ผู้เขียน หัวข้อ: รถใส่ถ่าน กับหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ และการแปลงลงรถเก่า  (อ่าน 6697 ครั้ง)

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
ข้อมูลสังเขปให้เข้าใจง่าย แต่ละยี่ห้อมีแยกย่อยอีก

ไฟกระแสสลับ

1.กำลังไฟฟ้าที่ขับมอเตอร์ 48v,72v,144v คิดตามน้ำหนักรถ แบบสามเฟส
รอบหมุนยิ่งมาก ยิ่งร้อน ยิ่งแพง ระบายความร้อนด้วยน้ำ เกินหมื่นรอบได้ยิ่งดี

2.แบต12v,24v 50-200amp ตะกั่วกรด หรือ ลิเธี่ยม ฟอสเฟต(LiFePO4)
ติดตั้งแยกต่างหาก ไม่เกิน2ลูก (อนาคตคงมีถ่านแบบใหม่ออกมาทดแทน)
เลี้ยงระบบต่างๆแบบรถน้ำมัน อัดไฟแยกจากลูกใหญ่
เครื่องอัดไฟ25-120ampขึ้นไป อัดเต็มไม่กี่ชม.

3.หม้อแปลงไฟกระแสตรงเป็นกระแสสลับ หรือ อินเวอร์เตอร์ ใช้2-3ชุด
ชุดแรก ใช้แปลงไฟจากถ่านใหญ่ไปมอเตอร์
ชุดสอง ใช้แปลงจากถ่านใหญ่ไปแอร์ ฮีตเตอร์
ชุดสาม เครื่องเสียง,วิทยุสื่อสารวัตต์สูง,อุปกรณ์ส่งดาวเทียม
ช่วงล่างถุงลม ปั้มลม กันโครงไฟฟ้า หางเป็ด ครีบ เหงือกฉลามไฟฟ้า

ถ่านใหญ่อาจแยกเป็นสอง หรือ สามชุด เพื่อให้จ่ายไฟไม่ดึงกัน
แต่เวลาอัดไฟ ต้องเรียงลำดับการอัดหรือเลือกอัดก้อนไหนก่อนหลัง
หม้อแปลงแอมป์ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งร้อน ยิ่งแพง ระบายความร้อนด้วยน้ำ

ต้องมีตัวเก็บประจุอย่างดี สองชุดต่อหนึ่งหม้อแปลง

4.ถ่านลิเธี่ยม ฟอสเฟส(LiFePO4) ไม่บวม ไม่มีแก๊ส อันตรายน้อย
นำมาอนุกรมให้ได้กระแส แรงดันที่ต้องการ ขณะที่ไฟยังเต็มก้อนอยู่
รางถ่านต้องระบายความร้อนได้ดี ถ่านจะทน ด้วยพัดลมและน้ำ
(อนาคตคงมีถ่านแบบใหม่ออกมาทดแทน)

5.กล่องหลอก
จากคันเร่งสายเป็นสวิชท์ไฟฟ้า
จากกล่องเกียร์ออโต้ติดรถเชื่อมกับกล่องมอเตอร์ เกียร์กระปุกไม่ใช้
แปลงไมล์สายเป็นไมล์ไฟฟ้า

6.หม้อน้ำ
ใช้ปั้มน้ำไฟฟ้า ระบายความร้อนจากหม้อแปลงไฟ มอเตอร์ ถ่านใหญ่
รังผึ้งแอร์ติดกับหม้อน้ำ
ออยเกียร์ออโต้

7.เกียร์รถไฟฟ้า มีน้ำมันเกียร์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ

8.แอร์ คอมแอร์dcของรถไฮบริด หรือ คอมแอร์บ้านแบบแปรผัน
ราคาต่างกันมาก แอร์บ้านแปลงได้ประหยัดกว่าเยอะ

9.เบรค เพิ่มปั้มสูญญากาศไฟฟ้า กระเปาะพักลม ต่อกับหม้อลม
เบรคดีเท่ารถน้ำมัน แรงลมคงที่
น้ำมันเบรค dot 3,4,5

10.ระบบผ่อนแรงพวงมาลัย
แร็คไฟฟ้า
ปั้มไฮโดรลิคไฟฟ้า

11.หม้อแปลงอัดไฟเข้าถ่านใหญ่ จากแท่นอัดไฟ
ยิ่งแพงการแปลงไฟจากacเป็นdcเข้าถ่านก็ยิ่งเร็ว
มีระบบนิรภัย ร้อนตัด เต็มตัด
ใช้ไฟจากถ่านใหญ่มากลดเหลือจนถึงเกณฑ์แจ้งเตือน
ไม่ให้ถ่านโทรมเร็ว ลิเธี่ยมถ้าตายแล้ว กระตุ้นไม่ได้

12.แท่นอัดไฟเข้ารถ ซื้อเพิ่มอีก 1-2แสน
หม้อแปลงแถมมากับรถ อัดไฟช้ามาก มีไว้ฉุกเฉิน
ต้องซื้อแยก acระดับ3 30-60แอมป์ ไฟบ้าน 30/100 1เฟส
ถ้า3เฟส อัดไฟเร็วกว่า แท่นแพงกว่ามาก เกินสองแสน

แท่นอัดไฟกระแสหรือdc ต้องเป็นตู้ที่ให้บริการ ราคาแพงมาก
อัดไฟได้เร็วกว่าac แต่รถต้องมีเต้าเสียบรองรับ


การคำนวนอัตรากินไฟ อัดไฟ ในไทย
ต้องมีแท่นอัดระดับ3 ตามบ้าน 30-60แอมป์
ขับรถเปิดแอร์ วิ่ง110กม. แช่ระยะทางเท่ากัน
หาอัตราประหยัด ที่ถ่านไม่ลดฮวบฮาบ ช่วง80-90กม. เพื่อหาระยะวิ่งไกลสุด
รถใส่ถ่านยังวิ่ง 110กม. เปิดแอร์ แล้วประหยัดไม่ได้ทุกยี่ห้อในไทย

ถ้าราคาอุปกรณ์ต่างๆ ถูกลงมาก และขอทะเบียน เปลี่ยนประเภทง่าย
ถ่านอึด ถึก เล็ก เบา อัดไฟเร็ว ไม่เกินห้าหมื่น วิ่งได้300กม. อัดไฟด่วน 15 นาที
แปลงใส่รถเก่าไม่เกินสองแสนรวมค่าแรง และไม่เกินแสนในสิบปีนี้
การไฟฟ้าเปลี่ยนสายไฟ จากเสาถึงบ้านให้รองรับทั่วประเทศ

ความนิยมรถใส่ถ่านคงเพิ่มขึ้นมาก รถใหม่ไม่แพงไป รถเก่าแปลงได้จ่ายไว้
ยิ่งลงแข่งรถใส่ถ่านได้เปรียบกว่ามาก ในราคาไม่ต่างกันนักเพราะไม่ต้องวิ่งไกล
โชคดีคงได้เห็นก่อนโรงกลั่นออกน้ำมันยูโร6 ถ้าภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้อง0%

ไม่งั้นคงต้องใช้รถน้ำมันแบบตัวใครตัวมัน ดีเซลเป็นแพะตามเคย
เพราะรถ เรือ บุโรทั่ง พวกอุด ตัด สร้างปัญหาโดยขาดสำนึก จนเป็นเหตุส่วนหนึง
ต้องป่วยด้วยฝุ่นพิษกันทั่วถึง จนภัยถึงตัวหรือโดนลงโทษทางกม.ถึงสำนึกได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2019, 14:17:10 โดย bahamu »

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
จากน้ำมัน มาเป็น แก๊ส ก็แอดวานซ์พอควรแล้ว
ขยับมาไฟฟ้าอีกทีนี่ ผมขอผ่านก่อนครัช
คงรอรถไฟฟ้าใหม่ไปเลยมากกว่า แห่ะๆ

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
ขอบคุณครับ เป็นความรู้ที่ดีมากครับ ในบ้านเราคงต้องรอต้นทุนที่ใช้ในการแปลงรถลดลงก่อนแหล่ะครับ

ถึงจะมีผู้คนหันมาสนใจที่จะเอาจริงเอาจังกับการแปลงรถเก่ากันมากขึ้น ซึ่งก็อาจจะใช้เวลานานถึงหลายปี

ที่สำคัญภาครัฐต้องให้การผลักดันและสนับสนุนด้วยครับ ถึงจะเกิดได้เร็ว แต่ก็ไม่สามารถเดาได้ว่าตอนไหน

ระหว่างนั้น PM2.5 คงลอยเต็มเมืองแล้วแหล่ะครับ แต่ถ้าจะเริ่มรักษาสิ่งแวดล้อม ณ ปัจจุบันเลยทันที

คงต้องยกให้รถ Hybrid กับ รถเบนซินเติม E85 ไปก่อนแหล่ะครับ

ส่วนรถ EV ณ ตอนนี้ยังเป็นของเล่นของคนรวยอยู่ครับ เนื่องจากราคาที่นำเข้ามาขายแพงมาก

ออฟไลน์ jbrc

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 319
ดัดแปรถยนต์น้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้าไม่ยากครับ จะเอามอเตอร์แรงขนาดไหน ทำให้รถวิ่งได้เร็วขนาดไหน ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่มันยากตรงที่จะทำให้รถวิ่งได้ไกลขนาดไหน  และสู้ราคาแบตเตอรี่ได้ขนาดไหน

ขนาดรถ hv บ้านเราลูกละเป็นแสนบาท  ยังพารถหนัก 1.5 ตัน วิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ช้าๆ ได้แค่ 4-5 กม. เครื่องยนต์ก็ติดขึ้นมาปั่นไฟแล้ว

ถ้าเป็นรถแบตเตอรี่เพียวๆ  ไม่มีเครื่องยนต์มาช่วยปั่นไฟ  และจะให้วิ่งได้ไกลๆ  แบตเตอรี่คงต้องใหญ่โตกว่ารถ hv ที่ขายในบ้านเราอีก 4 เท่าเป็นอย่างน้อย  และราคาค่าแบตเตอรี่คงปาไป 3-400,000 บาทละครับ

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
รัฐต้องจริงใจครับถึงจะเกิดได้ แต่ไทย ทำให้ราคาถูกได้ยากก็รู้ได้ กันครับ ผมว่าคนไทยเก่งแต่ขาดการสนับสนุน

ออฟไลน์ Gordon Freeman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
เห็นข่าวว่ามีการพัฒนาแบต Solid state มาซักพักแล้ว

ถ้ามันดีจริงอย่างที่ประกาศไว้ คงถึงยุครถไฟฟ้าจริงๆ ซักที

เทคโนโลยีรถไฟฟ้าตอนนี้มันติดอยู่ที่แบตอย่างเดียว ที่มันก้าวไปได้ช้ากว่าอย่างอื่น

ส่วนเทคโนโลยีมอเตอร์เดี๋ยวนี้ นำระบบขับเคลื่อนแบบน้ำมัน+เกียร์ไปแล้ว
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V

ออฟไลน์ spn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,717
เป็นประโยชน์มากๆครับ หัวใจสำคัญอยู่ที่แบตเตอรี่ทีจะปลดล็อกทุกสิ่งอย่าง
E220d W213
Camry 2.5 HV Premium
BT50 Free Style Cab Hi racer
Revo 2.8J B cab 4x4
March 1.2 CVT
KIA Jumbo 1JZ-GE AT

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,208
    • อีเมล์
ส่วนหนึ่ง ปัจจุบัน อยู่ในยุคเริ่มต้นของรถ EV

พอมันเข้ายุด EV แบบเต็มตัว เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเข้ามาเยอะ และ จะทำให้ราคาถูกลง เช่นกัน

ออฟไลน์ ab4u

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
เหมือนมีคนทำแล้ว แต่จดทะเบียนเปลี่ยนแหล่งพลังงานไม่ได้ เพราะหาวิศวกรเซ็นไม่ได้เหมือนติดแก๊ซ

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,142
ถ้าแบตถูกลงคงช่วยได้เยอะ :) :)

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
เปลี่ยนรถเมล์ก่อนไหมครับ รถบ้านว่ากันอีกที หึหึ

ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
แปลงจริงๆคงประมาณนี้ครับ


ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,856
สำหรับ lifepo4 คงยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของรถใส่ถ่านครับ

ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทดลองและวิจัยเกี่ยวกับ lifepo4 มาบ้างแล้ว

สำหรับแบตเตอรี่ชนิดนี้ ที่มีคุณสมบัติความปลอดภัยอย่างที่จขกท.ว่ามานั้น
ที่เหลือ มีจุดอ่อนที่ ไม่สามารถแก้ไขได้แน่ๆ ซึ่งมาจากคุณสมบัติเด่นอื่นๆของเจ้านี่เอง

หากเที่ยบ lifepo4 กับ ion ธรรมดาแล้ว

การเปลี่ยนแผ่นกั้นและตัวยึดธาตุดินกับไฟ จากโลหะมาเป็นพลาสติกนั้น
ผลที่ได้คือการโหลดครับ

โลหะใน ion นั้น หลักการทำงานคือ จะโหลดด้วยไฟที่สม่ำเสมอ เฉกเช่นเดียวกัน lead battery ที่เป็น Calcium
ส่วน lifepo4 นั้น เขาวิจัยขึ้นมาเพื่อให้ได้โหลดที่รุนแรงกว่า เฉกเช่นเดียวกับ lead battery ที่เป็น antimony ที่เราเรียกกันว่า Deep cycle นั่นเอง

แต่เมื่อคิดเป็น Amp/Hour แล้ว lithium 2 ชนิดนี้เท่ากันครับ เช่น
5ah สามารถทดลองได้เท่ากัน

ส่วนในลักษณการโหลดที่รุนแรงเช่น
x60 เท่าของความจุแบต เจ้า ion จะพัง แต่ lifepo4 จะทนได้

แบตเตอรี่ทุกชนิดย่อมมีจุดแข็งและจุดอ่อนครับ
ในกรณีอย่าง lifepo4 ในเมื่อมันทนโหลดได้ แต่จุดตัดของแรงดัน จะหายไปเลยครับ

ยกตัวอย่างอย่าง ion สามารถ discharge ได้จนแบตเหลือเกือบ 20% - 30% โดยที่สามารถ Charge กลับเข้ามาใหม่ได้เกือบเต็ม 100%
แต่ lifepo4 ซึ่งเมื่อ Discharge เหลือตาม ion ก็จะตายไปเลย

แปลตามภาษาคนออกแบบซอฟท์แวร์ก็คือ
เมื่อต่อเป็นอนุกรมแล้ว ต้องมีการออกแบบให้อ่านค่าแบตเตอรี่ได้ทุกลูกเลยครับ
การ Charge และ Discharge ธรรมดาๆ ไม่สามารถทำงานกับเจ้า lifepo4 ได้แน่ๆ

ต้องรักษา Volt ให้อยู่ใน Range ที่ไม่ต่ำตลอดเวลา และเมื่อ Charge ต้องมั่นใจได้ว่า มันจะเต็มทุกก้อน

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ระบบการชาร์จของ lifepo4 จึงต้องแพงมากๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พวกเราคงต้องรอวันที่มีอะไรที่เด่นกว่าแบตเตอรี่ตัวปัจจุบันครับ อย่างแผ่นกั้นแข็งของโตโยต้าอะไรแบบนั้นเป็นต้น

สำหรับที่ผ่านๆมา คงเป็นแค่ทางผ่านของเทคโนโลยีเท่านั้นครับ