ผู้เขียน หัวข้อ: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //  (อ่าน 17404 ครั้ง)

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ที่มาของกระทู้นี้ เนื่องจาก อ.Traveller เขียนเอาไว้ค่อนข้างยาว และน่าสนใจ
ในกระทู้ แนะนำตัวกัน ที่น้อง lazt_dezember ตั้งเอาไว้

คือ เนื้อหาข้างใน ไม่เกี่ยวกับกระทู้เลย ก็จริง
แต่ ด้วยความน่าสนใจมากพอที่ เราควรจะมาต่อยอดทางความคิดกัน

ก็เลยขออนุญาต นำมาตั้งเป็นกระทู้ใหม่ มาร่วมแชร์ความคิดเห็นกันก็ล้วกันนะครับ

ขอนำข้อความของ อ.Traveller มาเปิดประเดิมกระทู้นี้กันก่อน

-------------------------------------------

ปรู๋ อายุเฉลี่ยพวกคุณ 2 คน รวมกัน ก็จะใกล้เคียงอายุผมพอดี
จบโทอเมริกา
เคยได้ทุนกรมวิเทศน์ไปญี่ปุ่น
เคยทำงานทั้งรัฐวิสาหกิจไทยและบริษัทในต่างประเทศ
ปัจจุบันทำส่วนตัว และกำลังปั้นลูกชายให้ดีและเก่ง
หัดเปียโนเอง และ สอนเปียโนลูกชายด้วยตัวเองครับ
จูนเปียโนเองด้วย
ซ่อมรถเอง โอเวอล์ฮอลเครื่องเอง ซื้ออะไหล่เอง
อ่าน encyclopedia ตั้งแต่อยู่ ป3 เครื่องบินรบ รถถัง เรือรบ การเมือง การสงคราม สามก๊ก
ป6 ศึกษาเรื่องรถ
มัธยมอ่านพระไตรปิฎก

เป็นห่วงคุณภาพคนรุ่นใหม่มาก
อ่านน้อย คิดน้อย ไม่รู้จักแยกแยะคิดย่อย และ ไม่รู้จักคิดรวมภาพกว้าง
ไม่รู้จักเรื่องปริมาณและคุณภาพอย่างแท้จริง
ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนสภาพของคุณภาพจะเป็นไปอย่างฉับพลันเพียงใด
การเปลี่ยนสถานะของน้ำเหลวเป็นไอ คือตัวอย่างการเปลี่ยนคุณภาพ ครับ
คุณภาพคน เปลี่ยนจากด้อยเป็นเก่งได้ ด้วยการศึกษา โดยตัวเอง
หวังอะไรกับ โรงเรียน ครู อาจารย์ ไม่ได้ครับ
ไม่มีใคร รู้ทุกเรื่อง แต่ คนรุ้ต่างกัน มาแลกความรู้กัน ทุกคน ก็จะเพิ่มความรู้แบบทวีคูณ
ทำงานเป็นทีม แบบ ไวรัส นั่นแหละครับ เก่งที่สุด ดีที่สุด

โลก เปลี่ยนเร็วมาก
ประเทศที่คุณภาพคนตามไม่ทัน จะกลายเป็น แหล่งพักผ่อนผจญภัยของคนในประเทศที่คุณภาพคนส่วนใหญ่ดีกว่า
คนในประเทศที่ตามไม่ทัน จะกลายเป็น แรงงานค่าแรงถูก และ ลูกค้าซื้อของแพง
ลูกค้าคุณภาพต่ำ จะเชื่อ โฆษณามาก
ลูกค้าคุณภาพสูง จะเชื่อ โฆษณาน้อยมาก และ จะเลือกซื้อรถ จากการ ไปลอง เช่ารถรุ่นนั้น ขับซักหลายวัน แล้วค่อยตัดสินใจครับ

ถ้า ยังมองภาพไม่ออก โลกที่กำลังจะเป็นไป ก็ ลองหา การ์ตูน GUNDAM มาดู
คนสร้างเขา คิดคล้าย Lewis Carrol ผู้แต่ง Through the Looking Glass และ Alice in Wonderland
แต่งนิยายแฝงนัยการเมือง สมัยพระนางวิคตอเรีย ยุคจักรวรรดิอังกฤษครองโลก เมื่อร้อยกว่าปีก่อน
GUNDAM ก็ แฝงนัยการเมือง สอนให้เด็กนอกจากดูหุ่นสู้กัน ยังต้องดูการเมือง และ  เทคโนโลยี่ด้วย

คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ คนญี่ปุ่น เกาหลี จีน อ่านหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆ
คนยุโรป อเมริกา มีความคิดอิสระหลากหลาย ที่ โง่ ก็ โง่มาก ที่ เก่ง ก็ สุดยอดเก่ง หัด ตัดต่อยีน ตั้งแต่ อายุไม่ถึง 10 ขวบ
เทคโนโลยี่ชีวภาพ ผสมกับ นาโนเทคโนโลยี่และเล็กกว่า ด้วยพื้นฐาน พิสิกส์พื้นฐานระดับเล็กสุดสุด
คนที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ ต้อง อ่านมาก ขยันมาก
สะสมความรู้ ตั้งแต่ ป2 ป3
คือ เริ่มตั้งแต่ อ่านออก จริง นั่นแหละครับ

ถ้า คนไทยรุ่นใหม่ ยังไม่ขยันให้ถูกเรื่อง ไม่พัฒนาความคิดแยกย่อยและภาพรวมให้แน่น
การเรียนจบ ปริญญาตรี โท เอก แล้ว ตกงาน หรือได้งานต่ำกว่าความรู้ ก็จะเป็นเรื่องปรกติครับ

ไม่ได้เขียนเพื่อจะบอกว่าผมเก่ง แต่ เขียนเพื่อบอกว่า ผมเดินทางมาไกลและพอจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
ประเทศไทยและคนไทยน่าเป็นห่วงกว่าที่พวกเรารู้กันมากครับ

คนเก่งทางวิชาการจริง คือ คนทีได้รับ รางวัลโนเบิล
คนเก่งทางธุรกิจจริง คือ คนที่สร้างตลาดใหม่ แบบ บิลเกตต์ สติฟ จอปส์ และพวกเซิร์สเอนจิ้น ซอฟแวร์ ทั้งหลาย
ธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรสูงสุด คือ ธุรกิจยา กำไรกว่าเท่าตัว มากกว่า ซอฟแวร์เยอะครับ
ไฟเซอร์ เป็นบริษัทยาที่ใหญ่มาก ทำกำไรต่อทุน เหนือกว่า ไมโครซอฟท์เยอะ
ประเทศไทย มีความหลากหลายทางชีวิภาพเหนือกว่า ยุโรป ญี่ปุ่น จีน
คนไทยถ้าเก่งด้าน เทคโนโลยี่ชีวภาพ จะเป็นการเสริมจุดแข็งของประเทศตัวเอง ครับ
เก่งแล้ว ตั้งบริษัทเอง ผนึกกับ บริษัทยาข้ามชาติ ต่อแขน ต่อขา ให้ โยงไปทั่วโลก
โต พร้อม บริษัทยา บริษัทเทคโนโลยี่ชีวภาพระดับโลก
คุณภาพคนไทย คุณภาพประเทศไทย จะเปลี่ยนแบบก้าวกระโดด
แล้ว ลูกหลานรุ่นต่อไป จะ ชื่นชม คนรุ่นที่ เปลี่ยนประเทศไทย ไปอยุ่หัวแถวของโลก ได้ครับ
แล้วค่อยฝัน จะใหญ่กว่าบริษัทข้ามชาติอีกที

------------------------------

ออฟไลน์ lastDezember Pae

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,148
  • Keep working by Johnie worker
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 14:30:28 »
พี่จิมมี่ครับ เขียนชื่อผมผิดไปตัวครับ อิอิ

lazt เป็น last ครับ อิอิ

แสดงว่าพิมเร็วมากแน่ๆ เลย
ขับรถเร็วไม่ได้เรียกว่าเก่ง ขับรถเก่งไม่จำเป็นต้องขับเร็ว

ออฟไลน์ joufo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,248
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 14:41:31 »
ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ


แต่ที่ว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยลงเรื่อยๆ นี่อยากเถียงครับ
มีผลวิจัยออกมาใหม่ว่าคนไทยอ่านหนังสือเยอะขึ้นกว่าเดิม
(ถ้าจำไม่ผิดเพิ่มเป็น เฉลี่ยคนละ 2 หน้า A4 ต่อปี มั้งครับ ผมไม่แน่ใจข้อมูลที่เป็นตัวเลขแน่นอน แต่จำได้แม่นว่า คนไทยอ่านเยอะขึ้น)

ทั้งนี้รวมไปถึงการอ่านหนัง ก๊อตซิป ซุบซิบ ดารา ด้วยนะครับ
(ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังสือ พวกนี้ด้วยครับ)

ที่รู้ข้อมูลนี้ เพราะมีช่วงนึง ผมศึกษาเกี่ยวกับวงการสิ่งพิมพ์บ้านเราครับ




ส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อว่า ยังไงซะ การศึกษาที่ดีมีคุณภาพคือคำตอบของปัญหาในวันนี้ครับ
การลงทุนกับการศึกษานั้น ไม่เห็นผลวันนี้แน่นอน และอาจจะไม่เห็นผลในวันพรุ่งนี้ด้วย
เพราะถ้าจะรื้อระบบจริงๆ ก็ต้องนับหนึ่งกันใหม่
กว่าจะพัฒนาตัวคนสอนได้ กว่าจะพัฒนาไปถึงคนเรียนได้
อย่างเร็วก็คงเห็นผลในช่วงรุ่นลูก รุ่นหลาน เราหละครับ



เพราะมันไม่เห็นผลในทันที หลายคนเลยไม่ค่อยสนใจมั้งครับ  ::)




ผมว่าไปลุ้นให้ ฟอร์ด เอาเฟียสต้า เครื่องดีเซล มาขายในบ้านเรา จะยังเห็นผลเร็วกว่าด้วยซ้ำมั้งครับ
ฮ่าๆๆๆ  :D :D

ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 14:54:56 »
แวะเข้ามาอ่านครับ  ;D

ผมคิดว่ามันไม่ขนาดนั้นหรอก  แต่ก็เห็นด้วยกับคุณ traveller ครับ

ผมคิดว่าคนไทยไม่ได้โง่ลงนะ แต่ผมว่าสิ่งที่เสื่อมโทรมลงน่าจะเป็นสังคมเรามากกว่า

จะคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า คนที่ทำตัวเป็นเดนสังคมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2010, 14:56:34 โดย gdhsatanic »

ออฟไลน์ lastDezember Pae

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,148
  • Keep working by Johnie worker
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 14:55:20 »
พื้นฐานที่ดีที่จะฝังรากให้กับเยาวชนต้องมาจากครอบครัวเป็นอับดับแรกครับ

ผมเชื่ออย่างนี้  
ขับรถเร็วไม่ได้เรียกว่าเก่ง ขับรถเก่งไม่จำเป็นต้องขับเร็ว

ออฟไลน์ Chinoezuekae

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
  • animal will do
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:02:15 »
+1 คิดง่ายๆ ลองดูประเทศที่แพ้สงครามสิครับ ฮึ่มม..น่ากลัวเลยทีเดียว >:(

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:03:22 »
ดูง่ายๆครับ ถ้าจะให้ใกล้เว็บเราหน่อยก็ วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ คนไทยยังขาดวินัยครับ
ถ้าผมมีลูก ผมจะปลูกฝังเขาให้เป็นคนดี ขยันศึกษาก็แล้วกันครับ แม้จะไม่เป็นถึง บิล เกตส์

ออฟไลน์ Chinoezuekae

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
  • animal will do
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:08:18 »
สังคมไทยทุกวันนี้ เห็นคนไทยรักกันน้อยลง เหยียดกันระหว่างชนชั้นมากขึ้น แต่ที่น่าเศร้าใจมากที่สุดคือ คนไทยดูถูกกันเอง (เป็นที่เศร้าใจยิ่งนัก)

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:16:06 »
ถึงตรงนี้ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

คนไทย ในอนาคต ถามว่าน่าเป็นห่วงไหม?
ผมเห็นว่า น่าเป็นห่วงจริง

แต่...เพราะอะไร?
ทุกอย่างเริ่มต้นจาก บ้าน แต่ละครอบครัว อบรม เลี้ยงดูบุตรหลาน มาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
ซึ่งความแตกต่างกันนั้น ดีแล้ว เพราะจะได้ทำให้สังคมมีความหลากหลาย แต่แน่นอน มันก็มีด้านซึ่งแตกต่าง อันไม่พึงประสงค์ รวมอยู่ด้วย

บางบ้าน ผู้นำครอบครัว เลี้ยงดู ดี  
บางบ้าน ผู้นำครอบครัว ก็ปล่อยปละละเลย อาจเพราะงานหนัก ไม่มีเวลาจริงๆ
บางรายหนักข้อ ถึงขั้นว่า วันวัน ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่กินเหล้าเมาหยำเปทั้งวัน
หรือหนักกว่านั้นอีกหน่อยก็คือ หายหัวออกจากบ้าน สาบสูญไปเลย
ปล่อยให้ลูกหลาน ที่อยู่อาศัยด้วย ต้องคอยผจญชะตาชีวิตกันไปตามยถากรรม ก็มี
ไม่ต้องอื่นไกล คนรอบข้างตัวผมนี่ก็หลายคนอยู่

แล้วเด็กเหล่านั้น จะเอาแบบอย่าง หรือเรื่องราวในการดำรงชีวิต ที่ดีๆ จากไหน จากใครกันละ
มีเพื่อน ก็ต้องโดนเพื่อนชักลากจูงถูไถกันไปในทางที่เสื่อม เจอเพื่อนดี ก็ดีไป แต่เพื่อนดีๆ จากสถาบันการศึกษาสมัยนี้ก็น้อยลง
เพราะแต่ละบ้าน เลี้ยงดู ให้ลูกหลาน กันไม่เป็น มากขึ้น

อนาคตของชาติ มันไม่ใช่เพียงแค่ มานั่งเป็นห่วงกัน แต่เราควรหาวิธีแก้ปัญหา และเริ่มจากตัวเรา
อนาคตของชาติ มันไม่ใช่เพียงแค่ การทำในสิ่งที่คนทั่วไปพูดต่อๆกันมา ว่าต้องเริ่มต้นที่ การปลูกฝัง คนรุ่นหลังจากเรา
หากแต่ยังต้องรวมถึง การช่วยกันอธิบาย รณรงค์ แก้ไขความเข้าใจผิด ในคนรุ่นราวคราวเดียวกันเองกับเรา ที่กำลังจะเริ่มเป็น
พ่อคนแม่คน รวมถึงกลุ่มที่มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิมากกว่าด้วย

คือ คนทุกวัย ทุกระดับในสังคม เราล้วนแล้วแต่ จำเป็นต้อง ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ว่า เราจะแก้ปัญหากันอย่างไร
การเริ่มต้นจากตัวเราเอง ถ้าช่วยกันอย่างจริงจัง มันจะช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศนี้ไปได้อย่างไร

ทุกอย่าง มันแก้ไขได้ ถ้า "เราทุกคน เปิดใจคุยกัน ยอมรับฟัง สิ่งที่ต่างคิดต่างฝัน และช่วยกันลงมือทำ ไม่ใช่เกี่ยงงอน เพื่อเอาเปรียบกัน"

เอาง่ายๆ เลย ข้อแรก ทำอย่างไร ให้เด็กชอบอ่านหนังสือเยอะขึ้น?

แค่นี้ ก็สนุกแล้วครับ

ผู้ใหญ่ และนักวิชาการในประเทศนี้เอาแต่แสดงความเป็นห่วง ว่าเด็กไทยสมัยนี้อ่านหนังสือน้อยลง
วรรณคดีไทยถูกละเลย ไม่ได้รับการเหลียวแลใส่ใจ จากเด็กรุ่นใหม่เท่าที่ควรเลย บ่นออกสื่อต่างๆ กันมาหลายปีละ

แต่ เราเคยถามกันไหมครับว่า เราเคยคิดจะปรับปรุง วรรณคดี ออกมา ให้มีรูปแบบที่ น่าอ่าน น่าศึกษาค้นคว้า
และมันไม่จำเป็นจะต้องออกมาในรูปของสิ่งพิมพ์ อย่างเดียวบ้างไหมครับ?

ประวัติศาสตร์บ้านเรา ก็มีคนทำ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ออกมา ล่าสุด ก็มีเกม นเรศวร ออนไลน์ ออกมาแล้ว

ถ้ารูปแบบ การเสพรับสื่อข้อมูลของผู้คนเปลี่ยนไป มันเป็นหน้าที่ของคนทำสื่อ หรืออยู่ในวงวิชาการนั่นละครับ ที่จะต้อง สนองตอบตามให้ทัน

เหมือนอย่างเช่น การอ่านเว็บไซต์ กับนิตยสาร ทุกวันนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า คนอ่านหนังสือน้อยลง
แต่เริ่มมาหาอะไรในเว็บอ่านกันมากขึ้น ก็ต้องย้ายเอา อะไรต่อมิอะไรที่เคยลงในหนังสือ
มาไว้ในเว็บ ให้สะดวกต่อการค้นหามากขึ้น ไม่ใช่เรียกให้คนกลับไปอ่านหนังสือในแบบเดิม

แต่เราก็ยังจะต้องมีหนังสือเอาไว้เป็นทางเลือกร่วมด้วย ยังไง โลกนี้ ก็ยังขาดสิ่งพิมพ์ ไม่ได้หรอกครับ
เหมือนกันกับ ความรู้สึกจากการฟังเพลง ที่เล่นผ่าน แผ่นเสียง กับ แผ่น CD
แม้ CD จะชัดเจน ละเอียดกว่า แต่ความละเมียดจาก แผ่นเสียง ก็มีเสน่ห์ ให้ชวนติดตรึงมากกว่า

เราต้องมีทางเลือกที่หลากหลาย เอาไว้ให้กับคนทุกคน ให้เขาเลือกเสพ เลือกรับรู้ ในรูปแบบและวิธีการที่เขาชอบ
แบบนี้ ถึงจะทำให้ สิ่งที่ ควรค่าแก่การรักษาไว้ของประเทศนี้ จะยังไม่สูญหายไปง่ายๆนัก

เรื่องประวัติศาสตร์ เก่าๆ นั้น
เด็กยุคใหม่สมัยนี้ ที่ชอบเรื่องจำพวกนี้ มีแอบแฝงอยู่เยอะมาก!! แต่เขาไม่รู้แหล่ง ว่าจะไปหามาจากไหน
คนที่ทำอยู่ในหน่วยงานที่ดูแลเรื่องพวกนี้เองก็เถอะ มีความรู้ เชี่ยวชาญ และมีไอเดีย ในการจัดการ
หรือ สร้างเสริม ให้เกิดความ "ง่ายต่อการเข้าถึง ความรู้" มากมายเพียงใด

และที่เหนือกว่าทุกข้อที่เขียนมา ก็คือ
คนเขียนละ คนทำงานละ? ทำออกมาให้น่าอ่านได้มากน้อยแค่ไหน?

ถ้าเขียน อะไรอกมา ให้น่าอ่าน เชื่อเถอะครับ จะมีคนตามอ่านเยอะแยะทั้งบ้านทั้งเมืองได้ไม่ยาก

ไม่ต้องอื่นไกล เอาแค่ นวนิยายรัก อย่าง เซ็งเป็ด เขียนขึ้นมา ก็มีคนเอาไปแพร่กระจายให้ได้อ่านต่อด้วย

เหตุผลเพราะ สนุก ลุ้น ชวนให้ติดตาม

ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องเขียน อะไรก็ตาม ให้น่าอ่าน น่าติดตาม
ไม่ใช่เอาแต่มานั่งถามว่า ทำไมคนไม่อ่านวรรณคดีของไทยเลย
ก็ในเมื่อ มันรู้อยู่แล้วว่า จะจบอย่างไร และเป็นได้แค่วรรณคดี
สิ่งที่คนสมัยนี้ อยากอ่าน มากขึ้นกว่าเดิม คือ สิ่งที่ เป็น Real things.

ไม่ต้องอื่นไกล เอา Headlightmag.com นี่แหละ เป็นตัวอย่าง!

แค่ 3 วันที่ผ่านมา มีคน 3 คนแล้ว ที่บ่นกับผมบอกว่า ทุกันนี้ Full Review มันยาวไป
เขาชอบที่จะอ่านแค่ สมรรถนะ อัตราสิ้นเปลือง และ สรุป แค่นั้น ซึ่งโอเคครับ ไม่ว่ากัน

แต่ ทำไม ผมถึงยังเขียนออกมาให้อ่านกันยาวๆ ทำไมต้องใส่ประวัติ ทำไมต้องใส่ดีเทล โน่นนี่นั่น ให้เยอะแยะวุ่นวาย และเสียเวลามากๆ

ก็เพราะ เราต้องนั่งคิดถึงวันข้างหน้าด้วยครับ เราต้องเตรียมข้อมูล และความรู้จากตัวเราเอง ที่ต้องได้รับการยืนยัน
เช็คสอบทานย้อนลังได้ว่า ถูกต้อง ให้พร้อมที่ใครจะเข้ามาศึกษาได้ ง่ายดาย อยู่เสมอ คนอ่าน อยากรู้แค่ไหน
เราต้องคิดให้ครบ และรอบด้านมากพอ อย่างเหมาะสม เท่าที่เราจะเตรียมการได้ ไม่เหนื่อยเกินไป ไม่เสียเวลาโดยเปล่าเกินไป
และ เมื่อออกมาแล้ว ใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงได้ในอนาคต อย่าสักแต่ว่าเขียนงานส่งเดชไปวันๆ
เพียงเพื่อเรียกยอดจำนวนคนเข้าเว็บในแต่ละวันแค่นั้น แบบนั้นไม่แคล้วโดนผมด่าเปิงแน่นอน

นี่และครับ ผมเริ่มจากตัวผมเองแบบนี้กันก่อนละ
แล้วค่อยๆ แผ่ขยาย ไปยังคนอื่นๆ รอบๆข้าง ใกล้ๆตัว
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2010, 15:18:47 โดย J!MMY »

ออฟไลน์ H3T

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,721
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:19:33 »
      หากผมมองเพิ่มเติมอีกมุมนึงว่า หากเราจะทำการเปลี่ยนแปลงในเรื่องทัศนคติที่ผิดๆยังไม่ได้ การลงแรงในการกระทำใดๆก็ตามก็จะไม่สามารถเห็นผลและประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ ความเชื่อ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับผม อาจจะไม่ได้ผ่านโลกมาอะไรมากมาย ผมศรัทธาในความเชื่อ ความเชื่อที่ไว้ยึดเหนี่ยวเป็นเข็มทิศคอยบอกทางที่ถูกที่ควร ยกตัวอย่าง เหมือนเรากำลังเดินไปยังจุดหมายที่วางไว้ หากเราเดินไปตรงๆ เดินบ้าง วิ่งบ้าง เหนื่อยก็คลานบ้าง หยุดบ้าง อย่างน้อยๆแล้วผมมั่นใจว่าจะถึงจุดหมาย กลับกัน หากเราแวะซ้าย แวะขวา จากเหตุผลใดๆก็ตาม ความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่กลับมาเดินไปยังจุดหมายเดิม
      ผมกำลังชี้ว่า บางทีทำตัวเป็นคนหูหนวกบ้างก็ดี เรามีเป้าหมายของเรา เดินไปหา ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง แต่ตอนนี้ในสภาวะบ้านเราในปัจจุบันยังมีคนที่มีแนวคิดอย่างนี้น้อยเต็มที ทำอะไร ทำไม่จริง ทำไม่เสร็จ ก็หยุด แล้วมานั่งประชดชีวิต แล้วก็เริ่มเรื่องใหม่ วนไปวนมา
      ผมจึงอยากจะยกประเด็นวัฒนธรรมของต่างชาติ แต่จะเอาเฉพาะข้อดีนะครับ อะไรที่ไม่ดีก็ช่างเค้า ผมไม่สนใจ เช่น คนญี่ปุ่น ปลูกฝังการรักชาติมาก เกิดมาทั้งทีต้องทำคุณให้แผ่นดิน หากอยู่ไปไม่มีประโยชน์จะอยู่ไปทำไม ส่งผลให้เค้าทำอะไรจะทำจริง สิ่งประดิษฐ์และความรู้ที่สร้างขึ้นมาจะได้รับการส่งเสริม เพราะถือว่าเป็นสมบัติของชาติ ทรัพยากรคนจึงได้รับการคุ้มครองและให้ความสำคัญมากๆ เชื่อมั๊ยว่า หากคุณเป็นหนี้แล้วเกิดปัญหาทางธุรกิจ คุณก็แค่ไปขอศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย 6 เดือนคุณก็เป็นคนปกติ สามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ผิดพลาดและกลับมาทำประโยชน์แก่บ้านเมืองได้
       ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีวิธีใดที่เป็นรูปธรรม ทำได้จริง ที่จะสามารถทำให้บ้านเมืองเราดีขึ้นเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:28:53 »
ผมมองว่าอ่านหนังสือน้อยลง แต่ไม่ได้แปลว่า เสพ ข้อมูลน้อยลง ผมเองอายุ ปีนี้อีกเดือนกว่าๆก็จะ 30 แล้ว....แต่.... 30 ยังแจ๋วนะครับ
อยู่ในยุคเปลี่ยนถ่ายพอดีของข้อมูลแบบหนังสือ มาเป็น อินเตอร์เนต เอาง่ายๆ แต่ก่อนตอนยังรุ่นๆ มีแอบไปซื้อหนังสือโป๊ตามแผงหนังสือ
มาแอบดู....เดี๋ยวนี้ทุกอย่างออนไลน์อยู่บนโลกของอินเตอร์เนต (ยกตัวอย่างไม่ได้ชี้นำนะครับ...)

ผมไม่คิดว่าคนเสพข้อมูลน้อยลง แต่คนอ่านน้อยลงครับ เพราะในโลกของอินเตอร์เนตมันสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายดาย ทำให้คนเข้าถึง
ข้อมูลที่ต้องการได้เร็วและไวขึ้น และเวปบอร์ด ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนอ่านหนังสือน้อยลง เอาง่ายๆ คือพอมีอะไร กูถามไว้ก่อนเลย...มันง่ายสุด
ที่จะเทคข้อมูลที่ต้องการ แต่ในทางกลับกัน ก็ต้องกลั่นกรองข้อมูลที่ได้นั้นด้วย ว่ามีความถูกต้องแม่นยำ เพียงใด

ส่วนตัวผม ผมมองว่าบ้านเรายังขาดการพัฒนาระบบความคิด ควรจะสอนให้เด็กคิดและถาม มากกว่าให้คุณครูตั้งคำถามให้เด็กตอบ
การสังเคราะห์ความคิดเป็นสิ่งที่ดีและยังขาดการพัฒนาอีกมาก ส่วนหนึ่งมาจากพื้นฐานการศึกษาและระบบการศึกษาด้วย
แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ครอบครัวจะสามารถพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้กับบุตรหลานได้อย่างไรมากกว่า

การสร้างคนให้มี ความเป็นผู้นำ นั้นยากกว่า การสอนคนให้ทำตามมากนะครับ
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 15:44:35 »
ความน่าเป็นห่วง อาจจะหมายถึงการเล็งเห็นหนทางการเดินที่นำไปสู่ความเสื่อมถอย ลดประสิทธิภาพ เสียทาง เสียโอกาส

ถ้าเช่นนั้น ผมว่าความน่าเป็นห่วง..มันเกิดขึ้นทุกยุค ขึ้นอยู่กับว่ายุคนั้นอะไรคือสิ่งชักนำพาที่อาจจะเคลือบย้อมไปด้วยแนวคิดที่ดูดี หรือได้รับความนิยม ทั้งๆที่ทุกสิ่งอย่างที่ได้รับความนิยม ไม่มีอะไรตายตัวว่าเป็นของดี หรือไม่ดี

มนุษย์ชาวไทยทุกยุค มีเรื่องให้ต้องห่วงอนาคตเสมอ เพียงแต่ว่าอะไรคือตัวจุดประกายให้เกิดความเป็นห่วงนั้นๆ

ยุคนี้ เราห่วงว่า Gen ต่อๆไปของเราจะมีรูปแบบการใช้ภาษาผิดๆ สะกดคำผิด ฟังแล้วดูปัญญาไม่แข็ง สมมติว่าผมเขียนคำว่า "ไป" เป็น "ปาย" หรือ "นะ" เป็น "น้า" จะมีใครด่าไหม? แล้วถ้าผมเขียนคำว่า "เป็น" ว่า "เปน" จะมีใครด่าผมไหม ? อันที่จริง คำว่าเป็น เมื่อก่อนก็เขียนว่า เปน ยุคนี้ถ้าผมมาใช้คำนี้เขียน ก็มีแต่คนด่า ทั้งๆที่เมื่อก่อน ก็เป็นสิ่งที่ถูก

หากเจ้านายผมเขียนเมล์หาผมว่า "กูขอสั่งให้มึงทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ" ผมคงลุกไปต่อยหัวหน้าโทษฐานใช้คำไม่สุภาพ แต่ถ้าเป็น 100 ปีก่อน..ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องธรรมดามาก

สมัยก่อนเราห่วง ห่วงว่าลูกสาวเราจะมีหนุ่มมาออเลาะเซาะจีบ แล้วพาไปเสียตัวก่อนวัยอันควร..ซึ่งวันอันควรสมัยนั้นก็ 18 ปี ต่อมาก็ 20..แล้วก็ 22 แล้วก็ในวันนี้ ถ้าเพื่อนที่มหาลัยของคุณอายุ 20 แล้วแต่งงาน จะมีใครพูดไหมว่า อ้า ดีจัง ถึงวัยอันควรแล้วโว้ย แต่งงานแม่งเลย

ถ้าจะย้อนกลับไป คิดดูดีๆ คนรุ่นเก่ามักจะห่วงคนรุ่นใหม่เสมอว่าจะทำอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ เราเคยห่วงว่าวันข้างหน้าประเทศไทยจะมีความล้าหลังประเทศที่เจริญแล้ว ตามเขาไม่ทัน เราก็สร้างวัฒนธัม (สะกดแบบนี้โดยตั้งใจ) วัฒนธัมตะวันตก ส่งลูกหลานไปเรียนเมืองนอก เอาทุกอย่างตามแบบเมืองนอก สวมหมวก ใส่ชุดสากล ใส่รองเท้า ทั้งๆที่เราอยู่มาหลายร้อยปีโดยไม่ต้องมีหมวกก็ไม่ตาย แต่เราก็เลือกเดินตามทางตะวันตก เราก็ห่วงว่าเด็กรุ่นหลังจะสืบทอดแนวคิดของเราหรือเปล่า มันจะปฏิวัติตนเองได้หรือเปล่า

ต่อมา พอโดนโลกตะวันตกเอาเปรียบในหลายๆด้านเข้า คนในยุคนั้นก็กลายเป็นไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ เป็นชาตินิยม ใครก็ตามที่คิดแบบตะวันตก ทำตัวแบบตะวันตก ย่อมถูกมองไว้ก่อนว่ามีแนวโน้มว่าไม่รักชาติ ทั้งๆที่ยุคก่อนๆ ใครทำแบบนี้ได้น่ะเท่ห์โคตรๆ

เสร็จจากชาตินิยม พอเราเริ่มหายโกรธชาวบ้าน เราก็เริ่มกลับเข้ามาสู่การปฏิวัติตนเองอีกครั้ง เป็นอุตสากรรมใหม่ New Industrial Country ถ้าใครเป็นชาตินิยมมาตลอด ไม่เคยเปิดหูเปิดตามาก่อนตายห่าหมด ยุคที่การส่งออกกับนำเข้ากับธุรกิจข้ามชาติรุ่งเรือง คนที่มีความรู้นอกประเทศได้เปรียบ คนที่ไม่เห็นด้วยก็จะตำหนิว่าไม่รักเมืองไทย (แต่ไม่เคยถามว่าธุรกิจข้ามชาติบางธุรกิจก็นำเงินเข้าประเทศเหมือนกัน)


สรุป..ผมว่าบางอย่าง จะผิด หรือถูก บางทีมันก็แค่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นใหญ่เป็นโตในยุคนั้น มีอำนาจสูงสุดในยุคนั้น คนกลุ่มนี้จะบอกเองว่าใครทำอะไรถูก ใครทำอะไรผิด



คนรุ่นใหม่ มีเรื่องอะไรน่าห่วง? ไม่เรียนหนังสือ หรือโดดเรียน เป็นเรื่องน่าห่วง น่าห่วงเพราะการเรียนถ้าเรียนไม่ดี หางานยาก เพราะไม่มีที่ทำงานไหนๆอยากรับคนไม่จบปริญญาตรีหรือโท...แล้วคนรุ่นไหนเป็นคนตั้งค่านิยมว่าคนทำงานเก่งต้องจบตรีหรือโท

คนรุ่นใหม่ มีอะไรน่าห่วง? มันกินเหล้า ดูดบุหรี่ อันนี้น่าห่วงจริง กินเหล้า เสียเงิน เสียทอง เมาแล้วขับก็ตายห่า ตายไม่พอพาเพื่อนไปตายด้วย ดูดบุหรี่ ติดมะเร็งปอดตายห่า แล้วคนรุ่นไหนเป็นคนผลิตเหล้ากับบุหรี่มาขายคนรุ่นใหม่?

คนรุ่นใหม่ มีอะไรน่าห่วง? มันติดเกม ติดสื่ออบายมุข ติดเทคโนโลยีปล้นเงินแบบงอมแงม แล้วคนรุ่นไหนเป็นคนผลิตของพวกนี้มาป้อนคนรุ่นใหม่?

คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยคิดอะไรสมเหตุสมผล เพราะทุกคำตอบที่ออกจากปากเขา มีได้แค่ 2 อย่างคือ ไม่ลามปามข้ามเกลียว ก็จืดจนไม่พัฒนา เด็กไม่กล้าพูด ไม่กล้ายกมือถาม ไม่อยากแสดงความเห็น เพราะเขารู้ว่าแสดงความเห็นไป คนรุ่นเก่า ก็ยังยึดติดกับความเชื่อเก่าๆ ค่านิยมเก่าๆ ในโลกที่มีเขาคนเดียวเป็นผู้ที่ถูกต้องที่สุด

แล้วตูจะแสดงความเห็นให้เหนื่อยปากทำปลาสร้อยอะไร?

แต่มีความเห็น อยากแสดง แต่เก็บไว้ในหัว หาที่ระบายไม่ได้ ท้ายสุด ก็มาพบแหล่งระบายที่อินเทอร์เน็ต
การแสดงความเห็นเลยดูจะรุนแรงทั้งๆที่ตัวจริงมันก็เงียบๆเชียบๆ เพราะเก็บกดมาจากการที่ไม่มีใครฟัง

สรุปก็คือ

วงจรอุบาทว์ในวันนี้ ไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นนอกจากเป็นผลพวงจากสิ่งเคลือบย้อมที่คนรุ่นเก่าๆปลูกฝังมาให้ น่าตลกที่ทั้งๆที่คนรุ่นเก่าเป็นคนสร้างสิ่งเคลือบย้อมเหล่านี้ เขากลับมาหวังว่าคนรุ่นใหม่จะปฏิเสธ และจะกำจัดสิ่งปฏิกูลที่คนรุ่นเดียวกันกับเขานั้นยัดเยียดให้เด็กรุ่นใหม่

เขาควรจะไปฆ่าคนรุ่นเดียวกับเขาเสียก่อนเพื่อขจัดปัญหา แล้วหลังจากนั้นคุณอยากจะยัดอะไรที่ถูกต้อง (หรือสิ่งที่คุณคิดว่า "ถูกต้อง") ใส่ในหัวเด็กรุ่นใหม่ได้เลย


- - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - --  -

ปล. ที่พูดทั้งหมด คือพูดกันในเรื่องแง่ลบ กับสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้น

ของดีๆที่คนรุ่นเก่ามอบให้มา ก็อย่าลืม และอย่าปล่อยให้มันสูญสลายไป
คนรุ่นเก่ารักษาเอกราชมาให้เราทุกวันนี้ อย่าปล่อยให้เราต้องเสียเอกราชไป
คนรุ่นเก่าสร้างตัวอักษรที่สวยงดงามจนฝรั่งยังหลงใหลมาให้ใช้ ก็อย่าให้เราต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป
คนรุ่นเก่าสร้างการยกมือไหว้ หรือการค้อมหลังเวลาเดินผ่านคนที่เราเคารพมาให้ นี่ไม่ใช่ของโง่เง่า ฝรั่งมาเห็นคนไทยทำ เขาไม่ใช่ว่าด่า เขากลับชมว่ามันเป็นสิ่งที่งดงาม เราก็ควรรักษาไว้ ไม่ใช่เพราะคนรุ่นเก่าทำแล้วเราต้องทำ แต่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่ดูดี และทำให้คนอื่นมองเราในแง่ดี เมื่อเป็นประโยชน์แก่ตนขนาดนี้ ก็ควรทำ

จบ







- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 16:16:25 »
นี่คือผลพวงของประเทศที่ทำตัววัตถุนิยมแต่ความคิดและคุณภาพคนยังไม่พร้อมครับ   :P


เลี้ยงลูกด้วยละครหลังข่าว ปลูกฝังอยากให้เป็นคนเกาหลี เสพเรื่องเพศเน่าๆจากดาราไทย ปลอบประโลมความเหงาของลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ เชิดชูการกระทำที่เห็นว่า"แรง"แต่ความแรงนั้นแท้จริงคือความสถุลย์สามานย์ คนไทยสมัยนี้ถูกแลดล้อมด้วยเรื่องแบบนี้ตลอดเวลาแล้วจะให้มันมีคุณภาพได้อย่างไร  >:(


ในระหว่างที่ประเทศอื่นๆเค้ากระตุ้นให้คนในชาติขวนขวายหาความรู้เพื่อไปฟาดฟันกับประเทศอื่นในเศรฐกิจโลกแต่ประเทศไทยมอมเมาปลูกฝังให้เยาวชนอยากเป็นเดอะสตาร์อยากอยู่บ้านแฟนตาเซีย  อยากมีชีวิตหรูหราอยากมีเงินเยอะๆแบบง่ายๆ ใครที่ไม่ได้ประกวดก็มีหน้าที่นั่งเฝ้าหน้าจอส่งข้อความคุยทางโทรทัศน์มั่ง เสียค่าโหวตเดือนละหลายพันให้คนที่ตัวเองชอบมั่ง ปั่นราคาของประมูลไม่ให้น้อยหน้าคนอื่นมั่ง คนที่ตัวเองชอบโผล่มาใกล้ๆทีแทบจะบ้าคลั่งลงไปเลียทรีนเค้าเดี๋ยวนั้น แม้แต่ผู้ใหญ่อายุเกือบสามสิบก็เป็นไปกับเค้าด้วย.................เรื่องพวกนี้ผมรับรู้แล้วอยากจะอ๊วกกับค่านิยมไทยปัจจุบันจริงๆ อีกสิบปีมันจะมีอะไรไปแข่งกับเค้ากันวะ???? พวกมีอำนาจกุมสื่อมันก็จ้องแต่จะโกยๆๆๆๆๆๆๆๆเงินเข้ากระเป๋ามันกันคนไทยบ้าคลั่งแค่ไหนไม่สนจะเอาแต่เงิน!!!!!  ทุกวันนี้ผมไม่ดูทีวีไทยแล้ว เอาค่าไฟทีวีมาเปิเเว็บเลือกความรู้ที่ตังเองต้องการดีกว่า ไม่ใช่เปิดทีวีมาอุ๊ยน้องริท กัน โตโน่ โอ้ววววนักล่าฝันยั้วเยี้ยไปหมด ทีวีในบ้านตัวเองกรูยังเสียเอกราชให้มันเล้ยยยยย  >:(


เมื่อวันอังคารมานี้ผมนั่งรถไฟฟ้าใกล้ๆกับแม่ลูกคู่นึงที่ดูไม่ธรรมดา คนแม่คุยโทรศํพท์กับเพื่อนเกี่ยวกับลูกตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง แต่สิ่งที่ลูกสาววัยไม่เกิน 4 ขวบพูดออกมาคือ"แม่ทำไมต้องเล่าให้น้าอ๊อฟังด้วย แม่รักน้ามากกว่าหนูงั้นเหรอ!!!!" อีกแป๊บนึงเอาอีกละ "มันคันปากมากนักรึไง" นี่คือสิ่งที่เด็กสมัยนี้พูดกับแม่ตัวเองครับ พูดออกมาด้วยสีหน้าเหมือนกับว่าเหมือนเป็นบทสนทนาธรรมดา ส่วนแม่ก็เฉยไม่สนใจไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟันธงเลยว่าแม่ลี้ยงลูกด้วยละครหลังข่าวแน่ๆอีกหน่อยแม่โดนถีบตกกระไดเวลาลูกโดนขัดใจเหมือนบ้านทรายทองผมจะไม่แปลกใจเลย เรื่องของสื่อที่เสี้ยมสอนความดัดจริตให้คนดูนี่เป็นปัญหาอย่างหนักที่เหล่าแม่ๆทั้งหลายในเว็บบอร์ดกลัวกันนักหนา แม้แต่บ้านที่อบรมมาอย่างดียังมาพลาดเอาง่ายๆเมื่อฝากลูกให้ป้าเลี้ยงเพียงวันเดียวเลย ในเมื่อสังคม สื่อ คนรอบข้างไม่มีสักอย่งาที่จะอบรมให้เด็กเป็นคนดีได้แล้วอีกยี่สิบข้างหน้าจะเอาผู้ใหญ่ที่ไหนมาพัฒนาประเทศไทย????       :-[
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 16:42:22 »
ขอสั้นๆ แล้วกันครับ

น่าเป็นห่วงครับ ผู้ใหญ่สมัยนี้หาบ้านที่จะสอนเด็กแบบแยกแยะดีชั่วได้ น้อยครับ ดีไม่ดีสอนแต่เอาเงินมาล่อ พอไม่มีเงินไม่มีของล่อ
เด็กก็ไม่เอาพอไม่เอาเด็กก็ไปหาจากข้างนอก แล้วคราวนี้แหละครับที่จะคุมได้ยากขึ้น

ยกตัวอย่างผมเป็นเหตุ ผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่ 7 ขวบอยู่กับป้า ลุง ย่า และลูกของลุงกับป้า ทุกครั้งที่กลับบ้านอยู่ป.4 ต้องกลับมาถูบ้านทุกครั้ง ห้ามกลับเกิน 5.30น.
ถ้ากลับเกินต้องมีเหตุผลเกี่ยวกับการเรียนเท่านั้น ป.5 หุ้งข้าว ล้างจาน ถูบ้าน ป.6 ซักผ้า หุงข้าว ม.1 หุงข้าว ล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน ขายของ
ต้องทำเป็นกิจวัตร และ ป้ากับลุงก็ให้ทำกับข้าวตอนม.2 กินได้ไม่ได้ไม่รู้แต่ต้องทำ และต้องทำให้คนอื่นกิน 

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เค้าไม่เคยตีเลยแม้จะทำผิด แต่จะให้ไปทำงานอย่างอื่นลงโทษและจะไม่ด่ารุนแรงกับผมเลย และทุกครั้งที่ทำผิดจะเรียกมาคุยว่าทำไมถึงทำ
แล้วคิดยังงัยเมื่อทำไปแล้ว

ป้ากับลุงสอนผมให้คิดอย่างเช่นว่า
ให้คิดแต่สิ่งที่ดี แล้วจะได้สิ่งที่ดีกลับมาเอง
อย่าอยากได้ของคนอื่น ถึงแม้วันนี้เราไม่มีแต่อนาคตเราก็มีได้เหมือนเค้า
ทำให้ทุกที่เหมือนบ้านของเราแล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุข

ผมว่าเด็กไม่ต้องปรับ แต่ต้องปรับที่ผู้ใหญ่ ที่ต้องปรับเพราะผู้ใหญ่ไม่เคยคิดถึงอนาคตของเด็ก
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 17:14:33 »
ผมรู้สึกเหมือนกันนะครับ

และอนาคตประเทศเรามีปัญหาแน่ๆ แต่ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไง ตอนนี้ก็ทำได้แค่ คือ ทำหน้าที่ของตัวเองไปก่อน คือ เรียน ครับ
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 17:16:18 »
ผมเป็นคนนึงที่อ่านหนังสือในเรื่องที่สนใจมาก  ผมเห็นว่าประเทศไทยนั้นน่าเป็นห่วงจริงๆ

น่าเป็นห่วงมากๆ เด็กไทยตอนนี้ เห็นแล้วอนาคตจะมีซักกี่คนที่จะมาพัฒนาประเทศของเราได้

ก่อทั้งอาชญากรรม คดีไม่เว้นแต่ละวัน มีแต่ไวรุ่น หรือเด็กๆทั้งนั้น  คอยดูเถอะไทยก็จะเหลือ

อาชีพใช้เเรงงานมากกว่าใช้สมองเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น  แถมงานใช้สมองก็จะแบ่งชนชั้น

คนเก่งๆ กับคนโง่เป็นช่องว่างมากขึ้นจะก่อให้เกิดการโกงที่เลวร้ายกว่าในปัจจุบัน


ผมถึงจะโตขนาดนี้แล้วผมยังดูสารคดีในทีวีอยู่ทุกวัน ในขณะที่คนอื่นว่าผมไร้สาระ

ผมบ้ารถบ้าเครื่องบินขนาดหนัก  แต่เพื่อนก็จะถามใคร ก็ถามผมนี่แหละ  นี่ไงผลของการอ่าน ผลของการหาความรู้

สงสารประเทศที่จะก้าวไปสู่สังคมของการแบ่งชนชั้นอย่างสมบูรณ์ในอนาคต
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 17:28:50 »
ผมมองว่าน่าห่วงมากเหมือนกัน.............ซึ่งปัญหาเริ่มมาจากครอบครัวเป็นอันดับแรก
สภาวะสังคมที่เจริญเติบโตขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการแก่งแย่ง แข่งขันกันสูง
ครอบครัวจะประคองอย่างไรให้อยู่รอดในสภาพแบบนี้ ที่เห็นกันอยู่คือมีลูกเยอะ (ขยัน....กันจัง) ไม่รู้จักวางแผนครอบครัวที่ดี
หรือมีแล้วไม่รู้จักวิธีการเลี้ยงไม่ถูุกวิธี ใช้เงินเลี้ยง แต่ไม่ให้ความอบอุ่นภายในครอบครัว ทำให้ครอบครัวไม่มีวัคซีนป้องกันที่ดีพอ
สุดท้ายครอบครัวแตกแยกกันคนละทิศละทาง เด็กที่เกิดมาขาดความอบอุ่นเป็นปัญหาสังคมไม่รู้จบ....

การศึกษาสอนให้มีความรู้ แต่ไม่ได้สอนให้คนที่เรียนเป็นคนดีของสังคม
หากสถาบันครอบครัวแข็งแรง สังคมก็จะสงบสุข ประเทศชาติก็ไม่มีความแตกแยกครับ
ต้องแก้ที่ครอบครัวก่อนครับ

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 18:00:21 »
กระทู้นี้คล้ายๆกับกระทู้ อนาคต(ที่ไม่มีอนาคต)ของประเทศไทยจะไปทางไหน ของห้องหว้ากอ

ถ้าคุยกันตามหัวข้อกระทู้ผมวกเข้าการเมืองแน่ๆ

งั้นคุยเรื่องใกล้ๆตัวผมล่ะกัน



ผมทำงานโรงงานเกาหลี

เกาหลีทีโรงงานผมเค้าเปรียบเทียบโรงงานที่ไทย กับที่ จีน

ก่อตั้งแผนก R&D ขึ้นพร้อมๆกัน

ทุกวันนี้ R&D ที่จีน สามารถ develope ผลิตภัณท์ใหม่ได้เองแล้ว โดยมีเกาหลีคนเดียวเป็นที่ปรึกษา

ในขณะที่ R&D ไทย ยังทำได้แค่เป็น Maker

รับ Drawing มาจากเกาหลี แล้วทำให้เป็นชิ้นงาน ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ยังทำเองได้ไม่ 100% ต้องมีทีมเกาหลี support

เมื่อจบ project  ทีมเกาหลีกลับไปแล้ว

R&D ไทยมีหน้าที่แค่ ออกแบบ แก้ไข ปรับปรุง ชิ้นงานที่มีปัญหาระหว่างการผลิต

และ ทำการลดต้นทุน

ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลวิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณท์ตัวต่อไป

เมื่อมี New Model ก็เข้าอีหรอบเดิม

จนสุดท้ายทางบริษัทแม่ที่เกาหลีเห็นว่าไม่ไหว R&D ไทยก็ถูกยกเลิกไป

กลายเป็นแผนก Design Eng และ Product Eng

เกาหลีที่นี่บอกว่า

คนไทยใจไม่สู้

หากคนมีอำนาจกว่า จะบีบอะไรยังงัยก็ยอม แล้วคนที่มีอำนาจมากกว่าเค้าชอบเพราะ เชื่องยังกับ.... แต่เค้าไม่ได้ยอบรับนับถือ.

บางคนแย้ง ขัดขืน ก็อยู่ไม่ได้เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ตามน้ำไปกับเกาหลีหมด

เค้ายังอ้างถึงกรณีอังกฤษกับฝรั่งเศษ ไทยก็ยอมยกดินแดนให้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่คิดจะต่อสู้

เค้าบอกว่ามันต่างกับการเสียเอกราชตรงไหน

ผมจี๊ดดดดดดดดดดดดดดเลย  

ไม่ได้โกรธเกาหลี

แต่รู้สึกว่า เออจริง ว่ะ

ทั้งๆที่ผมก็ไม่นิยมชมชอบเกาหลีมากนัก

เพราะเค้าค่อนข้างเห็นแก่ตัว ไม่สนใจใคร ยกเว้น ผู้บังคับบัญชา และ เป้าหมาย ของตัวเอง


อีก 20 ปีข้างหน้า

ประเทศเราจะกลายเป็นตลาดแรงงานราคาแพง คุณภาพงั้นๆ

และเมื่อทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตหนีเราก็จบ

เตรียมทางหนีทีไล่กันไว้หรือยังครับ



บ้านเราย่ำอยู่กับที่มานานมากๆ

นานจนคนไทยรู้สึกชิน และคิดว่ามันคือสิ่งที่ปรกติ

ประกอบกับการโฆษณาชวนเชื่อ ที่กรอกหู กรอกหัวประชาชนมาตลอดเวลาหลายสิบปี

ว่าบ้านเราดียังงั้น บ้านเราดียังงี้ สาระพัด ทั้งที่มันไม่จริง

จนเราเชื่อและคิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็เชื่อแบบนั้นมาค่อนทางที่ชีวิตผมดำเนินมา


  -บ้านเราอุดมสมบูรณ์

ดูใน Google maps ซิ แล้วคุณจะเห็นว่าประเทศข้างๆเขียวกว่าบ้านเราเยอะ บ้านเราบุกรุกป่ากันขนาดไหน

50 ปีที่แล้วเราปลูกข้าวได้ไร่ละครึ่งเกวียน    50 ปีต่อมาก็ทำได้เท่าเดิม

แค่เปลี่ยนจากควายมาเป็นรถไถ เปลี่ยนจากปลูกปีละครั้งเป็นปีละ 3 ครั้ง บางที่มี 4 ครั้ง

บุกรุกป่า เพิ่มพื้นทีเพาะปลูก

เทคโนโลยีระบบชลประทานและวิทยาศาสตร์การเกษตร ไปไหน ทำอะไรอยู่

นี่คือความไม่พัฒนาที่เห็นได้ชัดเจน  

แต่เราโกหกกันเองว่าเราพัฒนา ภูมิใจมากมายยอดขายข้าวอันดับ 1 ของโลก


 -บ้านเราแหล่งท่องเทียวมากมาย สวยงามที่สุด

เคยเห็นน้ำตกที่ลาวไหม เคยเห็นเกาะฝั่งอันดามันที่พม่าไหม เคยเห็นชายหาดที่เวียดนามไหม

ถ้าเห็นแล้วจะพูดไม่ออก

ที่ต่างชาติมาบ้านเราเยอะเพราะบ้านเราเปิดประตูอ้าไว้รอเค้าเลย


 - บ้านเราสงบสุข ร่มเย็น

คนค่อนประเทศเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

แต่

ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปรกครองปี 2475  มาจนวันนี้เป็นเวลา 77 ปี

ประเทศของเรา มีการปรกครองที่น่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้เลย

ด้วยนายกรัฐมนตรี 27 คน

กับรัฐบาล 59 สมัย

และปฏิวัติรัฐประหาร/กบฏ ที่มากถึง 24 ครั้ง

นี่แหละปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทย

ออฟไลน์ nicsjerry

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 497
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 18:07:49 »
บ้านเมืองทะเลาะกันอย่างนี้ เหนื่อย อยากให้รัก  ไม่แบ่งแยก แต่ดูแล้ว คงอีกนาน

ออฟไลน์ devilpharynx

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 200
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 18:51:27 »
เป็นความคิดที่ดีครับ....คิดได้แต่ทำยาก........แต่ถ้าไม่เริ่มคิด+ทำตั้งแต่วินาทีนี้ ก็ช้าไปละ....
คิดถูกแล้งครับที่เริ่มจากคนใกล้ตัวก่อนคือ ลูก  ถ้าทำอย่างนี้ หลาย ๆ ครอบครัว คนไทยยุคต่อไปก็คงแข็งเกร่งขึ้นครับ

ออฟไลน์ gauygeng

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 18:55:03 »
มีแต่คน เห็นปัญหา แต่จะมีซักกี่คนที่ทำ  ^ ^

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 19:17:49 »
เห็นพูดถึง Gundam เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกมากๆครับ
แต่ผมว่าหลายคนดูแล้วไม่รู้เรื่องครับ
ผมว่าถ้าหลายๆคนได้ดูก็ไม่น่าเป็นห่วงครับ ;D ;D ;D

Season 1
หนังการ์ตูนเรื่องนี้เริ่มต้นโดยมีฉากเบื้องหลังคือโลกในปี A.D. (คริสต์ศักราช) ที่ 2307 มนุษย์ได้คิดค้นสร้างลิฟท์ขึ้นสู่วงโคจรนอกอวกาศและระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์นอกชั้นบรรยากาศโลกและเริ่มใช้จริงเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนพลังงานน้ำมันที่ถูกขุดขึ้นมาใช้จนเกือบหมด แต่ในการก่อสร้างระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์นี้จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก่อสร้างอย่างมหาศาล ซึ่งผู้ที่ถือครองกรรมสิทธิ์และได้รับผลประโยชน์นั้น มีเพียง 3 ขั้วมหาอำนาจเท่านั้น ได้แก่ Union ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สัมพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปมนุษย์ที่นำโดยจีน รัสเซีย อินเดีย และ AEU หรือสหภาพยุโรป ซึ่งขั้วมหาอำนาจทั้งสามถึงแม้จะไม่ก่อสงครามต่อกันถึงขั้นแตกหักต่อกันก่อตาม ต่างฝ่ายต่างก็แข่งขันกันคิดค้นพัฒนายุทโธปกรณ์ทางการทหารกันอย่างไม่ยั้งมือ เกิดเป็นสงครามเย็นที่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีวันจบ ส่วนประเทศขนาดเล็กที่ไม่ได้เข้าร่วมขึ้นอยู่กับขั้วมหาอำนาจใดเลย ต้องตกอยู่ในสภาวะยากไร้ขาดแคลน มีการต่อสู้แย่งชิงและเกิดสงครามภายในประเทศขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ในยุคแห่งความวุ่นวายสับสนเช่นนี้ องค์กรลับนาม เซเลสเชียลบีอิงก์ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อการต่อต้านและหยุดยั้งสงครามทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในโลก โดยใช้อาวุธที่ใช้เตาพลังงานแสงอาทิตย์ GNไดรฟ์ นาม "กันดั้ม" ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าอาวุธในปัจจุบันเพื่อการดำเนินแผนการณ์ตามอุดมการณ์ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


โคโลนี่ "กรุงเทพ" (ญี่ปุ่นクルンテープ Krung Thep ?)
ปรากฏขึ้นในไซส์สตอรี่ 00F และฉบับนิยาย 00P เป็นโคโลนี่แห่งแรกของโลกซึ่งสัณนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน รักษาระดับการลอยที่อยู่ในเขตสมดุลแรงโน้มถ่วง L3 โดยมีลักษณะเป็นดาวเคราะห์น้อยรัศมีประมาณ 500 เมตร สร้างเป็นพื้นที่ขุดเข้าไปภายในตัวดาวเคราะห์น้อย เป็นสถานที่พัฒนาวิจัยเทคโนโลยีแห่งแรกๆ ของ เซเลสเชียลบีอิงก์ โดยชื่อนำมาจาก "กรุงเทพมหานคร" เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งมีความหมายว่า "เมืองแห่งเทวดา"

ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2010, 19:29:07 โดย udis »

ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 19:19:35 »
กระทู้นี้คล้ายๆกับกระทู้ อนาคต(ที่ไม่มีอนาคต)ของประเทศไทยจะไปทางไหน ของห้องหว้ากอ

ถ้าคุยกันตามหัวข้อกระทู้ผมวกเข้าการเมืองแน่ๆ

งั้นคุยเรื่องใกล้ๆตัวผมล่ะกัน



ผมทำงานโรงงานเกาหลี

เกาหลีทีโรงงานผมเค้าเปรียบเทียบโรงงานที่ไทย กับที่ จีน

ก่อตั้งแผนก R&D ขึ้นพร้อมๆกัน

ทุกวันนี้ R&D ที่จีน สามารถ develope ผลิตภัณท์ใหม่ได้เองแล้ว โดยมีเกาหลีคนเดียวเป็นที่ปรึกษา

ในขณะที่ R&D ไทย ยังทำได้แค่เป็น Maker

รับ Drawing มาจากเกาหลี แล้วทำให้เป็นชิ้นงาน ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ยังทำเองได้ไม่ 100% ต้องมีทีมเกาหลี support

เมื่อจบ project  ทีมเกาหลีกลับไปแล้ว

R&D ไทยมีหน้าที่แค่ ออกแบบ แก้ไข ปรับปรุง ชิ้นงานที่มีปัญหาระหว่างการผลิต

และ ทำการลดต้นทุน

ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลวิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณท์ตัวต่อไป

เมื่อมี New Model ก็เข้าอีหรอบเดิม

จนสุดท้ายทางบริษัทแม่ที่เกาหลีเห็นว่าไม่ไหว R&D ไทยก็ถูกยกเลิกไป

กลายเป็นแผนก Design Eng และ Product Eng

เกาหลีที่นี่บอกว่า

คนไทยใจไม่สู้

หากคนมีอำนาจกว่า จะบีบอะไรยังงัยก็ยอม แล้วคนที่มีอำนาจมากกว่าเค้าชอบเพราะ เชื่องยังกับ.... แต่เค้าไม่ได้ยอบรับนับถือ.

บางคนแย้ง ขัดขืน ก็อยู่ไม่ได้เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ตามน้ำไปกับเกาหลีหมด

เค้ายังอ้างถึงกรณีอังกฤษกับฝรั่งเศษ ไทยก็ยอมยกดินแดนให้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่คิดจะต่อสู้

เค้าบอกว่ามันต่างกับการเสียเอกราชตรงไหน

ผมจี๊ดดดดดดดดดดดดดดเลย  

ไม่ได้โกรธเกาหลี

แต่รู้สึกว่า เออจริง ว่ะ

ทั้งๆที่ผมก็ไม่นิยมชมชอบเกาหลีมากนัก

เพราะเค้าค่อนข้างเห็นแก่ตัว ไม่สนใจใคร ยกเว้น ผู้บังคับบัญชา และ เป้าหมาย ของตัวเอง


อีก 20 ปีข้างหน้า

ประเทศเราจะกลายเป็นตลาดแรงงานราคาแพง คุณภาพงั้นๆ

และเมื่อทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตหนีเราก็จบ

เตรียมทางหนีทีไล่กันไว้หรือยังครับ



บ้านเราย่ำอยู่กับที่มานานมากๆ

นานจนคนไทยรู้สึกชิน และคิดว่ามันคือสิ่งที่ปรกติ

ประกอบกับการโฆษณาชวนเชื่อ ที่กรอกหู กรอกหัวประชาชนมาตลอดเวลาหลายสิบปี

ว่าบ้านเราดียังงั้น บ้านเราดียังงี้ สาระพัด ทั้งที่มันไม่จริง

จนเราเชื่อและคิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็เชื่อแบบนั้นมาค่อนทางที่ชีวิตผมดำเนินมา


  -บ้านเราอุดมสมบูรณ์

ดูใน Google maps ซิ แล้วคุณจะเห็นว่าประเทศข้างๆเขียวกว่าบ้านเราเยอะ บ้านเราบุกรุกป่ากันขนาดไหน

50 ปีที่แล้วเราปลูกข้าวได้ไร่ละครึ่งเกวียน    50 ปีต่อมาก็ทำได้เท่าเดิม

แค่เปลี่ยนจากควายมาเป็นรถไถ เปลี่ยนจากปลูกปีละครั้งเป็นปีละ 3 ครั้ง บางที่มี 4 ครั้ง

บุกรุกป่า เพิ่มพื้นทีเพาะปลูก

เทคโนโลยีระบบชลประทานและวิทยาศาสตร์การเกษตร ไปไหน ทำอะไรอยู่

นี่คือความไม่พัฒนาที่เห็นได้ชัดเจน  

แต่เราโกหกกันเองว่าเราพัฒนา ภูมิใจมากมายยอดขายข้าวอันดับ 1 ของโลก


 -บ้านเราแหล่งท่องเทียวมากมาย สวยงามที่สุด

เคยเห็นน้ำตกที่ลาวไหม เคยเห็นเกาะฝั่งอันดามันที่พม่าไหม เคยเห็นชายหาดที่เวียดนามไหม

ถ้าเห็นแล้วจะพูดไม่ออก

ที่ต่างชาติมาบ้านเราเยอะเพราะบ้านเราเปิดประตูอ้าไว้รอเค้าเลย


 - บ้านเราสงบสุข ร่มเย็น

คนค่อนประเทศเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

แต่

ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปรกครองปี 2475  มาจนวันนี้เป็นเวลา 77 ปี

ประเทศของเรา มีการปรกครองที่น่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้เลย

ด้วยนายกรัฐมนตรี 27 คน

กับรัฐบาล 59 สมัย

และปฏิวัติรัฐประหาร/กบฏ ที่มากถึง 24 ครั้ง

นี่แหละปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทย


คนไทยไม่ขี้ไก่นะคร้าบ ฮิๆ

เฉพาะปีนี้ ผมลด cost ให้บริษัทได้อย่างนี้เป็นสิบล้าน และทำให้ บ ไม่ต้องซื้อเครื่องจักรเพื่อลงทุนเพิ่มอีก 15 ล้านเป็นอย่างน้อย
( order nissan เยอะมากๆครับ ช่วงนี้ อ่อ จะบอกเพื่อนๆว่า โรงงานผมได้รับ order ของ honda eco car แล้วนะครับ อิอิ)

แต่ที่ บ ผมดีอย่างนึง ญี่ปุ่นเค้าให้โอกาสเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากได้งบเท่าไหร่ขอให้บอก ใน บ ผมคนไทยค่อนข้างมีอิสระครับ อิอิ

ออฟไลน์ TDCI

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 397
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 19:29:57 »
มีประเด็นน่าสนใจคือ สังคมไทย เป็นสังคมที่ชอบออกความเห็น

แต่หากให้ลงมือทำ คนที่ออกความเห็น 90% จะโบกมือลา

เคยสังเกตกันมั๊ยว่า สังคมไทย มักจะมีคำถามว่า

 "แล้วจะให้ทำอย่างไร"

"แล้วจะเริ่มตรงไหน"

"แล้วใครจะเป็นคนเริ่มต้น"


สิ่งเหล่านี้ ประเทศเกาหลีใต้ ก้าวข้ามมาแล้ว

เขาทุ่มงบประมาณ ในการสร้างคน

30 ปีที่ผ่านมา เขาสร้างคนที่มีคุณภาพ มา30 รุ่น

คนอายุ 30 ต้นๆของเกาหลีใต้วันนี้คือ กำลังหลักในการพัฒนาประเทศ

พวกเราคงได้เห็นแล้วว่า รถยนต์แบรนด์เกาหลี  นับวันก้าวกระโดด

หายใจรดต้นคอญี่ปุ่นแบบไม่ห่าง

การคาดหวังว่านักการเมืองไทย จะเข้ามาแก้ปัญหาคงลำบาก

เพราะเมื่อพูดคำว่า "อนาคต"  เรายังมองอนาคตการเมืองไทยไม่ออกเลย

ก็กลับมาที่เดิมว่า

  "แล้วจะให้ทำอย่างไร"

"แล้วจะเริ่มตรงไหน"

"แล้วใครจะเป็นคนเริ่มต้น"

สมัยผมเรียนประถมที่บ้านนอก ครูสอนนักสอนหนาว่า ต้องทิ้งขยะลงถัง

แต่พอมาเรียนมัธยมที่กรุงเทพฯ ทำไมถังขยะมันหายากจัง!!!

แต่ทุกวันนี้ ก็ยังให้ความสำคัญกับการทิ้งขยะลงถังอยู่

นั่นเพราะโรงเรียนคือที่สร้างคน

บางคนอาจคาดหวังมากกว่า โรงเรียนจะต้องสร้างเด็กให้ป็นอนาคตที่ดีของบชาติให้ได้

สร้างให้คนมีคุณธรรม

สร้างให้คนดีเลิศ

จริงๆแล้วการสร้างคนเน้นไปที่สร้างวินัยก็เพียงพอแล้ว

มี 2 เรื่องไม่ว่าโรงเรียนไหนก็ทำได้เลย ไม่ต้องไปรอนักการเมืองคือ

1 สอนให้เด็กรู้จักการเข้าแถว (ไม่ใช่เรียงคิว)
2 สอนให้เด็กทิ้งขยะให้ลงถัง

เพราะหากเด็กมีลักษณะนิสัยนี้อยู่ในตัว จะสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่เรื่องอื่นๆโดยอัตโนมัติ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 19:41:51 »
นึกว่าคุณจิมมี่พูดเล่น คุณจิมมี่เอาจริง  :)
งั้นผมขอก็อปปี้จากที่ได้แสดงความเห็นไว้ใน ทอกปิกอันก่อนนะครับ
และได้เพิ่มเติมบางส่วนลงไป ในส่วนของชีวิตในโรงเรียนเอกชนของเด็กสมัยนี้

คุณปรู๋ มีแนวความคิดที่เยี่ยมมากผมขอชื่นชม
ผมคิดแบบคุณเลยว่าการศึกษาในโรงเรียนมันไม่มีคุณภาพ
วันๆ ไปโรงเรียน ก็นอน ฟังเพลง กินหนม คุย เล่น กินข้าว
เปิดโปรเจกเตอร์ดูหนัง นั่งห้องแอร์เล่นไปวันๆ
เด็กผู้หญิงบ้างคนแค่อายุ 14-15 ก็สูบบุหรี่แล้วก็ดิ๊ง แล้วทำกันเป็นกลุ่มแต่ไม่ได้ทำในโรงเรียนนะครับ
บางคนก็มีอะไรกันตั้งแต่ยังไม่จบช่วงชั้นที่ 3 เลยครับ มันอาจจะเป็นส่วนน้อยแต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับ
วันไหนอยากหยุดก็หยุด วันไหนอยากไปก็ไป พอ มส. ก็เสียเงินแล้วก็ได้สอบ
ถามว่าครูสอนไหม? เขาก็สอนนะครับ แต่เด็กมันไม่เอากันเองเขาจะทำอะไรได้
ถ้าตี ก็โดนหักเงินเดือน ครูก็เลยปล่อยว่าง
ไม่บอกชื่อโรงเรียนนะครับ แต่เป็นโรงเรียนที่สวยมาก
ผมเลยไม่เรียนมันเลย ออกมาดูแลครอบครัว และธุรกิจของที่บ้าน เพราะพวกเขาก็อายุมากแล้ว เป็นห่วงด้วย
และหาความรู้จากอินเตอร์เน็ตเองดีกว่า

ผมเห็นด้วยนะครับ ว่าประเทศไทยควรพัฒนาให้ได้มากกว่านี้
แต่การพัฒนาแบบก้าวกระโดดนั้น ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มาก
เพราะการศึกษาและประสบการณ์ของคนไทยส่วนใหญ่ในภาพรวมทั้งประเทศประมาณ 63 ล้านคน มันไม่ได้สูงมากนัก
การพัฒนาประเทศไทยในภาพรวมนั้น เราควรพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า
เราควรกระจายความเจริญจากเมืองให้ออกไปสู่ชนบทมากขึ้น เพื่อความเท่าเทียมกันของสังคม
แล้วชาวชนบทหรือต่างจังหวัด ก็จะค่อยๆ เรียนรู้วิถีชีวิต วิชาการ สังคม เองไปเลื่อยๆ
คนไทยน่ะมีนิสัยที่ไม่ดีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ มีขี้เกลียด ขี้โม้ ขี้โอ้ขี้อวด และก็ขี้อิจฉา
ถ้าแก้นิสัยพวกนี้ได้ประเทศไทยเราจะเจริญมากครับ
และผมอยากให้นักการเมืองทุกวันนี้ไม่ใช่นักการเมืองครับ ผมอยากให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้นำมากกว่าการเป็นนักการเมือง

และผมมองว่า ไม่ใช่แค่ยารักษาโรคอย่างเดียวที่อีกหน่อยประชากรโลกจะต้องการ
แต่มีอีกสิ่งที่ประกรโลกต้องการ นั่นคือ ?อาหาร?
ประเทศเราเหมาะมากในการทำพืชผลทางการเกษตร แค่เราจัดทำชลประทานให้ดี ไม่ให้เกิดความแห้งแล้ง
และให้รัฐบาลสร้างห้องแลปวิจัย การเพิ่มผลผลิต การทนทานต่อศัตรูพืช และฤดูกาล เน้นให้เป็นของรัฐที่ไม่ให้เอกชนแทรงแซง
เพียงเท่านี้ประเทศเราก็ไม่อดตายแล้วครับ แล้วส่วนที่เหลือก็ส่งออกนอกประเทศเพื่อทำกำไร
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าอีกหน่อยอาหารคงต้องแพงมากแน่ๆ


ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 19:56:58 »
ประวัติของพี่ท่านนี้สุดยอดดีอะ ชอบตรงซ่อมรถเอง
เพราะผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกันถึงแม้ตอนนี้อยู่ม.6มันทำได้แค่มอไซค์ก็เถอะ
แต่ฝันลึกๆก็อยากมีอู่ทำรถตัวเองในบ้าน แบบ วินดีเซล ใน the fast

ส่วนกันดัมผมว่าสำหรับตัวผมดูแล้วมันงงๆ หรือไม่ได้ตั้งใจดูก็ไม่รู้ ประมาณว่าเปิดทีวีเจอเลยดู สักพักก็เปลี่ยนช่อง เพราะไม่รู้เรื่อง

เรื่องอ่านหนังสือผมเห็นด้วยครับ เพราะตัวเองผมเองก็ขี้เกียจ ยกเว้นว่าจะได้อ่านอะไรที่ตัวเองสนใจจริงๆ
ซึ่งแน่นอนมันก็เรื่องพวกรถเนี่ยแหละ
07 mazda 3

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 20:54:41 »
Gundam แนะนำให้ดูของจักรวาล UC ครับ เนื้อเรื่องต่อเนื่องยาวมากแถม side story บานตะเกียง List ตามนี้เลย เท่าที่ผมพอนึกออกนะ

- UC 0079 First Gundam TV series 39 ตอน Movie 3 ตอน (Movie ในไทยมีลิขสิทธิ์โดย DEX)
- UC 0079 Side Story 08 MS Team OVA กี่ตอนก็ไม่รู้ลืม Lc By Dex
- UC 0079 Side Story MS Igloo OVA หาซับไทยได้ทั่วไป No LC
- UC 0079 Side Story Blue Destiny นิยาย รายละเอียดเนื้อเรื่องไปเล่นเอาในเกมส์ G-Gen ได้
- UC 0080 Side Story War In Pocket  OVA เรื่องนี้แนะนำให้ดูอย่างแรง เป็นการ์ตูนต่อต้านสงครามได้ดีทีเดียว No LC
- UC 0080-UC 0087 Side Story Char Delete Affair Manga LC By SLC ตอนนี้ออกมา 11 เล่มแล้วครับ
- UC 0083 Gundam Stardust Memory OVA 6 ตอน Movie 1 ตอน LC By Dex
- UC 0087 Z Gundam TV Series 52 ตอน Movie 3 ตอน Movie LC By Dex
- UC 0087 Side Story โรงเรียนนายร้อยจากฟากฟ้า LC By SLC เล่ม 12 ดองมาเป็นปีแล้วมั้ง
- UC 0088 Side Story Gundam Sentinel นิยาย มีเนื้อเรื่องในเกมส์ G-Gen เช่นกัน นิยายมีคนแปลไทยอยู่ในบอร์ด thaigundam
- UC 0088 ZZ Gundam TV Series 52 ตอน No LC
- UC 0093 Char counter attack Movie 1 ตอน LC By Dex
- UC 0097 Gundam Unicorn นิยาย OVA 4 ตอน ตอนนี้ OVA พึ่งออกแค่ตอนเดียวเอง
- UC 0105 Hazaway Flash นิยาย เนื้อเรื่องไปหาในเกมส์ G-Gen
- UC 0120 Gundam F90 Manga ในไทยเคยมีของไพเรทวางขาย
- UC 0123 Gundam F91 Movies 1 ตอน NO LC
- UC 0133 Crossbone Gundam ภาคต่อจาก F91 manga ในไทยเป็นของไพเรทเหมือนกัน มี2เจ้า อันนึง3เล่มจบ อีกอันนึงกี่เล่มจบก็ไม่รู้จำไม่ได้
- UC 0150 Victory Gundam ภาคส่งท้ายของจักรวาล UC TV Series 52 ตอน No LC

จริงๆแล้วมันมีมากกว่านี้จม แต่อย่างที่คุณ Traveler ว่าได้เลยครับ Gundam มันแฝงการเมืองเยอะมาก จักรวาล UC เนี่ยมันแฝงการเมืองเยอะที่สุดแล้ว รองลงมาก็ OO เนี่ยแหละ   

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 21:05:30 »
น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ

ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนตั้งแต่แพทย์ พยาบาล สาสุข จนถึงวิทยาศาสตร์การกีฬา

ถึงแม้ว่ามันสมองของ นศพ จะสูงกว่าวิทยาศาสตร์การกีฬาหลายขุม

แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความที่เป็นเด็ก ไม่มีภูมิคุ้มกัน ทนความเครียดหรือความผิดหวังไม่ได้ ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด

ความเป็นเด็ก เกิดจากการที่ถูกเลี้ยงมาดี ไม่ต้องดิ้นรนมาก ไม่ได้คิดวิเคราะห์เพื่อหาทางให้ชีวิตดีขึ้น รอคำสั่ง หรือคำสอนอย่างเดี๋ยว
ถ้าถีบมันตกน้ำก็จะจมน้ำตาย ถ้าไม่บอกว่าจะต้องไหว้น้ำอย่างไร ขยับแขนแบบไหนขยับขาอย่างไร ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั้นเขาจะเคยได้ยินมาแล้วก็ตาม

ไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็เหมือนที่หลายๆท่าน แสดงความคิดเห็นแหละครับ เด็กๆทุกวันนี้ไม่รู้จักกลัวบาป ทำอะไรตามกัน ตามสมัยนิยม รับทุกสิ่งเข้าสู่ตัว
ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน หรือสิ่งนั้นจะไร้สาระแค่ไหน ทุกวันเด็กหลายคนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ BB มาครอบครอง ทั้งๆที่เอามาแล้ว
เกือบ 70% เพื่อโทรออก รับสาย ซึ่งโทรศัพท์ราคา 650 บาทก็ทำได้

ทนความเครียดทนความผิดหวังไม่ได้ นี่น่าเป็นห่วงที่สุด หากวิจารณ์เขาหรือแนะข้อผิดพลาดของเขาเกือบ 75% ตอบสนองกลับมาในแง่ลบ
ไม่เสียใจ ก็โกรธ หาว่าเราแกล้ง ทั้งๆที่เมื่อจบออกไป ไปทำงานเขาต้องโดนการตรวจสอบและการประเมิณจากผู้บังคับบัญชาหรือสังคมอย่างหนัก

พูดไปผมก็อ่อนใจ เพราะเรื่องนี้ผมเพิ่งอบรมณ์ นศ.เภสัช ไปตอนบ่ายวันนี้ นี่เอง
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ Ajnonny

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 125
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 21:33:43 »
เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา?
ประเทศชาติจะรุ่งเรื่องและเฟื่องฟุ้ง                      น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา                                        เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน                              ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดังทินกร                                        องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส                                  แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน                                          เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง                                 ขุนนางเขื่องกังฉินกันทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา                                       ประดุจปลวกกินฝานั่นประไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม                              สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป                                        โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว                                ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี                                            เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ                                 มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน                                    พายุลั่นน้ำถล่มแผ่นดินทลาย
แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก                 เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระส่าย
เกิดการปราบจราจลชนล้มตาย                                     เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนาย นายเป็นข้า น่าสมเพช                      ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล                                           จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ                              ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม                                            ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว                                        ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง                                     สายน้ำหลั่งกรากหวาดเสียวหัวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม                                   หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป                                              เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น                             แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤตด้วยศรัทธา                                ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

(ผมไม่ได้งมงายนะครับ)

เผื่อจะทำให้ทุกคนมีกำลังใจ ในการช่วยกันพัฒนา ประเทศมากขึ้น

ออฟไลน์ mann

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 725
  • นี่หรือรถโมเดล
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 22:04:17 »
เข้ามาอ่านแล้วก็ เออ หว่ะ  ตามไปด้วยครับ
1995 honda civic eg 3dr become jdm+spoon
1997 mb c-class w202 elegance
2003 toyota hilux tiger sport cruiser 4x4 2.5 d4d
2006 kawasaki ksr 111
...........................................................................