้าเท่าเดิมแล้วเสริมแรงจากมอเตอร์ ฯลฯ

พวกนี้ผมเห็นเขาก็บอกกันไว้นานแล้วนะครับ  ว่าจุดประสงค์ของไฮบริดมันสร้างมาเพื่อลด Emission  จริงๆมันควรจะเป็นการใช้เครื่องเล็กลง (เหมือน Eco car) แล้วใช้มอเตอร์ช่วยปิดจุดอ่อนจากที่เครื่องยนต์มีกำลังน้อย 
แต่หลายๆเจ้า ก็ลดต้นทุน ด้วยการตอนแรงม้าเครื่องเดิมแทน จะได้ไม่ต้องหาเครื่องใหม่ 


แต่ประเด็นที่ว่า ฝ่ายการตลาดไม่อธิบายแบบนี้  อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะส่วนมาก เราจะเห็นโฆษณาไปทำนองว่า Hybrid คือรถพรีเมี่ยม เพิ่มความแรง โดยได้ความประหยัดเป็นของแถม เสียมากกว่า


ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ผมว่ามันก็เป็นอะไรที่มีอธิบายอยู่ทั่วไปนะครับ  (ยังงงว่าทำไมถึงขึ้นหัวข้อว่า ไม่เคยเห็นใครอธิบายแบบนี้)

ทำไมเครื่องต้องไปลดแรงม้ามันลง  ทำไมไม่ให้มันแรงม้าเท่าเดิมแล้วเสริมแรงจากมอเตอร์ ฯลฯ

พวกนี้ผมเห็นเขาก็บอกกันไว้นานแล้วนะครับ  ว่าจุดประสงค์ของไฮบริดมันสร้างมาเพื่อลด Emission  จริงๆมันควรจะเป็นการใช้เครื่องเล็กลง (เหมือน Eco car) แล้วใช้มอเตอร์ช่วยปิดจุดอ่อนจากที่เครื่องยนต์มีกำลังน้อย 
แต่หลายๆเจ้า ก็ลดต้นทุน ด้วยการตอนแรงม้าเครื่องเดิมแทน จะได้ไม่ต้องหาเครื่องใหม่ 


แต่ประเด็นที่ว่า ฝ่ายการตลาดไม่อธิบายแบบนี้  อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะส่วนมาก เราจะเห็นโฆษณาไปทำนองว่า Hybrid คือรถพรีเมี่ยม เพิ่มความแรง โดยได้ความประหยัดเป็นของแถม เสียมากกว่า

ผมยังไม่เคยเห็นใครอธิบายแนวนี้ครับ มีแต่อธิบายด้านเทคนิคซึ่งทำให้มองไม่เห็นภาพ
และรู้สึกตามไม่ได้ สิ่งที่ผมอธิบายคิดว่าทำให้เห็นในภาพความเป็นจริงชัดที่สุดครับ

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,810
จริงๆแล้วรถไฮบริดก็ประหยัดกว่ารถธรรมดามากๆโดยเฉพาะเวลาวิ่งรถติดๆหรือแบบผสม เสียแต่ว่าค่ายรถบ้านเราไม่ได้ตั้งราคาให้ดึงดูดใจเท่าใดนัก หนำซ้ำยังตั้งราคารุ่นไฮบริดให้สูงกว่ารุ่นธรรมดาก็มี อีกทั้งราคาอะไหล่ก็แพงมากๆ กรมศุลเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลดภาษีอะไหล่ไฮบริด แถมยังไล่จับและเก็บภาษีเพิ่มจากToyota Priusซะจนเป็นเรื่องใหญ่โต ประเทศไทยก็เป็ยแบบนี้แหละครับ นโยบายกับการปฎิบัติไม่ได้ไปในแนวทางเดียวกัน
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ Miata

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 95
    • อีเมล์
เครื่องไม่ได้จูนให้ประหยัดหรอกครับ

คีย์เวิร์ดคือ เครื่องยนต์  Atkinson ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว
คือกินนำ้มันต่ำ ที่รอบเครื่องยนต์คงที่    แต่เครื่องยนต์ Atkinson ทำการเปลี่ยนรอบได้ช้า (เร่งรอบได้ช้า)
ทำให้เอามอเตอร์มาช่วยในการเร่งความเร็วรถ

คือเอาข้อดีของ Atkinson แล้วปิดจุดออ่อนด้วยมอเตอร์
Toyota Camry HV Premium Year 2019
Subaru XV 2.0i Year 2015
Suzuki Swift ECO 1.25L Year 2013
Toyota Vios 1.5E Year 2003 - Retried
MAZDA 323 Sedan 1.6L Year 1995- Retried

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
เครื่องไม่ได้จูนให้ประหยัดหรอกครับ

คีย์เวิร์ดคือ เครื่องยนต์  Atkinson ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว
คือกินนำ้มันต่ำ ที่รอบเครื่องยนต์คงที่    แต่เครื่องยนต์ Atkinson ทำการเปลี่ยนรอบได้ช้า (เร่งรอบได้ช้า)
ทำให้เอามอเตอร์มาช่วยในการเร่งความเร็วรถ

คือเอาข้อดีของ Atkinson แล้วปิดจุดออ่อนด้วยมอเตอร์

ขอบคุณครับ Atkinson cycle ใช้ใน Hybrid โดยเฉพาะ
เพราะได้ลักษณะเฉพาะของระบบนี้ที่เหมาะสมกับ hybrid
แต่อยากจะสื่อว่า การจูนเครื่องมาแรงม้าน้อยๆ อัตราเร่งช้าก็มีผลกับความประหยัด
เช่นกัน ซึ่งอารมณ์ Hybrid กับ Eco car ก็คือได้ผลลัพท์ในช่วงเวลาที่ต้องการความประหยัด
ได้ไม่แตกต่างกัน ถ้าพูดแบบบ้านก็ควรตัดเรื่องชนิดของเครื่องยนต์ออกแล้วพูดถึงผลลัพท์จริงๆ
ไงครับ แต่ขอบคุณที่ช่วยเสริมข้อมูลให้ครับ

ปล แม้จะเป็น fact แต่เวลาพูดศัพท์เทคนิคกับคนทั่วไป ผลลัพท์ก็ไม่ได้อะไร
คนฟังอาจจะมึนๆ + ทึ่งในข้อมูล

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
ขอบคุณครับ  ถ้ารถติดมากๆ ตอนเช้า แบบแถวบ้านผม 10 กิโลเมตร 1 ชั่วโมง จอดติดเข้า N เปิดแอร์ทิ้งเฉยๆ ซะส่วนใหญ่
อย่างนี้ hybrid กับ eco car อะไรจะประหยัดกว่ากันหรือครับ 


ผมว่า hybrid เขาก็ไม่ได้โฆษณาว่ารถแรงอะไรมากมาย แต่เน้นไปทางรักษ์โลก ประหยัดพลังงานซะมากกว่า

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,699
ที่รถไฮบริดมันประหยัดน้ำมันได้มากก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการพลังงานและลดการสูญเปล่าที่เกิดขึ้นกับรถน้ำมันแบบปกติไงฮะ

เช่นตอนที่รถกินน้ำมันมาก ๆ แบบฮวบ ๆ เลยก็คือตอนเร่ง ไม่ว่าจะเร่งออกตัวจากหยุดนิ่งหรือไต่ความเร็ว ก็เอามอเตอร์มาช่วยซะ
ซึ่งจุดเด่นของมอเตอร์คือให้แรงบิดสูงทันทีที่หมุน มันก็ลงล็อคพอดีเพราะเวลาเราเร่งความเร็วเนี่ยรถต้องการแรงบิด  พอเอามอเตอร์
มาช่วยหรือมาทำหน้าที่แทนตรงนี้ก็ไม่ต้องให้น้ำมันแบบมหาศาล

ช่วงเวลาที่เราเบรค มันเป็นการทำลายระยะทางที่รถควรจะวิ่งได้ไป (ไหลโดยไม่ต้องจ่ายน้ำมัน)  ระบบไฮบริดก็ให้มอเตอร์ใช้จังหวะนี้
เอาพลังงานที่เราทำลายทิ้งเปล่า ๆ ปั่นไฟกลับมาเก็บไว้เพื่อใช้ตอนเร่งเครื่องในครั้งถัดไป   อันนี้ถือเป็นการเอาพลังงานที่สูญเปล่า
กลับมาใช้ประโยชน์

ส่วนเวลารถติดจอดนิ่ง ๆ รถทั่วไปจะติดเครื่องเดินเบาอยู่กับที่ อันนั้นเสียน้ำมันอย่างเดียวโดยไม่ได้ระยะทางเลย แต่ถ้าเป็นรถไฮบริด
ทุกอย่างดับหมด ไม่มีการกินน้ำมัน ส่วนแอร์ก็ไปใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตไปซะ ถ้าติดนานจนแอร์กินแบตหมด เครื่องค่อยติดมาปั่นไฟ
ใช้กับแอร์  แต่ถ้าประเทศที่อากาศเย็น ๆ ไม่ต้องเปิดแอร์ก็ไม่ต้องใช้น้ำมัน

ทีนี้จะอธิบายยังไงให้คนที่ไม่ได้สนใจรถยนต์ ไม่มีเซ้นส์ด้านเอ็นจิเนียร์ ไม่มีเซ้นส์ด้านฟิสิกส์ เข้าใจได้ล่ะครับ
มันยากนา    ขืนไปอธิบายอะไรแบบนี้ เผลอ ๆ พาลคิดว่าระบบนี้ยุ่งยาก ใช้ยาก เสียง่าย ช่างบ้าน ๆ ซ่อมไม่เป็น  มันก็จบกันสิครับ

สู้ไปโฆษณาว่า   "หรู... แรง... รวย - ฉลาด... ผู้นำ... ล้ำสมัย..."  มันเข้าใจง่าย มันฟิน มันเคลิ้มกว่ากันเยอะฮะ

ส่วนพวกแผ่นพับทางเทคนิคก็อธิบายอย่างย่อ ๆ พอ  เอารูปเยอะ ๆ ตัวหนังสือน้อย ๆ  เกิน 7 บรรทัดก็เครียดละฮะ
จากนั้นค่อยให้คนดัง คนมีชื่อเสียงมาลองขับ ลองเอาไปใช้ซะ 3 วัน 7 วัน แล้วก็เอามาสัมภาษณ์ แบบนี้มันสื่อสารง่ายกว่า

สำหรับคนสนใจทางเทคนิคจริง ๆ ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านวิศวกรรม ค่อยใช้เอกสารจำพวก Technical report ไปครับ

                 

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ขอบคุณครับ  ถ้ารถติดมากๆ ตอนเช้า แบบแถวบ้านผม 10 กิโลเมตร 1 ชั่วโมง จอดติดเข้า N เปิดแอร์ทิ้งเฉยๆ ซะส่วนใหญ่
อย่างนี้ hybrid กับ eco car อะไรจะประหยัดกว่ากันหรือครับ 


ผมว่า hybrid เขาก็ไม่ได้โฆษณาว่ารถแรงอะไรมากมาย แต่เน้นไปทางรักษ์โลก ประหยัดพลังงานซะมากกว่า

ถ้ารถติด ผมก็ว่า Hybrid นะครับ ไม่ถึงถึงประเด็นค่าบำรุงรักษาค่าแบต
ในเมืองยังไงๆ ก็ Hybrid ครับ

ออฟไลน์ Sleepy Boy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,417
    • อีเมล์
ตอนนี้อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงจากเครื่องสันดาปไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าเต็มตัว ผมว่าแต่ละคนที่ซื้อรถไฮบริดย่อมมีเหตุผลของตัวเอง ซึ่งพวกเราก็ต้องยอมรับว่าในอนาคตอันใกล้นี้รถบ้านๆจะกลายเป็นไฟฟ้ากันแทบทั้งหมด ต่อไปสภาพแวดล้อมทางอากาศคงดีกว่าปัจจุบันนี้เยอะเลยครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ที่รถไฮบริดมันประหยัดน้ำมันได้มากก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการพลังงานและลดการสูญเปล่าที่เกิดขึ้นกับรถน้ำมันแบบปกติไงฮะ

เช่นตอนที่รถกินน้ำมันมาก ๆ แบบฮวบ ๆ เลยก็คือตอนเร่ง ไม่ว่าจะเร่งออกตัวจากหยุดนิ่งหรือไต่ความเร็ว ก็เอามอเตอร์มาช่วยซะ
ซึ่งจุดเด่นของมอเตอร์คือให้แรงบิดสูงทันทีที่หมุน มันก็ลงล็อคพอดีเพราะเวลาเราเร่งความเร็วเนี่ยรถต้องการแรงบิด  พอเอามอเตอร์
มาช่วยหรือมาทำหน้าที่แทนตรงนี้ก็ไม่ต้องให้น้ำมันแบบมหาศาล

ช่วงเวลาที่เราเบรค มันเป็นการทำลายระยะทางที่รถควรจะวิ่งได้ไป (ไหลโดยไม่ต้องจ่ายน้ำมัน)  ระบบไฮบริดก็ให้มอเตอร์ใช้จังหวะนี้
เอาพลังงานที่เราทำลายทิ้งเปล่า ๆ ปั่นไฟกลับมาเก็บไว้เพื่อใช้ตอนเร่งเครื่องในครั้งถัดไป   อันนี้ถือเป็นการเอาพลังงานที่สูญเปล่า
กลับมาใช้ประโยชน์

ส่วนเวลารถติดจอดนิ่ง ๆ รถทั่วไปจะติดเครื่องเดินเบาอยู่กับที่ อันนั้นเสียน้ำมันอย่างเดียวโดยไม่ได้ระยะทางเลย แต่ถ้าเป็นรถไฮบริด
ทุกอย่างดับหมด ไม่มีการกินน้ำมัน ส่วนแอร์ก็ไปใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตไปซะ ถ้าติดนานจนแอร์กินแบตหมด เครื่องค่อยติดมาปั่นไฟ
ใช้กับแอร์  แต่ถ้าประเทศที่อากาศเย็น ๆ ไม่ต้องเปิดแอร์ก็ไม่ต้องใช้น้ำมัน

ทีนี้จะอธิบายยังไงให้คนที่ไม่ได้สนใจรถยนต์ ไม่มีเซ้นส์ด้านเอ็นจิเนียร์ ไม่มีเซ้นส์ด้านฟิสิกส์ เข้าใจได้ล่ะครับ
มันยากนา    ขืนไปอธิบายอะไรแบบนี้ เผลอ ๆ พาลคิดว่าระบบนี้ยุ่งยาก ใช้ยาก เสียง่าย ช่างบ้าน ๆ ซ่อมไม่เป็น  มันก็จบกันสิครับ

สู้ไปโฆษณาว่า   "หรู... แรง... รวย - ฉลาด... ผู้นำ... ล้ำสมัย..."  มันเข้าใจง่าย มันฟิน มันเคลิ้มกว่ากันเยอะฮะ

ส่วนพวกแผ่นพับทางเทคนิคก็อธิบายอย่างย่อ ๆ พอ  เอารูปเยอะ ๆ ตัวหนังสือน้อย ๆ  เกิน 7 บรรทัดก็เครียดละฮะ
จากนั้นค่อยให้คนดัง คนมีชื่อเสียงมาลองขับ ลองเอาไปใช้ซะ 3 วัน 7 วัน แล้วก็เอามาสัมภาษณ์ แบบนี้มันสื่อสารง่ายกว่า

สำหรับคนสนใจทางเทคนิคจริง ๆ ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านวิศวกรรม ค่อยใช้เอกสารจำพวก Technical report ไปครับ

                 

ถ้าอธิบายตรงๆ ก็ต้องอธิบายแบบผมครับ 555
ถ้าสมัยนั้น March ยังไม่มาขายก็อธิบายว่าเป็นเครื่องแนวประหยัดแรงม้าน้อย
และมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเสริมจุดอ่อน ให้แรงนิ่งเงียบ รถจอดติดไฟแดงเครื่องยนต์ไม่ทำงาน
ประหยัดน้ำมัน

แต่พอมี Eco car มา ผมว่ามันเหมือนๆ กันเลย แต่มีไฟฟ้ามาช่วย  :D

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
เขียนได้ดีมากครับ. ในมุมของคนใช้งานจริง. ชอบๆ เอาไป9/10

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
เขียนได้ดีมากครับ. ในมุมของคนใช้งานจริง. ชอบๆ เอาไป9/10

ขอบคุณครับ  ;D

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ถ้าผมรวยแบบเหลือๆ ขายต่อตกแค่ไหนก็ไม่สะเทือน เปลี่ยนแบตลูกละล้านก็ไม่บ่น ผมซื้อแน่ๆละไฮบริด
ส่วนจูนเครื่องให้แรงม้าต่ำกว่าเครื่องสันดาบปกติผมว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่(แต่เข้าใจรถจุดประสงค์หลักคือประหยัด แรงคือจุดประสงค์รองหรือผลพลอยได้)
เพราะเวลารถติดจอดเท่าๆกัน มันจะกินน้ำมันต่างกันขนาดไหนเลยหรอ เพราะแบตมันไม่ได้หมดกันบ่อยๆหรือประจำใช่ไหมละครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ถ้าผมรวยแบบเหลือๆ ขายต่อตกแค่ไหนก็ไม่สะเทือน เปลี่ยนแบตลูกละล้านก็ไม่บ่น ผมซื้อแน่ๆละไฮบริด
ส่วนจูนเครื่องให้แรงม้าต่ำกว่าเครื่องสันดาบปกติผมว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่(แต่เข้าใจรถจุดประสงค์หลักคือประหยัด แรงคือจุดประสงค์รองหรือผลพลอยได้)
เพราะเวลารถติดจอดเท่าๆกัน มันจะกินน้ำมันต่างกันขนาดไหนเลยหรอ เพราะแบตมันไม่ได้หมดกันบ่อยๆหรือประจำใช่ไหมละครับ

ถ้าไม่มองว่าเป็นเครื่องประเภทไหน เวลาขับลอยลำนิ่งๆ ไม่มีไฟฟ้าปั่นมาช่วย"เลย"
เทียบสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เป็นพระเอกฉายเดี่ยวของทั้งคู่ Camry Hybrid
จะกินน้ำมันต่ำกว่าอีกคันชัดเจนครับ

อารมณ์ตอนผมขับประมาณ ขับ C car เครื่อง 2000 ที่ 90/hr นิ่งๆ เทียบ Eco car 1200
ตัวหลักจะประหยัดหรือไม่ประหยัดอยู่ที่เครื่องยนต์ล้วนๆ

สำหรับผมระบบไฟฟ้าไม่ได้เป็นพระเอกเลย พระรองชัดๆ ขนาดตั้งใจขับ eco โคตรๆ นะ  ;D

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
คุณจขกท. ก็สื่อสิ่งที่ผมอยากจะสื่อหลังจากสอย Prius มาเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ TNN

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 167
ผมมองว่า คนผลิตรถ hybid ไม่ได้ต้องการแค่ประหยัดอย่างเดียวครับ
1. มีรถที่ไม่ใช่ hybrid มีแต่เครื่องยนต์เพียวๆ แต่ประหยัดกว่า hybid  / อย่าง Mazda2 diesel ราคาถูกกว่า
2. มีรถ Eco car ที่ประหยัดพอๆกับ hybrid แต่ถูกกว่ามาก
3. มีรถไฟฟ้าเพียวๆ ที่ทั้งแรงทั้งประหยัดกว่า hybrid อย่าง Tesla โดยราคาไม่ได้ต่างจาก Hybrid (ยุโรป) มากนัก
4. มี CH-R ที่เครื่องเล็กๆ อย่าง 1.5โบ มาลงก็ได้ แต่เลือกจะเอา hybrid มาใช้ ทั้งๆที่ต้นทุน ค่าดูแลรักษาระยะยาว แพงกว่า ตลาดแคบกว่า

ดังนั้นคนซื้อมีทางเลือกเยอะแยะ
แต่ hybrid ยังเป็นที่นิยม เพราะความลงตัวระหว่างความประหยัด และ ความแรง รวมถึงเทคโนโลยีที่ให้มาครับ

เช่นเดียวกันกับ Camry และ accord ที่จะทำเครื่อง 3.5 ใหญ่ๆแรงๆเหมือนเดิมก็ได้
แต่ไม่ทำ กลับเลือก hybrid แทน

มันเป็นเทรนด์ของยุคนี้ไปแล้วครับ
บริษัทยักษ์ๆกำลังแข่งกันโชว์เทคโนโลยี
มากกว่าแข่งกันกันทำเครื่องแรงๆ
โดยเน้นเอาของไฮโซ ไฮเทค มาลงในตัว hybrid แล้วแปะราคาแพงๆ เรียกยอดจากกลุ่มลูกค้าเฉพาะแนวแบบนี้ ของตนเอง
โดยไม่สนพวกอนุรัษ์นิยมหรือกลุ่มคนที่มองเห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี หรือความตุ้มค่า

Hybrid ปีนี้ ยุคนี้
ผมมองว่าคือการแสดงสักยภาพเทคโนโลยีของตนเอง
อันจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ในอนาคต
Accord H22 2.2 VTi-S
Benz C220 Elegance W202
Cefiro A33 3.0 V6
Vios sporty 2006 1.5s
Jazz GE 2008 1.5 SV VTEC
Mazda 2 sedan 2009 Maxx Sport 1.5
Pajerosport 3.2 GT 2010
HRV 1.8 EL
Pajerosport Elite 2021

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
คุณจขกท. ก็สื่อสิ่งที่ผมอยากจะสื่อหลังจากสอย Prius มาเหมือนกันครับ

ดีใจครับ จะได้มีคนอ้างอิงเพิ่มว่าเราไม่ได้คิดคนเดียว   :D

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ผมมองว่า คนผลิตรถ hybid ไม่ได้ต้องการแค่ประหยัดอย่างเดียวครับ
1. มีรถที่ไม่ใช่ hybrid มีแต่เครื่องยนต์เพียวๆ แต่ประหยัดกว่า hybid  / อย่าง Mazda2 diesel ราคาถูกกว่า
2. มีรถ Eco car ที่ประหยัดพอๆกับ hybrid แต่ถูกกว่ามาก
3. มีรถไฟฟ้าเพียวๆ ที่ทั้งแรงทั้งประหยัดกว่า hybrid อย่าง Tesla โดยราคาไม่ได้ต่างจาก Hybrid (ยุโรป) มากนัก
4. มี CH-R ที่เครื่องเล็กๆ อย่าง 1.5โบ มาลงก็ได้ แต่เลือกจะเอา hybrid มาใช้ ทั้งๆที่ต้นทุน ค่าดูแลรักษาระยะยาว แพงกว่า ตลาดแคบกว่า

ดังนั้นคนซื้อมีทางเลือกเยอะแยะ
แต่ hybrid ยังเป็นที่นิยม เพราะความลงตัวระหว่างความประหยัด และ ความแรง รวมถึงเทคโนโลยีที่ให้มาครับ

เช่นเดียวกันกับ Camry และ accord ที่จะทำเครื่อง 3.5 ใหญ่ๆแรงๆเหมือนเดิมก็ได้
แต่ไม่ทำ กลับเลือก hybrid แทน

มันเป็นเทรนด์ของยุคนี้ไปแล้วครับ
บริษัทยักษ์ๆกำลังแข่งกันโชว์เทคโนโลยี
มากกว่าแข่งกันกันทำเครื่องแรงๆ
โดยเน้นเอาของไฮโซ ไฮเทค มาลงในตัว hybrid แล้วแปะราคาแพงๆ เรียกยอดจากกลุ่มลูกค้าเฉพาะแนวแบบนี้ ของตนเอง
โดยไม่สนพวกอนุรัษ์นิยมหรือกลุ่มคนที่มองเห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี หรือความตุ้มค่า

Hybrid ปีนี้ ยุคนี้
ผมมองว่าคือการแสดงสักยภาพเทคโนโลยีของตนเอง
อันจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ในอนาคต

ครับ ผมก็เลยคิดว่ายังเลือกต่อไปครับ
ในการขับรถ Hybrid มันเหมือนมีลูกเล่นผสมมาด้วย ในการวางแผนการขับ
จากเดิมขับรถน้ำมัน พอขับชินมือ มันก็เหมือนไม่มีอะไรแล้ว ขับๆ ไปตามความเคยชิน
แต่ Hybrid เราสามารถเลือกที่จะขับได้หลากหลายสไตล์
วันนึงอยากจะประหยัดน้ำมันรักษ์โลก วันนึงอยากจะบู๊
แล้วมันก็มีเทคนิคหลายๆ แบบ โดยเฉพาะเวลาอยากจะประหยัด มันไม่ได้ fix
ว่าต้องขับอืดๆ อย่างเดียว อาจจะเร่งให้สุด (ไปเร็วกว่ารถเบนซินปกติ) แล้วล็อกที่ความเร็ว
ที่ประหยัดก็ได้ และเครื่องยนต์ก็ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีแม้จะขับเร็ว 100 บวกลบ ปกติ
เครื่องทั่วไป ก็จะกินกว่าในความเร็วเท่าๆ กัน

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
มันมีความซับซ้อนในเรื่องระบบครับ มานั่งอธิบายด้านเทคนิคให้คนที่ไม่ได้เรียนทางนี้มาคงยาก

รูปธรรมง่ายๆ ก็เลย เอาเรื่องประหยัดน้ำมันเป้นตัวตั้ง

เป้าหมายจริงๆ คือประสิทธิภาพครับ การใช้น้ำมันต้องคุ้มค่าที่สุด เครื่องยนต์มันมีรอบเครื่องช่วงนึงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ในการใช้งานถ้าสามารถคงรอบเครื่องไว้แบบนั้นทุกกรณี ก้จะประหยัดน้ำมัน

ปล. อย่างการเร่งแซง ก็เอามอเตอร์ไฟฟ้าช่วย การวิ่งความเร็วต่ำก็ให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงาน เป็นต้น

เพราะถ้าใช้เครื่องยนต์เร่งแซง รอบเครื่องสูงไม่ประหยัดน้ำมัน หริอกรณีวิ่งความเร็วต่ำ เกียร์อัตราทดสุงก็กินน้ำมัน...

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
จริงๆแล้วรถไฮบริดก็ประหยัดกว่ารถธรรมดามากๆโดยเฉพาะเวลาวิ่งรถติดๆหรือแบบผสม เสียแต่ว่าค่ายรถบ้านเราไม่ได้ตั้งราคาให้ดึงดูดใจเท่าใดนัก หนำซ้ำยังตั้งราคารุ่นไฮบริดให้สูงกว่ารุ่นธรรมดาก็มี อีกทั้งราคาอะไหล่ก็แพงมากๆ กรมศุลเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลดภาษีอะไหล่ไฮบริด แถมยังไล่จับและเก็บภาษีเพิ่มจากToyota Priusซะจนเป็นเรื่องใหญ่โต ประเทศไทยก็เป็ยแบบนี้แหละครับ นโยบายกับการปฎิบัติไม่ได้ไปในแนวทางเดียวกัน

+1