ผู้เขียน หัวข้อ: ความสำคัญของปุ่ม A/C  (อ่าน 34313 ครั้ง)

Phongrapee

  • บุคคลทั่วไป
ความสำคัญของปุ่ม A/C
« เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 13:26:51 »
รู้แต่ว่ามันคือปุ่มที่ไว้เปิด-ปิด การทำงานของคอมเพรสเซอร์ (ใช่ไหมหว่า  :-\) ระหว่างรถที่มีปุ่ม A/C กับไม่มี มันต่างกันยังไงครับ

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 14:25:52 »
ไม่มีก็ปิดแอร์ไม่ได้สิครับ เวลาหนาว และลมเย็นสบาย ก็ปิดแล้วรับลมจากข้างนอกแทน
ผมใช้ปุ่มนี้ปิด A/C เวลาขับกลางคืนต่างจังหวัดครับ เวลาอากาศเย็นๆครับ
ตัวพัดลมยังทำงาน ซี่งบางทีก็ปิดพัดผมไปด้วยเลยครับ

สำหรับรถที่ไม่มี ก็ปิดทั้งระบบไปเลยครับ เลือกไม่ได้ว่าให้มีแค่ลมอย่างเดียวไม่เอาแอร์ไม่ได้ครับ
กรุงเทพคงไม่มีโอกาสได้ใช้มั้งครับ มีไม่มีก็เหมือนกัน อากาศร้อนตลอด และมีมลพิษ

รถบางรุ่นจึงเห็นว่าไม่มีปุ่มนี้ก็ได้ ลดต้นทุนไปด้วย เพราะคนใช้มีน้อยมาก

อย่าง EX มีตัวทำความร้อนมาให้ด้วย ผมยังไม่เคยใช้เลย ปิดแอร์ก็พอแล้ว บ้านเราวันที่หนาวนับได้เลยครับ
ไว้ไปเชียงใหม่ช่วงหนาวๆสุดคงได้ใช้มั้งครับ 0 องศาอะไรประมาณนี้ครับ

อีกอย่าง กดปุ่มนี้เอาไว้เร่งแรงเพื่อลดภาระของเครื่องรถ หรือเวลาน้ำมันจะหมดครับ เผื่อประหยัดน้ำมันครับ
แต่ปิดแอร์ไปทั้งระบบก็ได้เหมือนกันครับ แต่มันไม่มีลมเท่านั้นเองครับ

ออฟไลน์ bytebird

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
    • bytebird.multiply.com
    • อีเมล์
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 15:21:11 »
ปุ่ม A/C ผมจะกดปิด และเหลือให้พัดลมทำงานอย่างเดียวตอนก่อนจะเลี้ยวรถเข้าบ้านราวๆ 2-3 นาทีหรือไม่ก็ 100 เมตรก็ยังดี
เอาไว้ไล่ความชื้นออกจากระบบภายในท่อแอร์ครับ

ออฟไลน์ TAI ^^

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 353
  • Faculty of Political Science, TU
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 15:43:16 »
ผมก็ชอบปิดนะครับ แต่อากาศร้อนก็ปิดไม่ไหวจริงๆ ถ้าปิดได้ก็ปิดหมดเลย พัดลมด้วย ส่วนมากจะปิดตอนอากาศไม่ค่อยร้อน ขับบนทางที่ใช้ความเร็วเกินร้อยได้ รู้สึก

ว่าอัตราเร่งมันดีกว่าเดิมเยอะเลยครับ ยิ่งตอนกลางคืนอากาศเย็นๆ ขับถนนโล่งๆ นี่ปิดได้สบายเลยครับ
Beauty is in the eye of the beholder...

ออฟไลน์ BnN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,638
    • อีเมล์
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 15:59:32 »
ปุ่ม A/C มีไว้เพื่อตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ พอกดปิดก็จะเหลือการทำงานเฉพาะพัดลมอย่างเดียว

ผมจะชอบกดปิด A/C ตอนใกล้ๆถึงบ้านซักประมาณ 1 กิโลเมตรครับ แล้วก็เร่งพัดลมเบอร์แรงสุด ไล่ความชื้นออกครับ

แล้วก็ชอบปิดเวลาจะแซง, กลับรถ, เวลาขึ้นทางชันครับ ชอบมาก ช่วยลดการฉุดกำลังเครื่องไปได้หน่อยนึงแต่ก็โอเคเก๋ๆ

ออฟไลน์ NOTTO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 16:01:17 »
ก็เอาไว้ตัดการทำงานของคอมแอร์ตามที่เราต้องการล่ะครับ จำเป็นหรือไม่ ก็คงแล้วแต่บุคคล

ไหนๆ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว อยากฝากเตือนหน่อยนึงครับ ช่วงนี้ฝนตกๆ ยังไงซะ ก็ควรเปิดคอมแอร์ไว้ตลอดเวลาขณะขับรถ เพื่อไม่ให้อากาศภายในร้อนกว่าภายนอกมากจนเกิดฝ้าทั่วกระจก เวลาฝ้ามันเกิดขึ้น มันเร็วมากครับ นับ 1 2 3 พรึ่บ มองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ ยิ่งถ้าตอนกลางคืนฝนตก โอย ไม่อยากจะคิด เพราะโดนมาแล้วกับตัว ดีนะรถไม่เยอะเพราะดึกแล้ว ไม่งั้นคงไม่รอดพ้นอุบัติเหตุแน่ๆ  :-\

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 16:20:09 »
ผมรู้แต่ว่า เวลาที่ไฟ A/C กระพริบ แปลว่าได้เวลาเสียตังแล้ว

เพราะเคยเจอทีนึง .................. รีเลย์ราคาศูนย์ตัวละ3000 ถ้ารู้เบอร์แล้วไปซื้อเองน่าจะถูกกว่าจม

Phongrapee

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 17:14:51 »
พอฟังทุกๆท่านกล่าวมา ผมก็นึกได้เลยครับ ผมเคยลองปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ทีนึง รู้สึกว่าเครื่องยนต์เดินเรียบขึ้น แล้วก็การออกตัวก็ดีขึ้น ถึงจะนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกได้

ผมรบกวนอีกนิดครับ ที่ว่ารับลมจากภายนอกนี่ หมายถึงปุ่มที่มีรูปลูกศรลากจากนอกรถเข้ามาในรถใช่ไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2010, 17:17:09 โดย Phongrapee »

ออฟไลน์ -- CaZzMaNiAnN --

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
  • ร่วมรณรงค์ ไม่เปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ
    • อีเมล์
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 17:37:32 »
ปุ่ม A/C มีไว้เพื่อตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ พอกดปิดก็จะเหลือการทำงานเฉพาะพัดลมอย่างเดียว

ผมจะชอบกดปิด A/C ตอนใกล้ๆถึงบ้านซักประมาณ 1 กิโลเมตรครับ แล้วก็เร่งพัดลมเบอร์แรงสุด ไล่ความชื้นออกครับ

แล้วก็ชอบปิดเวลาจะแซง, กลับรถ, เวลาขึ้นทางชันครับ ชอบมาก ช่วยลดการฉุดกำลังเครื่องไปได้หน่อยนึงแต่ก็โอเคเก๋ๆ

ทำเหมือนกันคับ ลดกลิ่นอับลงไปได้เยอะ

พอฟังทุกๆท่านกล่าวมา ผมก็นึกได้เลยครับ ผมเคยลองปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ทีนึง รู้สึกว่าเครื่องยนต์เดินเรียบขึ้น แล้วก็การออกตัวก็ดีขึ้น ถึงจะนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกได้

ผมรบกวนอีกนิดครับ ที่ว่ารับลมจากภายนอกนี่ หมายถึงปุ่มที่มีรูปลูกศรลากจากนอกรถเข้ามาในรถใช่ไหมครับ

ถูกต้องคับ     บางที ผม ก็ จะแง้มๆ กระจก ลงมา นิดนึงด้วยคับ
Turn to your-style J's 2010
My J-154 sc
L15A7 i-VTEC 2008
Suspension : Tein S TECH
Wheel : Ce-28 Rota 16" x 7" Off +40
Tire : Dunlop DZ101 205/45/16
Exhaust : Nitto+Lerm's Heder
Strut Bar : J's 2010 (front/rear/C-Pillar/Lower arm bar)
JDM Style

ออฟไลน์ chatcharwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • เหยียบคลัช ยัดเกียร์ โว้วววววววว.......
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 18:00:23 »
ขอสอบถามเพิ่มเติมซักนิดนะครับ

คือ สงสัยเกี่ยวกับปุ่มA/C พอดีเลยว่า

ระหว่างเราหมุนที่ปรับความเย็น ไปที่ตำแหน่งต่ำสุด(คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน) แล้วเปิดแต่Fan (ยกตัวอย่างในVigo ไม่เห็นมีปุ่มA/Cเลย)

กับกดปุ่มA/C ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน นี่ จะให้ผลเหมือนกันเลยใหมครับ

เพราะถ้าหมุนปุ่มปรับความเย็น ไปที่ต่ำสุด ก็มีแต่ลมเหมือนกัน...?

ออฟไลน์ Ohmmypp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,042
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 18:53:25 »
เหมือนกันครับ
JC TU #54

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 18:57:35 »
ขอสอบถามเพิ่มเติมซักนิดนะครับ

คือ สงสัยเกี่ยวกับปุ่มA/C พอดีเลยว่า

ระหว่างเราหมุนที่ปรับความเย็น ไปที่ตำแหน่งต่ำสุด(คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน) แล้วเปิดแต่Fan (ยกตัวอย่างในVigo ไม่เห็นมีปุ่มA/Cเลย)

กับกดปุ่มA/C ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน นี่ จะให้ผลเหมือนกันเลยใหมครับ

เพราะถ้าหมุนปุ่มปรับความเย็น ไปที่ต่ำสุด ก็มีแต่ลมเหมือนกัน...?

เหมือนกันครับ ต่างกันรถที่มีปุ่ม A/C เวลากดเปิดอีกครั้ง ความเย็นก็ไปอยู่ที่เราตั้งไว้
เพิ่มสะดวกนิดหน่อยน่ะครับ


ออฟไลน์ chatcharwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • เหยียบคลัช ยัดเกียร์ โว้วววววววว.......
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 20:18:23 »
ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆ ครับ

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 21:22:18 »
ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆ ครับ

ขอบคุณเช่นกันครับ ตอนแรกผมลืมไปเลยว่ามันก็เบาปิดได้ครับ มุ่งไปแต่ที่ปุ่ม A/C อย่างเดียวเลยครับ

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2010, 23:06:09 »
ขอสอบถามเพิ่มเติมซักนิดนะครับ

คือ สงสัยเกี่ยวกับปุ่มA/C พอดีเลยว่า

ระหว่างเราหมุนที่ปรับความเย็น ไปที่ตำแหน่งต่ำสุด(คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน) แล้วเปิดแต่Fan (ยกตัวอย่างในVigo ไม่เห็นมีปุ่มA/Cเลย)

กับกดปุ่มA/C ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน นี่ จะให้ผลเหมือนกันเลยใหมครับ

เพราะถ้าหมุนปุ่มปรับความเย็น ไปที่ต่ำสุด ก็มีแต่ลมเหมือนกัน...?

ผมว่าอาจจะไม่เหมือนก็ได้นะ
แบบของมาสด้า3 รุ่นมือบิด เทียบเป็นนาฬิกานะครับ
ตรง12น. จะเป็นสีขาว  เลย12น.ไปจะเป็นสีแดง  ก่อนถึง12น.
พี่ผมเคยบิดไว้แค่ 11น. ขับไปสักพักก็ร้อนแล้วครับ แปลว่าเฮดเดอทำงานแน่นอน
สรุปผมคิดว่า การจะปรับอุณหถูมไห้มันacไม่ทำงานน่าจะยากนะ
ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ปล.แล้วฮีดเดอ รถไทย จะใส่มาทำไม น่าจะเอาฮีดเดอออฟเพื่อลดต้นทุนดีกว่ามั้ย เปลี่ยนเป็นม่านบังแดดไฟฟ้าดีกว่าอีก ฮ่าๆ
07 mazda 3

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2010, 00:57:54 »
Heater ถึงไม่อยากได้ แต่มันก็มีมาให้อยู่แล้วโดยปกติครับ
ต่อท่อเข้ามาก็จบแล้ว

ยกเว้นรถที่มี ฮีตเตอร์ อุ่นเบาะ นั่นว่าไปอย่าง

ออฟไลน์ joufo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,248
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2010, 11:01:13 »
ประโยชน์ของฮีทเตอร์ สำหรับการใช้งานในกรุงเทพผมว่า จะมีประโยชน์สำหรับรถที่มีแอร์ Auto แบบ Climate Control ครับ

แอร์ ออโต้ ของรถใหม่ๆ เดี๋ยวนี้เป็นระบบ Climate Control แล้วครับ
ไม่ใช่แค่แอร์ออโต้เฉยๆ

แต่ยังควบคุณคุณภาพอากาศ และอุณภูมิภายในรถให้คงที่อยู่ตลอดเวลา
(สังเกตุได้ว่า บางทีขับๆ แอร์ชอบเปลี่ยนระบบหมุนเวียนอากาศภายใน จากหมุนเวียนภายในรถ
เป็นเอาอากาศจากข้างนอกเข้ามา ซึ่งอันนี้ไม่เหมาะกับในกรุงเทพครับ
แต่ถ้าขับออกต่างจังหวัด ผมว่าอากาศในรถมันสดชื่นขึ้นนะครับ)

เสียดายว่า บ้านเราไม่ค่อยมีรถที่มีระบบฟอกอากาศให้
ไม่อย่างนั้นระบบ Climate Control จะสมบูรณ์มากกว่านี้


อย่าง EX ของผมเนี่ย ถ้าเวลาฝนตก หรือ อากาศเปลี่ยนแปลงขณะขับรถ
ก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับแอร์เลยครับ เปิด Auto ไว้อย่างนั้น แอร์ก็จัดการให้หมด

ถ้าตั้งอุณภูมิภายในรถ สูงกว่า อุณภูมิข้างนอกมากๆ ระบบก็จะผสมอากาศร้อนเข้ามา ให้อุณภูมิภายในห้องโดยสารคงที่ครับ

เช่น (สมมุตินะครับ) ขับๆ ไป อยู่ดีๆ ฝนตก
เราตั้งแอร์ไว้ที่ 25 องศาฯ แต่อุภูมิภายนอกขณะฝนตกอยู่ที่ 23 องศาฯ
แน่นอนว่า ปกติแล้ว แอร์ก็จะเย็นฉ่ำมากๆ จนรู้สึกหนาว จนเราต้องลดแอร์
หรือว่าปิดไปเลยก็มี


แต่ระบบแอร์ที่เป็น Climate Control จะเริ่มผสมอากาศร้อนเข้ามา
ให้อุณภูมิภายในรถคงที่ ทำให้เรารู้สึกสบายตัวครับ

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระจกไม่ค่อยเป็นฝ้าเท่าไหร่


ซึ่งก็เป็นข้อดีอีกข้อของ Lancer EX ที่แม้แต่เซลขายรถเองก็คงไม่รู้
(ว่าแต่ คนในมิตซูเองหนะ รู้รึเปล่าเถอะ)


เจ้าฮีทเตอร์เนี่ย ผมได้ใช้นะ
เพราะช่วงปลายปี กับต้นปี ผมชอบขึ้นไปอยู่ภาคเหนือ

เวลาหนาวมากๆ นั่งอยู่ในรถนี่อุ่นกำลังสบายตัวเลยหละครับ

อากาศร้อนก็ดึงมาจากเครื่องยนต์นั่นแหละครับ ถ้ารถเครื่องไม่ร้อน ก็ออกมาแต่ลม ไม่มีลมร้อน

ออฟไลน์ roomno9

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 151
Re: ความสำคัญของปุ่ม A/C
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2010, 13:27:42 »
ขอสอบถามเพิ่มเติมซักนิดนะครับ

คือ สงสัยเกี่ยวกับปุ่มA/C พอดีเลยว่า

ระหว่างเราหมุนที่ปรับความเย็น ไปที่ตำแหน่งต่ำสุด(คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน) แล้วเปิดแต่Fan (ยกตัวอย่างในVigo ไม่เห็นมีปุ่มA/Cเลย)

กับกดปุ่มA/C ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน นี่ จะให้ผลเหมือนกันเลยใหมครับ

เพราะถ้าหมุนปุ่มปรับความเย็น ไปที่ต่ำสุด ก็มีแต่ลมเหมือนกัน...?

ผมว่าอาจจะไม่เหมือนก็ได้นะ
แบบของมาสด้า3 รุ่นมือบิด เทียบเป็นนาฬิกานะครับ
ตรง12น. จะเป็นสีขาว  เลย12น.ไปจะเป็นสีแดง  ก่อนถึง12น.
พี่ผมเคยบิดไว้แค่ 11น. ขับไปสักพักก็ร้อนแล้วครับ แปลว่าเฮดเดอทำงานแน่นอน
สรุปผมคิดว่า การจะปรับอุณหถูมไห้มันacไม่ทำงานน่าจะยากนะ
ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ปล.แล้วฮีดเดอ รถไทย จะใส่มาทำไม น่าจะเอาฮีดเดอออฟเพื่อลดต้นทุนดีกว่ามั้ย เปลี่ยนเป็นม่านบังแดดไฟฟ้าดีกว่าอีก ฮ่าๆ

ผมอยู่ภาคเหนือ ฮีทเตอร์ได้ใช้แน่ๆครับ ถึงจะปีละรอบก็ตาม ช่วยได้เยอะครับ เพราะอุณหภูมิช่วงนั้นมันจะ 12-16 เซลเซียล
ถ้าจะให้ตัดออกไปอย่างที่คุณแซวมา ผมคงแย่เลย เหอๆ