ผู้เขียน หัวข้อ: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ  (อ่าน 7861 ครั้ง)

ออฟไลน์ birm@productive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
จริงหรือไม่ครับ ที่รถสมัยนี้ มันไม่ต้องรันอินแล้ว?

มีข้อสงสัยบางอย่างที่เกิดขึ้น เพราะว่ามีคนถามว่ารถใหม่ต้องรันอินหรือไม่ มันก็เกิดสองความคิดเห็น ว่า

1. รถสมัยใหม่ไม่ต้องรันอิน

2. ยังต้องรันอินอยู่

ตัวผมเองก็ยังคงรันอินรถใหมุ่ทุกครั้งครับ แต่แค่อยากทราบว่ามันเป็นมายังงัย ทำไมถึงมีสองความเห็นได้
ประวัติ
รถ 11 คัน
ยาง 14 รุ่น

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 14:42:57 »
รันอินซะหน่อยก็ดีครับ
รันอินที่ว่า หมายถึงขับแบบคนธรรมดาทั่วไป ออกต่างจังหวัดก้อได้ ขึ้นเขาลงห้วยได้
แต่ไม่ใช่ลากเกียร์กันสุดเรดไลน์ หรือออกตัวล้อฟรีกันแบบนี้ มันก้อเกินไป

ออฟไลน์ birm@productive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 14:43:21 »
โอ๊ะ.. ค้นกระทู้เก่าเจอ...

http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3126.0

แอดมินจะลบกระทู้นี้ไปก็ได้ครับ
ประวัติ
รถ 11 คัน
ยาง 14 รุ่น

ออฟไลน์ birm@productive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 14:46:58 »
รันอินซะหน่อยก็ดีครับ
รันอินที่ว่า หมายถึงขับแบบคนธรรมดาทั่วไป ออกต่างจังหวัดก้อได้ ขึ้นเขาลงห้วยได้
แต่ไม่ใช่ลากเกียร์กันสุดเรดไลน์ หรือออกตัวล้อฟรีกันแบบนี้ มันก้อเกินไป


ขอบคุณครับ
ประวัติ
รถ 11 คัน
ยาง 14 รุ่น

ออฟไลน์ PuppyKak

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 273
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 14:51:21 »
ผมรันอินครับ คู่มือก็บอกให้ทำนะ รถใหม่เหมือนกัน

ในคู่มือแนะนำว่าขับไม่เกิน 130 และไม่ควรใช้รอบคงที่เป็นเวลานาน ๆ
ไม่ควรใช้รอบสูงเกินไป ประมาณนี้ครับ ทั้งนี้ผมว่าแล้วแต่รถแต่ละรุ่นด้วยนะ

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 15:32:43 »
ผมไม่ได้รันครับ ใส่เลยตั้งแต่อาทิตย์แรก

ได้ข้อมูลว่าก่อนส่ง เขา Run in เครื่องให้ก่อนอยู่แล้ว แต่ก็ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอน 5000 โลเลยนะครับ

ใช้มา 3 ปี ยังฟิตปั๋ง
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 15:37:52 »
จริงหรือไม่ครับ ที่รถสมัยนี้ มันไม่ต้องรันอินแล้ว?

มีข้อสงสัยบางอย่างที่เกิดขึ้น เพราะว่ามีคนถามว่ารถใหม่ต้องรันอินหรือไม่ มันก็เกิดสองความคิดเห็น ว่า

1. รถสมัยใหม่ไม่ต้องรันอิน

2. ยังต้องรันอินอยู่

ตัวผมเองก็ยังคงรันอินรถใหมุ่ทุกครั้งครับ แต่แค่อยากทราบว่ามันเป็นมายังงัย ทำไมถึงมีสองความเห็นได้

ถ้า Run in หมายถึงวิ่งไม่เกิน 120 ขับไม่เกิน 3000 รอบ

ผมรันอินและไม่รันเอาท์เลยตั้งหลายครับ บางคันตั้งแต่ซื้อมาไม่เคยขับไปถึง 3000 รอบเลยครับ เหอ เหอ

ออฟไลน์ Kop400D

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
    • อีเมล์
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 15:44:52 »
 ;) ถ้ารถผม ตามคู่มือก็ต้องรันอ่ะครับ ;D

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 16:30:49 »
รันอิน เถอะครับ

ใครก็ตามที่เคยบอกว่า ผู้ผลิตเขารันอินมาให้แล้วหนะ ไม่จริง!

เท่าที่ผมเห็น ก็ดูจะมีแต่ โรงงาน BMW ที่ระยองเท่านั้น
ที่เอารถขึ้น ไดนาโมมิเตอร์ แล้วอัดเต็มๆ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไล่ขึ้น ไล่ลง ตามโปรแกรม นั่นละครับ

เดี๋ยวไว้จะเอาทริปที่ไปดูโรงงาน มาเล่าให้อ่านกัน ใน "เจาะหลังบ้านบริษัทรถ"

ดังนั้น รันอิน ไปเถอะครับ

ออฟไลน์ Mighty-X

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,016
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 18:14:05 »
^
^
^
จะรออ่านนะครับ

ส่วนเรื่องรันอิน ผมก็ยังทำอยู่ครับ
ประมาณว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ถนอมรถไปในตัว

ออฟไลน์ best

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 443
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 18:28:01 »
รันอิน เถอะครับ

ใครก็ตามที่เคยบอกว่า ผู้ผลิตเขารันอินมาให้แล้วหนะ ไม่จริง!

เท่าที่ผมเห็น ก็ดูจะมีแต่ โรงงาน BMW ที่ระยองเท่านั้น
ที่เอารถขึ้น ไดนาโมมิเตอร์ แล้วอัดเต็มๆ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไล่ขึ้น ไล่ลง ตามโปรแกรม นั่นละครับ

เดี๋ยวไว้จะเอาทริปที่ไปดูโรงงาน มาเล่าให้อ่านกัน ใน "เจาะหลังบ้านบริษัทรถ"

ดังนั้น รันอิน ไปเถอะครับ


อยากอ่านจังครับพี่จิม 

ยอมให้ตัดหน้ารีวิวทุกรีวิวเลยคร้าบบบ
There is nothing either good or bad but thinking makes it so

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 23:31:14 »
คู่มือ หรือ Manual book

ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนไว้ในนั้น มีจุดประสงค์สุดท้ายปลายทางที่ ผลประโยชน์ของบริษัทครับ

ความพึงพอใจของลูกค้า คือสิ่งที่อยู่ระว่างทาง

สิ่งที่เขียนในคู่มือ จะเขียนไว้กลางๆ ไม่บอกเหตุบอกผล บอกแค่ว่าให้ทำแบบนี้

เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้งาน

อย่างโรงงานผมบางอย่างเราทำกันที่โรงงานเป็นเรื่องปรกติ แต่พอถึงดีลเลอร์ ถึงลูกค้า เราห้ามไม่ให้ทำแบบเดียวกันกับที่เราทำ :-X




ข้างล่างนี้ Credit ท่าน A-Z


วิธี รันอิน ที่โรงงานแนะนำ ให้ขับไม่เร็วนักในช่วง x00 กิโลแรก . . . จริงๆแล้วเป็นวิธีที่แค่ไม่ทำให้เจ้าของรถตกใจครับ . . . แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด

ถ้าใครเคยได้ยินมาบ้าง . . . ออกรถป้ายแดงมาถึง อัดเลยครับ . . พอใช้ๆไป จะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องจะแรงและลื่นกว่าคันที่รันอินแบบปกติตามคู่มือ เมื่อเทียบกับคันอื่นๆในรุ่นเดียวกัน . . . . บางคนคิดว่าลื่นเพราะมันหลวม (จะบ้าเหรอ หลวมแล้วมันจะแรงจะลื่นได้ไง) แต่จริงๆแล้วมันแรงเพราะแหวนมันเก็บกำลังอัดได้ดี ไม่รั่วไปที่อ่างครับ แรงที่ได้มาก็สมบูรณ์



วิธีที่ทำให้แหวนเข้าที่ดีที่สุดคือ วอร์มเครื่องให้ได้อุณหภูมิเสร็จ ให้โลหะต่างๆขยายตัวเข้าที่เสร็จ . . . . อัดได้เลยครับ . . . . ครั้งแรกไม่ต้องอัดเต็ม เอาซัก 50-60% แล้วก็ค่อยเพิ่มไป 3-4 เที่ยว จนอัดเต็มที่ไปเลย ในซัก 50-100 กิโลแรก แล้วรีบๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกเลย

!!!! แต่จะมีเจ้าของรถสักกี่คนกล้าทำแบบนั้นหละครับ . . . ออกมากระทืบเลย แล้วเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตั้งแต่ 100 โล . . . ขืน บ. แนะให้ทำแบบนี้คงถูกด่าเละ และค้านความรู้สึก รถอะไรห่วยจัง 100 โลแรกก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว และกี่คนจะกล้ากระทืบรถใหม่ๆป้ายแดง . . . จะมีซักกี่คนที่จะยอมเข้าใจเหตุผลและยอมทำตามโดย บ.ไม่ถูกด่า

บ.รถ เลือกเอาทางปลอดภัย ไม่ถูกด่า ก็แนะให้ทำแบบประเพณีปฏิบัติ คือนุ่มนิ่มไปเรื่อยๆครับ . . . ไม่เจ๋งที่สุด แรงม้าหายไปบ้างนิดหน่อยใครจะรู้ ไม่ถูกด่า ไม่ค้านความรู้สึกใคร



วิธีที่ให้เครื่องใหม่ๆออกมา ประกอบเสร็จ ลองติดเครื่องดูสักพักว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วเริ่มอัดได้เลย เป็นวิธีรันอินที่ดีที่สุด . . . . . มันค้านความรู้สึกใช่ไหมครับ แต่มันมีเหตุผลนะครับ ซึ่งเป็นเหตุผลที่คนไม่ยอมจะเข้าใจง่ายๆ

แหวนที่ออกมา มันไม่ได้กลมเรียบสนิทถ้าส่องด้วยกล้องขยาย . . . จะทำให้แหวนมันกลม เรียบสนิทกับกระบอก มันก็ต้องขัดส่วนเกินนี้ทิ้งให้เร็วที่สุด เข้ารูปให้เร็วที่สุด

ทำไมต้องเร็ว? . . . > แหวนลูกสูบที่มันกันแรงดันรั่วนั้น มันไม่ได้มีแรงถ่างตัวเองออกมาเท่าไรเลยนะครับที่จะถ่างตัวเองไปชิดกับกระบอกเพื่อสู้กับแรงดันมหาศาลในห้องเผาไหม้ . . ลำพังแรงดันถ่างตัวของแหวนหมดสิทธิสู้กับแรงดันครับ อย่างเก่งก็ถ่างได้แค่ไม่ให้น้ำมันเครื่องรั่วเข้ามาที่ห้องเผาไหม้. . . ดังนั้นมันก็เอาแรงดันในห้องเผาไหม้นั้นแหละครับ ที่มันจะลอดร่องแหวนเข้ามาอยู่ที่หลังแหวนเพื่อช่วยดันให้มันถ่างตัวไปยันขอบกระบอกสุบได้แน่น (ลูกสูบรถแข่งที่เนี๊ยบๆเจ๋งๆจะมีการเจาะรูเล็กๆที่หัวลูกสูบมาที่ร่องแหวนเพื่อมาช่วยดันแหวนตัวน้ด้วยเรียกว่า Gas port) . . . . ที่บอกว่าต้องเร็ว เพราะถ้าเครื่องวิ่งช้าๆไม่มีโหลด มันจะเอาแรงที่ไหนมาดันแหวนให้แน่น ให้แหวนได้ลบคมให้กลม . . . วิ่งช้าๆรอบต่ำๆ แรงดันแหวนมันน้อย มันก็ถูๆไปกับกระบอก มันก็ไม่ยอมสึกลบคมตัวเองออกไปซะที

แล้วค่อยๆถูเบาๆ ให้มันค่อยๆสึก ไม่ได้หรือ? . . . . > ทำได้ แต่จะไม่ได้ของดีที่สุดครับ
ของเวลามีติ่งออกมา ติ่งใหญ่ๆจะหักจะหลุดไปง่ายกว่าติ่งเล้กๆ . . .. การที่ค่อยๆถูก ติ่งส่วนเกินที่ไม่กลม มันก็สึกทีละนิด จนติ่งมันเล็ก พอมันเล็กทีนี้มันก็จะอยู่อย่างนั้นแล้ว หลุดออกไปยาก คุณก็จะไม่มีทางได้แหวนแน่นๆเรียบๆแล้ว . . . ระหว่างที่มันค่อยๆถู แทนที่จะถูมันแรงๆให้ติ่งมันหักหลุดกลายเป็นเศษโลหะไปเลย การที่ค่อยถูแทนที่มันจะหักหายไป มันก็จะเป็นต่างฝ่ายต่างกินเนื้อกันเอง แทนที่ติ่งจะหัก ถูเบาๆติ่งนี้มันจะไปกัดกนะบอกสูบทำให้กระบอกเป็นร่องตามติ่งแทน และพอติ่งนี้ค่อยๆสึกหายไป ร่องที่ผนังที่ติ่งนี้เคยฝากไว้ก็จะกลายเป็นจุดรั่วเล็ดรอดของแรงดัน . . . แรงม้าจะหายไปก็ตรงรูรั่วเหล่านี้แหละครับ






ที่เขาบอกว่า โรงงานรันอินมาให้ส่วนนึงแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ . . . . เพราะประกอบเสร็จ จับขึ้นไดโน . . เขาไม่ได้ขึ้นเพื่อตรวจเข็มไมล์หรอกครับ . . . . เขาขึ้นเพื่อทดสอบดูว่าเครื่องมีอะไรผิดปกติไหม ทำแรงม้าสูงสุดอยู่ในพิกัดที่เขายอมรับไหม (สเปคบอกร้อย แต่เครื่องมันไม่สามารถทำได้ครบร้อยแรงม้าทุกเครื่องเหมือนกันหมดหรอกครับ 98-99 ก็มี ถ้าอยู่ในเขตที่เขายอมรับ ก็ถือว่าผ่าน)

แต่จะเทสต์แรงม้าเขาก็ต้องใช้รอบเต็มที่ . . > การใช้รอบเต็มที่นี่แหละครับ คือการรันอินแบบถูกทางมาจากโรงงานแล้ว ส่วนนึง ใช้เวลาไม่นาน แต่นั่นคือรันอินแบบเข้าทางมาให้แล้วในส่วนใหญ่ๆ . . . . เขาจึงเหลืองานมาให้เจ้าของรถจัดการอีกเล็กๆน้อยๆ

ถ้าเจ้าของเอามาจัดการต่อแบบดุๆ ก็ Perfect . . . แต่ถ้าเอามารันอินต่อแบบแผ่วๆก็ได้แบบ Nearly Perfect . . . ที่มัน Near Perfect เพราะโรงงานกระทืบมาให้แล้ว(ถูกทาง) . . . แต่ถ้าประกอบเครื่องเสร็จ ไม่ขึ้นไดโนกระทืบ . . . เครื่องนี้เกิด แล้วส่งมาให้เจ้าของรถ รันอินแบบแผ่วๆอย่างเดียว แบบนี้ Far from Perfect ครับ

นึกเอาซิครับ . . . ถ้าการรันอินแบบเบาๆคือวิธีที่ถูกต้อง การบ้านที่เราต้องทำต่อแค่ 10-20% ยังซัดไปพันโล . . แล้ว 70-90% ที่เขาทำมาให้ มันต้องใช้เวลาเท่าไร ใครจะมีเวลาทำมาให้ครับ . . . เขาใช้เวลานิดเดียวบนไดโนนั่นแหละครับ รันอินเบื้องต้นมาให้คุณแล้วอย่างดี

ถ้ามองเหตุผลข้างต้นออก รวมถึงวิธีที่โรงงานใช้กับรถเรา ก้จะรู้ว่าการรันอินจริงๆแล้ว มันต้องใส่เลยครับ . . . ถ้าใครกลัวพังก็นึกเอาว่าก่อนที่เราจะมานวดคันเร่งแบบแผ่วๆเพราะกลัวพังนั้น โรงงานเขากระทืบเต็มๆมาก่อนเราแล้ว ซึ่งนั่นคือการรันอินอย่างดีเลย . . . เราไม่ใช่คนแรกที่ค่อยๆนวดคันเร่งรถเรานะครับ ถ้าคิดแบบนี้ได้ จะไปกลัวอะไรอีกหละครับ

ไม่ได้เชียร์ หรือชวนให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะรู้ว่ามันฝืนใจ คนใช้รถส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้สิ่งที่ควรได้มาเต็มที่เท่าไรอยู่แล้ว ขาดไปนิดก็ไม่รู้สึกอะไร . . . แต่ถ้าอยากได้แหวนที่ทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ต้องกล้าๆทำแบบนี้ครับ


ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 10:39:40 »
ที่คุณ banch เขียนก็มีเหตุผลและล้อกันกับโพสของคุณจิมมี่เหมือนกันนะครับที่ว่า

"...เท่าที่ผมเห็น ก็ดูจะมีแต่ โรงงาน BMW ที่ระยองเท่านั้น
ที่เอารถขึ้น ไดนาโมมิเตอร์ แล้วอัดเต็มๆ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไล่ขึ้น ไล่ลง ตามโปรแกรม นั่นละครับ..."

สรุปยังไงกันน้อ

ออฟไลน์ -- CaZzMaNiAnN --

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
  • ร่วมรณรงค์ ไม่เปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ
    • อีเมล์
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 16:18:00 »
น้องแจ๊ส ผม ก็ ยังรันอินอยู่นะคับ ตอนป้ายแดง

1. รันอินเครื่อง 3000 โล

แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ออก ตั้งแต่ วันแรกเลยนะคับ

แล้วใส่ สังเคราะห์ 100% เข้าไปแทน แล้ว ก็รันอินซะ

2. รันอินผ้าเบรค 300 โล

3. รันอิน ยาง  ซัก 500-1000 โล

Turn to your-style J's 2010
My J-154 sc
L15A7 i-VTEC 2008
Suspension : Tein S TECH
Wheel : Ce-28 Rota 16" x 7" Off +40
Tire : Dunlop DZ101 205/45/16
Exhaust : Nitto+Lerm's Heder
Strut Bar : J's 2010 (front/rear/C-Pillar/Lower arm bar)
JDM Style

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 16:49:09 »
งั้นพวกรถนำเข้า เขาจะรันอินแบบที่ว่ามาจากโรงงานด้วยหรือเปล่า ? ถ้ารันอินแบบนั้นมาแล้ว ผมต้องมาเก็บงานด้วยมั๊ยครับ?
ออกวันแรกซัดให้สุดตีนเลย....แบบนั้นเลยหรือเปล่า?
แล้วได้ 100 กิโลเมตรแรกถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งเลยหรือครับ หรือว่า เก็บไว้สักอีก 900 โลค่อยได้จะได้มั๊ย (ตอนพันโลแรกมันฟรีอ่ะ)
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 18:33:36 »
น้องแจ๊ส ผม ก็ ยังรันอินอยู่นะคับ ตอนป้ายแดง

1. รันอินเครื่อง 3000 โล

แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ออก ตั้งแต่ วันแรกเลยนะคับ

แล้วใส่ สังเคราะห์ 100% เข้าไปแทน แล้ว ก็รันอินซะ

2. รันอินผ้าเบรค 300 โล

3. รันอิน ยาง  ซัก 500-1000 โล




เท่าที่ผมได้อ่านๆมา ช่วงรันอินไม่ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ครับ

เหตุผลไม่ทราบเหมือนกัน อาจจะเพราะว่าลื่นเกินไป

ออฟไลน์ lotto

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 97
    • อีเมล์
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 23:38:39 »
ยกมือด้วย 1 คนครับ

ขับไม่เกิน 100 รักษาไม่ให้รอบเกิน 3000 พึ่งไปเปลี่ยน นมค ที่ 0 มาเมื่อ 1 พันกิโล

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ใครซื้อรถใหม่แล้วยังรันอินบ้างครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2010, 00:10:56 »
สำหรับผมยังเชื่อในรันอินอยู่ครับ

แต่ไม่ใช่รันอินกัน 5,000 โล นั่นมันเรื่องของ 20 ปีก่อน สมัยนี้ด้วยวิทยาการในการผลิต ผมคิดว่าผมจะรันอินแค่ 1,500 โลอย่างมากและนั่นก็คือสิ่งที่ผมทำกับรถของผมเอง

และคำว่ารันอิน ไม่ได้หมายความว่าต้องรักษารอบคงที่ ต้องขับนุ่มๆ รันอินของผมคือขับปกติ ถ้าต้องแซง ต้องกด คือกด ขับอย่างไรก็ขับตามที่ต้องการ เพียงแต่ไม่ทำอยู่สองอย่างคือไม่ขับแบบอัดรอบชนขีดแดงต่อเนื่องราวกับกำลังวนรอบ Nurburgring และไม่แช่รอบสูงทำความเร็วสูงสุด นอกนั้น 0-60 หรือ 80-120 ผมกล้าอัดเต็มเท้า และอัดจนชนขีดแดงเลยด้วย

วิธีคิดของคุณ A-Z อาจไม่เหมือนกับของผม แต่ก็เป็นวิธีคิดที่มีเหตุผลและหลักการประกอบ เพียงแต่มันจะค้านความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ถ้าเราไปโฟกัสแค่ว่า "ซัดได้เลย" ไม่ได้ดูว่ามีเหตุผลเรื่องแหวนลูกสูบประกอบ

ส่วนที่ผมเห็นต่าง ก็มีแค่ว่าเครื่องยนต์มีทั้งแหวน ทั้งแบริ่ง ทั้งแค็ม ทั้งตัวดันโซ่ และองค์ประกอบมากมายที่ไม่ใช่แค่แหวนลูกสูบ ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะชอบที่จะถูกขัดให้กลมตั้งแต่ยังแบเบาะเหมือนกันหรือเปล่า?

อย่างเวลาติดตั้งแค็มชาฟท์ใหม่ซิงๆ คู่มือที่แนบมากับแค็มชาฟท์ที่ผมซื้อมายังแนะนำให้รันอินแค็มชาฟท์ก่อน..ไม่ใช่ 5,000 โลนะ แต่อย่าเพิ่งซัดทันทีหลังประกอบเสร็จ เขาให้วิ่งด้วยรอบไม่เกิน 4,000 เป็นระยะทางประมาณ 100 ไมล์ก่อนทำการซัด อาจจะฟังดูเหมือนเชื่อฝรั่งคนทำแค็ม หรือจะบอกว่าเขากลัวมันพังก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ช้าก็เร็วงานหนักก็จะมาอยู่แล้ว

เรื่องการรันอินจากโรงงานแบบกดมิด..ผมมองว่าไม่แปลกที่จะทำ เพราะอย่างน้อยต้องตรวจสอบว่ารถสามารถเร่งได้เนียนไปโดยไม่มีปัญหา ดีกว่าไม่รันอินให้ลูกค้าแล้วมาพบปัญหาในภายหลังตอนลูกค้าเอาไปซัด 180! อัดบนไดโน่แค่นี้เครื่องที่ไหนที่ประกอบมาดีก็ทำได้ เพราะกดแค่แว๊ดเดียว ไม่ใช่ 4,000-7,000 แล้วก็ 3,000-6,000 แล้วก็ทำซ้ำๆหลายๆรอบเหมือนรถแข่ง

อย่างไรก็ตามถ้าใครคิดจะรันอิน..พูดกันในระดับรถบ้าน รันไปเถอะครับ 1,000-1,500 โล ผมมองว่าไม่เสียหายอะไร แล้วหลังจากนั้นค่อยเพิ่มดีกรีความโหดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่ระยะ 3,000 โลนั้นผมซัดแบบเต็มพิกัดแล้วครับ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8