ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ  (อ่าน 10638 ครั้ง)

ออฟไลน์ NarongritL

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 00:43:16 »
ขออนุญาตถามเเบบง่ายๆเลยะครับ ตามหัวข้อ

ในเมื่อ Force Inductionไม่ว่าจะเป็น Turbo หรือ Super Charger ช่วยได้ทั้งเรื่อง สมรรถนะ อัตราการสิ้นเปลือง รวมถึง มลภาวะ ไม่นับรถราคาไม่สูง ซึ่งเข้าใจว่า อาจจะมีส่วนเรื่องราคาผลิต (รึเปล่า?ไม่น่าเเพง)
เเต่รถสมรรถนะสูงราคาเเพงบางรุ่นก็ยังเป็นเครื่อง NAอยู่

อยากทราบว่า F induction มีข้อจำกัดอะไร ถึงไม่ได้นำมาใช้ในรถยนตร์ราคาเเพงบางคันครับ

ออฟไลน์ a601970

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 802
  • ประชาธิปไตย หัวใจคือประชาชน
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 01:02:51 »
มีแต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ไม่เข้าใจซักอย่าง
รบกวนอธิบายเป็นภาษาไทยด้วยครับ
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 02:26:50 »
ถ้า Turbo ที่ Supercar, High Performance  หลักๆนะ ผมว่า

1.เสียงเครื่อง+ เสียงท่อ มันห่วยลง  เพราะ แรงอากาศที่จะไปออกท่อไอเสีย  ที่จะกลายเป็นเสียงออกมา มันกลายเป็นว่า  ถูกใบพัดเทอรโบ เอาไปหมด  จนออกมาเป็นเสียบแหบๆ  (ตรงนี้ Supercharger ยังคงได้เปรียบอยู่  เพราะไม่ต้องมายุ่งกับระบบไอเสีย  ไม่กระทบต่อเรื่องเสียงท่อ)

รวมถึงพอใส่เทอร์โบ  แต่ต้องแลกกับ MAX RPM ต่ำลง  อย่าง V8 ใน 488 เคยลากรอบได้ถึง 8500-9000 รอบ ก็เหลือแค่ 6000-7000 หน่อยๆเท่านั้นเอง  เสียงแผดๆของเครื่องยนต์รอบจัดมันก็เลยหายไปด้วยครับ

ทุกวันนี้ ก็พยายามทำให้เสียงมันดีแบบหลอกๆ ด้วยการทำเสียงเครื่องปลอมๆผ่านลำโพง (BMW M5 V8 แต่ให้ลำโพงในรถทำเสียงหลอกๆว่า V10) หรือทำเสียงตด เสียงกรนผ่านท่อแบบหลอก ๆ ปุ้งๆๆ ปั้งๆๆ ให้มันรู้สึกว่าพิเศษ  มากกว่าจะเป็นความเพราะของเสียงเครื่องยนต์+เสียงท่อจริงๆ



2.Throttle Response หรือการตอบสนองของคันเร่ง  เอาง่ายๆคือ  ตามเท้า กดเท่าไหน มาเท่านั้น   ไม่ใช่กดแล้วเขื่อนแตก รถจะแหกโค้งตลอดเวลา

 รถแรงมากที่สุด ไม่ได้แปลว่าดีที่สุดครับ  (ถ้าคิดแบบนี้หมด  ไม่ต้องซื้อซุปเปอร์คาร์ ไปหากระบะดันราง  หรือรถรถวางเจ โบลูกใหญ่ๆก็ได้)  แต่พละกำลังมหาศาล ต้องอยู่ในการควบคุมที่ดี  หรือง่ายๆว่า  สั่งได้ด้วย เหมือนม้าที่ทรงพลัง ที่ไม่พยศตลอดเวลาแต่สามารถควบคุมสั่งได้ตามใจเจ้าของครับ

รถเทอรโบ  โดยทางทฤษฎี ยังไงก็ต้องมี Turbo Lag  ทำให้สารพัดค่าย Supercar ที่จะใช้เทอรโบต้องหาสารพัดหนทางเพื่อแก้อาการ Turbo Lag และทำให้คันเร่งตอบสนองได้ไม่แพ้รถ NA

ตัวอย่างก็  McLaren P1 , Honda NSX นี่ก็ใช้ระบบ Hybrid  คือเอาแรงบิดมอเตอร์มาชดเชยพละกำลัง ก่อนจะถึงช่วง Boost ของเทอรโบครับ  เพื่อให้มีพละกำลังต่อเนื่องในทุกรอบความเร็ว   หรือ AMG กับ M ก็จับตัวเทอร์โบไว้ใกล้ๆ เพื่อลดระยะทางเดินของอากาศในเทอร์โบ  ใกล้ๆตัวสูบ V เลย เพื่อให้เกิดการตอบสนองของเทอรโบที่ดีมากขึ้นและแก้อาการ Turbo Lag ครับ 

แต่ถึงจะพัฒนา แต่จากสื่อเมืองนอกทดลองขับ การใช้มอเตอร์ + เทอรโบ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน แต่ก็ต้องแลกกับน้ำหนัก  ส่วนแก้ที่การออกแบบเทอร์โบก็ช่วยได้บางส่วน แต่ก็แก้อาการ Lag ได้ไม่หมดครับ

---------------------
เพราะการขับรถไม่ได้มีแค่ตัวเลข และแรงดึง มันมีเรื่องของการควบคุม  เสียง  หรืออะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข  แต่มันคือประสบการณ์การขับขี่ที่สำคัญมากพอที่จะทำให้จ่ายเงินซื้อหรือไม่ซื้อเลยครับ

ลองนึกภาพ Supercar Downsize แต่เสียงเครื่องไม่ต่างจากกระบะ หรือรถบรรทุก  ผมว่าการขับขี่มันคงไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่ (รถ Hi Performance บางยี่ห้อก็เป็นแบบนั้น)

Pagani Huayra เสียงไม่มีทางเทียบได้กับ NA ตัวเก่าอย่าง Zonda F หรือแม้แต่ M5 ตัวใหม่ๆ ก็ไม่ได้มีเสียงเครื่องเพราะเท่า V10 ของ E60 ครับ







ให้ผมเลือกรถสองคัน  911 Turbo S  กับ 911GT3  หรือ 911R ผมเลือก ไป NA แบบ ไม่ต้องเสียเวลาคิดครับ   ลากรอบยัน 9000 รอบ ในสนาม  เสียงเครื่อง 911 GT3 ที่ลากรอบได้จัดๆมันเพราะกว่ากันมาก  ขับทั้งวันก็ไม่เบื่อ   ;D ;D


สำหรับผม   Driving is all about EXPERIENCE NOT NUMBER
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2017, 03:16:30 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 04:42:48 »
หมายถึงพวกรถซุปเปอร์คาร์อย่างพวก aston lambo lexus อะไรพวกนี้ใช่ไหม เพราะรถพวกนี้คนสร้างอยากให้ประสบการณ์ในการขับแบบดิบเถื่อน ลากรอบ เสียง มากกว่าสมรรถนะที่ได้ ไม่ได้เน้นมาเอาชนะกันเพราะถ้าทำรถแข่งจริง ถึงเวลาพวกนี้มีเทคโนโลยีเทอร์โบอยู่แล้ว ง่ายกว่าทำรถ na พวกนี้ด้วยซ้ำ

เอาง่ายๆว่ามันคือสเหน่ห์ ถ้าได้ลองขับซักครั้งจะเข้าใจเอง

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 05:32:28 »
ข้อเสียของNA ก็ตามที่ จขกท ว่าครับ
แต่ข้อดีสุดๆที่ผมชอบขอบคือ linear response ของ คันเร่งกับ การที่torque กับม้ามันมาแบบ พอดีๆ

ซึ่งข้อดีที่ว่าทั้งสองแบบขับบนถนนทั่วไปมันจะเห็นไม่ค่อยชัด

แต่ถ้าขับแบบ สุดลิมิต ปิดแทรคชั่นแล้ว มันมันส์กว่ากันเยอะครับ
โดยเฉพาะช่วง ออกจากโค้ง ซึ่งการคุมคันเร่งสำคัญมากโดยเฉพาะในรถขับหลัง

....ตอนที่คุณใช้tractionของยางใกล้สุดลิมิตแล้วแต่คุณต้องเติมคันเร่งไปอีกหน่อย เพื่อใช้tractionของยางจนถึงขีดสุด

จังหวะนั้น ถ้าเหยียบไปเท่าไหร่แล้วtorqueมาเท่านั้น  และมาทันทีไม่มีจังหวะรอ มันจะกะได้เลยว่าเติมคันเร่งแค่นี้พอไหว แต่ถ้ากดเยอะไปด้วยความที่torqueมันไม่เยอะ มันจะไม่ม้วน คือ ถ้าover steerก็จะไม่มาก คือพอหอมปากหอมคอ และคาดเดาได้ว่าหักพวงมาลัยแก้เท่านี้พอไหว กลายเป็นออกโค้งแบบ ดริฟต์ สวยๆ บางๆไป สามารถใช้คันเร่งเป็นตัวควบคุมทิศทางรถตอนออกโค้งได้..... ซึ่งตรงจุดนั้นแหละ คือความฟินของรถna ขับหลัง

แต่ถ้าเป็นรถเทอร์โบ ในจังหวะออกโค้งแบบเดียวกัน ยังไงเสียมันก็ต้องมีlagหน่อยๆ และพอบูสต์ติดจะมีtorque หนักๆ มาเป็นก๊อกที่สอง  จนอาจจะทำให้เกินลิมิตยางไปมากจนคุมรถลำบาก รถอาจเสียอาการ over steerจนม้วน ขวางไปเลย  หรืออาจจะดริฟต์มากเกินไปจนเสียเวลาครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2017, 05:46:10 โดย koko86 »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 09:05:32 »
อ่านดูเหมือนจะพอเข้่าใจTechnical term งั้นขออธิบายแบบไม่ต้องเยอะ

Turbo คือการลด Pumping loss อย่างนึงในการทำงาน ซึ่งก็ยังมีทางอื่นอีกที่ช่วยให้Pumpingloss ลดลง เช่น Variable Valve "Lifting" + Direct injection

Turbo ช่วยนำอากาศเข้าสูบเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดโดยไม่ต้องขยายกระบแต่มันก็สร้าง Fatigue ให้กับชิ้นส่วนต่างๆด้วย แถมมากับสิ่งที่น่ารังเกียจที่เป็น waste heat มี่ต้อง treat ด้วย intercooler และในเครื่องเบนซิน ไอเสียร้อนจัดทเทอร์โบก็ร้อนจัด เผาน้ำมันเครื่องที่ส่งไปเลี้ยงแกนอีก วนน้ำมันเสียกลับมาเลี้ยงเครื่อง บ้างก็ไหม้สะสมอุดตันในท่อ ข้อเสียมากมายทำให้อายุเครื่องยนต์และชิ้นส่วนข้างเคียงสั้นเกินกว่าจะใช้งานยาวๆ

เพียงแต่ข้อจกัดเรื่องมลพิษมันทำให้บริษัทหาทางอะไรก็ได้ง่ายๆที่ถูกๆ ไม่ต้องทนละเดี๋ยวก็ให้ซื้อรถใหม่ง่ายดี

ออฟไลน์ bluelawn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 664
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 09:40:39 »
รถบ้านไม่ทราบครับ แต่สำหรับรถ sport supercar เครื่อง N/A

1. Linear power
2. Responsiveness
3. Sound
4. High revving


อย่างไห้ผมเลือกเครื่อง v8  3.8 twinturbo กะ 6.0 v12 n/a ม้าเท่ากัน ทอร์ค N/A น้อยกว่า
ผมก็เอา N/A อยู่ดีครับ บางอย่างตัวเลขอย่างเดียวมันก็อธิบายไม่ได้

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,453
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 09:42:08 »
ผมเข้าใจว่า turbo เหมือนยาโด๊ป
เครื่องเล็กใส่ turbo ก็เหมือนคนตัวเล็ก ปอดเล็กอัดยาเข้าไปก็วิ่งเร็วขึ้น ถ้าสัดส่วนกำลังดีก็คบ่องแคล่วใช้พลังงานน้อย แต่อัดยาวๆก็หนื่อยมาก

กับอีกคนปอดใหญ่แข็งแรง วิ่งแล้วเร่งได้ผ่อนได้ไม่ค่อยเหนื่อย

ออฟไลน์ tom46

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,697
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 10:53:42 »
เคยฟังจากรุ่นพี่ที่เขาเคยขับรถแรงๆมานะครับ เห็นว่า NA มันขับสนุกกว่า กดได้ตลอด ไม่เหมือนเทอร์โบที่เวลาบูสมามันน่ากลัวคุมยากครับ
M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

ออฟไลน์ earrt

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 740
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 11:17:52 »
เมื่อก่อน (ประมาณ 10 ปี+)

เครื่องTurbo เหมือนมีสองบุคลิกในคนๆเดียวกันครับ
ก่อนบูสมา อื๊ดดดดดดอืดดดดด
พอบูสมา ก็มาแบบกระโชกโฮกฮาก
มุดบนถนนเหนื่อยครับ เดี๋ยวแรงเดี๋ยวไม่แรง(ตอนนั้นขับรถของเพื่อน เลยไม่ชินเท้า)

สมัยนี้มาไกลครับ FLAT TORQUE ทอคมาเป็นเส้นขนานแกน X
ตอบคำถามเจ้าของกระทู้
ผมว่าไม่ทันเปลี่ยน NA ไป Turbo ทั้งหมดหรอกครับ
มอเตอร์มันมาแล้ว 1.9sec ถึง100

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 895
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 14:47:23 »
+1
ทุกวันนี้ผมยังขับ V6 NA ในชีวิตประจำวันอยู่เลยครับ
รู้ว่า Turbo มันแรงและดึงกว่า แต่เอา Sound & Experience ยังไง NA ก็ยังให้ได้มากกว่า

ถ้า Turbo ที่ Supercar, High Performance  หลักๆนะ ผมว่า

1.เสียงเครื่อง+ เสียงท่อ มันห่วยลง  เพราะ แรงอากาศที่จะไปออกท่อไอเสีย  ที่จะกลายเป็นเสียงออกมา มันกลายเป็นว่า  ถูกใบพัดเทอรโบ เอาไปหมด  จนออกมาเป็นเสียบแหบๆ  (ตรงนี้ Supercharger ยังคงได้เปรียบอยู่  เพราะไม่ต้องมายุ่งกับระบบไอเสีย  ไม่กระทบต่อเรื่องเสียงท่อ)

รวมถึงพอใส่เทอร์โบ  แต่ต้องแลกกับ MAX RPM ต่ำลง  อย่าง V8 ใน 488 เคยลากรอบได้ถึง 8500-9000 รอบ ก็เหลือแค่ 6000-7000 หน่อยๆเท่านั้นเอง  เสียงแผดๆของเครื่องยนต์รอบจัดมันก็เลยหายไปด้วยครับ

ทุกวันนี้ ก็พยายามทำให้เสียงมันดีแบบหลอกๆ ด้วยการทำเสียงเครื่องปลอมๆผ่านลำโพง (BMW M5 V8 แต่ให้ลำโพงในรถทำเสียงหลอกๆว่า V10) หรือทำเสียงตด เสียงกรนผ่านท่อแบบหลอก ๆ ปุ้งๆๆ ปั้งๆๆ ให้มันรู้สึกว่าพิเศษ  มากกว่าจะเป็นความเพราะของเสียงเครื่องยนต์+เสียงท่อจริงๆ



2.Throttle Response หรือการตอบสนองของคันเร่ง  เอาง่ายๆคือ  ตามเท้า กดเท่าไหน มาเท่านั้น   ไม่ใช่กดแล้วเขื่อนแตก รถจะแหกโค้งตลอดเวลา

 รถแรงมากที่สุด ไม่ได้แปลว่าดีที่สุดครับ  (ถ้าคิดแบบนี้หมด  ไม่ต้องซื้อซุปเปอร์คาร์ ไปหากระบะดันราง  หรือรถรถวางเจ โบลูกใหญ่ๆก็ได้)  แต่พละกำลังมหาศาล ต้องอยู่ในการควบคุมที่ดี  หรือง่ายๆว่า  สั่งได้ด้วย เหมือนม้าที่ทรงพลัง ที่ไม่พยศตลอดเวลาแต่สามารถควบคุมสั่งได้ตามใจเจ้าของครับ

รถเทอรโบ  โดยทางทฤษฎี ยังไงก็ต้องมี Turbo Lag  ทำให้สารพัดค่าย Supercar ที่จะใช้เทอรโบต้องหาสารพัดหนทางเพื่อแก้อาการ Turbo Lag และทำให้คันเร่งตอบสนองได้ไม่แพ้รถ NA

ตัวอย่างก็  McLaren P1 , Honda NSX นี่ก็ใช้ระบบ Hybrid  คือเอาแรงบิดมอเตอร์มาชดเชยพละกำลัง ก่อนจะถึงช่วง Boost ของเทอรโบครับ  เพื่อให้มีพละกำลังต่อเนื่องในทุกรอบความเร็ว   หรือ AMG กับ M ก็จับตัวเทอร์โบไว้ใกล้ๆ เพื่อลดระยะทางเดินของอากาศในเทอร์โบ  ใกล้ๆตัวสูบ V เลย เพื่อให้เกิดการตอบสนองของเทอรโบที่ดีมากขึ้นและแก้อาการ Turbo Lag ครับ 

แต่ถึงจะพัฒนา แต่จากสื่อเมืองนอกทดลองขับ การใช้มอเตอร์ + เทอรโบ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน แต่ก็ต้องแลกกับน้ำหนัก  ส่วนแก้ที่การออกแบบเทอร์โบก็ช่วยได้บางส่วน แต่ก็แก้อาการ Lag ได้ไม่หมดครับ

---------------------
เพราะการขับรถไม่ได้มีแค่ตัวเลข และแรงดึง มันมีเรื่องของการควบคุม  เสียง  หรืออะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข  แต่มันคือประสบการณ์การขับขี่ที่สำคัญมากพอที่จะทำให้จ่ายเงินซื้อหรือไม่ซื้อเลยครับ

ลองนึกภาพ Supercar Downsize แต่เสียงเครื่องไม่ต่างจากกระบะ หรือรถบรรทุก  ผมว่าการขับขี่มันคงไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่ (รถ Hi Performance บางยี่ห้อก็เป็นแบบนั้น)

Pagani Huayra เสียงไม่มีทางเทียบได้กับ NA ตัวเก่าอย่าง Zonda F หรือแม้แต่ M5 ตัวใหม่ๆ ก็ไม่ได้มีเสียงเครื่องเพราะเท่า V10 ของ E60 ครับ







ให้ผมเลือกรถสองคัน  911 Turbo S  กับ 911GT3  หรือ 911R ผมเลือก ไป NA แบบ ไม่ต้องเสียเวลาคิดครับ   ลากรอบยัน 9000 รอบ ในสนาม  เสียงเครื่อง 911 GT3 ที่ลากรอบได้จัดๆมันเพราะกว่ากันมาก  ขับทั้งวันก็ไม่เบื่อ   ;D ;D


สำหรับผม   Driving is all about EXPERIENCE NOT NUMBER

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,345
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 15:15:06 »
NA วิ่งสนามสนุกกว่าหากต้องการเวลาสวย

Turbo สนุกในหลากหลายรูปแบบ แตต่หากอยากได้เวลาสวยในสนาม ผมว่ามันลงทุนเยอะฮ๊ะ  ;D

ออฟไลน์ tincubus

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 15:54:22 »
คันเร่งรถ N.A. จะ linear ขับในเมืองสบายกว่าครับ

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 16:42:52 »
เครื่อง na ขนาดใหญ่ตัวแรงๆนี่ผมว่ามันให้อรรถรสในการขับขี่ที่ดีมากครับ รถ Supercar หลายรุ่นถึงยังเลือกใช้เครื่องพวกนี้ แต่ถ้าพวก na ขนาดเล็กรอบจัดถ้าใช้ในชีวิตประจำวันที่ไม่ได้ขับลากรอบมากๆก็มีแอบเหนื่อย อย่างถ้าเทียบ BMW M3 V8 กับ M3/ M4 ตัวปัจจุบันความง่ายต่อการใช้งานในการขับทั่วไปผิดกันมากครับ รถแนวสมรรถนะสูงแต่เน้นใช้งานสะดวกจะไป FI กันหมดแล้ว (รวมถึงกฎมลพิษ, ค่าตัวเลขความประหยัดต่างๆที่เคร่งครัดมากกว่าแต่ก่อน) แต่ถ้าเอารถออกไปขับเล่นวันหยุดหรือลงแทร็กพวก na จะมันส์กว่า
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 19:30:12 »
มันโหดกว่านะ. ส่วนเทอโบมันมีค่าดูแลไปอีกแบบ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2017, 21:42:02 »

Turbo ดีเซล พอติดบูส รถมันกระชากออกมา เลย จากเดิม อืดๆ นั่นละ ที่รู้สึกประหลาด
มันไม่ สมูทมั้ง

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 06:55:23 »
ท่านอื่นๆตอบมาได้ดีมากๆแล้ว คือ ในรถ sport รถ supercar
turbo มอบประสิทธิภาพ มอบ efficiency (เร็วขึ้น , ประหยัดน้ำมันขึ้น , ฯลฯ)
na มอบประสบการณ์ มอบความสนุกในการขับ มอบ experience (เสียงเครื่อง , การลากรอบ ,  การมีส่วนร่วมในการขับ เหยียบเท่าไหร่ ไปเท่านั้น)

รถธรรมดา เน้นประสิทธิภาพมากกว่าความสนุกในการขับ
รถ sport รถ supercar ให้ความสำคัญด้านประสบการณ์ ด้านความสนุกในการขับมากกว่ารถธรรมดา

ผมขอยกตัวอย่างซักรุ่นนึง คือ porsche 718 boxster , cayman ที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องสี่สูบ turbo  จากเครื่องรุ่นก่อนหน้านั้นที่เป็น 6 สูบ na
เครื่อง turbo ของ 718 ตัวใหม่นั้น ประสิทธิภาพดีกว่าเครื่อง na รุ่นเดิม ทั้งแรงม้า แรงบิด อัตราเร่ง และยังประหยัดน้ำมันกว่า

แต่จากข้างล่างนี้ จะเห็นว่า รถประเภทนี้ หลายๆคนได้ให้ความสำคัญด้านประสบการณ์ในการขับด้วย ไม่ได้มองแค่เพียงตัวเลขความเร็ว อัตราเร่งที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้นเท่านั้น

ขอเริ่มจากคุณแพน
http://www.headlightmag.com/first-impression-porsche-boxster-s-pmda2016/
เรื่องการควบคุมคันเร่ง คุณแพนได้เขียนว่า
" ...ผมยกตัวอย่างนะครับ ในรถรุ่นที่แล้ว ตัว 2.7 กับ 3.4 ลิตรนั้น คันเร่งจะคมและ
คุมได้ค่อนข้างง่ายเพราะแรงบิดมันมาแบบค่อยเป็นค่อยไป เวลาเข้าโค้งยาวๆ
แล้วต้องการเพิ่มความเร็วขณะใกล้ออกโค้ง จะรู้สึกว่าไม่ต้องเกร็งเท้ามาก กดหนัก
ไปนิด รถก็ยังไม่พุ่งเกินที่ต้องการ...
แต่สำหรับ 718 Boxster S นั้น ผมต้องเกร็งเท้าตอนขับระหว่างโค้งใน Sepang
พอสมควร เพราะถ้าอยู่ในโหมด Sport หรือ Sport Plus คันเร่งจะบ้าพลังพอๆกับเครื่อง
ถ้ากดคันเร่งเร็วไปหรือลึกไปเพียงนิดเดียว รถจะมีอาการพุ่งอย่างดุเดือด หรือถ้า
กดมากไปจริงๆ ระบบ PSM ก็จะส่งสัญญาณเตือนมา..."

เรื่องเสียงเครื่อง คุณแพนได้เขียนว่า
" ...เพียงแต่เรื่องหนึ่งที่ผมยังทำใจไม่ได้คือเสียงเครื่องยนต์…นักเขียนรุ่นใหญ่ท่านหนึ่งบอกผมว่า เสียงเครื่อง 4 สูบนอนตัวใหม่นี่มันก็ดุดี..โหด..แต่ไม่เพราะ
ถ้าคุณไม่เคยฟังเสียงเครื่อง6 สูบนอน NA ของ Porsche มาก่อน คุณอาจจะไม่มีข้อตำหนิใดๆ ในตัวมัน แต่ถ้าคุณชินกับเสียงเครื่องของ Boxster 3.4 หรือ 911 Carrera รุ่นก่อนๆคุณอาจจะพบว่าความเพลิดเพลินจากการลากรอบเพียงเพื่อให้ได้ฟังเสียงเครื่องเพราะๆนั้นมันหายไป..."

ยิ่งของทางต่างประเทศนี่ยิ่งวิจารณ์หนักเลยครับ เห็นตรงกับคุณแพนกันทั้งนั้น
ขอยกมาบางคลิป (ผมอาจแปลไม่ตรงทุกตัวอักษร ขออภัยล่วงหน้า แต่ใจความเหมือนเดิมครับ)

นาทีที่ 4:50 " ผมไม่รู้คุณได้ยินรึเปล่า แต่มีเครื่องยนต์อยู่ข้างหลังเราซึ่งไม่ได้มีเสียงที่ดี "
นาที 14:30 " ปัญหา คือ เสียงเครื่องเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การขับรถสปอร์ต แต่ในบรรดาบริษัทรถทั้งหมด บริษัทอย่างปอร์เช่กลับลืมไปซะอย่างนั้น "


นาทีที่ 8:45-9:45
" it's not as sweet singing absolutely beautyfully crisp flat6. and if you experienced boxster or cayman with that engine , you will be disappointed. i don't care anyone said about the torque .... it's not the same. it's just a motor. it's not a part of the experience "
นาทีที่ 11:25
super impressive chassis, super impressive car , please bring back the old engine.


บอกว่าเร็วกว่าเดิม แต่ นาทีที่ 1:31 " there is enormous but คันนี้มีเทียบไม่ได้เลยกับรุ่นก่อน รุ่นก่อนนี้เครื่อง 6 สูบที่เป็นที่รัก ให้เสียง 9 เสียงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับมันอยู่ที่รอบเครื่องไหน สิ่งเหล่านั้นมันหายไปแล้ว เสียใจด้วย สูญหายไป ถูกทิ้งไว้ในอดีต
รถรุ่นใหม่นี้มันซึมเซา ขับแล้วไม่ค่อยได้ความรู้สึก นั่นหมายความว่าคุณต้องขับมันอย่างเร็ว (เพื่อให้ได้อารมณ์เหมือนคันเก่า) ซึ่งมันไม่เคยเป็นเช่นนี้เลยสำหรับ boxster (boxster รุ่นก่อนๆขับสนุกโดยไม่ต้องขับเร็ว)
บริษัทปอร์เช่ทำ boxster รุ่นใหม่ออกมาแย่กว่ารุ่นเก่า แต่มันก็ยังยอดเยี่ยม ผมหวังว่าบริษัทไม่น่าทำให้มันเสียของแบบนี้เลย
มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ดีเท่ารุ่นเก่า "

ความจริงมีอีกหลายตัวอย่างเลยครับ เรื่องที่คนชอบรถแนวๆนี้ ไม่ได้สนใจแค่สมรรถนะอัตราเร่งหรือความเร็ว แต่ยังมองถึงความสนุกในการขับด้วย มีหลายคลิปของต่างประเทศที่เอารถไปทดสอบเปรียบเทียบกันในสนาม ดูว่าคันไหนทำเวลาได้เร็วกว่ากัน จากนั้นจะดูว่าคันไหนสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าผู้ทดสอบมากกว่ากัน ซึ่งหลายครั้งปรากฎว่ารถที่ทำเวลาได้ช้ากว่ากลับสร้างความสนุกได้มากกว่า 
ซึ่งเครื่อง na ตอบโจทย์เรื่องเสียง , การลากรอบ และความละเอียดในการบังคับคันเร่ง ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของความสนุกในการขับครับ

ปล. ขออภัยท่านที่มีรถรุ่นที่กล่าวมานี้ คือ นักทดสอบส่วนใหญ่จะชอบขับรถ ก็อาจให้ความสำคัญกับความสนุกในการขับและกับเรื่องเสียงมากเป็นพิเศษ
แต่คุณงามความดีด้านอื่นๆของรถรุ่นนี้ยังมีอีกมาก คนที่ซื้ออาจมองที่คุณงามความดีเหล่านั้นโดย
ไม่สนใจเรื่องเสียงเครื่อง หรือความสนุกในการขับ แต่ซื้อเพราะชอบรูปทรง ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน ส่วนใหญ่ขับในพื้นที่รถติดๆ เช่น ทองหล่อ-พารากอน อย่างนี้ก็ไม่ผิดอะไรครับ

เจตนาผมแค่จะยกตัวอย่างตอบกระทู้ว่า ที่มีคนสนใจเครื่อง na ในรถ sport , supercar เพราะมีคนจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญกับสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้อยู่ครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 07:25:03 »
การตลาดตอนนี้ ยังต้องการไงครับ เมื่อมี demand บ.รถ ต้องตอบสนองอยู่แล้ว

ออฟไลน์ paeybu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 627
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 09:55:41 »
1. เสียง (e.g. Porsche 718)
2. throttle response ด้อยกว่า NA (อันนี้หลายๆคันก็ทำได้ดีมากๆ จนใกล้เคียงแล้ว)
3. Power band ที่ไม่ linear
4. รอบสูงมักจะแรงม้าตก (จากขนาด size turbo ที่ต้องการ low-mid range torque ถึง turbo แปรผันได้ ก็ยังเน้นช่วงนั้นอยู่ดี) ไม่ได้ฟีลลาก 8-9 พันรอบ

ในรถใช้งานบ้านๆ ของพวกนี้ไม่จำเป็นจะต้องรักษาไว้ แต่ในระดับ sports car สูงๆ ถึง super car

คนที่ซื้อเขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ของพวกนี้สำคัญกว่าเยอะครับ ลองดูคลิปพวก 991.2 GT3 เทียบกับ 991.2 turbo s แล้วจะเข้าใจครับ

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 11:29:24 »
เห็นด้วยกับคุณttcl เรื่องเสียงครับ

718 มันเสียความไพเราะนุ่มนวลของเครื่องยนต์ไปเยอะเลย
แถมหนักกว่าเดิมอีก

นี่ยังลุ้นอยู่ขอให้ เครื่องตัวนี้ไม่เอาไปใส่ใน911
ผมล่ะกลัวจริงๆ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 15:06:51 »
หลายๆท่านตอบไปแล้ว
ขับรถระดับนั้นเสียงความเร้าใจมาเป็นอันดันหนึ่งครับ ลากรอบยาวๆมันได้ใจจริงๆ

คนรวยๆบางคนเลือกรถจากเสียงท่อและเสียงเครื่องมากกว่ารูปทรงภายนอกหรือแบรนด์ด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ NarongritL

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 18:06:28 »
ท่านอื่นๆตอบมาได้ดีมากๆแล้ว คือ ในรถ sport รถ supercar
turbo มอบประสิทธิภาพ มอบ efficiency (เร็วขึ้น , ประหยัดน้ำมันขึ้น , ฯลฯ)
na มอบประสบการณ์ มอบความสนุกในการขับ มอบ experience (เสียงเครื่อง , การลากรอบ ,  การมีส่วนร่วมในการขับ เหยียบเท่าไหร่ ไปเท่านั้น)

รถธรรมดา เน้นประสิทธิภาพมากกว่าความสนุกในการขับ
รถ sport รถ supercar ให้ความสำคัญด้านประสบการณ์ ด้านความสนุกในการขับมากกว่ารถธรรมดา

ผมขอยกตัวอย่างซักรุ่นนึง คือ porsche 718 boxster , cayman ที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องสี่สูบ turbo  จากเครื่องรุ่นก่อนหน้านั้นที่เป็น 6 สูบ na
เครื่อง turbo ของ 718 ตัวใหม่นั้น ประสิทธิภาพดีกว่าเครื่อง na รุ่นเดิม ทั้งแรงม้า แรงบิด อัตราเร่ง และยังประหยัดน้ำมันกว่า

แต่จากข้างล่างนี้ จะเห็นว่า รถประเภทนี้ หลายๆคนได้ให้ความสำคัญด้านประสบการณ์ในการขับด้วย ไม่ได้มองแค่เพียงตัวเลขความเร็ว อัตราเร่งที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้นเท่านั้น

ขอเริ่มจากคุณแพน
http://www.headlightmag.com/first-impression-porsche-boxster-s-pmda2016/
เรื่องการควบคุมคันเร่ง คุณแพนได้เขียนว่า
" ...ผมยกตัวอย่างนะครับ ในรถรุ่นที่แล้ว ตัว 2.7 กับ 3.4 ลิตรนั้น คันเร่งจะคมและ
คุมได้ค่อนข้างง่ายเพราะแรงบิดมันมาแบบค่อยเป็นค่อยไป เวลาเข้าโค้งยาวๆ
แล้วต้องการเพิ่มความเร็วขณะใกล้ออกโค้ง จะรู้สึกว่าไม่ต้องเกร็งเท้ามาก กดหนัก
ไปนิด รถก็ยังไม่พุ่งเกินที่ต้องการ...
แต่สำหรับ 718 Boxster S นั้น ผมต้องเกร็งเท้าตอนขับระหว่างโค้งใน Sepang
พอสมควร เพราะถ้าอยู่ในโหมด Sport หรือ Sport Plus คันเร่งจะบ้าพลังพอๆกับเครื่อง
ถ้ากดคันเร่งเร็วไปหรือลึกไปเพียงนิดเดียว รถจะมีอาการพุ่งอย่างดุเดือด หรือถ้า
กดมากไปจริงๆ ระบบ PSM ก็จะส่งสัญญาณเตือนมา..."

เรื่องเสียงเครื่อง คุณแพนได้เขียนว่า
" ...เพียงแต่เรื่องหนึ่งที่ผมยังทำใจไม่ได้คือเสียงเครื่องยนต์…นักเขียนรุ่นใหญ่ท่านหนึ่งบอกผมว่า เสียงเครื่อง 4 สูบนอนตัวใหม่นี่มันก็ดุดี..โหด..แต่ไม่เพราะ
ถ้าคุณไม่เคยฟังเสียงเครื่อง6 สูบนอน NA ของ Porsche มาก่อน คุณอาจจะไม่มีข้อตำหนิใดๆ ในตัวมัน แต่ถ้าคุณชินกับเสียงเครื่องของ Boxster 3.4 หรือ 911 Carrera รุ่นก่อนๆคุณอาจจะพบว่าความเพลิดเพลินจากการลากรอบเพียงเพื่อให้ได้ฟังเสียงเครื่องเพราะๆนั้นมันหายไป..."

ยิ่งของทางต่างประเทศนี่ยิ่งวิจารณ์หนักเลยครับ เห็นตรงกับคุณแพนกันทั้งนั้น
ขอยกมาบางคลิป (ผมอาจแปลไม่ตรงทุกตัวอักษร ขออภัยล่วงหน้า แต่ใจความเหมือนเดิมครับ)

นาทีที่ 4:50 " ผมไม่รู้คุณได้ยินรึเปล่า แต่มีเครื่องยนต์อยู่ข้างหลังเราซึ่งไม่ได้มีเสียงที่ดี "
นาที 14:30 " ปัญหา คือ เสียงเครื่องเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การขับรถสปอร์ต แต่ในบรรดาบริษัทรถทั้งหมด บริษัทอย่างปอร์เช่กลับลืมไปซะอย่างนั้น "


นาทีที่ 8:45-9:45
" it's not as sweet singing absolutely beautyfully crisp flat6. and if you experienced boxster or cayman with that engine , you will be disappointed. i don't care anyone said about the torque .... it's not the same. it's just a motor. it's not a part of the experience "
นาทีที่ 11:25
super impressive chassis, super impressive car , please bring back the old engine.


บอกว่าเร็วกว่าเดิม แต่ นาทีที่ 1:31 " there is enormous but คันนี้มีเทียบไม่ได้เลยกับรุ่นก่อน รุ่นก่อนนี้เครื่อง 6 สูบที่เป็นที่รัก ให้เสียง 9 เสียงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับมันอยู่ที่รอบเครื่องไหน สิ่งเหล่านั้นมันหายไปแล้ว เสียใจด้วย สูญหายไป ถูกทิ้งไว้ในอดีต
รถรุ่นใหม่นี้มันซึมเซา ขับแล้วไม่ค่อยได้ความรู้สึก นั่นหมายความว่าคุณต้องขับมันอย่างเร็ว (เพื่อให้ได้อารมณ์เหมือนคันเก่า) ซึ่งมันไม่เคยเป็นเช่นนี้เลยสำหรับ boxster (boxster รุ่นก่อนๆขับสนุกโดยไม่ต้องขับเร็ว)
บริษัทปอร์เช่ทำ boxster รุ่นใหม่ออกมาแย่กว่ารุ่นเก่า แต่มันก็ยังยอดเยี่ยม ผมหวังว่าบริษัทไม่น่าทำให้มันเสียของแบบนี้เลย
มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ดีเท่ารุ่นเก่า "

ความจริงมีอีกหลายตัวอย่างเลยครับ เรื่องที่คนชอบรถแนวๆนี้ ไม่ได้สนใจแค่สมรรถนะอัตราเร่งหรือความเร็ว แต่ยังมองถึงความสนุกในการขับด้วย มีหลายคลิปของต่างประเทศที่เอารถไปทดสอบเปรียบเทียบกันในสนาม ดูว่าคันไหนทำเวลาได้เร็วกว่ากัน จากนั้นจะดูว่าคันไหนสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าผู้ทดสอบมากกว่ากัน ซึ่งหลายครั้งปรากฎว่ารถที่ทำเวลาได้ช้ากว่ากลับสร้างความสนุกได้มากกว่า 
ซึ่งเครื่อง na ตอบโจทย์เรื่องเสียง , การลากรอบ และความละเอียดในการบังคับคันเร่ง ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของความสนุกในการขับครับ

ปล. ขออภัยท่านที่มีรถรุ่นที่กล่าวมานี้ คือ นักทดสอบส่วนใหญ่จะชอบขับรถ ก็อาจให้ความสำคัญกับความสนุกในการขับและกับเรื่องเสียงมากเป็นพิเศษ
แต่คุณงามความดีด้านอื่นๆของรถรุ่นนี้ยังมีอีกมาก คนที่ซื้ออาจมองที่คุณงามความดีเหล่านั้นโดย
ไม่สนใจเรื่องเสียงเครื่อง หรือความสนุกในการขับ แต่ซื้อเพราะชอบรูปทรง ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน ส่วนใหญ่ขับในพื้นที่รถติดๆ เช่น ทองหล่อ-พารากอน อย่างนี้ก็ไม่ผิดอะไรครับ

เจตนาผมแค่จะยกตัวอย่างตอบกระทู้ว่า ที่มีคนสนใจเครื่อง na ในรถ sport , supercar เพราะมีคนจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญกับสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้อยู่ครับ
ถ้า Turbo ที่ Supercar, High Performance  หลักๆนะ ผมว่า

1.เสียงเครื่อง+ เสียงท่อ มันห่วยลง  เพราะ แรงอากาศที่จะไปออกท่อไอเสีย  ที่จะกลายเป็นเสียงออกมา มันกลายเป็นว่า  ถูกใบพัดเทอรโบ เอาไปหมด  จนออกมาเป็นเสียบแหบๆ  (ตรงนี้ Supercharger ยังคงได้เปรียบอยู่  เพราะไม่ต้องมายุ่งกับระบบไอเสีย  ไม่กระทบต่อเรื่องเสียงท่อ)

รวมถึงพอใส่เทอร์โบ  แต่ต้องแลกกับ MAX RPM ต่ำลง  อย่าง V8 ใน 488 เคยลากรอบได้ถึง 8500-9000 รอบ ก็เหลือแค่ 6000-7000 หน่อยๆเท่านั้นเอง  เสียงแผดๆของเครื่องยนต์รอบจัดมันก็เลยหายไปด้วยครับ

ทุกวันนี้ ก็พยายามทำให้เสียงมันดีแบบหลอกๆ ด้วยการทำเสียงเครื่องปลอมๆผ่านลำโพง (BMW M5 V8 แต่ให้ลำโพงในรถทำเสียงหลอกๆว่า V10) หรือทำเสียงตด เสียงกรนผ่านท่อแบบหลอก ๆ ปุ้งๆๆ ปั้งๆๆ ให้มันรู้สึกว่าพิเศษ  มากกว่าจะเป็นความเพราะของเสียงเครื่องยนต์+เสียงท่อจริงๆ



2.Throttle Response หรือการตอบสนองของคันเร่ง  เอาง่ายๆคือ  ตามเท้า กดเท่าไหน มาเท่านั้น   ไม่ใช่กดแล้วเขื่อนแตก รถจะแหกโค้งตลอดเวลา

 รถแรงมากที่สุด ไม่ได้แปลว่าดีที่สุดครับ  (ถ้าคิดแบบนี้หมด  ไม่ต้องซื้อซุปเปอร์คาร์ ไปหากระบะดันราง  หรือรถรถวางเจ โบลูกใหญ่ๆก็ได้)  แต่พละกำลังมหาศาล ต้องอยู่ในการควบคุมที่ดี  หรือง่ายๆว่า  สั่งได้ด้วย เหมือนม้าที่ทรงพลัง ที่ไม่พยศตลอดเวลาแต่สามารถควบคุมสั่งได้ตามใจเจ้าของครับ

รถเทอรโบ  โดยทางทฤษฎี ยังไงก็ต้องมี Turbo Lag  ทำให้สารพัดค่าย Supercar ที่จะใช้เทอรโบต้องหาสารพัดหนทางเพื่อแก้อาการ Turbo Lag และทำให้คันเร่งตอบสนองได้ไม่แพ้รถ NA

ตัวอย่างก็  McLaren P1 , Honda NSX นี่ก็ใช้ระบบ Hybrid  คือเอาแรงบิดมอเตอร์มาชดเชยพละกำลัง ก่อนจะถึงช่วง Boost ของเทอรโบครับ  เพื่อให้มีพละกำลังต่อเนื่องในทุกรอบความเร็ว   หรือ AMG กับ M ก็จับตัวเทอร์โบไว้ใกล้ๆ เพื่อลดระยะทางเดินของอากาศในเทอร์โบ  ใกล้ๆตัวสูบ V เลย เพื่อให้เกิดการตอบสนองของเทอรโบที่ดีมากขึ้นและแก้อาการ Turbo Lag ครับ 

แต่ถึงจะพัฒนา แต่จากสื่อเมืองนอกทดลองขับ การใช้มอเตอร์ + เทอรโบ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน แต่ก็ต้องแลกกับน้ำหนัก  ส่วนแก้ที่การออกแบบเทอร์โบก็ช่วยได้บางส่วน แต่ก็แก้อาการ Lag ได้ไม่หมดครับ

---------------------
เพราะการขับรถไม่ได้มีแค่ตัวเลข และแรงดึง มันมีเรื่องของการควบคุม  เสียง  หรืออะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข  แต่มันคือประสบการณ์การขับขี่ที่สำคัญมากพอที่จะทำให้จ่ายเงินซื้อหรือไม่ซื้อเลยครับ

ลองนึกภาพ Supercar Downsize แต่เสียงเครื่องไม่ต่างจากกระบะ หรือรถบรรทุก  ผมว่าการขับขี่มันคงไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่ (รถ Hi Performance บางยี่ห้อก็เป็นแบบนั้น)

Pagani Huayra เสียงไม่มีทางเทียบได้กับ NA ตัวเก่าอย่าง Zonda F หรือแม้แต่ M5 ตัวใหม่ๆ ก็ไม่ได้มีเสียงเครื่องเพราะเท่า V10 ของ E60 ครับ







ให้ผมเลือกรถสองคัน  911 Turbo S  กับ 911GT3  หรือ 911R ผมเลือก ไป NA แบบ ไม่ต้องเสียเวลาคิดครับ   ลากรอบยัน 9000 รอบ ในสนาม  เสียงเครื่อง 911 GT3 ที่ลากรอบได้จัดๆมันเพราะกว่ากันมาก  ขับทั้งวันก็ไม่เบื่อ   ;D ;D


สำหรับผม   Driving is all about EXPERIENCE NOT NUMBER


ขอบพระคุณสองท่านนี้สำหรับคำตอบที่ละเอียดมากๆครับ
ฟังเสียง ดูรีวิวเเล้วผมถึงได้รู้ว่าจริงๆมันลึกซึ้งกว่านั้นมากเลย
ตอนนี้ถึงเข้าใจละครับ ขอบคุณมากๆอีกทีครับ

เห็นด้วยกับคุณttcl เรื่องเสียงครับ

718 มันเสียความไพเราะนุ่มนวลของเครื่องยนต์ไปเยอะเลย
แถมหนักกว่าเดิมอีก

นี่ยังลุ้นอยู่ขอให้ เครื่องตัวนี้ไม่เอาไปใส่ใน911
ผมล่ะกลัวจริงๆ

ท่านนี้อีกคนครับ ช่วยเเก้ข้อสงสัยผมไปเเล้วหลายเรื่องเลย

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2017, 19:44:03 »
+1
ทุกวันนี้ผมยังขับ V6 NA ในชีวิตประจำวันอยู่เลยครับ
รู้ว่า Turbo มันแรงและดึงกว่า แต่เอา Sound & Experience ยังไง NA ก็ยังให้ได้มากกว่า


เป็นเหมือนกันครับ   ส่วนนึงผมโตมากับ 6 สูบเรียง BMW ด้วย  ก็เลยผูกพันกับเรื่องพวกนี้อยู่   

แค่ติดเครื่องเดินเบายามเช้าอุ่นเครื่องอยู่ในโรงรถก็ฟินแล้ว

ปล.พ่อผมชอบเอากุญแจให้ไปสตาร์ทรถอุ่นเครื่อง  ตอนเด็กๆ ทำบ่อยๆ เลยค่อนข้างอินกับเรื่องนี้พอสมควร

ช่วงนึงได้มีโอกาสลอง BMW F10 Diesel กับ 528i อยู่    ยอมรับว่าดึงจริง แต่เสียงเครื่องหวานๆ ของหกสูบเรียงที่หายไป  +ความ Smooth ตอนเดินเบา มันทำให้ผมเสียอรรถรสไปพอสมควรเลย   กลายเป็นว่า BMW เป็นรถที่ขาด Refinement เมื่อเทียบกับรุ่นเก่าๆ อย่าง E34 และ E39 (แต่523i  อาจจะโอเคก็ได้แต่ผมไม่มีโอกาสได้ลอง)

ช็อคกว่าคือไปลอง Lexus GS250 V6 ความรู้สึกใน BMW ตัวเก่ามันกลับมา  มัน Smooth มัน Refine มันเงียบ แต่ให้เสียงทุ้มนุ่มๆเพราะๆ  เครื่องเดิน ราบเรียบตอบสนองตามเท้าและช่วงล่างนุ่มแน่นแบบ BMW สมัยก่อน  พวงมาลัยเบามากๆ ที่ความเร็วต่ำ  แต่ความเร็วสูงผมโอเคเลย มั่นใจมากๆ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2017, 12:02:25 »
คหสต.
1. ผมเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธ รถเทอร์โบ
2. รถเทอร์โบขับดีๆ มีเยอะถมเถไป ไม่ได้เสียอรรถรสไปซะทั้งหมด(ไม่นับรถบ้านน่ะ) ยี่งเป็น performance car หรือ super car แล้วละก็ ยิ่งไม่เลย เพราะคิดง่ายๆ คนที่ซื้อรถพวกนี้เป็นใคร ขับรถแบบไหน รู้เรื่องรถแค่ไหน เขายังซื้อรถ  performance car หรือ super car แบบ turbo เลย ง่ายๆ เลย คือรถที่เป็น body เดียวกัน gen เดียวกัน ที่มีทั้ง na และ turbo ให้เลือก ยังมีคนเลือกซื้อทั้ง 2 แบบเลยครับ จะว่าเขาโง่ หรือ ไม่ใช่คอเล่นรถตัวจริงก็คงไม่ใช่
3. เรื่องเสียง เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน ในรถหลายๆ คัน ยังมีทั้งโหมดเงียบ และ โหมดดัง เลย(ไม่ใช่ดังแบบผ่านลำโพงน่ะ) แล้ว เครื่อง v6 v8 ที่เป็นรถ turbo เรื่องเสียงทำไมเขาจะทำให้ดุๆ ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องยากเลย
4. เรื่อง hi rev ถ้าเป็นรถใน Line เดียวกัน จาก body เดิม มาเป็น body ใหม่ แล้ว rev ต่ำลง หรือลดลงมาบ้าง อันนี้ผมไม่ทราบว่าวิศวกร เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ผมเข้าใจว่า output ที่ดีสุด มาเร็ว respone ไวอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องยืด rev ให้ล้นหรือยาวเกินไป แต่ก็มีรถ turbo ที่เป็น hi rev หลายๆ คันนะครับ

ปล.ความชอบแต่ละคน โจทย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นแค่ คหสต.ของผมเองครับ

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
Re: ทำไมยังเหลือรถ NA ครับ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2017, 00:11:13 »
เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าไปหาว่าคนใช้รถ turbo โง่หรืออะไร ไม่ใช่ครับ ขอพูดให้คนใช้รถ turbo สบายใจได้  ::)

คือ เจ้าของกระทู้เค้าถามว่าเหตุใดจึงยังมีเครื่อง NA อยู่น่ะครับ
เพื่อนสมาชิกที่มาช่วยตอบก็เลยช่วยอธิบายว่าคนที่ชอบเครื่อง NA เค้าชอบตรงจุดไหน ยังไม่มีใครไปว่าคนขับรถเครื่อง turbo โง่ครับ ยังอย่าพึ่งไปตีความอย่างนั้น สบายใจได้ครับ  ;)

ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจเครื่อง turbo นะครับ เพราะผมก็ใช้เครื่อง turbo มาตั้งแต่เกิน 20 ปีที่แล้ว  (อ้างอิงที่เคยตอบไว้ในรูปที่ 1)

และรถคันต่อไปที่ผมมีอยู่ในตัวเลือกก็มี 930 เป็นหนึ่งในรถที่สนใจจะซื้ออยู่ ถ้าพูดในวงการบอก 930 นี่เป็นอันเข้าใจกันว่ารถ turbo ครับ (930 เป็น turbo ทุกคัน)(อ้างอิงที่เคยตอบไว้ในรูปที่2) ถ้ารังเกียจ ผมคงไม่คิดจะซื้อครับ

คือรถทุกประเภทก็มีข้อดีของมัน ผมใช้มาทั้ง 2 อย่าง รู้ว่าคนที่ชอบ turbo เค้าชอบกันตรงไหน , คนที่ชอบ NA ชอบที่จุดใด
ถ้ามีกระทู้ถามข้อดีของเครื่อง turbo , ผมในฐานะที่ใช้รถเครื่อง turbo มาตั้งแต่เมื่อเกิน 20 ปีที่แล้ว และคันต่อไปก็มีรถเครื่อง turbo เป็นหนึ่งในโปรเจคที่จะซื้อ ผมก็จะไปตอบข้อดีของเครื่อง turbo เหมือนกัน

เผอิญกระทู้นี้ถามว่าเหตุใดจึงยังมีเครื่อง NA เพื่อนๆสมาชิกก็เลยช่วยอธิบายว่าคนที่ชอบเครื่อง NA เค้าชอบตรงจุดไหน และได้ยกตัวอย่างที่คุณแพนได้รีวิว และที่นักทดสอบรถของต่างประเทศรีวิวน่ะครับ