แบตมันไฟไหม้ได้อยู่แล้วครับ ไม่แปลกอะไร
แม้แต่แบตมือถือ ถ้าเอาอะไรไปจิ้ม ยังไหม้ได้เลย
แต่ที่น่าสนใจคือได้เปิด auto pilot ไว้หรือไม่
เพราะที่ผ่านมาก็เคยทำงานผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง
ล่าสุดก็ UBER ชนคนเสียชีวิต
ทำให้ Toyota กับ Nvidia ที่กำลังพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ สั่งระงับโครงการทันที
งานนี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับระบบขับขี่อัตโนมัติไปทั่วโลก
หลังเวลาผ่านไปร่วม 1 สัปดาห์ Tesla ก็รายงานข้อมูลเพิ่มเติม โดยยืนยันว่ารถ Tesla X เปิดการทำงานระบบ Autopilot อยู่จริงในขณะเกิดอุบัติเหตุ ข้อความส่วนหนึ่งของรายงานผ่านบล็อกจาก Tesla มีดังนี้
ในช่วงเวลาก่อนการชน, ซึ่งเกิดขึ้นตอน 9.23 น. วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม, ระบบ Autopilot ถูกใช้งานโดยค่าระยะห่างตามหลังรถคันหน้าในขณะวิ่งแบบ cruise control ถูกตั้งไว้ที่ค่าต่ำสุด ผู้ขับได้รับแจ้งสัญญาณเตือนการวางมือบนพวงมาลัยทั้งแบบสัญญาณแสดงต่อสายตาหลายสัญญาณ และแบบสัญญาณเสียงอีก 1 สัญญาณ โดยสัญญาณเหล่านั้นแสดงขึ้นเมื่อระบบเซ็นเซอร์ตรวจไม่พบมือผู้ขับบนพวงมาลัยในช่วงเวลา 6 วินาทีก่อนการชน ในตอนนั้นผู้ขับมีเวลา 5 วินาทีกับระยะทางเปิดโล่งและอยู่ในทัศนวิสัยอย่างชัดเจน 150 เมตรที่จะสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ทว่าระบบบันทึกข้อมูลของรถแสดงว่าผู้ขับไม่ได้กระทำสิ่งใดเพื่อยับยั้งอุบัติเหตุ
ก่อนหน้านี้ Tesla ยังเผยตัวเลขว่านับตั้งแต่มีระบบ Autopilot ให้ใช้งานในปี 2015 มีผู้ใช้รถ Tesla เดินทางผ่านจุดเกิดเหตุนี้ประมาณ 85,000 ครั้ง เฉพาะปีนี้เองก็มีผู้ใช้ระบบ Autopilot ของ Tesla ขณะเดินทางผ่านจุดนี้ประมาณ 20,000 ครั้ง คิดเป็นวันละ 200 ครั้ง ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ Tesla ยังได้อ้างอิงข้อมูลสถิติเกี่ยวกับระบบ Autopilot ของตนเองซึ่งรวบรวมโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่าช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุรถชนลง 40% และยังกล่าวถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตว่า สถิติดังกล่าวอันมีรถของ Tesla ที่มีระบบ Autopilot นั้นเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้ง ต่อระยะทางวิ่ง 520 ล้านกิโลเมตร น้อยกว่าสถิติเดียวกันของค่าเฉลี่ยรถยนต์ทั่วไปจากผู้ผลิตทุกรายรวมกันที่จะตีเป็นตัวเลขได้ว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายต่อระยะทางรถวิ่ง 140 ล้านกิโลเมตร ถือเป็นสถิติที่ดีกว่ากัน 3.7 เท่า