ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจน้ำมันในโลกนี้จะเป็นอย่างไร ในยุครถ Hybrid และ EV ?  (อ่าน 7162 ครั้ง)

ออฟไลน์ HappyCar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 342
ถ้าโลกในอนาคตถึงเวลาที่รถ Hybrid และ EV ถูกใช้อย่างจริงจัง แทนที่รถยนต์สันดาป

เพื่อนๆคิดว่า ธุรกิจขุดเจาะ/ผลิตน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปั๊มน้ำมัน จะเป็นยังไงบ้างครับ?

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เกิด พลังงานน้ำมันขุมทรัพย์ มหาศาล
พลังงานทางเลือกอื่นไม่รู้จะกินกันแบบไหน

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
คงอีกนานถึงนานมาก ส่วนตัวคิดว่าราวๆ 30  ปี ถ้าถึงตอนนั้นมันก็ค่อยๆปรับตัวกันไปเอง ปั๊มน้ำมันในส่วนน้ำมันก็เปลี่ยนเป็นที่ชาร์จไฟ กาแฟ ห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อ ของฝาก ร้านข้าว ก็ยังมีเหมือนเดิมเผลอๆขายดีกว่าเดิมเพราะคนต้องใช้เวลาอยู่ปั๊มเพื่อชาร์จไฟนานขึ้น ค่าไฟน่าจะแพงขึ้นเพราะรัฐเก็บภาษีน้ำมันได้น้อยลงต้องรีดจากพลังงานอย่างอื่นซึ่งมาลงที่ค่าไฟอยู่ดี
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
น้ำมันจะใช้คุ้มค่าขึ้นในราคาแพงขึ้นครับ  ยังไงอุตสาหกรรมยังต้องพึ่งน้ำมันไปอีกนาน หลักๆน่าจะการบินกับปริโตรเคมี และประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Wangleehom

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 72
    • อีเมล์
น้ำมันคนจะใช้น้อยลงต่อเมื่อ

รถไฟฟ้า ชาร์จ30นาที วิ่งได้ 200 km.ขึ้นไปครับ

ถ้าช่วงเริ่มพัฒนา ยังไงก็ต้องพึ่งน้ำมัน

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
นึกถึงถ่านหินเข้าไว้ครับ ตอนเข้าสู่ยุคน้ำมันก็มีคนบอกว่าถ่านหินถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ยังใช้กันเหมือนเดิมเพียงแต่เน้นไปทางอุตสาหกรรม น้ำมันก็เช่นกันผลิตภัณฑ์จากน้ำมันที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมหาศาลไม่ใช่แค่เอาไว้เติมรถอย่างเดียวซักหน่อย อาจจะดรอปลงมาบ้างแต่ไม่ถึงจุดสิ้นสุดแน่นอน

ออฟไลน์ fernando

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 33
ตราบใดที่รถไฟฟ้า ยังไม่คุ้มค่ามากพอยังไงก็ไม่สามารถเข้ามาแทนรถเครื่องสันดาปได้หรอกครับ ทั้งราคา การใช้งาน โดยเฉพาะแบตที่ชาร์จนานและวิ่งได้ระยะจำกัด ต้องพัฒนาเรื่องแบตเพื่อลบข้อจำกัดการใช้งาน และทำให้ต้นทุนถูกลงมาอีก ถึงจะเข้าสู่ยุครถ EV อย่างแท้จริง

ผมก็คิดว่าน่าจะอีก 10-20 ปี

ออฟไลน์ pjs6306

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,101
    • อีเมล์
อีก 30ปี รถไฟฟ้าก้อคงเป็นได้แค่ทางเลือกเหมือนทุกวันนี้แหล่คับ

ออฟไลน์ Suchya

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 30
ถึงรถยนต์จะใช้ไฟฟ้า แต่ไฟฟ้าที่เอามาชาร์จรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ผลิตจากปิโตรเลียม พลังงานทางเลือก ยังมี efficiency ต่ำ และราคาสูงอยู่ ครับ

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,521
แล้วโรงไฟฟ้าจะสามารถรองรับรถไฟฟ้าทั้งหมดบนโลกนี้ไหมครับ
เราก็จะมีธุรกิจโรงไฟฟ้าที่พึ่งพาน้ำมันมากขึ้น

ออฟไลน์ toonze

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,967
    • อีเมล์
ยังอีกไกลมาก 5555

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,614
เวลาพูดถึงน้ำมัน  มักจะนึกถึงแค่น้ำมันที่เอาไว้เติมรถยนต์ ไว้ขับไป-กลับที่ทำงานหรือขับไปเที่ยว

แต่น้ำมันที่ขุดได้ขึ้นมาจากดิน สภาพมันจริงๆคือแร่หรือหินน้ำมันที่ต้องเอาไปแปรรูปโดยการเอาไปเผาให้เดือดในโรงกลั่นแล้วกลั่นเป็นลำดับชั้น
ซึ่งผลผลิตที่ได้ตามลำดับกลั่นมันมีตั้งแต่ยางมะตอย น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด น้ำมันหล่อลื่น จารบี แนฟทาเบา(สารเคมี) และแนฟทาหนัก(น้ำมันเติมรถ)
มันไม่ได้กลั่นแล้วออกมาเป็นน้ำมันเติมรถยนต์ 100% นะครับ เอาเข้าจริงๆเหลือกี่ % ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

เมื่อรถไฟฟ้าและ Hybrid มีบทบาทมากขึ้น มันก็จะไปทดแทนส่วนของแนฟทาหนักหรือส่วนที่ไว้เป็นเชื่อเพลิงรถยนต์
แต่น้ำมันส่วนอื่นๆก็ยังคงต้องมีใช้อยู่ต่อไป  อย่างน้ำมันหล่อลื่นหรือจารบี ยังไงก็ต้องเอามาใช้ตามชิ้นส่วนในรถ EV อยู่ดีครับ

ออฟไลน์ Buffy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,495
    • อีเมล์
หาก Hybrid และ EV เป็นจริง และ คนเราใช้น้ำมันน้อยลง

คงดีใจต่อประเทศที่ถูกล่าอาณานิคมเรื่องน้ำมันสืบต่อไป............

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
บริษัทน้ำมันไม่น่าห่วง แต่ว่ารถไฟฟ้าevเยอะขึ้นจะเอาไฟฟ้าที่ไหนไปชาร์จ เอาแค่ขายแสนคันต่อปีก็ไปไม่รอดแล้ว ขนาดแบต40-80kwhต่อคัน ยิ่งถ้าขายรถไฟฟ้าซัก30%ของยอดทั้งหมดสองสามแสนคันต่อปี เย็นถึงบ้านชาร์จกันพร้อมๆกัน ไฟฟ้าไม่พอใช้แน่นอน

ออฟไลน์ Suchya

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 30
บริษัทน้ำมันไม่น่าห่วง แต่ว่ารถไฟฟ้าevเยอะขึ้นจะเอาไฟฟ้าที่ไหนไปชาร์จ เอาแค่ขายแสนคันต่อปีก็ไปไม่รอดแล้ว ขนาดแบต40-80kwhต่อคัน ยิ่งถ้าขายรถไฟฟ้าซัก30%ของยอดทั้งหมดสองสามแสนคันต่อปี เย็นถึงบ้านชาร์จกันพร้อมๆกัน ไฟฟ้าไม่พอใช้แน่นอน
ลองคิดเล่นๆดูนะครับ ยอดบริโภคเบนซินประมาณวันละ 30 ล้านลิตร ดีเซลประมาณวันละ 50 ล้านลิตร ตีซะว่า 1ลิตรรถขนาด1 ตันวิ่งได้ประมาณ(ในเมือง,นอกเมืองเฉลี่ย)10 กม. ในขณะที่รถไฟฟ้า 1kwh วิ่งได้ประมาณ4-5 กม.(วิ่งช้าๆ) ประมาณ3 กม./kWh วิ่งปกติ
น้ำมันเบนซิน+ดีเซล 80 ล้านลิตร/วัน เทียบเท่า ไฟฟ้าประมาณ 24-270 ล้าน kWh/วัน = /24 = ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ ชั่วโมง ยอด ใช้ไฟ peak ของไทยปี61 ประมาณ 31-32,000 mw มีกำลังสำรอง 2-30 %  ถ้าโรงไฟฟ้าของ gulf energy โรงใหม่กำลังผลิต 5,000 mwและเขื่อนไชยะบุรี 1,285mwสร้างเสร็จในอีก2-3ปี ก็เพียงพอรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเทศ ซึ่งเป็นการดีด้วยเพราะตอนนี้กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของไทยเกินความต้องการไปเยอะเนื่องจาก4/5ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ กว่าการคาดการณ์ของกฟผ.ที่ขยายกำลังผลิตไฟฟ้าไปล่วงหน้าครับ ข้อดีอีกข้อ ก็คือ efficiency การใช้พลังงานจากเครื่องสันดาบภายในอยู่ที่3-40% ในขณะที่ค่าefficiency การใช้พลังงานของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอยู่ที่ประมาณ90% จะทำให้ใช้เชื่อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริโภคปิโตรเลียมสำหรับภาคการขนส่งทางบกน้อยลง2-3เท่าตัวครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2018, 03:14:19 โดย Suchya »

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
คิดว่าต่อไปจะพยายามตอบสั้นๆ เพราะวิเคราะห์ทีไรแล้วยาวทุกที 555
แต่คุณ HappyCar ถามครบทุกธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเลยครับ และน้ำมันยังนำไปใช้ได้หลายทางอีก

เป็นอย่างที่เพื่อนๆบอกกันว่าน้ำมันไม่ได้ใช้แค่ในรถยนต์ แต่น้ำมันใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง
น้ำมันที่ใช้ในภาคขนส่ง นอกจากรถแล้ว เครื่องบินก็ใช้เยอะ เช่น ในไทย ปี 2017 ปริมาณน้ำมันรวมที่จำหน่ายผ่านปั๊มน้ำมัน ประมาณ 24,324 ล้านลิตร
ปริมาณน้ำมันเครื่องบินที่เติมที่สุวรรณภูมิและดอนเมือง ประมาณ 6,500 ล้านลิตร
(รูปประกอบข้อมูลอยู่ด้านล่าง)
เครื่องบินพาณิชย์ยังต้องใช้น้ำมันเป็นหลัก ยังไม่เปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่นได้ง่ายเหมือนรถยนต์

ส่วนที่ใช้ในภาครถยนต์ แม้บางเมืองในบางประเทศจะมีแผนให้เป็น zero emission ในอนาคต คือ รถไม่ปล่อยไอเสียเลย ถ้าเข้าเขตโซนนั้นจะต้องใช้รถไฟฟ้า
แต่ก็ทำได้เฉพาะในบางเมืองและในบางประเทศ เพราะด้วยบริบทที่ต่างกัน ความเป็นเมืองยังไม่เท่ากัน ประชาชนประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ประชาชนในบางพื้นที่ในบางประเทศก็จะยังต้องใช้รถสันดาปปกติที่ซ่อมง่ายและไม่แพง เช่น รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนผักผลไม้ตามเขาตามดอยในพื้นที่ทางภาคเหนือหรือภาคอีสานของไทย รถพวกนี้อะไหล่ต้องไม่แพง ทน และซ่อมง่าย ถ้าเสีย อู่ท้องถิ่น ช่างธรรมดาๆต้องสามารถซ่อมได้ เพื่อให้มาใช้ประกอบกิจการได้เร็ว
ถ้าใช้ไฮบริด หรือ รถไฟฟ้า หากอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบยไฮบริดเสีย เช่น แบตไฮบริดเสีย ช่างท้องถิ่นแถวนั้นซ่อมไม่ได้ ต้องส่งศูนย์ในตัวเมือง ต้องรออะไหล่ 1-2 สัปดาห์ รถเอามาวิ่งงานไม่ได้ คงจะไม่สะดวกในการนำมาเป็นรถใช้งาน ยังไม่รวมถึงราคาค่าซ่อมระบบไฮบริดหรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

 มาถึงคำถามแล้วครับ ที่ถามว่า
" ถ้าโลกในอนาคตถึงเวลาที่รถ Hybrid และ EV ถูกใช้อย่างจริงจัง แทนที่รถยนต์สันดาป
เพื่อนๆคิดว่า ธุรกิจขุดเจาะ/ผลิตน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปั๊มน้ำมัน จะเป็นยังไงบ้างครับ?)

- จากข้างบน แม้รถ Hybrid และ EV ถูกใช้อย่างจริงจังในบางเมือง บางประเทศ แต่เมื่อมองทั้งโลกก็จะแทนที่รถสันดาปได้เพียงส่วนนึงครับ ยังไม่ถึงแทนทั้งหมด ยังมีคนที่ใช้รถสันดาปซึ่งใช้น้ำมันอยู่อีกพอสมควร
และเมื่อรวมกับน้ำมันที่ใช้ในภาคขนส่งอื่นและภาคอุตสาหกรรม พลังงานไฟฟ้าจะไม่ได้แทนที่น้ำมันในอัตราที่เร็วและแทนแทบทั้งหมดแบบที่กล้องดิจิตอลแทนกล้องฟิลม์ , cd แทนเทปคาสเส็ต , dvd แทน vcd ฯลฯ

ส่วนเรื่องการปรับตัวของกลุ่มประเทศหรือ business unit ต่างๆ
ผมมองในแง่กลยุทธ์ที่กลุ่มประเทศและ business unit นั้นๆใช้อยู่และมีแผนในการปรับเปลี่ยนในอนาคตนะครับ

- ธุรกิจขุดเจาะ/ผลิตน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ไม่สามารถกำหนดด้าน demand ความต้องการใช้น้ำมันได้ แต่จะใช้การบริหารด้าน supply ด้วยการลดกำลังการผลิต ลดกำลังการกลั่น
ดังเช่นที่เราได้ยินบ่อยๆเกี่ยวกับข่าวของกลุ่มโอเปคจะเพิ่มหรือลดกำลังการผลิต

- ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ผมให้ความเห็นเฉพาะปั๊มในไทยนะครับ อันนี้ต้องแยกเป็นกลุ่มๆ
ปั๊มใหญ่ๆที่ infrastructure พร้อม ก็ไม่นิยามตัวเองว่าเป็นปั๊มน้ำมัน  แต่จะเป็นจุดพักรถพักคน ที่สามารถเติมพลังงานประเภทต่างๆให้รถได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน แก๊ส หรือไฟฟ้า ถ้ารถไฟฟ้ามาเข้า ก็มีช่องชาร์จไฟฟ้าให้

และหาทางเพิ่มรายได้จากด้านที่เป็น non-oil ซึ่งมี margin ที่ดีกว่าค่าการตลาดจากการจำหน่ายน้ำมันให้มากขึ้น (จนกำไรจาก non-oil อาจเป็นกำไรหลักของสถานีบริการนั้น)

เพื่อให้เห็นภาพลองนึกถึง rest area ของ ปตท ที่ทางด่วนขั้น 2 แถวประชาชื่น หรือปั๊ม ปตท ตามทางหลวงสายหลักที่มีพื้นที่ใหญ่ๆครับ ปั๊มเหล่านี้จะหาทางเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่เป็น non-oil เช่น ให้ร้านอาหาร , 7-11 , ร้านค้าต่างๆมาเช่าพื้นที่ แล้วเก็บค่าเช่าหรือส่วนแบ่งกำไร หรือร้านค้าเหล่านั้นอาจเป็นร้านที่ปั๊มเป็นเจ้าของเองก็ได้ เช่น ปตท เป็นเจ้าของอเมซอน จิฟฟี่
ผู้ใช้บริการที่นำรถมาชาร์จไฟรถ ระหว่างรอก็เข้าไปใช้บริการในร้านค้าต่างๆ
ผู้ใช้บริการที่นำรถมาเติมน้ำมันก็เติมได้ตามปกติ เติมเสร็จก็อาจใช้บริการร้านต่างๆได้เช่นกัน

มีตัวอย่างแผนการของปั๊มน้ำมัน pt ให้ดู ครับ ปั๊มนี้จะมีอยู่ตามถนนสายรองในต่างจังหวัด ซึ่งในรูปที่ 3 จะเห็นว่าทางปั๊มก็มีแผนการที่จะทำเหมือนที่บอกข้างต้น คือ จะขายกาแฟ มีมินิมาร์ท มีจุดซ่อมรถบรรทุก ซ่อมรถยนต์ มีที่พักค้างคืน มีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และบริการเติมพลังงานทางเลือกชนิดอื่นๆ
(ไม่ได้บอกว่า pt จะทำแล้วจะ work ได้จริงนะครับ เพียงให้ดูว่าปั๊มต่างๆตอนนี้มีแผนขยายรายได้ไปทางด้าน non-oil ให้มากขึ้น )

ส่วนปั๊มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการใช้น้ำมันน้อยลงและขยับขยายไปเพิ่มรายได้ด้าน non-oil ไม่ได้ และเปลี่ยนไปบริการพลังงานอื่นๆไม่ได้ มีแต่ค่าการตลาดน้ำมันเป็นรายได้หลักเพียงอย่างเดียว ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาจต้องปิดตัวลง ( ผมเห็นบางปั๊มต่างจังหวัดที่ผมเคยใช้บริการบ่อยๆ มีเติมน้ำมัน กับร้านอาหาร ปรากฎ ยุติกิจการด้านเติมน้ำมัน แต่ยังเปิดร้านอาหารอยู่ ก็มี)

รูปประกอบข้อมูลนะครับ
รูปที่ 1 ปริมาณการเติมน้ำมันผ่านสถานีบริการในไทย ตั้งแต่ปี 2015-2017 ในปีที่แล้ว 2017 เติมรวมทั้งประเทศ 24,324 ล้านลิตร
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานและบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)

รูปที่ 2 ปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ในปี 2017 บริษัทเติมไป 5,747 ล้านลิตร บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80 กว่า % เพราะฉะนั้น ปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินของ 2 สนามบินนี้รวมกัน จะได้ประมาณ 6,500 ล้านลิตร

รูปที่ 3 แผนการของปั๊มน้ำมัน pt ที่จะหารายได้จากทางด้าน non-oil ให้มากขึ้น

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ลดบทบาทลงไปเรื่อยๆแน่นอน คนค่อยๆเปลี่ยน รถไฟฟ้าคนก็ค่อยๆซื้อ

แต่ผมว่าถึงเวลานั่น ดีไม่ดี ค่าน้ำมันถูกกว่าค่าไฟก็เป็นไปได้

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
เคยดูสารคดีเกี่ยวกับภาวะน้ำมันขาดแคลนในอนาคต (ถ้าจำไม่ผิดคืออีก 50ปี) น่าจะเป็นเหตุผลร่วมในการริเริ่มใช้รภที่เป็นพลังงานทดแทน (หรือไม่รู้ว่าเป็นข่าวปลุกกระแสทำให้ราคานมันแพงขึ้น) อีกส่วนคือ เป็นการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้นเพราะลดภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น หลายเหตุเหตุผลสนับสนุนให้รถ ev และ hybrid ผมว่าก็ดีนะครับ แต่ไม่รู้จะเกิดปัญหาไฟฟ้าราคาแพงขึ้นเพราะใช้กันมากขึ้นอีกรึเปล่า
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แต่ละบ้านก็ต้องหาทางประหยัดไฟ ติดโซล่าเซลล์ กันหน่อย คือจะไม่ยอมปรับตัวอะไรกันบ้างเลยเหรอ ค่าไฟก็ห้ามขึ้น รถไฟฟ้าก็ห้ามขายแพง น้ำมันก็ห้ามขึ้นราคา...

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,390
ธุรกิจน้ำมัน ยังอยุ่ได้อีก 100 ปี เป็นอย่างต่ำ
ที่เกิดรถ Hybrid และ EV เพื่อลดการใช้ลง
แต่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ยังมีการใช้น้ำมัน และใช้มากขึ้นเรื่อยๆ

เข้าใจ่ายๆก็ ลดการใช้ปิโตรเลียมภาคคมนาคม ไปเพิ่มให้ภาคอุตสาหกรรม

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
ตอนนนี้ 15 นาที วิ่งได้ 200 กม. ทำได้นานแล้วด้วย ปั้ม rapid charge  ที่เห็นช้าๆ เติมนาน นั่นเพราะ vcu ของรถไม่สนับสนุน DC charging  ลองไปดู เทสล่าดูแล้วกันแบบนั้น ทำไมชาจได้เร็วมาก เพราะ สนับสนุน dc charge เหมือน ทิ่มไปตรงๆ ในแบตเลย ไม่ต้องมาผ่าน vcu ของรถ ทำให้ช้าไปเปล่า

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
รถevล้วนๆ วิ่งกันเต็มท้องถนน ปั้มน้ำมันเริ่มยกเลิกหัวจ่ายน้ำมัน เพิ่มหัวจ่ายไฟฟ้าแทน
ฟิลลิ่งแบบที่กล่าวมันกำลังมา...แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นวล  8) (อีกหลายสิบปี)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
ทั้งธุรกิจปั๊มน้ำมันและธุรกิจอู่ซ่อมรถคงต้องปรับตัวกันมากมาย แต่กว่ารถพวกนี้จะหมดไปก็คงปรับตัวกันได้แล้ว เหมือนช่วงนึงที่รัฐประกาศให้ค่ายรถมอเตอร์ไซร์เลิกผลิตรถ2จังหวะซึ่งก่อมลพิษมาก หวังจะให้หมดไปจากถนน แต่ก็ยังเห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้เพราะมันทนทานไม่พังง่าย ช่างก็ยังซ่อมได้เสมอ นอกจากไม่มีน้ำมันให้เติมก็คงสูญพันธ์ไป เหมือนรถยนต์สันดาปก็คงยังไม่สูญพันธ์ถ้ายังมีน้ำมันให้เติม แต่ผมก็คิดไปข้างหน้าเพื่อลูกหลานจะได้สภาวะอากาศที่ดีกลับมา และมลภิษทางเสียงก็คงจะลดลง แต่ก็คงอีกหลายสิบปี ก็ยังดีกว่าไม่เริ่ม ดูจีนเป็นตัวอย่างก็ได้ บ้านโน้นเขาประกาศจะยกเลิกรถใช้น้ำมันกันในเร็วๆนี้เลยทีเดียว มลภิษทางอากาศคงลดลงได้มาก ใครไปเที่ยวคงสบายหูสบายตาสบายใจกันไป

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
แต่ละบ้านก็ต้องหาทางประหยัดไฟ ติดโซล่าเซลล์ กันหน่อย คือจะไม่ยอมปรับตัวอะไรกันบ้างเลยเหรอ ค่าไฟก็ห้ามขึ้น รถไฟฟ้าก็ห้ามขายแพง น้ำมันก็ห้ามขึ้นราคา...

เก็บกดอะไรมารึเปล่าครับ

ติดโซล่าเซลนี่ขอเล่นคนรวยเลยนะ คือคนบ้านๆก็ลงทุนไม่ไหวแน่
คือคนรวยก็ทำได้แหละครับ อยากทำอะไรมีเงินทุนคุ้มทุนก็ทำได้ ไม่คุ้นทุนจะทำก็ยังมี

เหมือนกับการประปากับการไฟฟ้าสมัยก่อนจนถึงสมัยนี้  พอลูกค้าไม่พอใจ มันบอกว่าก็ไปใช้เจ้าอื่น(เหมือนจะดูดี) แต่มีเจ้าให้ให้เลือกรึเปล่าล่ะ
ก็เหมือนพี่ไล่ไปผลิตไฟเอง ประมาณนี้แหละ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,466
    • อีเมล์



โรงไฟฟ้าลาวขัดข้อง เหนือ-กลาง-อีสาน ไฟดับวุ่น!! กฟผ.จ่ายไฟฟ้าพลังน้ำ-กังหัน แทน

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า วันนี้ (1 มิ.ย.) เวลาประมาณ 13.06 น. ได้เกิด ไฟดับบางส่วนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า ระบบส่งไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวขัดข้อง
ทั้งนี้ กฟผ. ได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดย กฟผ. จ่ายไฟจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและกังหันก๊าซจากโรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และโรงไฟฟ้าพระนครใต้ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเดินเครื่องได้รวดเร็ว ทำให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบได้ทั้งหมดแล้วตั้งแต่เวลา 13.55 น.

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,985
บริษัทน้ำมันไม่น่าห่วง แต่ว่ารถไฟฟ้าevเยอะขึ้นจะเอาไฟฟ้าที่ไหนไปชาร์จ เอาแค่ขายแสนคันต่อปีก็ไปไม่รอดแล้ว ขนาดแบต40-80kwhต่อคัน ยิ่งถ้าขายรถไฟฟ้าซัก30%ของยอดทั้งหมดสองสามแสนคันต่อปี เย็นถึงบ้านชาร์จกันพร้อมๆกัน ไฟฟ้าไม่พอใช้แน่นอน
ลองคิดเล่นๆดูนะครับ ยอดบริโภคเบนซินประมาณวันละ 30 ล้านลิตร ดีเซลประมาณวันละ 50 ล้านลิตร ตีซะว่า 1ลิตรรถขนาด1 ตันวิ่งได้ประมาณ(ในเมือง,นอกเมืองเฉลี่ย)10 กม. ในขณะที่รถไฟฟ้า 1kwh วิ่งได้ประมาณ4-5 กม.(วิ่งช้าๆ) ประมาณ3 กม./kWh วิ่งปกติ
น้ำมันเบนซิน+ดีเซล 80 ล้านลิตร/วัน เทียบเท่า ไฟฟ้าประมาณ 24-270 ล้าน kWh/วัน = /24 = ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ ชั่วโมง ยอด ใช้ไฟ peak ของไทยปี61 ประมาณ 31-32,000 mw มีกำลังสำรอง 2-30 %  ถ้าโรงไฟฟ้าของ gulf energy โรงใหม่กำลังผลิต 5,000 mwและเขื่อนไชยะบุรี 1,285mwสร้างเสร็จในอีก2-3ปี ก็เพียงพอรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเทศ ซึ่งเป็นการดีด้วยเพราะตอนนี้กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของไทยเกินความต้องการไปเยอะเนื่องจาก4/5ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ กว่าการคาดการณ์ของกฟผ.ที่ขยายกำลังผลิตไฟฟ้าไปล่วงหน้าครับ ข้อดีอีกข้อ ก็คือ efficiency การใช้พลังงานจากเครื่องสันดาบภายในอยู่ที่3-40% ในขณะที่ค่าefficiency การใช้พลังงานของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอยู่ที่ประมาณ90% จะทำให้ใช้เชื่อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริโภคปิโตรเลียมสำหรับภาคการขนส่งทางบกน้อยลง2-3เท่าตัวครับ

ผมคิดว่าถ้ารัฐสนับสนุนโซล่าฟาร์ม น่าจะแก้ปัญหานี้ได้
แต่ก่อนเคยเห็นบูมอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้เงียบๆไปแล้ว  มีภาคเอกชนและนักธุรกิจหลายๆคนที่อยากจะลงทุน แต่กลัวไม่คุ้ม

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,265
ผมว่าก็คงจะซบเซาลงไปเยอะอยู่นะครับเพราะว่าถ้า  เป็นจริงตามคำถาม ก็แปลว่าแบต*มีคุณภาพดีมากๆแล้วและการผลิตไฟฟ้าจากแสงแดดก็ต้องมีราคาถูกมากๆเเล้วเช่นกัน

ออฟไลน์ SRY

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 713
แค่ฝนตกแรงๆ ไฟก็ดับแล้ว ที่บ้าน
รถ ev เลิกพูดไปได้เลย อีก 2 ชั่วอายุคนก็คงยังไม่เกิด

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
แต่ละบ้านก็ต้องหาทางประหยัดไฟ ติดโซล่าเซลล์ กันหน่อย คือจะไม่ยอมปรับตัวอะไรกันบ้างเลยเหรอ ค่าไฟก็ห้ามขึ้น รถไฟฟ้าก็ห้ามขายแพง น้ำมันก็ห้ามขึ้นราคา...

เก็บกดอะไรมารึเปล่าครับ

ติดโซล่าเซลนี่ขอเล่นคนรวยเลยนะ คือคนบ้านๆก็ลงทุนไม่ไหวแน่
คือคนรวยก็ทำได้แหละครับ อยากทำอะไรมีเงินทุนคุ้มทุนก็ทำได้ ไม่คุ้นทุนจะทำก็ยังมี

เหมือนกับการประปากับการไฟฟ้าสมัยก่อนจนถึงสมัยนี้  พอลูกค้าไม่พอใจ มันบอกว่าก็ไปใช้เจ้าอื่น(เหมือนจะดูดี) แต่มีเจ้าให้ให้เลือกรึเปล่าล่ะ
ก็เหมือนพี่ไล่ไปผลิตไฟเอง ประมาณนี้แหละ
สร้างโรงไฟฟ้าก็ไม่เอา ไฟฟ้าไม่พอก็ห้ามขึ้นค่าไฟ จะทำไฟฟ้าเองก็ไม่ทำ แล้วจะแก้ปัญหายังไงครับผมอยากรู้เหมือนกัน
ส่วนเรื่องกลัวว่าใช้รถไฟฟ้าเยอะแล้วไฟจะไม่พอ ค่าไฟจะแพงนี่มันเกี่ยวกันยังไง รถไฟฟ้าเท่ากับแอร์หนึ่งเครื่อง ไม่เห็นจะต่อต้านคนซื้อแอร์เลย แต่กลับกลัวคนใช้รถไฟฟ้ากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 05, 2018, 02:32:57 โดย Jacob »

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
อีกนานครับ     ใช้รถน้ำมันกันจนพังนั่นละ