ผู้เขียน หัวข้อ: ปรึกษาเรื่องรอยหินดีดหน้ารถ และวิธีแก้ไขและป้องกันที่คุ้มที่สุด  (อ่าน 11100 ครั้ง)

ออฟไลน์ THEKHAM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 487
    • อีเมล์
รถผมทำสีใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนเพราะอุบัติเหตุ ชนซ้อน 5 คัน
ปัจจุบันรอยหินดีดใส่รถมีมากมายมหาศาล กระโปรงหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตหน้า
ตอนนี้รถเป็นประกันชั้น 2 ครับ ใช้รถวิ่ง กทม. ลงใต้บ่อย

อยากรบกวนปรึกษา
1.ทำสีใหม่ทั้งคัน ราคาสูง สีรถไม่เพี้ยน
ได้ยินว่าสีอู่ ไม่ทนเท่าสีรถจากโรงงาน จริงมั้ยครับ

2.สาดสีเฉพาะส่วนหน้า ราคาไม่แพง สีรถเพี้ยน
รถสีน้ำเงินครับ ของเดิมทำมาก็เพี้ยนอยู่...ไม่ค่อยชอบครับ

3.Wrap สติกเกอร์เปลี่ยนสีทั้งคันปกป้องเลย ราคาสูง
ถามร้านดังไปราคา 40,000 สติกเกอร์อย่างดี

เพื่อนสมาชิกว่าแบบไหนพอทนกับรอยพวกนี้ และคุ้มค่าในระยะ 2-3 ปีสุด ก่อนขายรถครับ
ปัจจุบันรถอายุ 6 ปีครับ B - Segment

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,704
เรื่องสีเพี้ยนนี่หาอู่เก่ง ๆ มันพอจะจูนสีได้นะ ลำพังรถใหม่จากโรงงานเองก็มีสีเพี้ยน
ระหว่างกันชนกับตัวถังเหมือนกัน เพราะมันแยกกันพ่นแล้วค่อยเอามาประกอบกัน

ถ้าจะแนะนำก็คงเป็นข้อสองครับ พ่นเก็บสีเฉพาะชิ้นที่สีกะเทาะเยอะ ๆ ก็พอ

เรื่องสีอู่ไม่ทนเท่าสีโรงงานนั้นจริงครับ เพราะการทำสีในโรงงานมันทำในระบบปิด
ตั้งแต่การล้างทำความสะอาดเตรียมผิวชิ้นงาน, ชุบกันสนิมทั้งคันยาวไปจนพ่นสีจริง
และเคลียร์โค้ทเสร็จเลย เท่ากับว่าเนื้อสีได้เกาะอยู่บนตัวถังเหล็กที่สะอาดปราศจากฝุ่น
และไขมันจริง ๆ
เนื้อสีก็เป็นอีกอันที่สีโรงงานจะเป็นสีที่แห้งด้วยการอบความร้อนสูง ส่วนสีอู่จะเป็นสูตร
ที่แห้งโดยอากาศทั่วไปหรือไม่ก็อบด้วยความร้อนไม่สูงนัก เพราะโดยทั่วไปแล้วงานซ่อมสี
มักจะไม่ได้รื้อตัวรถจนเหลือแต่ตัวถังเปล่า ๆ ถ้าต้องอบด้วยความร้อนสูง ๆ ชิ้นส่วน
อื่นที่ติดตัวรถอยู่มันจะเสียหายครับ

ส่วนเรื่องการป้องกันหรือลดหินดีดใส่สีรถนั้น เวลาขับ ผมใช้วิธีทิ้งระยะห่างจากคันหน้าพอควร
ไม่ขับจึ้ติดท้ายรถคันหน้า มันก็ช่วยลดจำนวนสะเก็ดหินดีดใส่หน้ารถได้เยอะแล้ว
ส่วนที่ยังหลงเหลือกระเด็นใส่บ้างมันก็ลดความแรงลงไปได้จากระยะห่างที่มากขึ้นครับ
แถมยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้ด้วย

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
1. สาเหตุที่มันอาจจะไม่เท่าเพราะอุณหภูมิในการอบมันไม่สามารถสูงได้เหมือนตอนมาจากโรงงานคับ แต่ผมบอกเลยมันไม่ได้ต่างกันแบบเห็นผมขนาดนั้นคับ ถ้าอู่ทำดีๆแทบไม่แพ้เลยล่ะคับ

2. อย่าทำเลยคับผมว่ายอมขับแบบมีลอยนั่นล่ะน่าจะดีกว่า

3.วิธีนี้ดีสุดคับ ทนสุดแต่ก้นั่นล่ะต้องจ่ายเยอะหน่อยคับ ลองติดเฉพาะด้านหน้าดูสิคับไม่น่าแพงรถเป็นสีเข้มผมว่าไม่น่าจะดูออกเยอะ

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
รถผมทำสีใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนเพราะอุบัติเหตุ ชนซ้อน 5 คัน
ปัจจุบันรอยหินดีดใส่รถมีมากมายมหาศาล กระโปรงหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตหน้า
ตอนนี้รถเป็นประกันชั้น 2 ครับ ใช้รถวิ่ง กทม. ลงใต้บ่อย

อยากรบกวนปรึกษา
1.ทำสีใหม่ทั้งคัน ราคาสูง สีรถไม่เพี้ยน
ได้ยินว่าสีอู่ ไม่ทนเท่าสีรถจากโรงงาน จริงมั้ยครับ

2.สาดสีเฉพาะส่วนหน้า ราคาไม่แพง สีรถเพี้ยน
รถสีน้ำเงินครับ ของเดิมทำมาก็เพี้ยนอยู่...ไม่ค่อยชอบครับ

3.Wrap สติกเกอร์เปลี่ยนสีทั้งคันปกป้องเลย ราคาสูง
ถามร้านดังไปราคา 40,000 สติกเกอร์อย่างดี

เพื่อนสมาชิกว่าแบบไหนพอทนกับรอยพวกนี้ และคุ้มค่าในระยะ 2-3 ปีสุด ก่อนขายรถครับ
ปัจจุบันรถอายุ 6 ปีครับ B - Segment
ถ้าเอาแบบที่ผมทำก็คือ
ติดฟิล์มกันหินเฉพาะพวกโคมไฟหน้า ไฟตักหมอก กระจกหน้าครับ
ส่วนสีรถถ้าเป็นเยอะมากจริงๆผมว่าทำสีเอาคุ้มกว่ายิ่งบอกว่าใช้แค่อีก 2-3 ปี

ที่ช่วยให้เบาลงได้ก็อย่าขับตามรถคันหน้าใกล้มากโดยเฉพาะรถสูงครับกับพวกสิบล้อ
ถ้าเป็นพวก Super car wrap ใสครึ่งคันหน้า หรือเต็มคันก็ได้ครับ หรือรถที่คิดว่าคุ้มกว่าการทำสีใหม่จะเลือกเป็นสีก็ได้
แบบใสจะมีแบบกันหินโดยเฉพาะเลย

อายุการใช้งานแล้วแต่ยี่ห้อนะครับและขึ้นอยู่กับว่าโดนแดดบ่อยด้วยรึเปล่า
เรื่องสีอู่ดีๆที่ไม่เพี้ยนมีครับ

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,144
  • SNK vs Playmore
ฟิล์มกันรอย ติดเฉพาะฝากระโปรง หมื่นกว่าบาทครับ size ประมาณ camry accord

กระจกหน้าไม่ต้องติดครับ เพราะเวลาที่ปัดน้ำฝนไปถู ๆ  มันจะเป็นรอยขนแมว ลายจนกลางคืนขับไม่ได้เลย

ผมเคยติด แล้วต้องไปลอกทิ้งครับ

ส่วนกันชนหน้าไม่ต้องติดครับ เพราะมันเป็นส่วนที่ต้องรับอะไรต่าง ๆ นา ๆ อยู่แล้ว ขอให้ทำใจครับ

่ส่วนไฟหน้าจะติดหรือไม่ติดก็ได้ ของผมติดอยู่ และยังดูดีจนทุกวันนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2017, 09:25:38 โดย SNK vs Playmore »

ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
ทำสีใหม่มีแต่จะได้ความห่วยของงานซ่อมตามมา สีโรงงานนั่นแหละดีที่สุด

สนใจ ฟิล์มใสที่ติดบริเวณหน้ารถหน่ะครับ น่าจะช่วยได้มาก
แต่บางคนติดมาแล้วก็ไม่ชอบ ไปลอกออก เพราะมันมีคราบฝังตามขอบฟิล์ม และตัวฟิล์มเองก็จะเป็นรอยและหมองเหลืองไปตามกาลเวลา ยิ่งดูน่าเกลียด

สรุปก็คือ ทำใจ และพยายามอย่าจี้ตูดคันหน้า

ออฟไลน์ psn

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
รถผมทำสีใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนเพราะอุบัติเหตุ ชนซ้อน 5 คัน
ปัจจุบันรอยหินดีดใส่รถมีมากมายมหาศาล กระโปรงหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตหน้า
ตอนนี้รถเป็นประกันชั้น 2 ครับ ใช้รถวิ่ง กทม. ลงใต้บ่อย

อยากรบกวนปรึกษา
1.ทำสีใหม่ทั้งคัน ราคาสูง สีรถไม่เพี้ยน
ได้ยินว่าสีอู่ ไม่ทนเท่าสีรถจากโรงงาน จริงมั้ยครับ

2.สาดสีเฉพาะส่วนหน้า ราคาไม่แพง สีรถเพี้ยน
รถสีน้ำเงินครับ ของเดิมทำมาก็เพี้ยนอยู่...ไม่ค่อยชอบครับ

3.Wrap สติกเกอร์เปลี่ยนสีทั้งคันปกป้องเลย ราคาสูง
ถามร้านดังไปราคา 40,000 สติกเกอร์อย่างดี

เพื่อนสมาชิกว่าแบบไหนพอทนกับรอยพวกนี้ และคุ้มค่าในระยะ 2-3 ปีสุด ก่อนขายรถครับ
ปัจจุบันรถอายุ 6 ปีครับ B - Segment


ขอบตอบข้อ 1 และ 2

     ทำสีใหม่ทั้งคันไม่คุ้มเลยครับ ถ้าชิ้นที่ทำไม่มีแผลและเป็นสีเดิมจากโรงงาน เป็นอะไรที่น่าเสียดาย สีหนาโดยไม่จำเป็น
เรื่องสีเพี้ยน เป็นปัญหาเฉพาะอู่ครับ อู่ๆนึงมักจะมีช่างผสมสี 1 คน ช่างแต่ละคนจะมีความถนัดในการผสมและการแก้สี
ไม่ดีเท่ากันทุกสี  ถ้ากลัวสีเพี้ยน แนะนำให้เข้าอู่ที่แลดูมาตรฐานดีๆหน่อยครับ อู่พวกนี้มักกล้าจ้างช่างผสมสีเก่งๆเงินเดือนแพงๆ
ไม่ก็ลองถามเพื่อนฝูงที่เคยใช้บริการเอาครับ ว่าที่ไหนพ่นสีได้ใกล้สีเดิม


เรื่องสีซ่อมจากอู่ ดีและทนไม่เท่าสีโรงงาน ตอบว่ามีทั้งจริงและไม่จริงครับ
สีโรงงานปัจจุบันเป็น Water Base Resin หมดแล้วทั้ง Primer , สี Base Coat และ Clear Coat
จะมีความเงา ทน ระดับดีมาก ถ้าดูแลรักษาดีๆ จอดในร่มตลอด จะเงานานนับ 10 ปีเลย

สีซ่อมจากอู่มีทั้งเกรดต่ำกว่า ดีพอๆ และดีกว่าสีโรงงานก็มีครับ พวกแลกเกอร์ซ่อมแพงๆอย่าง Glasurit (นกแก้ว)
Spies Hecker และ Standox  และอีกหลายยี่ห้อ ตัวท็อปๆของยี่ห้อ เงา ทนแดด และแข็งกว่าสี/แลกเกอร์จากโรงงานซะอีก
แต่อู่มักจะไม่เอามาใช้กับรถคุณ เพราะค่าซ่อมเรทประกันมันไม่สูง  เว้นแต่คุณจะยอมจ่ายเพิ่มครับ สู้กรวด พวกหินดีดได้แน่นอน

ข้อ 3 ถ้าอยากให้สวยทน แนะนำให้ติดฟิลม์กันรอยไปเลยครับ  เว้นแต่จะขายก็อย่าไปติดครับมันแพง

ออฟไลน์ psn

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
เรื่องสีเพี้ยนนี่หาอู่เก่ง ๆ มันพอจะจูนสีได้นะ ลำพังรถใหม่จากโรงงานเองก็มีสีเพี้ยน
ระหว่างกันชนกับตัวถังเหมือนกัน เพราะมันแยกกันพ่นแล้วค่อยเอามาประกอบกัน

ถ้าจะแนะนำก็คงเป็นข้อสองครับ พ่นเก็บสีเฉพาะชิ้นที่สีกะเทาะเยอะ ๆ ก็พอ

เรื่องสีอู่ไม่ทนเท่าสีโรงงานนั้นจริงครับ เพราะการทำสีในโรงงานมันทำในระบบปิด
ตั้งแต่การล้างทำความสะอาดเตรียมผิวชิ้นงาน, ชุบกันสนิมทั้งคันยาวไปจนพ่นสีจริง
และเคลียร์โค้ทเสร็จเลย เท่ากับว่าเนื้อสีได้เกาะอยู่บนตัวถังเหล็กที่สะอาดปราศจากฝุ่น
และไขมันจริง ๆ
เนื้อสีก็เป็นอีกอันที่สีโรงงานจะเป็นสีที่แห้งด้วยการอบความร้อนสูง ส่วนสีอู่จะเป็นสูตร
ที่แห้งโดยอากาศทั่วไปหรือไม่ก็อบด้วยความร้อนไม่สูงนัก เพราะโดยทั่วไปแล้วงานซ่อมสี
มักจะไม่ได้รื้อตัวรถจนเหลือแต่ตัวถังเปล่า ๆ ถ้าต้องอบด้วยความร้อนสูง ๆ ชิ้นส่วน
อื่นที่ติดตัวรถอยู่มันจะเสียหายครับ

ส่วนเรื่องการป้องกันหรือลดหินดีดใส่สีรถนั้น เวลาขับ ผมใช้วิธีทิ้งระยะห่างจากคันหน้าพอควร
ไม่ขับจึ้ติดท้ายรถคันหน้า มันก็ช่วยลดจำนวนสะเก็ดหินดีดใส่หน้ารถได้เยอะแล้ว
ส่วนที่ยังหลงเหลือกระเด็นใส่บ้างมันก็ลดความแรงลงไปได้จากระยะห่างที่มากขึ้นครับ
แถมยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้ด้วย


อ่านดูแล้วข้อมูลจะไม่ครบ ขอเสริมก็แล้วกันนะครับ

ที่ว่า สีโรงงาน สีที่ตัวถังรถไม่เหมือนสีกันชน เพราะพ่นคนละครั้ง
ที่จริงพ่นคนละโรงงานเลยด้วยซ้ำ สีตัวถังเป็นเหล็กกัลวาไนซ์ สตีลและเหล็กคาร์บอนสตีล
พ่นด้วยสี Water Base อบที่อุณหภูมิ 150 องศา C ครับ (สมัยก่อนเป็นสีเมลามีนเรซิ่น อบที่ 200 -220 C.)

บั๊มเปอร์และชิ้นส่วนพลาสติก สาวนใหญ่เป็น ABS เค้าจะจ้าง Maker ข้างนอกทำครับ พ่นด้วยสี 2K เพราะมันอบเกิน 70 - 80 C. ไม่ได้ไงครับ
ตอนอ้างอิงเฉดสีจากแผ่น Master  เค้าไม่ใช้ตาคนพรู๊พ มันเถียงกันไม่จบ จึงใช้เครื่องวัดค่าสี (Delta E)
กำหนดค่าความเหมือนความเพี้ยนแทน   สุดท้ายก็อย่างที่เห็น รถใหม่ป้ายแดง สีกันชนเพี้ยนกับตัวรถแทบทุกคัน


ที่ว่าสีซ่อมแห้งโดยอากาศหรืออบอุณหภูมิไม่สูง มันเป็นแบบนี้ครับ
สีซ่อมตามอู่จะเป็นสี 2K (สองส่วนประกอบ)  มันแห้งตัวได้ 2 แบบนะครับ
แบบที่ 1 แห้งโดยเวลาครับ เวลาที่พ่นท็อปโค้ท จะต้องใช้ฮาร์ดเดนเนอร์ผสมเพื่อทำปฏิกิริยาเคมี สเปคจะแห้งกี่ชม.ที่กี่องศา
ก็แล้วแต่ผู้ผลิตออกแบบมา
แบบที่ 2 แห้งโดยการอบ  สีซ่อมออกแบบให้อบได้ที่อุณหภูมิไม่เกิน 30-40 นาทีที่ 60 องศา C. โดยอุปกรณ์ภายในรถไม่เสียหายครับ
อบเพิ่มเร่งปฏิกิริยาเคมีให้เร็วขึ้น เพื่อลดเวลาการแห้งตัว  อู่/ศูนย์ ระดับมาตรฐานมีห้องพ่นและอบได้ทั้งนั้นแหละครับ
อยู่ที่ว่าจะอบไม่อบ แล้วแต่ความเร่งด่วนของงาน

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,704
เรื่องสีเพี้ยนนี่หาอู่เก่ง ๆ มันพอจะจูนสีได้นะ ลำพังรถใหม่จากโรงงานเองก็มีสีเพี้ยน
ระหว่างกันชนกับตัวถังเหมือนกัน เพราะมันแยกกันพ่นแล้วค่อยเอามาประกอบกัน

ถ้าจะแนะนำก็คงเป็นข้อสองครับ พ่นเก็บสีเฉพาะชิ้นที่สีกะเทาะเยอะ ๆ ก็พอ

เรื่องสีอู่ไม่ทนเท่าสีโรงงานนั้นจริงครับ เพราะการทำสีในโรงงานมันทำในระบบปิด
ตั้งแต่การล้างทำความสะอาดเตรียมผิวชิ้นงาน, ชุบกันสนิมทั้งคันยาวไปจนพ่นสีจริง
และเคลียร์โค้ทเสร็จเลย เท่ากับว่าเนื้อสีได้เกาะอยู่บนตัวถังเหล็กที่สะอาดปราศจากฝุ่น
และไขมันจริง ๆ
เนื้อสีก็เป็นอีกอันที่สีโรงงานจะเป็นสีที่แห้งด้วยการอบความร้อนสูง ส่วนสีอู่จะเป็นสูตร
ที่แห้งโดยอากาศทั่วไปหรือไม่ก็อบด้วยความร้อนไม่สูงนัก เพราะโดยทั่วไปแล้วงานซ่อมสี
มักจะไม่ได้รื้อตัวรถจนเหลือแต่ตัวถังเปล่า ๆ ถ้าต้องอบด้วยความร้อนสูง ๆ ชิ้นส่วน
อื่นที่ติดตัวรถอยู่มันจะเสียหายครับ

ส่วนเรื่องการป้องกันหรือลดหินดีดใส่สีรถนั้น เวลาขับ ผมใช้วิธีทิ้งระยะห่างจากคันหน้าพอควร
ไม่ขับจึ้ติดท้ายรถคันหน้า มันก็ช่วยลดจำนวนสะเก็ดหินดีดใส่หน้ารถได้เยอะแล้ว
ส่วนที่ยังหลงเหลือกระเด็นใส่บ้างมันก็ลดความแรงลงไปได้จากระยะห่างที่มากขึ้นครับ
แถมยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้ด้วย


อ่านดูแล้วข้อมูลจะไม่ครบ ขอเสริมก็แล้วกันนะครับ

ที่ว่า สีโรงงาน สีที่ตัวถังรถไม่เหมือนสีกันชน เพราะพ่นคนละครั้ง
ที่จริงพ่นคนละโรงงานเลยด้วยซ้ำ สีตัวถังเป็นเหล็กกัลวาไนซ์ สตีลและเหล็กคาร์บอนสตีล
พ่นด้วยสี Water Base อบที่อุณหภูมิ 150 องศา C ครับ (สมัยก่อนเป็นสีเมลามีนเรซิ่น อบที่ 200 -220 C.)

บั๊มเปอร์และชิ้นส่วนพลาสติก สาวนใหญ่เป็น ABS เค้าจะจ้าง Maker ข้างนอกทำครับ พ่นด้วยสี 2K เพราะมันอบเกิน 70 - 80 C. ไม่ได้ไงครับ
ตอนอ้างอิงเฉดสีจากแผ่น Master  เค้าไม่ใช้ตาคนพรู๊พ มันเถียงกันไม่จบ จึงใช้เครื่องวัดค่าสี (Delta E)
กำหนดค่าความเหมือนความเพี้ยนแทน   สุดท้ายก็อย่างที่เห็น รถใหม่ป้ายแดง สีกันชนเพี้ยนกับตัวรถแทบทุกคัน


ที่ว่าสีซ่อมแห้งโดยอากาศหรืออบอุณหภูมิไม่สูง มันเป็นแบบนี้ครับ
สีซ่อมตามอู่จะเป็นสี 2K (สองส่วนประกอบ)  มันแห้งตัวได้ 2 แบบนะครับ
แบบที่ 1 แห้งโดยเวลาครับ เวลาที่พ่นท็อปโค้ท จะต้องใช้ฮาร์ดเดนเนอร์ผสมเพื่อทำปฏิกิริยาเคมี สเปคจะแห้งกี่ชม.ที่กี่องศา
ก็แล้วแต่ผู้ผลิตออกแบบมา
แบบที่ 2 แห้งโดยการอบ  สีซ่อมออกแบบให้อบได้ที่อุณหภูมิไม่เกิน 30-40 นาทีที่ 60 องศา C. โดยอุปกรณ์ภายในรถไม่เสียหายครับ
อบเพิ่มเร่งปฏิกิริยาเคมีให้เร็วขึ้น เพื่อลดเวลาการแห้งตัว  อู่/ศูนย์ ระดับมาตรฐานมีห้องพ่นและอบได้ทั้งนั้นแหละครับ
อยู่ที่ว่าจะอบไม่อบ แล้วแต่ความเร่งด่วนของงาน

ขอบคุณครับ  เยี่ยมครับ ได้ข้อมูลเป็นตัวเลขด้วย  :-*

ออฟไลน์ THEKHAM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 487
    • อีเมล์
ขอขอบคุณ เพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ให้คำปรึกษาครับ
ได้รับข้อมูลดีมากๆ รวมถึงการวางแผนในการปกป้องรถใหม่ คันในอนาคตด้วยครับ

ออฟไลน์ Trafalgar

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 821
- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15Z7 MT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0G 1KD-FTV MT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
ฟิล์มกันรอย ติดเฉพาะฝากระโปรง หมื่นกว่าบาทครับ size ประมาณ camry accord

กระจกหน้าไม่ต้องติดครับ เพราะเวลาที่ปัดน้ำฝนไปถู ๆ  มันจะเป็นรอยขนแมว ลายจนกลางคืนขับไม่ได้เลย

ผมเคยติด แล้วต้องไปลอกทิ้งครับ

ส่วนกันชนหน้าไม่ต้องติดครับ เพราะมันเป็นส่วนที่ต้องรับอะไรต่าง ๆ นา ๆ อยู่แล้ว ขอให้ทำใจครับ

่ส่วนไฟหน้าจะติดหรือไม่ติดก็ได้ ของผมติดอยู่ และยังดูดีจนทุกวันนี้
กระจกหน้าที่ติดพอจำยี่ห้อได้ไม๊ครับที่ผมติดอยู่ได้เกิน 3 ปีทุกคันนะครับแต่ใบปัดพอเริ่มมีเสียงหรือแข็งผมจะรีบเปลี่ยนตลอดได้ใส่น้ำยาในถังพักกระจกไม๊ครับ
ผมใช้ของศูนย์โตโต้าไม่มีปัญหาเอาใส่รถยี่ห้ออื่นไปด้วยเลยอย่างน้อยไว้ใจได้ว่าไม่กัดพลาสติกกับพวกขอบยางตัวฟิล์มกันหินที่กระจกเองผิวชั้นนอกก็เป็นพลาสติกชนิดเดียวกับขวดน้ำเปล่าครับ
มีคันนึงเข้าปีที่ 3 เริ่มขุ่นเลยต้องติดใหม่เพราะใบปัดเก็บฝุ่นครับ

ออฟไลน์ rokrok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 380
ทำไมกลัวทำสีกันครับ

สีไม่ทน ไม่ทนนี่กี่ปีครับ เกิน10ปีหรือเปล่า หรือ 20ปี หรือขายไปจนลืมแล้ว สีไม่ทนก็ยังสวยอยู่

รถใช้งานทำสีไปเถอะครับ จะได้สวย ไม่ใช่ว่าเป็นรถโบราณราคา 100ล้าน ที่ทำสีแล้วคุณค่ารถจะหายไปสะเมื่อไหร่