ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรของ BMW ถึงให้แรงม้า/แรงบิดในแต่ละรุ่นที่แตกต่างกัน  (อ่าน 13815 ครั้ง)

ออฟไลน์ whitebear

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
สงสัยว่าที่แรงม้า/แรงบิดแตกต่างกันได้ขนาดนี้เพราะอะไรน่ะครับ

อย่างใน 320i ได้ 135 kW (181 hp) @ 5000-6500 rpm  กับ 330i ได้ 185 kW (248 hp)@ 5200-6500 rpm
ลองหาข้อมูลดูคร่าวๆ เป็นเครื่อง B48 เหมือนกัน แต่รหัสไม่เหมือนกันที่ตัวสุดท้าย B48B20A(320i), B48B20B(330i)

คือสงสัยว่าเค้าใช้เครื่องเดียวกัน แต่ Tune มาไม่เหมือนกัน, หรือว่าตัวเครื่องเองก็ไม่เหมือนกันด้วยครับ
แล้วถ้าสมมุติว่าเอาเครื่องทั้ง 2 ตัวไป Tune เพิ่มให้มากที่สุดที่เครื่องจะไม่พัง สุดท้ายแล้วจะได้กำลังเท่ากันหรือต่างกันครับ

รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วยครับ

ปล. ที่ยกตัวอย่าง 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ของ BMW เพราะตอนนี้ดูรถยี่ห้อนี้อยู่น่ะครับ เข้าใจว่ายี่ห้ออื่นค่ายอื่นก็คงลักษณะเดียวกัน
reference: https://en.wikipedia.org/wiki/BMW_3_Series_(F30)

ออนไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,591

 เครื่องเกียวกัน  แต่จูน turbo ecu  ให้ทำงานไม่เท่ากัน

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ต้องการทำราคาในแต่ละรุ่นย่อยให้แตกต่างกันครับ
โดยเครื่องบล็อคเดียวกันแต่การปล่อยCo2ที่ต่างกันไม่มาก เสียภาษีเท่าๆกัน ความแรงต่างกัน

ถ้าเอาไปต่อยอดมันก็เหมือนๆกันแหละครับ เพราะแทบจะเหมือนกันเป๊ะ ยกเว้นไส้ในต่างกัน
เช่น20iกับ28iหรือ30i ไส้ในต่างกันนะครับแต่รายละเอียดรอท่านอื่นมาเสริมนะผมจำไม่ค่อยได้(อาจจะเป็นพวกเสื้อสูบคนละตัวอะไรประมาณนี้และอื่นๆอีก)

ออฟไลน์ oryor

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 653
น่าจะมีหลายๆอย่างที่แต่งกัน เช่น เทอร์โบ ลูกสูบ ก้านสูบ แคม วาล์ว
ถ้าจูนให้สุดเหมือนกันแบบ ไม่พัง ม้าของ 330i ก็มากกว่า

ออฟไลน์ Jo_Jungko

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 383
    • อีเมล์
ผมขอข้ามมาฝั่งญี่ปุ่นนะครับ เครื่องอีซูซุ บล็อกเดียวกันซีซีเท่ากันต่างกันที่รหัสท้าย แรงม้าและแรงบิดก็ต่างกันด้วยนะครับ เช่น 4HK1-TCS 210 แรงม้า , 4HK1-TCR 190 แรงม้า  , 4HK1-TCC 175 แรงม้า  ,  4HK-TCN 150 แรงม้า ซึ่งทำให้เราเห็นว่าเครื่องแต่ละเครื่องสามารถจูนได้หลากหลายแบบ แล้วก็อยู่ที่เทอร์โบด้วย หรือแม้แต่เครื่อง 4JJ1 ที่วางในดีแมกกับเครื่องที่วางในรถบรรทุกแต่รหัสท้ายต่างกันแรงม้าและแรงบิดก็ต่างกันครับ

ปล.ผิดถูขออภัยด้วยครับ

ออนไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,463
ถ้าได้หน้าแมป  เอาแบบไหนก็ได้ ถ้าฮาร์ดแวร์เหมือนกัน

เหมือน  ซาบที่ผมใช้  อยากได้กี่ม้า  ปลายนิ้วครับ

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
เพราะการจูน และเงื่อนไขทางภาษีครับ ตามที่ท่านอื่นๆอธิบาย แต่ขอเสริมนิดนึงว่า

หากจัดให้power เยอะ. ก็ต้องdrop mileage
ในขณะเดียวกัน. หากเน้น mileage ก็ต้องdrop powerลง
รวมทั้งอายุการใช้งานด้วย

ลองสังเกต F1 ซิ. 1.6ลิตร รีดม้าได้เยอะ แต่ต้องการแค่วิ่งในtrack ไม่ต้องสนใจอายุการใช้งาน

...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Nott1959

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 480
ขอถามต่อด้วยนะครับทำไม 200แรงม้าในBMW กับ200แรงม้าในแบรนด์อื่น

ทำไมถึงให้ความรู้สึกในการขับไม่เหมือนกันครับ
V8 V10 V12 ONLY!!!!

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
ตามที่ท่านอื่นๆว่าครับ เครื่อง 20i (184-192ps) , 25i (231ps) , 30i (252-258ps)
พวกนี้ตอนนี้ใช้เครื่องบล็อคล่าสุดตระกูล B48B20 เหมือนกัน โดยจะมีรหัสต่อท้าย A B ไว้บอกระดับความแรงที่ต่างกัน
ถ้ารหัส 28i จะเป็นเครื่อง N20 รุ่นเก่า (เลิกผลิตไปแล้ว) โครงสร้างเครื่องจะเป็นแบบ Open deck ส่วนตระกูล B จะเป็นแบบ Closed deck

กรณีเครื่อง 20i ที่มีม้าอยู่ 184-192ps (ขึ้นอยู่กับว่าวางอยู่ในบอดี้ไหน) ก็อยู่ที่การจูน ECU เป็นหลักครับ (ขยับบูสท์นิด หรือระยะยกหัวฉีดหน่อย)
แต่ถ้าข้ามไป 30i อันนี้ไม่ได้จูน ECU อย่างเดียวครับ มันอาจมีชิ้นส่วนบางตัวเปลี่ยนไปด้วย เช่น หัวฉีด , ระบบ Valvetronic
ขนาดของพอร์ทวาล์ว , ท่อไอดี-ไอเสีย , เทอร์โบ และสุดท้าย เท่าที่นึกออก คือ ลูกทอร์ค(สำหรับเกียร์ AT) ฟลายวีล(สำหรับเกียร์ MT)
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล มันทำหน้าที่เป็นล้อช่วยแรงให้เครื่องหมุนทำงานไปตามวัฎจักรได้
เมื่อเครื่องยนต์มาเจอกับ"บูสท์เทอร์โบที่หนักขึ้น" ในกระบอกสูบมันก็จะมีแรงดันมากขึ้นตาม ลูกสูบมันก็จะมีแรงต้านมากขึ้นนั่นเอง
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล"ให้มีน้ำหนักมากขึ้น"ด้วยครับ เพื่อสู้แรงต้านในกระบอกสูบที่เพิ่มมากขึ้น
เพื่อความบาล๊านซ์ สมูท สูงสุดของการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

กรณีเครื่องดีเซลก็เหมือนกันน่ะครับ อย่างรหัส 20d (190ps) กับ 25d (231ps) รุ่นล่าสุด ใช้เครื่อง B47D20
ของ 20d ระบุว่าใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2000 bar ส่วนของ 25d ใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2500 bar
และแน่นอนครับ ก็คงมีจุดอื่นไม่เหมือนกันอีกบางจุด ตามที่ได้กล่าวไปครับ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 21, 2017, 21:05:23 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ :P

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
ตามที่ท่านอื่นๆว่าครับ เครื่อง 20i (184-192ps) , 25i (231ps) , 30i (252-258ps)
พวกนี้ตอนนี้ใช้เครื่องบล็อคล่าสุดตระกูล B48B20 เหมือนกัน โดยจะมีรหัสต่อท้าย A B ไว้บอกระดับความแรงที่ต่างกัน
ถ้ารหัส 28i จะเป็นเครื่อง N20 รุ่นเก่า (เลิกผลิตไปแล้ว) โครงสร้างเครื่องจะเป็นแบบ Open deck ส่วนตระกูล B จะเป็นแบบ Closed deck

กรณีเครื่อง 20i ที่มีม้าอยู่ 184-192ps (ขึ้นอยู่กับว่าวางอยู่ในบอดี้ไหน) ก็อยู่ที่การจูน ECU เป็นหลักครับ (ขยับบูสท์นิด หรือระยะยกหัวฉีดหน่อย)
แต่ถ้าข้ามไป 30i อันนี้ไม่ได้จูน ECU อย่างเดียวครับ มันอาจมีชิ้นส่วนบางตัวเปลี่ยนไปด้วย เช่น หัวฉีด , ระบบ Valvetronic
ขนาดของพอร์ทวาล์ว , ท่อไอดี-ไอเสีย , เทอร์โบ และสุดท้าย เท่าที่นึกออก คือ ลูกทอร์ค(สำหรับเกียร์ AT) ฟลายวีล(สำหรับเกียร์ MT)
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล มันทำหน้าที่เป็นล้อช่วยแรงให้เครื่องหมุนทำงานไปตามวัฎจักรได้
เมื่อเครื่องยนต์มาเจอกับ"บูสท์เทอร์โบที่หนักขึ้น" ในกระบอกสูบมันก็จะมีแรงดันมากขึ้นตาม ลูกสูบมันก็จะมีแรงต้านมากขึ้นนั่นเอง
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล"ให้มีน้ำหนักมากขึ้น"ด้วยครับ เพื่อสู้แรงต้านในกระบอกสูบที่เพิ่มมากขึ้น
เพื่อความบาล๊านซ์ สมูท สูงสุดของการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

กรณีเครื่องดีเซลก็เหมือนกันน่ะครับ อย่างรหัส 20d (190ps) กับ 25d (231ps) รุ่นล่าสุด ใช้เครื่อง B47D20
ของ 20d ระบุว่าใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2000 bar ส่วนของ 25d ใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2500 bar
และแน่นอนครับ ก็คงมีจุดอื่นไม่เหมือนกันอีกบางจุด ตามที่ได้กล่าวไปครับ.
ระเอียดมากเลยครับ เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเลย :D
FORD EVEREST 2.5 LTD NAVI
TOYOTA HILUX VIGO CHAMP PRERUNNER 3.0G
TOYOTA ALL NEW YARIS 1.2G
BMW F30 LCI 330e M SPORT

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363

 เครื่องเกียวกัน  แต่จูน turbo ecu  ให้ทำงานไม่เท่ากัน

+1

ออฟไลน์ laempiab

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
    • อีเมล์
มีข้อมูลเก่าๆ ที่น่าจะตอบคำถามได้ครับ

http://www.headlightmag.com/rewind1_50popular_thailand/

"...BMW 5-Series E34: เทคโนโลยีเมืองเบียร์ ปรุงรสด้วยคนไทย

Commander CHENG : แม้จะเปิดตัวอย่างธรรมดาๆด้วยรุ่น 520i 129 แรงม้า ที่ยังแรงสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่ในภายหลัง BMW ประเทศไทยขอแรง อาจารย์ ศิริบูรณ์ เนาว์ถิ่นสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย เพื่อช่วยเสกพละกำลังให้กับเครื่อง M20 บล็อคเดิม ซึ่งในท้ายสุดก็ทำให้คนไทยได้ใช้ซีรีส์ 5 เพิ่มออกมาอีก 2 รุ่น ได้แก่ 520iS ใช้เครื่องยนต์ M20 ที่ขยายความจุเป็น 2.7 ลิตร แรงม้ากระโดดเพิ่มเป็น 160 แรงม้า และตามมาด้วยรุ่น S5 ซึ่งใช้ท่อนล่าง 2.7 ลิตรเหมือนกัน แต่มีการลงแรงแต่งฝาสูบให้ไอดีไอเสียไหลเข้าออกดีขึ้น แรงม้าพรวดขึ้นเป็น 190 แรงม้า ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับรถบ้านที่ใช้ฝาสูบแบบ 2 วาล์วต่อสูบ ผมรู้สึกชอบเป็นการส่วนตัวเพราะมันเป็นเวอร์ชั่นที่มาจากมันสมองของคนในชาติเรา ที่ทำไปทำมาแรงกว่า M20 2.5 ของรถจากเมืองนอกเสียอีก

แต่ต่อมาไม่นาน ในปี 1991 เครื่องบล็อค M50 ถูกนำมาใช้แทนที่ ชูจุดเด่นในการขายด้วยการเป็นเครื่อง 4 วาล์วต่อสูบ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า และ 2.5 ลิตร 192 แรงม้า ถาม…ว่าทำไมคิดว่ามันเป็นจุดเด่น .? อ๋อ..ก็เพราะ 520i กับ 525i ยุคนั้นน่ะจะมีป้าย 24V แปะหราอยู่ด้านท้ายเพื่อบอกว่า อั๊วะมีวาล์วตั้ง 24 ตัวนะเฟ้ย ถ้าลื้อมีมากกว่านี้ก็แซงไปเลย (ป้าด) ..."

ออฟไลน์ laempiab

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
    • อีเมล์
http://bmwe12thailand.com/e12%20Articles/Siriboon.html

"...BMW 520 iS และ S5 กับเครื่อง M20

             เมื่อต้นเดือน พ.ค.53 ได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์ศิริบูรณ์ ผู้ที่ออกแบบเครื่อง M20 ใส่ใน E34 แปะป้าย 520 iS และ S5 ออกเมื่อปี 90-92

             เรื่องของเครื่อง M20 ที่วางใน E34 ทั้ง 2 รุ่นนี้กับข้อสงสัยในสิ่งลี้ลับบางอย่างที่ผมหาคำตอบไม่ได้ มานานแสนนาน ได้ถูกเปิดเผยจากปากของอาจารย์เอง

จำนวนและแรงม้า :

        520 iS นั้น มีทั้ง 190 และ 160 แรงม้า โดย 190 แรงม้าออกมาก่อน 800 เครื่อง หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือนต่อมาจึงออกตัว 160 แรงม้าตามมาอีก 2,100 เครื่อง  แล้วต่อมาจึงออก S5 190 ม้า 256 คันเป็นตัวปิดท้าย รวมๆแล้ว ออกมา 3,156 คัน

       Output จริงๆของเครื่อง 160 แรงม้ามีอยู่ระหว่าง 167 - 167 แรงม้า อาจารย์เลยเคลมที่ 160 แรงม้า ส่วนเครื่อง 190 แรงม้า มี output จริงอยู่ประมาณ 192 แรงม้า เลยเคลมที่ 190 แรงม้า แต่มีบางตัวที่ทำได้ 210 แรงม้า อาจารย์บอกว่า ทำเล่นเอง ไม่บอกรายละเอียด

        Max Tourque และ Max HP ของ ตัว 160 แรงม้า อยู่ที่รอบ 4,000 rpm / 5,250 rpm ตามลำดับ
ส่วนตัว 190 แรงม้า อยู่ที่รอบ 4,750 rpm / 5,750 rpm ตามลำดับ

ฝาสูบ :   

ทั้ง 520 iS และ S5 ใช้ฝาสูบ xxx731 เหมือนกัน แต่...

วาล์ว   :  520 iS ตัว 160 แรงม้าใช้ขนาดวาล์ว ไอดี/ไอเสียเท่ากับขนาด standard ของเครื่อง 2.0 คือ 40/34 แต่ 520 iS 190 แรงม้า และ S5 ใช้วาล์วขนาด 42/36 ขนาดเดียวกับ 2.5 แต่ ทั้งวาล์วและบ่าวาล์ว ถูกปรับแต่งใหม่ทุกตัวให้มีมุมวาล์วไม่เหมือนเดิม โดยบ่าวาล์ว ถูกปรับขนาดให้บางลงจากเดิม 2.2 mm. เป็น 1.4 mm. และสร้างมุมเอียงขึ้นมาใหม่ 3 มุม ได้แก่ 45 องศา 15 องศา และ 70 องศา  ส่วนวาล์ว ปรับขนาดความหนาของวาล์วลดลงเป็น 1.5 mm.  เครื่องมือที่ใช้ตัดวาล์วและบ่าวาล์วนั้น มีอยู่ไม่กี่โรงงานในเมืองไทย แต่ พอจะหาทำได้ ใบมีดมีอยู่ ประมาณ 2,000 กว่าใบ อาจารย์เป็นคนเลือกเอง ว่าต้องใช้เบอร์ไหน

Port   :  นอกจากนั้น ได้ทำ Profile port ไอดี-ไอเสีย ทั้งหมด
Profiling คืออะไร อธิบายง่ายๆว่า คือการทำให้ ไอดีอยากเข้า และไอเสียอยากออก หรือที่เราเข้าใจกับคำว่า Ported and Polished อาจารย์เน้นว่า ไม่ขยาย port การทำ Ported เนี่ย อาจารย์ระบุว่าจะได้ output 7% กับการปรับแต่งบ่าวาล์วและวาล์วจะได้มากถึง 10-12% ถ้าทำอย่างถูกต้อง

Regulator  :  ตัว 160 แรงม้า ใช้ 2.5 Bar  190 แรงม้าใช้ 3.0 Bar
หัวฉีด       :  ตัว 160 แรงม้า ใช้ชุดหัวฉีดของเครื่อง 2.0 ส่วน 190 แรงม้าใช้ ใช้ชุดหัวฉีดของเครื่อง 2.5
เหตุผลเรื่องหัวฉีด อาจารย์ศิริบูรณ์ ต้องการให้หัวฉีดทำงานเต็มที่ แล้วเครื่อง ที่มี output ไม่เกิน 170 แรงม้านั้น ใช้ชุดหัวฉีดจากเครื่อง 2.0 ก็เพียงพอ แต่เครื่อง 190 แรงม้านั้นต้องเขยิบไปให้ชุดหัวฉีดจากเครื่อง 2.5 เพราะ output ออกมา ถึง 190 ม้า

การจะวัดว่าหัวฉีดนี้เหมาะกับเครื่องตัวนี้หรือไม่ สามารถวัดค่าได้ โดยวัดค่า AF จาก Lambda Sensor ที่รอบเดินเบาต้องได้ 9.1 : 1 พอเร่งรอบเครื่องสูงขึ้น (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่) ค่าต้องได้ 12.5 : 1 ถ้าได้ตามนี้ เครื่องตัวนั้นๆจะได้ output จากชุดหัวฉีดสูงสุด

Camshaft  :  ทั้ง 520 iS และ S5 ใช้ camshaft 252 องศาจากเครื่อง 2.0 เหมือนกัน อาจารย์บอกว่า ถ้าใช้ 264 องศา output จะเพิ่มมากขึ้น 10-12% แต่ ผลมันออกที่ Top End หรือที่ปลายๆของรอบเครื่อง และ Power Band จะเลื่อนขึ้น แบบยกขึ้นทั้ง Graph

ขยายความตรงนี่ได้ว่า ยกตัวอย่างเช่น Max Torque กับ Max HP เดิมอยู่ที่ 4,750 rpm. กับ 5,750 rpm.  มันก็จะเลื่อนขึ้นไปเป็น 5,150 rpm กับ 6,150 rpm. อันนี้เป็นตัวเลขสมมุติ อาจารย์บอกว่า น่าจะประมาณ 300 rpm.

ท่อไอดี  :   เหตุที่ใช้ท่อไอดีเล็กของ เครื่อง 2.0 เนื่องเพราะ รีดอากาศได้ดีกว่า มี Intake speed ที่สูงกว่า ท่อไอดีใหญ่ๆแบบ ของเครื่อง 2.5

ท่อนล่างของเครื่อง (Block) :

           อาจารย์ศิริบูรณ์บอกว่า ทั้ง 520 iS / S5 นั้น ต่างใช้เครื่องที่มีความจุเดียวกัน คือ 2.7 ใช้ลูกสูบ  ETA US Spec. ที่มีรอยบุ๋มบนหัวลูกสูบที่ลึกกว่า Euro Spec. ใช้ ก้านสูบ 130 mm. หรือกล่าวได้ว่าใช้ท่อนล่างของ M20 ETA US Spec. (ทีแรกมีแต่เค้าว่ามาว่า 520 is ใช้เครื่องความจุ 2.4 กว่าๆ กับ S5 ใช้ 2.7)

อัตราส่วนกำลังอัดกระบอกสูบ (Compression Ratio) : เหตุผลที่ไม่ใช้ลูกสูบ ETA Euro Spec. นั้นก็เพราะ อ.ต้องการให้ CR. ได้ใกล้ๆ 11 : 1 แล้ว Euro Spec. นั้น Match กับฝาสูบ xx 731 ได้ผลลัพธ์เกินไปเยอะ จึงมาลงตัวที่ลูกสูบ ETA US Spec. เครื่องตัวนี้ได้ CR เท่ากับ 10.8 : 1 ครับ

เกียร์และเฟืองท้าย :

ทั้ง 520 iS และ S5 ใช้เฟืองท้าย 4.45 : 1 ทุกคัน และ ตัว is มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ (ทีแรกนึกว่า is จะมีแต่เกียร์ธรรมดาอย่างเดียว)  ส่วน S5 นั้น มีแต่เกียร์ออโต้เท่านั้น

อัตราทดสูงมากครับ 4.45 : 1 เนี่ย อ.ให้เหตุผลว่า โจทย์นึงในใจคือ อ.ทำรถเพื่อ Acceleration ไม่ใช่ Top Speed จะมีซักกี่คนที่ขับรถทำ Top Speed ถ้าจะเอา Top Speed ไม่ต้องมาหวังกับเครื่องนี้

ผมได้เคยลองขับ 520 iS เกียร์ธรรมดามาแล้ว อัตราเร่งดีมากๆๆ ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำบ่อยๆ ใช้งานในเมือง คล่องเหมือนรถขนาดเล็กน้ำหนักเบาเลย ที่เกียร์ 5 ประมาณ 50-60 กม./ชม.ที่รอบเครื่อง 1,500 – 1,700 rpm กดคันเร่งลงไปเบา มีแรงดึงพอสมควรแบบรู้สึกได้ รถทะยานขึ้นไป 90 - 100 กม/ชม. ที่ 3,000 - 3,400 rpm ได้อย่างรวดเร็วมาก..."

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
จากที่เห็นช่างรื้อรถผมเอง 25D n47

กรองอากาศกับการเดินท่อต่างกับรุ่น 20d n47 และ b47

เทอร์โบขนาดไม่แน่ใจว่าต่างกันมั้ย แต่ชัวร์ว่ามี2ลูก เล็กกับใหญ่
เล็กทำงานถึงประมาณความเร็ว80แล้วใหญ่รับหน้าที่ต่อ

ดูข้อมูลในwikiบอกว่าแรงดันหัวฉีดก็ต่าง ยี่ห้อก็ต่างครับ

ออฟไลน์ ynot9x

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 560
    • อีเมล์
ขอถามต่อด้วยนะครับทำไม 200แรงม้าในBMW กับ200แรงม้าในแบรนด์อื่น

ทำไมถึงให้ความรู้สึกในการขับไม่เหมือนกันครับ

ผมคิดว่า จุดเด่นจริงๆ เลยของ BMW ยุคนี้ คือเกียร์ ZF 8 Speed ครับที่สร้างความแตกต่างให้เห็น
ดึงประสิทธิภาพของเครื่องออกมาได้ดีสุด smooth ต่อเนื่อง lost น้อย
อีกอย่างคือการ set การตอบสนองของคันเร่งครับ

จะเห็นได้จาก MG GS 2.0 Turbo / Volvo V40 T5 D4/ Lexus IS200t เหล่านี้ล้วนมีแรงม้า 190-230-250+-
แต่ผลเทส ของ web headlight ออกมา พอๆ กับ 320i luxury ที่มีแค่ 184 แรงม้าครับ ในช่วง 0-100 และ 80-120

ผมคิดว่า เกียร์ ZF 8 + การ set คันเร่ง มีส่วนมากๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 21, 2017, 22:50:23 โดย ynot9x »
2013 - Honda Accord G9
-=4cycle Turbo Collection=- <RWD FWD AWD>
2015 Dec - BMW F30 N20 M Sport [BMC + Racechip GTS + BILSTEIN B12 + EBC Brakes + Muffler Design]
2018 - Ford Focus MK3.5 Ecoboot [BMC + DTE-PowerControl-X + boomba racing + Brembo + EBC Break]
2021 Dec - Audi TT MK3 Model Year 2022

ออฟไลน์ ynot9x

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 560
    • อีเมล์
สงสัยว่าที่แรงม้า/แรงบิดแตกต่างกันได้ขนาดนี้เพราะอะไรน่ะครับ

อย่างใน 320i ได้ 135 kW (181 hp) @ 5000-6500 rpm  กับ 330i ได้ 185 kW (248 hp)@ 5200-6500 rpm
ลองหาข้อมูลดูคร่าวๆ เป็นเครื่อง B48 เหมือนกัน แต่รหัสไม่เหมือนกันที่ตัวสุดท้าย B48B20A(320i), B48B20B(330i)

คือสงสัยว่าเค้าใช้เครื่องเดียวกัน แต่ Tune มาไม่เหมือนกัน, หรือว่าตัวเครื่องเองก็ไม่เหมือนกันด้วยครับ
แล้วถ้าสมมุติว่าเอาเครื่องทั้ง 2 ตัวไป Tune เพิ่มให้มากที่สุดที่เครื่องจะไม่พัง สุดท้ายแล้วจะได้กำลังเท่ากันหรือต่างกันครับ

รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วยครับ

ปล. ที่ยกตัวอย่าง 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ของ BMW เพราะตอนนี้ดูรถยี่ห้อนี้อยู่น่ะครับ เข้าใจว่ายี่ห้ออื่นค่ายอื่นก็คงลักษณะเดียวกัน
reference: https://en.wikipedia.org/wiki/BMW_3_Series_(F30)

อีกเรื่องนึงที่พอทราบคือระบบท่อไอเสียครับ

ในรหัส n20 ความแตกต่าง 320i / 328i ท่อไอเสียคนละแบบกันครับ 328i หม้อพักปลาย ท่อปลาย ออก 2 ท่อ / 320i ออกท่อเดียว
ในรหัส B48 เป็นท่อปลายคู่เหมือนกัน แต่อาจต้องดูขนาดและใส้ในครับ
2013 - Honda Accord G9
-=4cycle Turbo Collection=- <RWD FWD AWD>
2015 Dec - BMW F30 N20 M Sport [BMC + Racechip GTS + BILSTEIN B12 + EBC Brakes + Muffler Design]
2018 - Ford Focus MK3.5 Ecoboot [BMC + DTE-PowerControl-X + boomba racing + Brembo + EBC Break]
2021 Dec - Audi TT MK3 Model Year 2022

ออฟไลน์ pongsakorn11

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 855
ตามที่ท่านอื่นๆว่าครับ เครื่อง 20i (184-192ps) , 25i (231ps) , 30i (252-258ps)
พวกนี้ตอนนี้ใช้เครื่องบล็อคล่าสุดตระกูล B48B20 เหมือนกัน โดยจะมีรหัสต่อท้าย A B ไว้บอกระดับความแรงที่ต่างกัน
ถ้ารหัส 28i จะเป็นเครื่อง N20 รุ่นเก่า (เลิกผลิตไปแล้ว) โครงสร้างเครื่องจะเป็นแบบ Open deck ส่วนตระกูล B จะเป็นแบบ Closed deck

กรณีเครื่อง 20i ที่มีม้าอยู่ 184-192ps (ขึ้นอยู่กับว่าวางอยู่ในบอดี้ไหน) ก็อยู่ที่การจูน ECU เป็นหลักครับ (ขยับบูสท์นิด หรือระยะยกหัวฉีดหน่อย)
แต่ถ้าข้ามไป 30i อันนี้ไม่ได้จูน ECU อย่างเดียวครับ มันอาจมีชิ้นส่วนบางตัวเปลี่ยนไปด้วย เช่น หัวฉีด , ระบบ Valvetronic
ขนาดของพอร์ทวาล์ว , ท่อไอดี-ไอเสีย , เทอร์โบ และสุดท้าย เท่าที่นึกออก คือ ลูกทอร์ค(สำหรับเกียร์ AT) ฟลายวีล(สำหรับเกียร์ MT)
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล มันทำหน้าที่เป็นล้อช่วยแรงให้เครื่องหมุนทำงานไปตามวัฎจักรได้
เมื่อเครื่องยนต์มาเจอกับ"บูสท์เทอร์โบที่หนักขึ้น" ในกระบอกสูบมันก็จะมีแรงดันมากขึ้นตาม ลูกสูบมันก็จะมีแรงต้านมากขึ้นนั่นเอง
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล"ให้มีน้ำหนักมากขึ้น"ด้วยครับ เพื่อสู้แรงต้านในกระบอกสูบที่เพิ่มมากขึ้น
เพื่อความบาล๊านซ์ สมูท สูงสุดของการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

กรณีเครื่องดีเซลก็เหมือนกันน่ะครับ อย่างรหัส 20d (190ps) กับ 25d (231ps) รุ่นล่าสุด ใช้เครื่อง B47D20
ของ 20d ระบุว่าใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2000 bar ส่วนของ 25d ใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2500 bar
และแน่นอนครับ ก็คงมีจุดอื่นไม่เหมือนกันอีกบางจุด ตามที่ได้กล่าวไปครับ.

ละเอียดมากครับ ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลยย

ถ้าพูดถึงอยากให้แรงขึ้นทำได้มั้ยตอบเลยว่าได้ เเต่ก็อยุ่ที่ว่าเอาแรงมากแรงน้อย และอายุการใช้งานจะนานหรือสั้นก็อยุ่ที่ผู้ใช้แล้วละครับ

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 745
    • อีเมล์
ไส้ไหมไม่เหมือนคับ จูนพังหลายคันละ

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
ตามที่ท่านอื่นๆว่าครับ เครื่อง 20i (184-192ps) , 25i (231ps) , 30i (252-258ps)
พวกนี้ตอนนี้ใช้เครื่องบล็อคล่าสุดตระกูล B48B20 เหมือนกัน โดยจะมีรหัสต่อท้าย A B ไว้บอกระดับความแรงที่ต่างกัน
ถ้ารหัส 28i จะเป็นเครื่อง N20 รุ่นเก่า (เลิกผลิตไปแล้ว) โครงสร้างเครื่องจะเป็นแบบ Open deck ส่วนตระกูล B จะเป็นแบบ Closed deck

กรณีเครื่อง 20i ที่มีม้าอยู่ 184-192ps (ขึ้นอยู่กับว่าวางอยู่ในบอดี้ไหน) ก็อยู่ที่การจูน ECU เป็นหลักครับ (ขยับบูสท์นิด หรือระยะยกหัวฉีดหน่อย)
แต่ถ้าข้ามไป 30i อันนี้ไม่ได้จูน ECU อย่างเดียวครับ มันอาจมีชิ้นส่วนบางตัวเปลี่ยนไปด้วย เช่น หัวฉีด , ระบบ Valvetronic
ขนาดของพอร์ทวาล์ว , ท่อไอดี-ไอเสีย , เทอร์โบ และสุดท้าย เท่าที่นึกออก คือ ลูกทอร์ค(สำหรับเกียร์ AT) ฟลายวีล(สำหรับเกียร์ MT)
ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล มันทำหน้าที่เป็นล้อช่วยแรงให้เครื่องหมุนทำงานไปตามวัฎจักรได้
เมื่อเครื่องยนต์มาเจอกับ"บูสท์เทอร์โบที่หนักขึ้น" ในกระบอกสูบมันก็จะมีแรงดันมากขึ้นตาม ลูกสูบมันก็จะมีแรงต้านมากขึ้นนั่นเอง
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าลูกทอร์คหรือฟลายวีล"ให้มีน้ำหนักมากขึ้น"ด้วยครับ เพื่อสู้แรงต้านในกระบอกสูบที่เพิ่มมากขึ้น
เพื่อความบาล๊านซ์ สมูท สูงสุดของการทำงานของเครื่องยนต์ครับ

กรณีเครื่องดีเซลก็เหมือนกันน่ะครับ อย่างรหัส 20d (190ps) กับ 25d (231ps) รุ่นล่าสุด ใช้เครื่อง B47D20
ของ 20d ระบุว่าใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2000 bar ส่วนของ 25d ใช้ชุดหัวฉีดแรงดัน 2500 bar
และแน่นอนครับ ก็คงมีจุดอื่นไม่เหมือนกันอีกบางจุด ตามที่ได้กล่าวไปครับ.

ละเอียดมากครับ ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลยย

ถ้าพูดถึงอยากให้แรงขึ้นทำได้มั้ยตอบเลยว่าได้ เเต่ก็อยุ่ที่ว่าเอาแรงมากแรงน้อย และอายุการใช้งานจะนานหรือสั้นก็อยุ่ที่ผู้ใช้แล้วละครับ

ยินดีครับผม ผมลืมพูดถึงลูกสูบ ก้านสูบ ข้อเหวี่ยงด้วยนะครับ ที่อาจจะต้องมีการเปลี่ยนให้ทนแรงมากกว่าเก่า
20i กับ 30i แรงต่างกันเยอะ เกียร์ก็น่าจะใช้คนละรุ่นกัน (อัตราทดเท่ากัน แต่แข็งแรงไม่เท่ากัน)
คือถ้าโรงงานเค้าทำมาให้ เหยียบไปเถอะครับ ไม่มีพัง เพราะเค้าเปลี่ยนชิ้นส่วนหลายชิ้นเพื่อรองรับแรงม้าตามไปด้วย

อย่างถ้าเรามาจูนเอง เอาเครื่อง 20i มาจูนให้แรงเท่าหรือแรงกว่า 30i ก็ย่อมทำได้ ไม่แพงด้วย
แต่ใช้แล้วซัดๆไปแล้วเครื่องกับเกียร์เป็นอะไรขึ้นมา ก็ต้องรับสภาพครับ ต้องยอมรับผลที่ตามมา.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2017, 00:27:08 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,961
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
กระทู้สาระครับ    ::) ::)   
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ tom46

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,699
ส่วนตัวนะครับ ผมว่าเครื่องโรงงานเขาต้องทำอะไรมามากกว่าที่เราคิดแน่นอนละครับ คงไม่แค่ปรับโปรแกรมใหม่ แล้วทำออกมาขายเป็นอีกรุ่นอย่างที่เราคิดกันอยู่หรอกครับ

รายละเอียดทางเทคนิคของรถแต่ละรุ่น เขาน่าจะต้องมีการคิดมาดีแล้วครับ

อย่างของผมเครื่อง BMW เหมือนกัน เอา ลูกสูบ ก้านสูบ ข้อเหวี่ยง ท่อไอดี ของเครื่อง 3000 bmw เองมาใช้ในเครื่อง 2400 ที่ถือว่าเป็นเครื่องแบบๆเดียวกัน M family แรงม้าอาจจะได้ แต่ความสมูธการขับอย่างไงก็สู้ของโรงงานแท้ๆเขาไม่ได้ แถมยังมีเรื่องระบบ disa valve ลิ้นปีกเสื้อ แอร์แมส กล่อง ecu ที่ต้องสัมพันธ์กันอีก

ผมเลยคิดว่ารถรุ่นใหม่ของ BMW เอง แรงม้าที่เพิ่ม คงไม่แค่การปรับบูสแก้แมฟแค่นั้นแน่ น่าจะต้องมีอะไรมากกว่าที่เราคิดแน่นอนครับ
M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

jaesz

  • บุคคลทั่วไป

ตอบเฉพาะBMW 320 330 นะครับ Part Number

สูบ ก้าน 11258638448
แคมชาฟท์ไอเสีย11318618193
แคมชาฟด์ไอดี11318618193
เพลา ข้อเหวี่ยงง11218639541
หัวฉีด 13537639990
โบ 11657637563

ทุกชิ้นที่กล่าวมาเหมือนกัน

ใครบอกชิ้นไหนไม่เหมือนกัน รบกวนขอข้อมูลหน่อย ผมจะได้ไม่ทำอะไหล่ผิด เพราะเท่าที่กดดูในคอมมันเหมือนกันครับ ถือว่าช่วยคอบผมเป็นวิทยาทาน

ต่างกันที่กล่องDMEครับ เฟิร์มแวร์คนละตัว

ตอบเผื่อไปอีกนิด
พวกจูนเนอร์ ทำพังเพราะคุณไม่จูน Valvetronic ให้สัมพันกับ Boost

ใครมีข้อมูลดีแชร์มาครับยินดีรับฟัง

ออฟไลน์ h22a

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
    • อีเมล์
ใช้ F30  320i  อยู่ครับ เคยคันๆจะจูนไปเหมือนกัน แต่คงรอให้หมด BSI ก่อน
เท่าที่อ่านมา 320i กับ 328i ต่างกันตรง ลูกสูบ , Compression ratio , ขนาดท่อไอเสีย และคำสั่งใน ECU

นี่คือที่ผมได้เจอมา

BMW 320i to 328i

One of the most popular ways to increase power rate for ordinary F30 320i is to install regular 328i firmware
that will increase HP level up to 240-245. At the same time you need to have clear understanding
what 328i models is equipped by different pistons with compression ratio 10. It also has exhaust pipe of larger diameter.
That is why you need to buy 328i exhaust system and pistons in order to proceed with further upgrade.
You also need to install large intercooler, performance air intake and buy BMS JB4.
On Stage 2 firmware your BMW will produced about 300 HP.


ส่วนใครอยากจะไปเปลี่ยนอินเตอคูล และหม้อไอดี ก็ยิ่งดีครับ
อ้อ อย่าลืมเรื่องเบรค ยาง และช่วงล่างให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องด้วย  ;)

ออฟไลน์ NavaneS

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 649
    • อีเมล์
แล้ว...328ถูกตอนแรงม้าในไทย  กับ328ม้าเต็มๆของเมืองนอกละครับ
ชิ้นส่วนภายในต่างกันไหมครับ
Peugeot505
BMW 318i
Honda Accord G6
Toyota Wish
Honda City
Honda Accord G9
BMW 528i M Sport
KIA Grand Carnival

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
แล้ว...328ถูกตอนแรงม้าในไทย  กับ328ม้าเต็มๆของเมืองนอกละครับ
ชิ้นส่วนภายในต่างกันไหมครับ

ถ้ากรณี 28i ไทย กับ นอก อันนี้เป็นที่ซอฟแวร์ ECU อย่างเดียวครับ สามารถแก้ได้โดยเอาโค้ดของเมืองนอกมาใส่ ก็จะได้เท่ากับของนอกละครับ
สังเกตุง่ายๆว่าถ้ารหัส 2ตัวท้ายคือเดียวกัน แต่ส่งขายไปแต่ละประเทศแล้วแรงต่างกันนิดหน่อย อันนี้ส่วนมาก(แต่อาจไม่เสมอไป)เป็นไปได้
กว่า 98% เป็นการลงซอฟท์แวร์ล้วนๆครับ...แต่หากรหัสต่างกัน เช่น 20i vs 28i อันนี้อาจมีอะไรต่างกว่าที่คิดครับ เหมือนที่พี่เม้นบนบอกนั้นแหละครับ

อย่างของดีเซล 20d vs 25d ตัวล่าสุด ที่รู้ๆระบบหัวฉีดต่างกันครับ

20d = Magnetic valve injectors 2000 bar
25d = Solenoid valve injectors 2500 bar

แหล่งที่มา http://www.automobile-catalog.com/make/bmw/5-series_g30/5-series_g30-1_sedan/2018.html
(ต้องเข้าไปกดดูในรุ่นที่ต้องการดูสเป็คอีกที)

แล้วอย่างที่พี่เม้นบนนู้นบอก แรงดันต่างกัน แล้วหัวฉีดเหมือนจะเป็นคนละยี่ห้อกันด้วยนะครับ
ส่วนเทอร์โบ ถ้าเป็นสมัย F10 520d vs 525d ของ 20d จะใช้โบเดี่ยว ส่วน 25d จะใช้โบคู่แบบเล็ก-ใหญ่
ส่วนตอนนี้ของ G30 หันมาใช้โบเดี่ยวเหมือนกันแล้ว แต่ขนาดคงต่างกัน แล้วอาจมีชิ้นส่วนบางอย่างต่างกันไปอีกก็ได้ครับ 

ออฟไลน์ GizzY

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
งั้นถามต่ออีกนิดครับ
ถ้า 20d remap ให้ได้ 220-230ม้า
พี่ๆคิดว่าเสี่ยงต่อการพัง หรือ เคยเห็นเครื่องพังบ้างไหมครับ พอดีสนใจอยู่

ออฟไลน์ h22a

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
    • อีเมล์
งั้นถามต่ออีกนิดครับ
ถ้า 20d remap ให้ได้ 220-230ม้า
พี่ๆคิดว่าเสี่ยงต่อการพัง หรือ เคยเห็นเครื่องพังบ้างไหมครับ พอดีสนใจอยู่

ถ้าอยากให้เหนียว คงต้องดูความต่างของชิ้นส่วน ระหว่าง 20d กับ 25d ครับง
เหมือนความต่างของชิ้นส่วนระหว่าง 20i กับ 28i  ;)

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
ขอถามต่อด้วยนะครับทำไม 200แรงม้าในBMW กับ200แรงม้าในแบรนด์อื่น

ทำไมถึงให้ความรู้สึกในการขับไม่เหมือนกันครับ

รถอย่าง BMW, Audi หรือ Porsche รุ่นใหม่ๆ บางทีลงแรงม้าในสเป็คเผื่อๆไว้เยอะครับ อย่างรถพวกนี้ไปขึ้น dyno วัดแรงม้ากับรถอีกรุ่นที่สเป็คแรงม้าจากเครื่องเท่ากัน แต่ผลแรงม้าที่ล้อห่างกันพอสมควร
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
กระทุ้นี้มันส์ดีครับ
สาระจัดเต็ม  ::)

ออฟไลน์ whitebear

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ขอบคุณทุกท่านมากครับ ได้ความรู้มากมาย  ;) ;)