กฤษฎีกาตีกลับ เบี้ยวค่าปรับตามใบสั่ง ต่อทะเบียนรถได้
บรรดาผู้เกี่ยวข้องกับการออกใบสั่ง ต้องทำความเข้าใจให้ชัด ใบสั่งคือการตั้งข้อกล่าวหา แม้จะเชื่อมั่นว่ามีพยานหลักฐานฟังได้มั่นคงตามข้อกล่าวหา ก็ไม่ใช่คำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดแล้ว
ผู้ต้องหาตามใบสั่งสามารถต่อสู้คดี หรือหากไม่สู้คดีแต่ไม่ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ
พนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจปรับต้องส่งศาลพิจารณาต่อไป
การอายัดไม่ยอมให้เสียภาษีประจำปี
ไม่ชำระค่าปรับเป็นเหตุเพิ่มโทษ ปรับให้สูงขึ้น
หรือเสนอให้มีโทษจำคุกอีกต่างหาก ดังที่เป็นข่าว จึงทำไม่ได้
เพราะใบสั่งไม่ใช่คำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ปรับได้ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 37
ปรับได้ถ้าผู้ต้องหายอม การที่เขาไม่มาจ่ายค่าปรับไม่ได้แปลว่าเขายอมให้ปรับ
คุยคนละเรื่องเดียวกัน เอาใหม่นะ
ไม่จ่ายค่าปรับตามใบสั่ง ไม่เกี่ยวกับการต่อภาษี จริงไหม
จริง หลักฐานคือ กฤษฎีกาตีกลับนั่นแหละ เพราะ 2หน่วยงานงัดกัน ตำรวจบอกได้ ขนส่งบอกไม่ได้
กฤษฎีกา เลยบอกว่า ขนส่งถูก ต่อภาษี กับ ใบสั่ง คนละเรื่องกัน เอามารวมกันไม่ได้ เพราะไม่มีกม.เขียนไว้
ตำรวจเลยเงิบไป
แล้ว เข้าแก้เกมยังไง
สรุปคือ ใช้ ม.44 จ้า ชงลุงตู่ใช้ม. 44
ตอนนี้คือ มีม.44 ออกมาแล้ว ทำได้ ไม่ขัดกม. เพราะเอาม.44 ไปแก้กม.ที่ขัดกัน
ดังนั้น ตอนนี้ ภาษีประจำปี กับ ใบสั่ง รวมเป็นก้อนเดียวกันละ ใครไม่จ่ายค่าปรับใบสั่ง ต่อภาษีไม่ได้
แต่ แต่อะไร
จะใช้งานได้สมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อ ระบบขนส่ง กับระบบตำรวจ เชื่อมต่อกันนี่แหละ ถึงจะใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งก็ตามข่าวไง ว่าระบบจะสมบูรณ์ในราวๆไตรมาสแรกปี 62
ดังนั้น ถ้า หลังไตรมาสแรกปี 62 ไปต่อภาษี ก็อาจจะเจอปัญหาจนท.ไม่รับต่อให้ได้ จนกว่าจะจ่ายค่าปรับตามใบสั่ง
ปอลิง แต่ยังไม่เก็ทเรื่องอายุความ ถ้าใบสั่งเก่าๆ เกิน2ปี (คดีจราจรดูเหมือนจะมีอายุความไม่เกิน 2 ปี) ถ้าตำรวจไม่ล้างข้อมูลที่เกิน2 ปี
แล้วไม่ยอมรับต่อภาษีให้ จะทำยังไง ตรงนี้คงต้อรอให้มีคนโวยก่อนมั้ง
ซึ่ง ม.44 คงไม่มีอำนาจไปกระทบกับอายุความคดีอาญามั้ง
และอีกปัญหานึงที่จะเกิดคือ จะเริ่มนับอายุความนับแต่เมื่อไหร่
1.นับย้อนไปหมดทุกคดี(อายุวคาม 2ปี ไม่มีผล)
2.นับย้อนไป 2 ปีนับแต่วันที่ระบบสำเร็จ
3.ย้อนไป 2 ปี นับแต่มีการประกาศแก้กม. โดยใช้ม.44