ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมเครืืองยนต์เบนซ์ บีเอ็ม ประหยัดน้ำมันกว่า (Thermal efficeincy)ญี่ปุ่นอังกฤษ?  (อ่าน 10202 ครั้ง)

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เครื่องปีเดียวกัน ขนาดพอๆกันรถBMW MB ประหยัดน้ำมันกว่ารถญี่ปุ่นรถอเมริกันอีก

ขับ100กม/ชม คงที่นะครับ ยกตัวอย่างที่เคยใช้เอง

E230 M111 w210 ปี95 ตัวแรกสุด หนัก 1.6ตัน  กิน
13-14กม/ลิตร  เทียบกับ Camry 2.2 5S-FE ปี 95 หนัก 1.3ตัน  กิน11-12กม/ลิตร

BMW E46 318 M43TU 1.9ลิตร ปี2001 หนัก 1350 กก. 15กม/ลิตร เทียบ Altis 1.8 หนัก 1090กก. กิน 14กม/ลิตร

MINI R56 1.4 N12B14 ปี2008 หนัก 1.25ตัน 20กม/ลิตร Vios 08 1.5 15กม/ลิตร
....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 02, 2018, 12:18:33 โดย Jæ »

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
ถ้าให้ตอบแบบไม่ลงลึกเทคโนโลยีคงต้องบอกว่า เยอรมันเป็นชาติให้กำเนิดรถยนตร์

ออฟไลน์ 0%

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,581
เครื่องยนต์กลไล มีความซับซ้อนกว่า มีอุปกรณ์มากชิ้นกว่า เทคโนโลยี ต้นทุนในการออกแบบ วิจัย สูงกว่า

ในระยะยาว ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เสี่ยงต่อการมีปัญหามากกว่า เป็นผลต่อเนื่องมาจาก ชิ้นส่วนที่มากกว่า


ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
หลักๆก็น่าจะมีอยู่ 3 ตัวแปรครับ

1. เครื่องยนต์
2. เกียร์
3. หลักอากาศพลศาสตร์

ทั้ง 3ข้อ เบ๊นซ์และบีเอ็มจะใช้วิทยาการที่ดีกว่ารถตลาดๆในปีเดียวกันเสมอ เทียบกับเครื่องยนต์แบบเดียวกัน เช่น 4สูบ เบนซิน 2.0L
ของทางฝั่งเยอรมันจะแรงกว่าเร็วกว่า และประหยัดน้ำมันกว่าเสมอ (อย่างแย่สุดคือกินพอๆกัน แต่เยอรมันจะแรงกว่า) ทั้งๆที่เยอรมัน
เป็นขับเคลื่อนล้อหลังด้วยซ้ำ.... แต่ก็แน่นอนครับ ทุกอย่างย่อมไม่ได้มาฟรีๆ ใช้วิทยาการล้ำกว่าก็ย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่า ก็คือต้องขายแพงกว่าครับ
แล้วก็อีกเรื่องนึงครับ เรื่องการกระจายน้ำหนัก บาล๊านซ์ เยอรมันจะทำได้ดีกว่า ดูจะใส่ใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแบรนด์ใบพัด
แม้กระทั่งตำแหน่งคนนั่ง ก็จะพยายามจัดตำแหน่งคนนั่งให้ต่ำ และทั้งสองแถวให้มาอยู่กึ่งกลางของรถให้มากที่สุด แต่การทำแบบนี้ก้ต้องแลกมาด้วย
กับการที่พื้นที่คนนั่งด้านหลังจะไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น แต่ก็เอาแบบพอนั่งได้สบายไม่อัดคัดเกินเป็นพอ ไม่ถึงกับสบายชวนฝัน
สำหรับฝั่งเยอรมัน ถ้าจะเอาสบายชวนฝัน ก็ต้องไปรถฟูลไซส์เลย คือ S หรือ 7 เพราะรถระดับนี้จะเน้นให้ผู้บริหารนั่งอย่างเดียวจริงๆ
ไม่เน้นเรื่องการขับขี่เท่าไหร่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2018, 12:07:02 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ rotaryman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
ผมว่าคุณภาพตามราคาครับ

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
ผมเห็นว่า. ประหยัดน้ำมัน มันเป็นคำกว้างมาก. ในบริบทของแค่คำว่าเครื่องยนตร์
หากแต่ในมิติของ การใช้น่ำมันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในสัดส่วนของoutcome ที่เราอยากจะให้มันเกิดขึ้น

การจะเทียบแค่เครื่องยนตร์นึง. วิ่งได้ระยะทางยาวกว่า ในน้ำมันที่เท่ากันละก้อ. รถคันเล็กๆเบาๆ มันก็ได้เปรียบครับ. โดยที่มันมีจุดที่โยงได้ว่า กลุ่มเป้าหมายของการซื้อรถมันคุ้มจะทำมั้ย

การเลือกเครื่องยนต์ ที่เหมาะสมกับประเภทรถ เกียร์ ยาง และได้ตัวเลขที่เหมาะสม  น่าจะเป็นตัวชี้ความประหยัดมากกว่า
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ตามราคาครับ

พวกเครื่องพี่ยุ่น มันต้องคุมต้นทุนด้วย

แต่เอาเข้าจริงเยอรมันก้าวหน้ากว่าเรื่องนี้ครับ
ถ้าพวกเครื่องใส่ถ่าน พี่ยุ่นถึงนำหน้า

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ยุคก่อนเทคโนโลยีเบนซ์ บีเอ็ม ไปไกลกว่ารถฝั่งญี่ปุ่นพอสมควร ปัจจุบันเหมือนเทคโนโลยี่เริ่มตัน ระยะห่างเริ่มใกล้กันมากขึ้นเรื่อย แต่ถ้าเทียบจริงๆรถเยอรมันมันแพงกว่า(เทียบราคาเมกา) การจะได้อะไรที่ดีกว่ามันก็ไม่แปลกนะครับ

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,608
    • อีเมล์
วัดกันที่ขับระยะไกลความเร็วคงที่ตัวแปรสำคัญคือ อัตราทดเกียร์กับแรงต้านทานอากาศครับ

เข้าใจว่าค่ายยุโรปให้ความสำคัญกับ aero dynamic มากกว่า

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 748
    • อีเมล์
ถ้างั้นรถเกาหลี KIA Grand CARNIVAL
น้ำหนักเกียบ 3 ตัน 0-100 9วิกว่า  กินน้ำมัน  15km/l ไม่น่าทึ่งกว่าหรอครับ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ

เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ

มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ

ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ

ออฟไลน์ belkw202

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 420
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ

เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ

มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ

ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ

เครื่อง m111 ผมเคยขับในหลายๆคัน ก็ไม่เคยเห็นเกิน 11 เลยครับ ขนาดใน c class อยากรู้เหมือนกันว่าขับยังไงให้ได้ 15 ใน e class
สำหรับการใช้งานแบบผมนี่ผมว่าเครื่องยุโรปยุคก่อนเทอร์โบนี่กินจุกว่าฝั่งญี่ปุ่นอยู่พอสมควรนะ
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i

ออฟไลน์ bytebird

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
    • bytebird.multiply.com
    • อีเมล์
เคยใช้ E280 W124 Code C รถปี 94 ใช้อยู่ 12 ปีเต็มๆ
ไม่เคยได้เกิน 12 โล/ลิตรเลยฮ่ะ

ออฟไลน์ JDM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
Bias review ครับ
ผมขับในเมืองไม่เห็นว่ามันจะต่าง
กินน้ำมันมากน้อยแปรผันตาม ความจุ และ power output
จากการใช้รถที่อายุห่างกัน 20 ปี ถ้า cc และแรงม้าเท่ากันผมไม่เห็นว่าจะประหยัดกว่ากันเกิน 20%
W201 W211 W204 UCF10 C126

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
E46 318i มีใครวิ่งได้ 15Km/L อีกบ้างมั้ยครับ

เท่าที่ผมจับค่าเฉลี่ยตอนใช้วิ่งไปสระแก้ว ไปกลับยังไงๆก็ไม่เกิน 9 ซักที ขนาดวิ่งไม่เกิน 120 เลยนะครับ

มาวัดกับ FD 1.8 เพื่อนผมขับ 120-140 มี 160 บ้างไประยอง ยังเฉลี่ยได้ 15KM/L เลยครับ

ของผม Segment เดียวกัน เครื่อง CC ไล่ๆกัน ผมยังไม่เจอรถยุโรปวิ่งประหยัดกว่าญี่ปุ่ม ซักรุ่นเลยครับ

เครื่อง m111 ผมเคยขับในหลายๆคัน ก็ไม่เคยเห็นเกิน 11 เลยครับ ขนาดใน c class อยากรู้เหมือนกันว่าขับยังไงให้ได้ 15 ใน e class
สำหรับการใช้งานแบบผมนี่ผมว่าเครื่องยุโรปยุคก่อนเทอร์โบนี่กินจุกว่าฝั่งญี่ปุ่นอยู่พอสมควรนะ
ที่บ้านมีW124 หลายคันผมเคยจับมาทดสอบอยู่ครับได้12โลลิตรคันเดียวที่เหลือประมาณ11โลลิตรทั้งหมด
ทดสอบที่ความเร็ว100-120km/h ขับคนเดียว
W124 E220คันแรกวิ่งเต็มที่ได้               11โล/ลิตร
W202 C220ก็ได้ประมาณ                     11โล/ลิตร
คัน300EวางM111 2200CCเครื่องญี่ปุ่นได้ 12โลลิตร
W124 300E M103 ได้                       10.5โล/ลิตร





ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
เครื่อง m111 เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ 15 กม/ลิตร แม้จะปิดแอร์ขับก็ตาม เทคโนเครื่องมันเก่ามาก และ เกียร์ 4 สปีด ยิ่งไม่มีทางเลย สุดๆ ที่เคยทำ 12 โลลิตร ยงแทบแย่เลย

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,367
ผมมองรวมๆ ของญี่ปุ่น  ยอมรับว่าถ้ายุคก่อนหน้า ที่ยุ่นยังใช้ auto 4 speed เยอะๆ  ช่วงนั้นอัตราสิ้นเปลืองแย่กว่า Benz, BMW ครับ

แต่พอมายุคลดต้นทุนของยุ่น ที่ยัด CVT มารัวๆ เลย  ผมว่าตอนนี้ไม่ค่อยต่างแล้วครับ  เรียกว่ายัด CVT นี่คุ้มทุกด้านจริงๆ

ถ้า Benz, BMW ยัด CVT บ้าง  ผมว่า 320d จาก 20-25 km/l  ผมว่าต้องกลายเป็น 26-30 km/l เลยหละ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
หลายคนอาจจะไม่ได้อ่าน ที่ผมเขียนไว้ละเอียดพอ และเสปคทดสอบมาตรฐานการประหยัด ผมทำได้ต่ำกว่าการทดสอบตามมาตรฐานและในคู่มือเสียอีก

เขียนอีกทีแล้วกัน*** ขับเลี้ยง 100นึงคงที่***

ที่ยกตัวอย่างมา M111 w210 ขับ100นึง ทุกวันนี้ก็ยังทำได้นะครับ 14กม/ลิตร รถติดแก๊ซวิ่งมาสองแสนโลแล้ว ใช้แก๊ซได้12กม/ลิตรแก๊ซ

M43TU E46 คู่มือ 6.1ลิตร/100กม. หรือราวๆ  16.63กม/ลิตร เขาทดสอบกันตามมาตรฐาน EC มีเร่งมีเบรค ผมอยู่ที่100คงที่ ได้ตัวเลขแย่กว่าเสียอีก ทำไมจะทำ 15กม/ลิตรไม่ได้

.....

รถทุกคันทดสอบจริงทำจริงครับ  รบกวนอ่านละเอียดอีกนิดครับ คุยเรื่องเดียวกัน จะได้ไม่บานปลายอธิบายไม่จบ ไม่มีคนช่วยตอบ


jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เคยใช้ E280 W124 Code C รถปี 94 ใช้อยู่ 12 ปีเต็มๆ
ไม่เคยได้เกิน 12 โล/ลิตรเลยฮ่ะ

w124 E280 เครื่องกี่ CC ไปเทียบกับรถญี่ปุ่นขนาดเดียวกันหรือใกล้เคียงดูครับ ปีเดียวๆกัน มีคันไหนทำได้ถึง12กม/ลิตร บนน้ำหนักตัว1300กก.