โพลล์

ตัวใหนขายต่อราคาดีกว่ากัน

CX5 2.0SP Model change
15 (60%)
CX5 2.2 XDL Model Change
10 (40%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 25

ผู้เขียน หัวข้อ: แสดงความคิดเห็น เมื่อ CX5 ตัวใหม่ สำหรบ 2.0SP กับ 2.2XD ผ่านไป 6 ปี  (อ่าน 7872 ครั้ง)

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0
ขอบคุณ ทุกความคิดเห็น
 Diesel ตัวรองกำลังมาแรง!!
  สุดท้ายครับ
ถ้าวัดกันที่ราคา
 CX5 2.0SP กับ CX5 2.2 XD
เมื่อใช้ไป สัก 6-7 ปี ราคาขายต่อตัวใหนจะราคาดีกว่า กัน (ใช้ปกติ ไมล์ ณ. ตอนนั้นคง 120,000- 150,000)

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน

ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....

ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,368
ผมว่าราคาส่วนต่างระหว่างเบนซินกับดีเซล มันมีหลายปัจจัยนะครับ
รุ่นไหนราคาแพงกว่า ราคาขายต่อย่อมสูงกว่าแน่ครับ
แต่ต้องรอดูว่า ดีเซลแก้ปัญหาน้ำดันจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบ เผลอๆราคาขายต่อแทบไม่ต่างกันครับ

ปล. ถ้าคุณคิดว่ารุ่นไหนจะคุ้มสุด ถ้าเทียบราคาขายต่อ ผมจิ้มไปที่ 2.0C ครับ เจ็บตัวน้อยสุดแน่นอนครับ

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
ผมว่าราคาส่วนต่างระหว่างเบนซินกับดีเซล มันมีหลายปัจจัยนะครับ
รุ่นไหนราคาแพงกว่า ราคาขายต่อย่อมสูงกว่าแน่ครับ
แต่ต้องรอดูว่า ดีเซลแก้ปัญหาน้ำดันจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบ เผลอๆราคาขายต่อแทบไม่ต่างกันครับ

ปล. ถ้าคุณคิดว่ารุ่นไหนจะคุ้มสุด ถ้าเทียบราคาขายต่อ ผมจิ้มไปที่ 2.0C ครับ เจ็บตัวน้อยสุดแน่นอนครับ

ขอบคุณครับ ตอบแบบมีข้อคิดเห็นที่ดี ทุกคำตอบอาจเป็นประโยชน์ สำหรับสมาชิก

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0
ขอบคุณ ทุกความคิดเห็น
 Diesel ตัวรองกำลังมาแรง!!
  สุดท้ายครับ
ถ้าวัดกันที่ราคา
 CX5 2.0SP กับ CX5 2.2 XD
เมื่อใช้ไป สัก 6-7 ปี ราคาขายต่อตัวใหนจะราคาดีกว่า กัน (ใช้ปกติ ไมล์ ณ. ตอนนั้นคง 120,000- 150,000)
ขอบคุณครับ ที่แสดงความคิดเห็น
 ผมเชื่อว่าหลายท่าน คงต้องถึงวันขายรถ ไม่วันนั้น มันมาถึง หรืออาจขายรถด้วยปัจจัยต่างกันไป
แต่อย่างไรก็ตามก็ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็น ทุกความคิดเห็น มีข้อคิดเสมอ

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,996
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ผมว่าถ้าเป็นตอนนี้ ราคาดีเซลน่าจะร่วงกว่าครับ เพราะมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันขณะ

แต่อนาคตถ้าพิสูจน์ได้ว่าดีเซลไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และคนไม่ค่อยปล่อย ราคาก็จะดีครับ

ทุกอย่างไม่เที่ยงครับ ใช่รถอย่างเป็นสุขตลอดอายุ และให้การขายเป็นอนาคตไปดีกว่าครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ CookiE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 872
ใช้รถยุคสมัยนี้อย่าไปคิดเรื่องราคาขายต่อมากเลยครับ

คิดแค่ว่า รุ่นไหนจะปล่อยง่ายกว่าก็พอแล้วครับ  :D

ออนไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,404
ผมโหวตให้ซื้อ 2.0 เพราะว่ามันคุ้มกว่าครับ ไม่ได้สนราคาขายต่อครับเพราะยังไงก้ร่วงเละเทะอยู่แล้วครับ รถมือ2เดี๋ยวนี้ แล้วนี่mazda ขนาด เจ้าตลาดยังร่วงเยอะขึ้นเลยครับ

ออฟไลน์ sk-non

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 494
อีก 6ปี ข้างหน้า ผมว่า ส่วนต่างตอนขาย ไม่น่าจะเกิน 1 แสน
อย่างดี ก็ขอเดาว่า 80,000
ถ้าแนว ผม ก็จะมาหารด้วย จำนวนปีที่ใช้
ให้เยอะสุดคือ 100,000/6ปี =16,666 ต่อปีที่หายไป
ถ้ารับได้จัดตัว  2.2D ไปเลยครับ

ส่วนตัวผม จะมีคันนึง ไว้ทำงาน ไปเที่ยวโดยเฉพาะ
เปลี่ยนรถ ทุก 2-3 ปี ใช้ปีละ ประมาณ 30000 กม
ผมก็จะซื้อตัวกลางหรือต่ำสุดของรุ่นๆนั้นไป
เพราะว่า ราคาขายต่อจะได้ขาดทุนไม่มาก

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
อีก 6ปี ข้างหน้า ผมว่า ส่วนต่างตอนขาย ไม่น่าจะเกิน 1 แสน
อย่างดี ก็ขอเดาว่า 80,000
ถ้าแนว ผม ก็จะมาหารด้วย จำนวนปีที่ใช้
ให้เยอะสุดคือ 100,000/6ปี =16,666 ต่อปีที่หายไป
ถ้ารับได้จัดตัว  2.2D ไปเลยครับ

ส่วนตัวผม จะมีคันนึง ไว้ทำงาน ไปเที่ยวโดยเฉพาะ
เปลี่ยนรถ ทุก 2-3 ปี ใช้ปีละ ประมาณ 30000 กม
ผมก็จะซื้อตัวกลางหรือต่ำสุดของรุ่นๆนั้นไป
เพราะว่า ราคาขายต่อจะได้ขาดทุนไม่มาก
มีเหตุผล สนับสนุน
ขอคุณครับ

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,605
    • อีเมล์
ถ้าคำนึงถึงราคาขายต่อตัวต่ำสุดได้เปรียบที่สุดครับ

แต่ต้องเอาความพอใจระหว่างที่อยู่กับรถด้วย
หากถือนานแล้วคิดว่าจะตะขิดตะขวงใจหลายๆปีคงไม่ดีแน่ครับ

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,588
  • may the force lead your way ...
ถ้าข้อมูล ณ ตอนนี้ที่ว่าแก้ปัญหาเครื่องดีเซลแล้ว
ยังไงเครื่องดีเซลก็คงมากกว่าหน่อยจากพละกำลังเครื่องมั้งครับ

ต้องรอให้เวลาพิสูจน์อีกหน่อยว่าของเล่นตัวท็อปจะนำความจุกจิกมาหรือไม่
ถ้าไม่จุกจิกเสียง่าย ซ่อมง่าย ก็อาจจะกลับกัน ยังบอกได้ยากครับตอนนี้

ถ้าปัญหาดีเซลยังไม่จบ กับของเล่นรวนไม่ทน ก็อาจจะดร๊อปมากทั้งคู่   :-[

----

ของใช้พวกรถยนต์นี่เอาความเหมาะสมกับเจ้าของ ณ วันซื้อดีที่สุดครับ
เพราะถึงรู้ว่าดีเซลหรือเบนซินราคาตัวไหนดีกว่า

แต่บังเอิญเจอสถานะการณ์เลวร้ายบางอย่างพวกอุบัติเหตุ อุบัติภัย ก็ไม่สามารถอ้างอิงได้หละ
สรุป บาลานซ์ทุกอย่างทั้งเหตุผลกับความรู้สึกดีๆตอนซื้อ แล้วจัดไปอย่าได้แคร์  ;D
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ดีเซลได้ราคากว่าครับ แต่กับCX-5นี่ตอบลำบากเพราะมีปัญหากับเครื่องดีเซล
ถ้าไม่อยากเสี่ยง ขับไม่เร็วไปเรื่อยๆ 2.0SPเลย คุ้มมาก

ส่วนตัวผมชอบรถขับสนุกมากกว่าออฟชั่น ถ้าส่วนตัวจะเอนไปทาง2.2 แต่ถ้าเชียร์คนอื่นไป2.0ดีกว่า
ลำพังแค่พวกแทรคชั่น ถุงลม6ใบก็ถมถืดแล้ว

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
ขอบคุณสมาชิกทุกท่านครับ
ส่วนตัว ชอบ 2.2 แต่มีกระแสเรื่อง Diesel ก็ทำไห้รังเลนิดหนึ่ง
ผมใช้รถน้อยมากต่อปี คงมีแนวโน้ม ไปที่ 2.0SP

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,479
รถมือสองปัจจัยเยอะ นอกจากราคาตั้งแล้ว ยังมีความนิยมในตอนนั้นๆ สภาพรถแต่ละคัน ต่างๆ มากมาย ตีซะว่าราคาไม่หนีกันมากหรอกครับ เคยเจอไหมอ่ะ รุ่นกลางๆ สภาพดีมากๆ กับรุ่นท๊อปสภาพงั้นราคาพอๆ กัน ลองไปดูรถมือสองสังเกตุดูก็มองออกครับ

ออฟไลน์ korkongzz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 407
    • อีเมล์
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน

ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....

ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......

อนาคตมันไม่แน่นอน จขก ก็มีสิทธิ์ถามป่าวไหม ทำไมต้องหัวร้อนไปด่าเขาเนี่ย ประสาทว่ะ

ออฟไลน์ Vipvipvip

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 645
จะซื้อรถที่ไม่ใช่โตกับฮอน อย่าไปคิดถึงราคาขายต่อมากครับ อีก6ปี ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เครื่องxมา ถ้าดีเครื่องเก่าก็ราคาตกเยอะ ถ้ามาแล้วปัญหาเยอะ เครื่องเก่าก็ยังเป็นที่ต้องการ ปัจจัยราคารถมือ2อยู่ที่demand and supply

ออฟไลน์ deleted

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
รถมือสองปัจจัยเยอะ นอกจากราคาตั้งแล้ว ยังมีความนิยมในตอนนั้นๆ สภาพรถแต่ละคัน ต่างๆ มากมาย ตีซะว่าราคาไม่หนีกันมากหรอกครับ เคยเจอไหมอ่ะ รุ่นกลางๆ สภาพดีมากๆ กับรุ่นท๊อปสภาพงั้นราคาพอๆ กัน ลองไปดูรถมือสองสังเกตุดูก็มองออกครับ
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน

ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....

ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......

อนาคตมันไม่แน่นอน จขก ก็มีสิทธิ์ถามป่าวไหม ทำไมต้องหัวร้อนไปด่าเขาเนี่ย ประสาทว่ะ
  ถ้าเข้าใจแก่นแท้ของคำถาม คำตอบก็จะมีประโยชน์ ต่อสมาชิกท่านอื้นที่อาจจะมือใหม่เรื่องรถ แต่ถ้าตีประโยคคำถามไม่ขาด เข้าจะตอบแบบความคิดพื้นฐานที่เขาคิด
 ขอบคุณครับ ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ละความคิดแสดงถึง "วุฒิภาวะ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2017, 10:21:55 โดย deleted »

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
ผมว่า เบนซิน นะครับ มันไม่ค่อยมีอะไรมาเป็นปัจจัยร้ายแรง ไม่เหมือนกับดีเซล ถ้าปัญหายังไม่แก้ให้จบ ก็คงราคาตกมาก ยิ่งรถออกมาเยอะขึ้นด้วย