ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนถามผู้รู้เกี่ยวกับ e92 - e93 -slk ทุกท่าน (โดยเฉพาะคุณJae)  (อ่าน 9253 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
  ตอนนี้สนใจ  ทั้งสองรุ่นนี้อยู่  ปัญหาก็รู้บ้างพอควร

  ที่ดู ๆ ไว้ เป็น อี 92   เป็นดีเซล  ตัดปัญหาเรื่องน้ำมัน กับน้ำซึมไป

  อี 93  มันได้เท่ห์  เวลาไปวิ่งอากาศเย็น ๆ ได้โชว์หัวหงอกด้วย....แต่หนักใจเรื่องซ่อมบำรุง...

  slk  ก็จะเป็นรถที่อยู่ในลิสอีกคัน

  ความสนใจผมตามลำดับ  อี 93   อี 92   แล้วตามด้วยโรสเตอร์..
 
  ทั้งสามคันถ้าเลือก  ก็เป็นคันแรกของผมทั้งนั้น 

  อยากได้ความเห็นจากผู้รู้ และผู้ใช้จริงครับ
       

ออฟไลน์ เทียน

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
ขอตอบ

E93  320i imported ไม่ใช่รถในนี้ เครื่องคนละตัวกับรถBMW Thailand รหัสN43  ไม่เยอะนะ  น้ำซึมต้องเปลี่ยนยางตัวถังบิดเวลาขึ้นทางเอียงๆได้ยินเสียงหลังคาขบ

SLK 171 200  ปี06  ซ่อมคอมแอร์เท่านั้นเอง ใช้แป๊ปเดียวขายไม่ถึงแสนโล ใช้น้อยเสียน้อย  แต่ขับไม่ดีเท่าe93 เมื่อยมาก


ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
ขอตามอ่านด้วยคนนะครับ

ออฟไลน์ Hot Hatch

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 63
    • อีเมล์
SLK 172 หลังคาชอบมีปัญหาครับ แม้กระทั่งตัวที่เปลี่ยววัสดุเป็นหลังคาแก้วแล้ว

ของผมที่เคยใช้ กลไกยกหลังคามีปัญหา (วิ่งไม่ถึง 2 หมื่นโล)

ส่วนของญาติผม น้ำหยดบริเวณหลังคา (วิ่ง 2 หมื่นกว่าโล) เปลี่ยนซีลยางแล้วยังรั่วอยู่

ศูนย์บอกต้องเปลี่ยนหลังคายกชุดแสนกว่าบาท เค้าแจ้งว่ารุ่นนี้น้ำซึมเกือบทุกคัน

อีกอย่างคือนั่งนานๆแล้วเมื่อยมากเลยครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
E92 ดีเซล เครื่องN47 พื้นฐานเครื่องไม่ได้ออกแบบมาทนทานครับ ใช้กันได้ไม่นานเหมือนM47ครับ ปัญหาโซ่ราวลิ้น มูเลย์แครงค์ชาฟท์ ท่อน้ำรั่ว ท่อร่วมตัน ท่ออากาศต่างๆเสีย หัวฉัดเสื่อม เป็นสิ่งที่เตรียมใจไว้ครับ พวกคอมแอร์เดนโซ่ในตัวนี้ไม่ทนเลย

E93 เครื่องตัวไหนครับ ผมแนะนำ N43 มันเหมือนN46 แต่ดีกว่าที่ไม่มีวาวล์โทรนิค แถมได้เครื่องฉีดตรงไร้เทอร์โบครับ เครื่องN54 ได้โบฉีดตรงแรงแน่นอนแต่ดูแลหนักครับ  รถหลังคาแข็งพับได้ในไทยผมเห็นๆมา mazda mx5 nc ก็ยังรั่วครับ อาจจะเพราะมันไม่ยืดหยุ่น และข้อต่อเยอะ

SLK  รุ่นที่ดูจะทนทานดูแลง่ายเห็นจะเป็นR171 เครื่องM271 ปีแรกๆครับ ช่วงที่อะไหล่ยังไม่จีนมากเกินไป นอกนั้นก็ตามต้นทุนครับ หลังๆขยันลดต้นทุนเอามากๆ ครับ

รถแบบนี้ผมแนะนำให้ลองขับดีกว่าครับ การดูแลไม่น่าห่วงสำหรับคุณSukhontha ดูจากการซ่อมคันอื่นๆ แล้วน่าจะรับได้อยู่ครับ

ออฟไลน์ Cheercheers

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 243
แชร์ให้ครับ อาการเสียที่พบ
sensor abs เสียทั้งสี่ล้อ โดยจะทยอยเสียทีละล้อครับ
-ของเบิกศูนย์น่าจะ 3,xxx บาทต่อเส้น
-ของวัดโสมเส้นละ 1,xxx บาทต่อเส้น (ยี่ห้อ Ate)
-ซื้อ ebay เยอรมัน ประมาณ 500-900 บาทต่อเส้นบวกค่าชิปปิ้งเล็กน้อยครับ
 ด้านหน้าด้านหลังใช้แทนกันไม่ได้นะครับต้องระวัง เปลี่ยนมาได้ปีกว่ายังไม่มีปัญหา

-ไฟหน้าขึ้นไอน้ำ เคยเคลมเปลี่ยนไฟหน้าตอนมี BSI สุดท้ายก็ยังกลับมาขึ้นอยู่ดี
  แต่พอใช้มาเรื่อยๆ ตอนหลังไอน้ำกลับหายไปเอง ;D

อาการที่เสียระหว่าง BSI
-หม้อน้ำรั่ว
-ภายใน, ที่จับประตูลอก
สุดท้าย
-แอร์ไม่เย็น
 ปล.แนะนำให้หาตัว 2009up ที่มี idrive shortcutครับ จะมีฟังก์ชั่น DVD ไฟเดย์ไลท์ ฯลฯ   
Cheercheers

ออฟไลน์ joa123

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 369
ผมใช้ r172 2012 มีเสียแค่ สายสปีดเซนเซอร์เส้นเดียวครับ

ส่วนเรื่องหลังคา ผมสังเกตุถ้าขับขึ้นห้างบ่อยๆ หรือทางเอียงต่างระดับเยอะที่ทำให้ตัวถังบิดตัวได้หลังคารุ่นนี้มักจะโก่งหรือแตกครับ(ถ้าเป็นแก้ว) 

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478

  ได้ความรู้เยอะขึ้น  ตอนนี้ใจเอนเอียงไปทาง 171-172  เพิ่มขึ้น

    ขอศึกษาดูอีกนิด

    ขอบคุณทุกท่านครับ

ออฟไลน์ หมีขับสี่

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
ท่าน sukhonta ไม่สน saab ตัวเปิดประทุนเหรอครับ  ;)

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
ท่าน sukhonta ไม่สน saab ตัวเปิดประทุนเหรอครับ  ;)

ดูให้ ...ลูกชายครับ....เขาไม่ชอบคาบริฯ และซาบมีของแท้น้อยมาก ชอบคูเป้ หรือโรสเตอร์

เขาชอบ brz  มาก  แต่ผมไม่ผ่านให้ในเรื่องช่วงล่าง  บางเวปบอกว่าตั้งแต่ 100 ขึ้นไป เริ่มไม่นิ่ง  เลยไม่ค่อยไว้ใจเท่าไร  แถมเป็นรถขับหลังรุ่นเดียวของซู