ผู้เขียน หัวข้อ: 9 ค่ายรถยนต์ขานรับนโยบายรัฐผลิตรถใหม่เป็นยูโร 5 ภายในปี 2564  (อ่าน 15649 ครั้ง)

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,192
    • อีเมล์
“สศอ.” เผยผลหารือ 9 ค่ายรถยนต์พร้อมร่วมมือยกระดับการผลิตรถยนต์สู่มาตรฐานยูโร 5 ภายในปี 2564
เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ระยะยาว พร้อมเตรียมรณรงค์รถยนต์ยูโร 4 ใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้

นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงการหารือกับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ
9 รายมาร่วมประชุมหารือการกำหนดเวลายกระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษของรถยนต์ใหม่เป็นมาตรฐานยูโร 5
เพื่อลดอัตราการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5 ลง 80% ซึ่งผลการหารือบริษัทรถยนต์ 9 ยี่ห้อ
ได้แก่ BMW, GM, Isuzu, Mazda, Mercedes-Benz, Mitsubishi, MG, Suzuki และ Toyota
ได้ตอบรับกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 ในรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นทุกคันภายในปี 2564 และยูโร 6 ภายในปี 66-67
เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ในระยะยาว

พร้อมกันนี้ จะเร่งรณรงค์ให้ลูกค้าที่ใช้รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 เติมน้ำมันที่ได้มาตรฐานยูโร 5 ที่มีจำหน่ายตามสถานีบริการน้ำมันแล้ว
ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดมลพิษโดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 ได้กว่า 20-25% โดยปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5
ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ได้แก่ อีโคคาร์ รุ่นที่ 2 จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ จำนวน 11 รุ่น
รวมทั้งรถยนต์นำเข้า จำนวน 19 รุ่น

สำหรับรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ที่ผลิตภายในประเทศ จำนวน 27 รุ่น และรถยนต์นำเข้า
จำนวน 84 รุ่น ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 467,000 บาท สามารถดูข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องได้จากป้าย ECO Sticker
ที่ติดอยู่บนกระจกรถยนต์ใหม่ทุกคัน และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.car.go.th

“ผู้ผลิตรถยนต์จะเร่งยกระดับมาตรฐานรถยนต์ยูโร 4 ไปเป็นยูโร 5 และยูโร 6 โดยเร็ว แม้จะมีต้นทุนการปรับเปลี่ยน
และต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้นก็ตาม แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้าและประชาชนไทยทุกคน ต้นทุนดังกล่าวก็คุ้มค่ากว่า
เมื่อเทียบกับต้นทุนจากปัญหาสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเองของประชาชน” นายณัฐพลกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่มองว่าการใช้รถยนต์ควรมีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง และต้องยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันให้เป็นยูโร 5
แต่อย่างไรก็ตาม รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ยังคงมีการปล่อยฝุ่น PM 2.5 จากไอเสียเครื่องยนต์ที่มีความเข้มข้นกว่า
รถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ถึง 5 เท่าตัว

ที่มา https://mgronline.com/business/detail/9620000014920 ครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
รถเบนซินนี่มีผลไหมครับ สำหรับ Euro 4 ไป 5 ครับ

จาก 5 ไป 6 ครับ

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,609
    • อีเมล์
ไม่มีประโยชน์หรอกครับ

สุดท้ายคนซื้อก็เอาไปอุด egr ตัด dpf
ใส่กล่องดันราง ยกหัวฉีด remap ควันท่วมเหมือนเดิม

ไปไล่จับเพิ่มไอ้รถพวกนี้กับอู่ก่อนดีกว่า

ZeroAda

  • บุคคลทั่วไป
พวกกระบะแต่งซิ่ง กระบะคอกที่ไปเพิ่มความสะใจให้รถแต่สร้างมลพิษแก่สังคมและอากาศจะเอาไงต่อครับ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ดีครับ​ และเน้น​เวลา​ต่อทะเบียน​น่ะควรให้​ตรวจสภาพจริง​ๆ​ด้วยนะครับ​  รถ​ 5  ปีแรก​ให้ศูนย์​บริการ​ทำก็​ได้
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ toonze

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,967
    • อีเมล์
เอาน้ำมันที่เติมให้เป็นยูโร5 ดีกว่า ลดค่าต่างๆได้เยอะทั้งรถเก่าและใหม่

ออฟไลน์ pmee

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ไม่มีประโยชน์หรอกครับ

สุดท้ายคนซื้อก็เอาไปอุด egr ตัด dpf
ใส่กล่องดันราง ยกหัวฉีด remap ควันท่วมเหมือนเดิม

ไปไล่จับเพิ่มไอ้รถพวกนี้กับอู่ก่อนดีกว่า
  +1  เจอมากขึ้นเรื่อยๆ  พวกนายไม่รักโลกของเราเลย?

ออฟไลน์ Arnan_td

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 329
สมัยนี้ไม่ใช่แต่กะบะที่อุด ดีเซลเก๋งนี่ตัวอุดเลย แล้วก้ขับแบบ เห่อหมอย มากกกกก

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
ตอนแรกคิดว่ารถทุกคัน Euro 6.2 กันไปหมดแล้วเพราะตอนเที่ยวอิตาลี่ดู TV แล้วมีแต่โคสนาเขียนว่ารถเป็น Euro 6.2 ก็คิดว่าที่ไทยจะ 6.2 ด้วยเพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแนงทางการผลิต

แต่ว่าปีหน้ารถมอไซเกือบทุกยี่ห้อจะเป็น Euro 5 แล้วเพราะที่ยุโรปจะสั่งยังคับให้มอไซเป้น Euro 5 ทั้งหมด

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
ปรับน้ำมันเป็นeuro5ให้หมดดีสุดและเร็วที่สุด

Euro5ปล่อยไอเสียน้อยกว่าeuro4 80% > ใช้ปั๊บลดลงทันที ไม่ว่าเครื่องเก่าใหม่

ออฟไลน์ dt9

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
    • อีเมล์
ปี 64 เลยเหรอครับ
ขอปี 63 ได้มั้ย

ออฟไลน์ xman2029

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,350
    • อีเมล์
พวกเจ้าตลาดที่มักลากเครื่องเก่าขายนานๆงานเข้าแน่นอน

ออฟไลน์ spn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,720
มีมาตรการนี้แล้ว ออกจับพวกรถสายหมึก สายควันด้วยนะ ใครควันดำ ไม่อนุญาตให้ต่อทะเบียนไปเลย
E220d W213
Camry 2.5 HV Premium
BT50 Free Style Cab Hi racer
Revo 2.8J B cab 4x4
March 1.2 CVT
KIA Jumbo 1JZ-GE AT

ออฟไลน์ Mr.P_Lawman

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
  • Go go go
ผมเพิ่งออกเทรล ซึ่งเป็นรถดีเซลคันแรกของบ้าน ผมเติมพรีเมี่ยมของ ปตท euro5 ตลอด ไม่ใช่จะแรงหรือขับดีขึ้นนะครับ แต่กลิ่นควันดีกว่าเยอะเวลาเวลาเอารถเข้าที่จอด euro 4 เติมแล้วกลิ่นควันเหม็นกว่าเยอะ ไม่ไหวจะทน

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ผมจะไม่ใช้รถ(ส่วนตัว)เครื่องดีเซลอีกแล้ว

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,450
    • อีเมล์
ทำไมมีรายชื่อเบนซ์กับ bm เนี่ย เพราะตอนนี้ก็ Euro 6 กับ 5 กันอยู่แล้ว ถ้าเบนซ์ขานรับแปลว่าอีกหย่อยจะตัดแอดบลูออก และจุนเครื่องให้เหลือ Euro5?

ออฟไลน์ ๐NoMoRE-LiKELY๐

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 234
    • อีเมล์
ทำไมมีรายชื่อเบนซ์กับ bm เนี่ย เพราะตอนนี้ก็ Euro 6 กับ 5 กันอยู่แล้ว ถ้าเบนซ์ขานรับแปลว่าอีกหย่อยจะตัดแอดบลูออก และจุนเครื่องให้เหลือ Euro5?

คิดเหมือนผมเลย เหมือนเบนซ์ได้ประโยชน์

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,145
ทำไมนานจัง พวกผู้ผลิตส่งเมืองนอกอยุ่แล้ว แค่เอารถกระบะที่ส่งนอกมาขายคนไทยด้วย ไม่ต้องลดต้นทุน ปี 63 น่าจะได้แล้วมั้ง

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,225
    • อีเมล์
ส่วนตัวคิดแบบสุดโต่งเลย คือ แก้ PM2.5 ไม่ได้หรอกครับ

ทำไมนะเหรอ
1. รถเก่าวิ่งกันอยู่เต็มถนน ไม่ใช่ว่าผลิตรถ EURO5 หรือ EURO6 แล้ว จะทำลายรถ EURO3, EURO4 ทิ้ง ซะเมื่อไหร่
2. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดมาหลายปี แต่คนเพิ่งจะมาตระหนักหรือตื่นตัวปีนี้เอง เลยอาจจะเป็นกระแส(แล้วอาจจะดับไป)
3. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้มาจากรถยนต์เพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมชาติ(ลม,อากาศ)
4. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดจากการเกษตรแทบทั้งประเทศ ที่เรารู้ๆ ตามหน้าสื่อ คือ การเผา ซึ่งรุนแรงกว่ารถยนต์ด้วย(เพราะต่างจังหวัดรถยนต์น้อยกว่า แต่ PM2.5 หนักกว่าในกรุงเทพฯ อีก)
5. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ สมมุติ 1 คัน ปล่อย 20 ug/m3 ไม่เกินค่าที่กำหนดก็จริง แต่พอหลายๆ คันในพื้นที่ตรงนั้นปล่อยพร้อมกัน มันก็เกินแน่นอน ต้องยอมรับว่า รถยนต์ในเมืองหลักๆ ค่อนข้างหนาแน่น จำนวนรถต่อพื่นที่มากจริง

ผมเอาในช่วย เรื่องพลักดัน EURO5 หรือ EURO6 แต่ผมไม่ได้สนใจเฉพาะ PM2.5 นะ แต่ผมสนใจเรื่องก๊าซพิษอื่นๆ ด้วยมากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2019, 09:48:38 โดย DiKiBoyZ »

ออฟไลน์ arton

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
    • อีเมล์
ส่วนตัวคิดแบบสุดโต่งเลย คือ แก้ PM2.5 ไม่ได้หรอกครับ

ทำไมนะเหรอ
1. รถเก่าวิ่งกันอยู่เต็มถนน ไม่ใช่ว่าผลิตรถ EURO5 หรือ EURO6 แล้ว จะทำลายรถ EURO3, EURO4 ทิ้ง ซะเมื่อไหร่
2. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดมาหลายปี แต่คนเพิ่งจะมาตระหนักหรือตื่นตัวปีนี้เอง เลยอาจจะเป็นกระแส(แล้วอาจจะดับไป)
3. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้มาจากรถยนต์เพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมชาติ(ลม,อากาศ)
4. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดจากการเกษตรแทบทั้งประเทศ ที่เรารู้ๆ ตามหน้าสื่อ คือ การเผา ซึ่งรุนแรงกว่ารถยนต์ด้วย(เพราะต่างจังหวัดรถยนต์น้อยกว่า แต่ PM2.5 หนักกว่าในกรุงเทพฯ อีก)
5. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ สมมุติ 1 คัน ปล่อย 20 ug/m3 ไม่เกินค่าที่กำหนดก็จริง แต่พอหลายๆ คันในพื้นที่ตรงนั้นปล่อยพร้อมกัน มันก็เกินแน่นอน ต้องยอมรับว่า รถยนต์ในเมืองหลักๆ ค่อนข้างหนาแน่น จำนวนรถต่อพื่นที่มากจริง

ผมเอาในช่วย เรื่องพลักดัน EURO5 หรือ EURO6 แต่ผมไม่ได้สนใจเฉพาะ PM2.5 นะ แต่ผมสนใจเรื่องก๊าซพิษอื่นๆ ด้วยมากกว่า

             ขอตอบในฐานะที่อยู่ในแวดวงดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยได้ครับ แต่ต้องทำมาตรการอื่น ๆ เพื่อตอบข้อ 1 - 5 ไปพร้อม ๆ กัน (การลดแหล่งกำเนิดมลพิษ คือ หัวใจหลักในการแก้ไขปัญหาฝุ่น (ไม่ใช่แค่ PM 2.5)) เราช้ากว่า ประเทศในยุโรป อเมริกา เป็น 10 ปี ในการปรับปรุงมาตรฐานเครื่องยนต์ ดังนั้น ผมก็เห็นด้วยกับบางท่านน่ะที่ว่าขอปี 63 ได้ไหม แต่ค่ายรถก็คงต้องขอเวลาปรับตัว (ประมาณกำไร + ต้นทุนใหม่ 55)

             ส่วนมาตรการเรื่องรถเก่า ที่มีเฉียด ๆ 5 ล้านคันที่ต่ำกว่า euro 5 สิ่งที่สำคัญคือ การตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพทื่ดี (ต้องเข้มขึ้น ตรวจถี่ขึ้น ไม่ต้องถึง 7 ปี ก็ควรตรวจได้แล้ว) + ส่งเสริมใช้น้ำมัน euro 5 (ลดฝุ่นได้ประมาณ 20%)

              อย่างไรก็ตาม ก็ต้องกลับไปเรื่องลดแหล่งกำเนิด นั่นคือ ลดการใช้ครับ อะไรที่มันปล่อย ก็ต้องไม่ใช้มัน บางท่านก็บอกว่าจะเลิกใช้ดีเซล อันนี้ ดี สนับสนุน (55) ว่าแต่รัฐก็ต้องหารถทางเลือกมาให้ใช้ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนตัวก็จะว่าจะลด ละ เลิก หละ คันต่อไปคงเลิกคบดีเซลแม้ว่า ดีเซลรุ่นใหม่ๆ จะกำจัดได้ดี แต่ก็เบื่อต้องมาดูแลรักษาระบบบำบัดระยะยาว (ทั้งๆ ที่ชอบ)

     ช่วย ๆ กันครับ ฝุ่น มันเกิดจากเรานี่หละ ไม่ต้องโทษใคร

ออฟไลน์ PeterC

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
    • อีเมล์
หลายคนยังเข้าใจผิด ความอันตรายของ PM.2.5 หรือ PM.10 ถ้าแหล่งกำเนิดมาจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เช่นของเครื่องยนต์ จะเกิด ซัลเฟอร์ไดออกไซต์และโลหะหนัก ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายไม่สามารถขับออกได้ PM.2.5 จะเข้าสู่กระแสเลือด ส่วน PM.ใหญ่กว่า 2.5 จะสะสมอยู่ที่ปอด ก่อมะเร็งและโรคร้ายอื่นได้ ไม่เพียงไอเสีย การเผาขยะพลาสติกก็เกิดสารพิษเช่นเดียวกัน แต่การเผาต้นไม้ใบหญ้านั้น ความเป็นพิษต่ำกว่ามาก เพราะร่างกายสามารถขับออกได้ตามธรรมชาติ
  ดังนั้นในสังคมเมืองรถรามากมาย จะต้องแก้ไขแบบองค์รวม
1.รถดีเซลเก่า ระบบเก่าก่อน commonrail ไม่เพียงต้องปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ฟิต เพิ่มมาตรฐานการ ตลอ. ให้เข้มงวดขึ้นกว่าเดิม50% ถ้าไม่ผ่านก็ไม่สามารถต่อทะเบียนได้เป็นต้น ทั้งนี้รัฐต้องส่งเสริมเรื่องเงินทุนในการปรับปรุงฟิตเครื่องยนต์ เช่นสินเชื่อฟิตเครื่องยนต์ดอก 0%
2.พัฒนา B100 ให้ใช้ได้กับรถดีเซลเก่าแบบไม่มีปัญหา เพราะB100 ไม่ก่อ PM.2.5 เรื่องนี้รัฐต้องให้เป็นวาระแห่งชาติ
3.ไม่ใช่ควบคุม ตรวจวัดไอเสียเฉพาะในกรุงเทพ แต่อย่าลืมปริมณฑลนะครับ ไม่ว่าจะเป็นนนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม เพราะว่าปริมณฑลรถดีเซลวิ่งมากกว่าในกรุงเทพเสียอีก แต่สมุทรปราการบ้านผม ไม่เห็นใครมาวัดไอเสีย หรือทำอะไรเพื่อลด PM.2.5 เลย ปัจจุบันยังคงเห็นรถปล่อยควันดำวิ่งกันมากมาย

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
จะทำอะไรก้ทำไปเถอะครัช ของจริงต้องรอคนนี้ครัช 555
ปี 66 ถึงจะได้ใช้ น้ำมันยูโร 5
รถยนต์ตอนนี้(ปี62) รองรับยูโร 6กันแล้วมั้งครับ(พวกที่ส่งไปยุโรป)


https://www.prachachat.net/economy/news-290097
ก.พลังงาน ยันโรงกลั่น 6 รายพร้อมผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ปี’66 งัด 3 มาตรการรองรับ เล็งลดราคาดีเซล
วันที่ 13 February 2019 - 20:08 น

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่น เพื่อหามาตรการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ว่า กระทรวงได้เร่งรัดผู้ประกอบการโรงกลั่นในประเทศ 6 รายที่พร้อมจะผลิตน้ำมันดีเซลคุณภาพยูโร 5 ได้ทั้งหมดภายในปี 2566 จากเดิมในปี 2567-68 โดยระหว่างที่ยังผลิตไม่ได้จะมี 3 มาตรการจูงใจ ได้แก่

1. ส่งเสริมการผลิตยูโร 4 พลัส ที่จะลดค่ากำมะถันลงเหลือ 30 พีพีเอ็ม 2. หาแรงจูงใจให้จำหน่ายน้ำมันยูโร 5 มากขึ้นด้วยการลดราคาดีเซลเกรดพรีเมียมลงอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ใกล้เคียงกับดีเซลปกติมากสุด 3. รณรงค์การใช้บี 20 ให้มากขึ้นโดยอาจขยายเวลาการอุดหนุนราคาบี 20 ให้ถูกกว่าดีเซล (บี 7) อัตรา 5 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.นี้ ออกไปอีก

“ปัจจุบันมีโรงกลั่นผลิตน้ำมันยูโร 5 ได้เพียง 2 แห่งคือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) กับโรงกลั่นบางจาก เมื่อปรับมาผลิตทุกรายจะต้องลงทุนทั้งหมด 3.5 หมื่นล้านบาท ถือว่าเราก็พยายามเร่งให้เร็วและระหว่างที่ยังผลิตยูโร 5 ไม่ได้ จะมีมาตรการมาดูแลปัญหาฝุ่นที่มอบให้ทุกส่วนไปจัดทำรายละเอียดที่จะต้องดำเนินการให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ โดยเบื้องต้นรัฐจะให้ลดปริมาณสำรองน้ำมันดิบลงจาก 6% เหลือ 1-2% ของการจำหน่าย เพื่อลดภาระการลงทุนและไม่ให้กระทบราคาขายปลีก”นายศิริกล่าว



นอกจากนี้ ขณะนี้ยังให้ศึกษาแนวทางส่งเสริมการผลิตมาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 4 พลัส ที่ลดค่ากำมะถันลงต่ำสุดเหลือ 30 พีพีเอ็ม จากค่ามาตรฐานเดิม 50 พีพีเอ็ม คาดว่าจะช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ลงได้อีก 10-15% ทำให้คุณภาพอากาศจะดียิ่งขึ้น การส่งเสริมให้เกิดการจำหน่ายน้ำมันยูโร 5 ที่ขณะนี้มีการผลิตอยู่ 500 ล้านลิตรต่อเดือน หรือคิดเป็น 25% ของความต้องการใช้ดีเซลปกติ

นายศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ดีเซลพรีเมียมด้วยการลดราคาจำหน่ายลงมาอีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ลดราคาไปแล้ว 1 บาทต่อลิตร ทำให้ดีเซลพรีเมียมแพงกว่าดีเซลปกติขณะนี้ประมาณ 2.60 บาทต่อลิตร ตั้งเป้าหมายให้ส่วนต่างใกล้เคียงกันมากขึ้น โดยอาจใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาดูแลเพื่อให้เป็นมาตรการระยะยาว ประกอบกับรณรงค์เพิ่มการใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษบี 20 เพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมความพร้อมถึงการทดสอบในกลุ่มรถยนต์ทั่วไป เช่น รถกระบะ 1 ตัน จากปัจจุบันบี 20 ใช้เฉพาะรถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ และเรือโดยสารสาธารณะ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการเปิดจำหน่ายบี 20 ผ่านปั๊มน้ำมัน ปตท.และบางจาก 10 ปั๊ม พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียง 3 วัน ขายได้ถึง 150,000 ลิตร จึงเตรียมเร่งขยายผลส่งเสริมให้ปั๊มขายบี 20 เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะพิจารณาขยายระยะเวลาการอุดหนุนราคาบี 20 ให้ถูกกว่าบี 7 อัตรา 5 บาทต่อลิตร จากเดิมหมดระยะเวลา 3 เดือนภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้

ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า เตรียมประสานสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะเร่งกำหนดมาตรฐานบังคับเครื่องยนต์ยูโร 5 ทั้งเบนซินและดีเซลภายในปี 2564 รองรับค่ายรถที่ผลิตรถยนต์ใหม่มาตรฐานยูโร 5 คาดจะมีความชัดเจนและมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี โดยเบื้องต้นบริษัทรถยนต์ 9 ราย ตอบรับกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 สำหรับรถยนต์ใหม่ทุกรุ่น ได้แก่ โตโยต้า บีเอ็มดับบลิวยู จีเอ็ม อีซูซุ มาสด้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ มิซซูบิชิ เอ็มจี และซูซิกิ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่น จากทั้งหมด 12 ราย

สำหรับค่ายรถยนต์อีก 3 ราย ได้แก่ ฮอนด้า ฟอร์ด และนิสสัน ที่ยังไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ โดยขอกลับไปหารือกับบริษัทแม่และศึกษาเทคโนโลยีก่อน ซึ่ง สศอ.จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด คาดจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ และน่าจะมีการแถลงข่าวถึงความร่วมมือดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือนก.พ.นี้

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาไทยมีความล่าช้าเรื่องการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 ที่สหภาพยุโรป (อียู) เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2552 และไทยควรเริ่มตั้งแต่เมื่อปี 2554 แต่ไทยกลับเพิ่งเริ่มยูโร 4 เมื่อปี 2555

 

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
สมควรทำนะครับ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ส่วนรถดัดแปลง อาจต้องหาวิธีตรวจสอบให้ดีกว่านี้ เพื่อป้องกัน เช่น ต้องตรวจสภาพทุก 6 เดือน ไม่ใช่แค่ทุกปี เป็นต้น

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
สมควรทำนะครับ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ส่วนรถดัดแปลง อาจต้องหาวิธีตรวจสอบให้ดีกว่านี้ เพื่อป้องกัน เช่น ต้องตรวจสภาพทุก 6 เดือน ไม่ใช่แค่ทุกปี เป็นต้น
ถ้าจับต้องจับทั้งคนดัดแปลงและร้านรับทำ ถึงจะได้ผลดีสุด

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,225
    • อีเมล์
ส่วนตัวคิดแบบสุดโต่งเลย คือ แก้ PM2.5 ไม่ได้หรอกครับ

ทำไมนะเหรอ
1. รถเก่าวิ่งกันอยู่เต็มถนน ไม่ใช่ว่าผลิตรถ EURO5 หรือ EURO6 แล้ว จะทำลายรถ EURO3, EURO4 ทิ้ง ซะเมื่อไหร่
2. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดมาหลายปี แต่คนเพิ่งจะมาตระหนักหรือตื่นตัวปีนี้เอง เลยอาจจะเป็นกระแส(แล้วอาจจะดับไป)
3. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้มาจากรถยนต์เพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมชาติ(ลม,อากาศ)
4. ปัญหาฝุ่น PM2.5 เกิดจากการเกษตรแทบทั้งประเทศ ที่เรารู้ๆ ตามหน้าสื่อ คือ การเผา ซึ่งรุนแรงกว่ารถยนต์ด้วย(เพราะต่างจังหวัดรถยนต์น้อยกว่า แต่ PM2.5 หนักกว่าในกรุงเทพฯ อีก)
5. ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ สมมุติ 1 คัน ปล่อย 20 ug/m3 ไม่เกินค่าที่กำหนดก็จริง แต่พอหลายๆ คันในพื้นที่ตรงนั้นปล่อยพร้อมกัน มันก็เกินแน่นอน ต้องยอมรับว่า รถยนต์ในเมืองหลักๆ ค่อนข้างหนาแน่น จำนวนรถต่อพื่นที่มากจริง

ผมเอาในช่วย เรื่องพลักดัน EURO5 หรือ EURO6 แต่ผมไม่ได้สนใจเฉพาะ PM2.5 นะ แต่ผมสนใจเรื่องก๊าซพิษอื่นๆ ด้วยมากกว่า

             ขอตอบในฐานะที่อยู่ในแวดวงดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยได้ครับ แต่ต้องทำมาตรการอื่น ๆ เพื่อตอบข้อ 1 - 5 ไปพร้อม ๆ กัน (การลดแหล่งกำเนิดมลพิษ คือ หัวใจหลักในการแก้ไขปัญหาฝุ่น (ไม่ใช่แค่ PM 2.5)) เราช้ากว่า ประเทศในยุโรป อเมริกา เป็น 10 ปี ในการปรับปรุงมาตรฐานเครื่องยนต์ ดังนั้น ผมก็เห็นด้วยกับบางท่านน่ะที่ว่าขอปี 63 ได้ไหม แต่ค่ายรถก็คงต้องขอเวลาปรับตัว (ประมาณกำไร + ต้นทุนใหม่ 55)

             ส่วนมาตรการเรื่องรถเก่า ที่มีเฉียด ๆ 5 ล้านคันที่ต่ำกว่า euro 5 สิ่งที่สำคัญคือ การตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพทื่ดี (ต้องเข้มขึ้น ตรวจถี่ขึ้น ไม่ต้องถึง 7 ปี ก็ควรตรวจได้แล้ว) + ส่งเสริมใช้น้ำมัน euro 5 (ลดฝุ่นได้ประมาณ 20%)

              อย่างไรก็ตาม ก็ต้องกลับไปเรื่องลดแหล่งกำเนิด นั่นคือ ลดการใช้ครับ อะไรที่มันปล่อย ก็ต้องไม่ใช้มัน บางท่านก็บอกว่าจะเลิกใช้ดีเซล อันนี้ ดี สนับสนุน (55) ว่าแต่รัฐก็ต้องหารถทางเลือกมาให้ใช้ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนตัวก็จะว่าจะลด ละ เลิก หละ คันต่อไปคงเลิกคบดีเซลแม้ว่า ดีเซลรุ่นใหม่ๆ จะกำจัดได้ดี แต่ก็เบื่อต้องมาดูแลรักษาระบบบำบัดระยะยาว (ทั้งๆ ที่ชอบ)

     ช่วย ๆ กันครับ ฝุ่น มันเกิดจากเรานี่หละ ไม่ต้องโทษใคร

"ส่วนมาตรการเรื่องรถเก่า ที่มีเฉียด ๆ 5 ล้านคันที่ต่ำกว่า euro 5 สิ่งที่สำคัญคือ การตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพทื่ดี (ต้องเข้มขึ้น ตรวจถี่ขึ้น ไม่ต้องถึง 7 ปี ก็ควรตรวจได้แล้ว) + ส่งเสริมใช้น้ำมัน euro 5 (ลดฝุ่นได้ประมาณ 20%)"

อันนี้หมายถึงแค่รถเก่า Euro1-4 จับมาเติมน้ำมัน Euro5 (เรียก premium เข้าใจง่ายดี) มันลดฝุ่นที่ปล่อยจากกระบวนการเผาไม้ของเครื่องยนต์ได้ 20% เลยเหรอครับ โดยที่ไม่มีกระบวนการบำบัดใดๆ ไม่ต้องมี DPF หรือ AdBlue เลยเหรอครับ พอจะมีข้อมูลอ้างอิงไหมครับ ผมจะได้ลองไปศึกษาดู

เพระาผมเข้าใจว่า ฝุ่นมันเกิดจากกระบวนการของเครื่องยนต์เอง(ยิ่งพวก direct injection นี่ละตัวก่อ PM2.5 เลย) ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีผลกับก๊าซ emission หรือป่าว ผมเข้าใจแบบนั้น

ส่วนเรื่องจะยกเลิกรถเก่า ผมว่าทำจริงไม่ได้หรอกครับ เอาง่ายๆ เลย คนมีรถกระบะทำมาหากิน กว่าเขาจะเก็บเงินเปลี่ยนรถได้คันนึง บางคนเก็บเงินเกือบทั้งชีวิต ซึ่งผมเห็นด้วย แต่ทำจริงไม่ได้

รถผมเองก็มีทั้ง บางคันเป็น Euro4 บางคันก็มากกว่านั้นแล้ว

ออฟไลน์ arton

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
    • อีเมล์
ครับ เนื่องจากเนื้อน้ำมัน Euro 5 มีค่ากำมะถันต่ำกว่า Euro 4 ต่ำกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน หรือลดลง 5 เท่า แม้ไม่มีระบบบำบัดใด ๆ ปลายทางก็ปล่อยฝุ่นลดลงอยู่แล้วครับ แต่อย่างที่บอก ว่าไม่ได้เยอะมากแต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเรย
                ภาครัฐกำลังหาทางทำให้น้ำมัน Euro 5 อยู่ในวิสัยที่ทุกคนพอจะใช้ได้หรือนำ Euro 4+ มาประทังเวลาก่อนจะใช้ euro 5 จริงทั้งหมด (ทั้งนี้ มาตรการน่าจะมาเป็นระลอก ๆ ในช่วงกลางปี ถึงปลายปีนี้ครับ)

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,969
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์


"ส่วนมาตรการเรื่องรถเก่า ที่มีเฉียด ๆ 5 ล้านคันที่ต่ำกว่า euro 5 สิ่งที่สำคัญคือ การตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพทื่ดี (ต้องเข้มขึ้น ตรวจถี่ขึ้น ไม่ต้องถึง 7 ปี ก็ควรตรวจได้แล้ว) + ส่งเสริมใช้น้ำมัน euro 5 (ลดฝุ่นได้ประมาณ 20%)"

อันนี้หมายถึงแค่รถเก่า Euro1-4 จับมาเติมน้ำมัน Euro5 (เรียก premium เข้าใจง่ายดี) มันลดฝุ่นที่ปล่อยจากกระบวนการเผาไม้ของเครื่องยนต์ได้ 20% เลยเหรอครับ โดยที่ไม่มีกระบวนการบำบัดใดๆ ไม่ต้องมี DPF หรือ AdBlue เลยเหรอครับ พอจะมีข้อมูลอ้างอิงไหมครับ ผมจะได้ลองไปศึกษาดู

เพระาผมเข้าใจว่า ฝุ่นมันเกิดจากกระบวนการของเครื่องยนต์เอง(ยิ่งพวก direct injection นี่ละตัวก่อ PM2.5 เลย) ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีผลกับก๊าซ emission หรือป่าว ผมเข้าใจแบบนั้น

ส่วนเรื่องจะยกเลิกรถเก่า ผมว่าทำจริงไม่ได้หรอกครับ เอาง่ายๆ เลย คนมีรถกระบะทำมาหากิน กว่าเขาจะเก็บเงินเปลี่ยนรถได้คันนึง บางคนเก็บเงินเกือบทั้งชีวิต ซึ่งผมเห็นด้วย แต่ทำจริงไม่ได้

รถผมเองก็มีทั้ง บางคันเป็น Euro4 บางคันก็มากกว่านั้นแล้ว

เคยอ่านจากที่ไหนหว่าผมก้ลืมๆลิ้งค์ไปละ  ประมาณว่าสารตั้งต้นที่นำมาผสม ให้เป็นยูโร 5 ทำให้ต่อลิตรมีส่วนผสมของน้ำมันที่น้อยลงไปด้วย และสารที่เอามาผสม  มันไม่ก่อฝุ่นละออง
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 701
น้ำมัน Euro5 ตอนนี้คือต้องเป็นตัว Premium อย่างเดียวใช่ไหมครับ?
น้ำมันเกรดธรรมดาทั้งหมดนั่นคือแค่ Euro4 ใช่รึป่าว?
หรือน้ำมันธรรมดาที่เป็น Euro5 ก็มีเหมือนกัน?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
น้ำมัน Euro5 ตอนนี้คือต้องเป็นตัว Premium อย่างเดียวใช่ไหมครับ?
น้ำมันเกรดธรรมดาทั้งหมดนั่นคือแค่ Euro4 ใช่รึป่าว?
หรือน้ำมันธรรมดาที่เป็น Euro5 ก็มีเหมือนกัน?
ในไทยตอนนี้ Euro 5 แค่สามอย่างนี้ครับ
- ปตท ดีเซล พรีเมียม
- บางจาก ดีเซล พรีเมียม
- บางจาก E20 ธรรมดา (เป็นน้ำมันเกรดธรรมดาตัวเดียวในไทยที่เป็น Euro 5 แต่เป็นของรถเบนซิน)

ยี่ห้ออื่นทั้งหมด ทุกเกรด ทุกชนิด เป็น Euro 4 ครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
น้ำมัน Euro5 ตอนนี้คือต้องเป็นตัว Premium อย่างเดียวใช่ไหมครับ?
น้ำมันเกรดธรรมดาทั้งหมดนั่นคือแค่ Euro4 ใช่รึป่าว?
หรือน้ำมันธรรมดาที่เป็น Euro5 ก็มีเหมือนกัน?
ในไทยตอนนี้ Euro 5 แค่สามอย่างนี้ครับ
- ปตท ดีเซล พรีเมียม
- บางจาก ดีเซล พรีเมียม
- บางจาก E20 ธรรมดา (เป็นน้ำมันเกรดธรรมดาตัวเดียวในไทยที่เป็น Euro 5 แต่เป็นของรถเบนซิน)

ยี่ห้ออื่นทั้งหมด ทุกเกรด ทุกชนิด เป็น Euro 4 ครับ
บางจากดีเซลธรรมดาก็ Euro5 ครับ เปิดตัวก่อนพรีเมี่ยมพักนึง เป็นดีเซลธรรมดารายเดียวที่เป็น Euro5 ครับ