ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมัน Shell วีเพาเวอร์ ดีเซล ได้ได้มาตรฐาน ยูโร5 หรือเปล่าครับ?  (อ่าน 26549 ครั้ง)

ออฟไลน์ Capulet

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
ที่ผมเข้าใจคือ น้ำมันดีเซลที่ได้มาตรฐานยโร5จริงๆ ในเมืองไทยมีแค่2ยี่ห้อคือ ปตท. กับ บางจาก
ส่วน วีเพาเวอร์ดีเซลของShell นี่ได้แค่มาตรฐานยูโร4เท่านั้น แต่เพิ่มหัวเชื้อตามสูตรของเค้าเข้าไป
ทำให้เวลาขับรู้สึกว่าแรงขึ้น ลื่นขึ้น คนจึงนิยมเติมกัน
 
 ..ถ้ามันแค่ยูโร4+หัวเชื้อ มันจะดีกว่า ปตท.กับ บางจากได้อย่างไร สำหรับรถที่มีระบบ DPF
 ...อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ

ออฟไลน์ sharpux21

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 217
ไม่ผ่านยูโร 5

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,535
ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ

จริงๆ ถ้าไม่ได้วิ่งรถติดหนักๆ สาหัสทุกวัน พวกกรอง DPF มีน้ำยาช่วยชะล้างเขม่า ไม่ได้พังหรือป่วยง่ายแบบบางยี่ห้อจนทำให้ DPF ดูเลวร้าย
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ Capulet

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ


ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ แล้ว Euro 4 มันจะดีกว่า Euro 5ได้อย่างไร
อันนี้ผมงงครับ ...

ออฟไลน์ jbrc

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 319
Disel ptt premium euro 5 ใช้กับ crv g5 disel เขม่าน้อย dpf ไม่ตัน ท่อไอเสียโล่ง เร่งลื่นกว่า  รอบกวาดได้ดีกว่า น้ำมันตัวอื่นผมลองทดสอบมาครบทุกตัวแล้ว  ลองทดสอบกันดูครับ

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,535
คุณภาพในแง่ความสะอาด และสารเจือปนในน้ำมันไงครับ ไม่ใช่เรื่องพวกสารประกอบทางเคมีของน้ำมัน

ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ


ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ แล้ว Euro 4 มันจะดีกว่า Euro 5ได้อย่างไร
อันนี้ผมงงครับ ...
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ tatum0022

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 760
    • อีเมล์
คัน E ผม ถ้าจะเติมตัวพรีเมี่ยมก็จะเติมแค่ ปตท และ บางจาก แหละครับ ยี่ห้ออื่นยังไม่ผ่าน เลยไม่เสี่ยง จริงๆ แล้ว Benz ต้องการ Euro6 ด้วยซ้ำ แต่ถามศูนย์แล้วเขาบอกจูนลงมาใช้น้ำมันบ้านเราพอไหวอยู่
E220d AMG 17' BBS RI-D
C200 AMG Carlsson add on 12'
Fortuner 2.8 E4 16'
Camry Hybrid 10'
Jazz JP 12'
vios 13'
Preruner 08'
Austin Mini Mark1 1962

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
    • อีเมล์
คุณภาพในแง่ความสะอาด และสารเจือปนในน้ำมันไงครับ ไม่ใช่เรื่องพวกสารประกอบทางเคมีของน้ำมัน

ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ


ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ แล้ว Euro 4 มันจะดีกว่า Euro 5ได้อย่างไร
อันนี้ผมงงครับ ...
แสดงว่ายี่ห้ออื่นสะอาดน้อยกว่า แต่ได้มาตรฐานสูงกว่าเหรอครับ

แล้วความสะอาดของน้ำมันนี่จะวัดกันยังไง ว่าของใครสะอาดกว่า

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,810
ที่ผมเข้าใจคือ น้ำมันดีเซลที่ได้มาตรฐานยโร5จริงๆ ในเมืองไทยมีแค่2ยี่ห้อคือ ปตท. กับ บางจาก
ส่วน วีเพาเวอร์ดีเซลของShell นี่ได้แค่มาตรฐานยูโร4เท่านั้น แต่เพิ่มหัวเชื้อตามสูตรของเค้าเข้าไป
ทำให้เวลาขับรู้สึกว่าแรงขึ้น ลื่นขึ้น คนจึงนิยมเติมกัน
 
 ..ถ้ามันแค่ยูโร4+หัวเชื้อ มันจะดีกว่า ปตท.กับ บางจากได้อย่างไร สำหรับรถที่มีระบบ DPF
 ...อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ
นำมันยูโร5จะมีค่ากำมะถันน้อยกว่ายูโร4 10เท่า ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์ที่มีDPFสามารถใช้งานโดยDPFไม่ต้องRegenบ่อยๆ ซึ่งการRegenทำให้เพิ่มการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและจะมีน้ำมันส่วนเกินจากการRegenได้ครับ
ส่วนตัวผมเติมHyforce Diesel Euro5 มาเป็นเวลา7ปีแล้วยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2019, 13:34:09 โดย V221 »
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,535
ก็ที่ผ่านมาน้ำมันแบรนด์ไทยมีข้อครหาเรื่องความสะอาดในการจัดเก็บ ส่งผลให้เกิดปัญหากับปั๊มเชื้อเพลิง จึงมีคำแนะนำให้เติมน้ำมันจากปั๊มยี่ห้อต่างประเทศ คุณลองไปค้นหาอ่านเรื่องเครื่องดับเอง ปั๊มพังบ้างก็ได้นะครับ

คุณภาพในแง่ความสะอาด และสารเจือปนในน้ำมันไงครับ ไม่ใช่เรื่องพวกสารประกอบทางเคมีของน้ำมัน

ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ


ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ แล้ว Euro 4 มันจะดีกว่า Euro 5ได้อย่างไร
อันนี้ผมงงครับ ...
แสดงว่ายี่ห้ออื่นสะอาดน้อยกว่า แต่ได้มาตรฐานสูงกว่าเหรอครับ

แล้วความสะอาดของน้ำมันนี่จะวัดกันยังไง ว่าของใครสะอาดกว่า
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
    • อีเมล์
ก็ที่ผ่านมาน้ำมันแบรนด์ไทยมีข้อครหาเรื่องความสะอาดในการจัดเก็บ ส่งผลให้เกิดปัญหากับปั๊มเชื้อเพลิง จึงมีคำแนะนำให้เติมน้ำมันจากปั๊มยี่ห้อต่างประเทศ คุณลองไปค้นหาอ่านเรื่องเครื่องดับเอง ปั๊มพังบ้างก็ได้นะครับ

คุณภาพในแง่ความสะอาด และสารเจือปนในน้ำมันไงครับ ไม่ใช่เรื่องพวกสารประกอบทางเคมีของน้ำมัน

ตามโฆษณาคือยังเป็น Euro 4 ส่วนที่ว่าดีกับการใช้ DPF หรือไม่ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ


ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคุณภาพน้ำมัน ไม่ใช่เรื่องกรองมลพิษ แล้ว Euro 4 มันจะดีกว่า Euro 5ได้อย่างไร
อันนี้ผมงงครับ ...
แสดงว่ายี่ห้ออื่นสะอาดน้อยกว่า แต่ได้มาตรฐานสูงกว่าเหรอครับ

แล้วความสะอาดของน้ำมันนี่จะวัดกันยังไง ว่าของใครสะอาดกว่า
เคยอ่านมาบ้างครับ. ส่วนใหญ่ก็มาจากคนใช้บ้างก็ว่าปั๊มนอกพุ่งกว่าเร่งดีกว่า

เรื่องความสะอาดการจัดเก็บ อันนี้หมายถึงปั้๊มที่ไปเติมหรือตั้งแต่โรงกลั่นเลยครับ. ถ้าหมายถึงปั๊มที่เติมปั๊มที่เติม ปั๊มนอกโทรมๆก็มีโอกาสน้ำมันไม่สะอาดใช่มั้ยครับ

หรือมีข้อมูลตรงไหนช่วยชี้เป้าหน่อย เพราะที่เห็นมีแต่ความเห็นส่วนตัวทั้งนั้นเลย


ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
เท่าที่ทราบ ตอนนี้ Euro5 มีเฉพาะพรีเมี่ยมของ ปตท. และพรีเมี่ยมของ บางจาก นอกนั้นยัง Euro4

เรื่องพุ่ง ลื่น แรง กับ มลพิษหรือสะอาด มันคนละเรื่องกันนะครับ ค่ามาตรฐาน Euro ของน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับความแรง ต้องไปดูการให้พลังงาน ซีเทน และ additive ที่เขาผสมลงไป ว่าเพื่อมุ่งเน้นหรือหวังผลเป็นเรื่องๆ ไป

ถ้าหมายถึงเรื่องมลพิษ ตามท่านล่างนี้

ที่ผมเข้าใจคือ น้ำมันดีเซลที่ได้มาตรฐานยโร5จริงๆ ในเมืองไทยมีแค่2ยี่ห้อคือ ปตท. กับ บางจาก
ส่วน วีเพาเวอร์ดีเซลของShell นี่ได้แค่มาตรฐานยูโร4เท่านั้น แต่เพิ่มหัวเชื้อตามสูตรของเค้าเข้าไป
ทำให้เวลาขับรู้สึกว่าแรงขึ้น ลื่นขึ้น คนจึงนิยมเติมกัน
 
 ..ถ้ามันแค่ยูโร4+หัวเชื้อ มันจะดีกว่า ปตท.กับ บางจากได้อย่างไร สำหรับรถที่มีระบบ DPF
 ...อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ
นำมันยูโร5จะมีค่ากำมะถันน้อยกว่ายูโร4 10เท่า ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์ที่มีDPFสามารถใช้งานโดยDPFไม่ต้องRegenบ่อยๆ ซึ่งการRegenทำให้เพิ่มการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและจะมีน้ำมันส่วนเกินจากการRegenได้ครับ
ส่วนตัวผมเติมHyforce Diesel Euro5 มาเป็นเวลา7ปีแล้วยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆเลยครับ

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์

ถ้าเอาเรื่องมลพิษความแตกต่างของeuro4 กับ euro 5 จะประมาณนี้

เครื่องยนต์ที่ได้มาตรฐาน Euro 5 จะดีกว่าเครื่องยนต์ Euro 4 ในแง่ของการปล่อยมลภาวะดังต่อไปนี้ [ตัวเลขนี้ จะอ้างอิงตามมาตรฐาน Euro สำหรับรถยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายรถกระบะที่ประเทศไทยใช้, เป็นตัวเลขมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล]

ค่าไนโตรเจนออกไซด์ - ลดลงจากเดิม ไม่เกิน 0.33 กรัม/กิโลเมตร เป็น 0.235 กรัม/กิโลเมตร (ลดลง 28.7%)
ค่ารวมของไฮโดรคาร์บอนกับไนโตรเจนออกไซด์ - ลดลงจากเดิม ไม่เกิน 0.39 เป็น 0.295 กรัม/กิโลเมตร (ลดลง 24.3%)
มลพิษอนุภาค (PM) - ลดลงจากเดิม ไม่เกิน 0.04 กรัม/กิโลเมตร กลายเป็น ไม่เกิน 0.005 กรัม/กิโลเมตร (ลดลง 87.5%)
จะเห็นได้ว่า เครื่องยนต์ที่ได้มาตรฐาน Euro 5 นั้น ลดการปล่อย PM ลงจาก Euro 4 อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เท่ากับว่าหากนำเครื่องยนต์ 2 แบบมาติดตั้งในรถยนต์แล้ววิ่งไปด้วยกัน รถที่ใช้เครื่องยนต์ Euro 5 จำนวน แปดคันจะปล่อย PM เท่ากับรถ Euro 4 เพียงคันเดียว ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าพอใช้ Euro 5 แล้วจะปล่อยให้มีรถดีเซลจำนวนมากขึ้นในท้องถนนได้ เพราะยังมีประเด็นของค่ามลพิษประเภทอื่นที่ไม่ได้ลดลงมากเท่าค่า PM


สรุปคือ ลดPM 2.5 ที่เป็นปัญหาสำคัญตอนนี้ลงได้อย่างมาก
ข้อมูลจากface book คุณแพนครับ

ออฟไลน์ dt9

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
    • อีเมล์
เท่าที่ทราบ ตอนนี้ Euro5 มีเฉพาะพรีเมี่ยมของ ปตท. และพรีเมี่ยมของ บางจาก นอกนั้นยัง Euro4

เรื่องพุ่ง ลื่น แรง กับ มลพิษหรือสะอาด มันคนละเรื่องกันนะครับ ค่ามาตรฐาน Euro ของน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับความแรง ต้องไปดูการให้พลังงาน ซีเทน และ additive ที่เขาผสมลงไป ว่าเพื่อมุ่งเน้นหรือหวังผลเป็นเรื่องๆ ไป

ถ้าหมายถึงเรื่องมลพิษ ตามท่านล่างนี้

ที่ผมเข้าใจคือ น้ำมันดีเซลที่ได้มาตรฐานยโร5จริงๆ ในเมืองไทยมีแค่2ยี่ห้อคือ ปตท. กับ บางจาก
ส่วน วีเพาเวอร์ดีเซลของShell นี่ได้แค่มาตรฐานยูโร4เท่านั้น แต่เพิ่มหัวเชื้อตามสูตรของเค้าเข้าไป
ทำให้เวลาขับรู้สึกว่าแรงขึ้น ลื่นขึ้น คนจึงนิยมเติมกัน
 
 ..ถ้ามันแค่ยูโร4+หัวเชื้อ มันจะดีกว่า ปตท.กับ บางจากได้อย่างไร สำหรับรถที่มีระบบ DPF
 ...อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ
นำมันยูโร5จะมีค่ากำมะถันน้อยกว่ายูโร4 10เท่า ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์ที่มีDPFสามารถใช้งานโดยDPFไม่ต้องRegenบ่อยๆ ซึ่งการRegenทำให้เพิ่มการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและจะมีน้ำมันส่วนเกินจากการRegenได้ครับ
ส่วนตัวผมเติมHyforce Diesel Euro5 มาเป็นเวลา7ปีแล้วยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆเลยครับ

ผมก็คิดแบบนั้น เรื่อง ลื่น แรง มันคนละเรื่องกับความสะอาด
เพราะลองบางจากแล้วรู้สึกมันแรงน้อยกว่า เชลล์ คาล์เท็กซ์ เอสโซ่
ส่วนเรื่องความสะอาดยังไง ยูโร่ 5 สะอาดกว่าอยู่แล้ว อันนี้ไม่ต้องเถียงกัน ไม่ใช่ประเด็นแล้ว
แต่ที่เห็นเป็นประเด็นทุกครั้งคือ ยูโร 5 แรงกว่า ยูโร 4 จริงหรือไม่
จุดนี้น่าจะมีผลทดสอบในแลบ ดีกว่าใช้ความรู้สึกกัน ใครมีผลทดสอบบ้าง เอามาลงหน่อยก็ดีครับ

ออฟไลน์ GOBBS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
V power euro4 ครับ
และเหมือน คห. อื่น แรงกับสะอาดต่างกันครับ
บางคนอาจจะชอบน้ำมันฝรั่ง เพราะสารแต่งเติมสูตรที่ตรงจริตมากกว่า แต่ข้อดีของปั้มไทยคือ ได้ euro5 ที่กำมะถันต่ำกว่า ดูจะเหมาะกับรถมี DPF มากกว่าครับ
สำหรับรถผม มี DPF ยิ่งยี่ห้อเปราะบางอย่าง mazda ผมเติม euro5 นะ ... ตอนนี้แสนกว่าโลก็ ok.อยู่นะ
จริงๆ ตอนออกรถมา มีแต่ euro4 ด้วยซ้ำ แต่ก็เติมบางจากเป็นหลักมาตลอด ก็ยังไม่มีปัญหาและไม่อยากจะมีด้วย
เรื่องความสะอาดของถังปั้ม
ปั้มฝรั่งถ้าเก่าโทรมก็น่ากลัวนะ ... ผมดูสภาพปั้มเป็นหลักก่อนดีกว่า ไม่เกี่ยวกับยี่ห้อหรอกครับ
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์


มีฝรั่งทำทดสอบไว้เหมือนกัน
v power ได้ 240 hp
น้ำมันธรรมดา236 hp
ต่างกัน1.7%

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
มาตรฐานยูโร 4 กับ 5 มีอะไรต่างกันบ้าง -​ ค่ากำมะถัน ซีเทน เขม่า
ก็ทำให้เครื่องเดินเรียบ dpf ทำงานน้อยลง มลพิษน้อยกว่า
ส่วน shell  ยังไม่ผ่านเพราะอะไร ก็ต้องไปดูว่าค่าใดค่าหนึ่งหรือทั้งสามตัว แต่ดูในเวบเค้ามีการเติมสารทำความสะอาด เพิ่มกำลังเครื่อง (ไม่รู้ว่าสารอะไร)​ เลยรู้สึกแรงกว่า
ดังนั้นต้องแยกเรื่อง dpf กับความแรงเครื่อง
ปล. ที่จขกท.ถามก็ต้องตอบว่าน้ำมันยูโร 5 เหมาะกับรถที่มี dpf กว่าในแง่ dpf ทำงานลดลง สะอาดกว่า แต่ไม่เกี่ยวกับแรงกว่าเร่งดีกว่า

ออฟไลน์ AT

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 630
    • อีเมล์
ถามเพิ่มเติมครับ ถ้าเครื่องดีเซล มาตรฐานยูโร4 เติมดีเซลยูโร5 จะทำให้เครื่องสะอาดขึ้นใช่ไหมครับ
หรือเฉพาะสำหรับเครื่องดีเซลมาตรฐานยูโร5เท่านั้น

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
เท่าที่ทราบ ตอนนี้ Euro5 มีเฉพาะพรีเมี่ยมของ ปตท. และพรีเมี่ยมของ บางจาก นอกนั้นยัง Euro4

เรื่องพุ่ง ลื่น แรง กับ มลพิษหรือสะอาด มันคนละเรื่องกันนะครับ ค่ามาตรฐาน Euro ของน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับความแรง ต้องไปดูการให้พลังงาน ซีเทน และ additive ที่เขาผสมลงไป ว่าเพื่อมุ่งเน้นหรือหวังผลเป็นเรื่องๆ ไป

ถ้าหมายถึงเรื่องมลพิษ ตามท่านล่างนี้

ที่ผมเข้าใจคือ น้ำมันดีเซลที่ได้มาตรฐานยโร5จริงๆ ในเมืองไทยมีแค่2ยี่ห้อคือ ปตท. กับ บางจาก
ส่วน วีเพาเวอร์ดีเซลของShell นี่ได้แค่มาตรฐานยูโร4เท่านั้น แต่เพิ่มหัวเชื้อตามสูตรของเค้าเข้าไป
ทำให้เวลาขับรู้สึกว่าแรงขึ้น ลื่นขึ้น คนจึงนิยมเติมกัน
 
 ..ถ้ามันแค่ยูโร4+หัวเชื้อ มันจะดีกว่า ปตท.กับ บางจากได้อย่างไร สำหรับรถที่มีระบบ DPF
 ...อันนี้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ
นำมันยูโร5จะมีค่ากำมะถันน้อยกว่ายูโร4 10เท่า ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์ที่มีDPFสามารถใช้งานโดยDPFไม่ต้องRegenบ่อยๆ ซึ่งการRegenทำให้เพิ่มการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและจะมีน้ำมันส่วนเกินจากการRegenได้ครับ
ส่วนตัวผมเติมHyforce Diesel Euro5 มาเป็นเวลา7ปีแล้วยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆเลยครับ

ผมก็คิดแบบนั้น เรื่อง ลื่น แรง มันคนละเรื่องกับความสะอาด
เพราะลองบางจากแล้วรู้สึกมันแรงน้อยกว่า เชลล์ คาล์เท็กซ์ เอสโซ่
ส่วนเรื่องความสะอาดยังไง ยูโร่ 5 สะอาดกว่าอยู่แล้ว อันนี้ไม่ต้องเถียงกัน ไม่ใช่ประเด็นแล้ว
แต่ที่เห็นเป็นประเด็นทุกครั้งคือ ยูโร 5 แรงกว่า ยูโร 4 จริงหรือไม่
จุดนี้น่าจะมีผลทดสอบในแลบ ดีกว่าใช้ความรู้สึกกัน ใครมีผลทดสอบบ้าง เอามาลงหน่อยก็ดีครับ

เอาเฉพาะเรื่องความแรง -> ว่ากันด้วยความแรงล้วนๆ เลยนะ

ก่อนอื่นนะ ยังไม่ต้องอ้างอิงหรือพาดพิงค่ายหรือยี่ห้อใดๆ นะ ผมขออธิบายแบบนี้
- ในน้ำมันที่เป็น Euro4 ด้วยกันเอง ก็มีค่ายหรือยี่ห้อ A4 แรงกว่ายี่ห้อ B4,C4,D4,...... จริงไหม
- นั้นหมายความว่า ในน้ำมัน Euro5 ด้วยกันเอง ก็ต้องมีค่ายหรือยี่ห้อ A5 แรงกว่า B5,C5,D5,.... เหมือนกัน จริงไหม

ดังนั้น ความแรง ไม่เกี่ยวกับมาตรฐาน Euro ของน้ำมันเชื้อเพลิง(ผมเอ่ยไว้แล้วข้างบน) ซึ่งนั้นหมายความว่าน้ำมัน Euro4 บางตัวอาจจะแรงกว่า Euro5 บางตัว และในทางกลับกัน น้ำมัน Euro5 บางตัวก็แรงกว่าน้ำมัน Euro4 บางตัวเช่นกัน

มันขึ้นกว่ากับว่าเขาจะเติมสาร หรือ additive อะไรเข้าไปในตัวน้ำมันนั้นต่างหาก(ผมก็เอ่ยไว้แล้วข้างต้น) ทั้งเพื่อชะล้าง ทำความสะอาด เคลือบ เพิ่มออกเทน เป็นต้น

ซึ่งสาร additive ที่เติมเข้าไปแล้วหวังผลหรือเป้าหมายเพื่อความแรงนั้น ส่วนมากเท่าที่รู้ จะเป็นพวก ออกเทนบูสเตอร์ (Octane Booster) ซึ่งบางตัวทำให้ ออกเทนสูงขึ้นกว่าเดิม เช่น แก๊ซโซฮอล 95 บางค่าย เป็นต้น

การเติม ออกเทนบูสเตอร์ (Octane Booster) บางชนิดมีผลดี คนอาจจะชอบว่า เฮ้ย ทำไมมันดูแรง ดูพุ่งกว่า อีกยี่ห้อ แต่ผลเสียที่บางคนหรือหลายๆ คนไม่รู้คือ มันมีสารตกค้างหรือปนปื้นกับน้ำ ซึ่งคนไม่สนใจจุดนี้ เช่นเดียวกับแต่ก่อนน้ำมันเป็นแบบมีสารตะกั่วผสม แต่ปัจจุบันเขาก็เป็นน้ำมันไร้สารตะกั่วหมดแล้ว

และการเพิ่มความแรง หรือ แรงม้า นั้น มันเพิ่มจริงครับ แต่.....มันเพิ่มแรงม้า 1-2% เช่น 100HP -> 102HP หรือ 200HP->202-204HP ซึ่งผมว่ามันแทบไม่เห็นผลอะไรเลยกับการใช้งานทั่วไป

ถามเพิ่มเติมครับ ถ้าเครื่องดีเซล มาตรฐานยูโร4 เติมดีเซลยูโร5 จะทำให้เครื่องสะอาดขึ้นใช่ไหมครับ
หรือเฉพาะสำหรับเครื่องดีเซลมาตรฐานยูโร5เท่านั้น

ถ้าถามว่า รถ Euro4 เติมน้ำมัน Euro5 แล้วสะอาดขึ้นไหม = สอาดขึ้น กว่ารถ Euro4 เติมน้ำมัน Euro แต่ไม่ถึงขั้นจนกลายเป็น Euro5 (มันจะมีตารางการปล่อยมลพิษของ Euro อยู่) เพราะ Euro5 ต้องมี DPF เข้ามาช่วยบำบัดไอเสียเพิ่มเติมอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2019, 11:35:09 โดย DiKiBoyZ »

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
ความรู้ตรึมเลย

ออฟไลน์ phoenixth

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
เติม shell , esso ดีเซล premium ระบบ dpf regen ที่ทุก ๆ 400 กิโล  ส่วน premium บางจาก ปตท regen ที่ทุก ๆ 250 กิโล คิดเอาเองใครเป็นมิตรกับ dpf มากกว่ากัน 5555

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,141
  • I'm............................
เมื่อก่อน Mazda 2 ใช้ ตจว. ผมก็เติมแต่ดีเซล​ ปตท. พรีเมี่ยม​ครับ 40,000 โลรถยังไม่มีปัญหา​ (ที่เกี่ยวกับ DPF)​ เลย
พอมาใช้ในเมือง เติมเชลล์ V-Power​ ไปได้ 6,000 โลเท่านั้นแหละครับ สั่นเลย
อาจจะมีทั้งปัจจัยน้ำมันและการใช้งานด้วย ตอนนี้ก็เลยสุ่มเติมเลยครับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เอากลับไป ตจว. แล้ว หวังว่าจะไม่เจออีก

ส่วนเรื่องสมรรถนะ ถ้าไม่ใช่ ปตท. ธรรมดา ก็ไม่รู้สึกว่าอืดลงอะไรอย่างเห็นได้ชัดครับ เหมือนพอๆ กันหมดที่เคยลอง
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
เข้ามาเก็บความรู้  8) 8) 8) 8) 8) 8)

ออฟไลน์ GOBBS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,031
เติม shell , esso ดีเซล premium ระบบ dpf regen ที่ทุก ๆ 400 กิโล  ส่วน premium บางจาก ปตท regen ที่ทุก ๆ 250 กิโล คิดเอาเองใครเป็นมิตรกับ dpf มากกว่ากัน 5555

จับได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ? แล้วปัจจัยการใช้งานต่างกันก็ regen ต่างกันด้วยนะ
หน้าฝนกับหน้าหนาว เดินทางไกลกับในเมือง อุณหภูมิ การเหยียบ (เหยียบหนักนี่ตัวเร่ง regenนะครับ เหมือนจ่ายน้ำมันหนานั่นละ ถ้าขับปกติ เหยียบเนียนๆนี่น้อยนะ อย่าไปเชื่อกูรูที่ให้ไปอัดเพื่อไล่เขม่าเชียว) พวกนี้ปัจจัยแวดล้อมในการ regen หมดนะ และอีกอย่างคือ น้ำมันค้างในถังด้วย
ถ้าเป็นรถผม mz2 ถ้าขับๆทางไกลวิ่งเรื่อยๆอยู่ regen กลางอากาศอาการก็ไม่บอกนะครับ ต้องสังเกตจริงๆจะบอกว่าหน่วงขึ้น มันนิดเดียวเองนะ
ส่วนตัว ผมเชื่อวิทยาศาสตร์ครับ กำมะถันน้อยกว่าก็คือน้อยกว่า แค่นั้น
และก็รอดปลอดภัยมาแสนโล .... ก็ทั้งวิทยาศาสตร์และมีการทดลอง พิสูจน์จากการใช้จริง ก็เท่านั้นละ
แต่ก็แปลกใจนิดๆ นะครับ ช่วงแรกๆที่ผมได้รถมาก็จับเรื่อง regen เหมือนกัน รถผมกว่าจะ regen นี่มี 6-700โล ได้เลยนะทั้งๆที่ช่วงนั้นเติมมั่วซั่วไปหมด แถมลองการขับว่าแบบไหนมันดีกับรถมากสุด (ตอนนั้น ยูโร4ทุกเจ้าด้วยซ้ำ บางเจ้าตัวถูกยูโร3 ด้วยสิ) regen ใกล้ขนาดนั้น น่าจะใกล้มีอาการแล้วละครับ
ล่าสุดขับไปเชียงราย รถไป regen ตอนเข้าที่พักตรงวัดร่องขุ่นเลยนะครับ ..... แต่ก็เอาละ มันวิ่งทางไกลนิ
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด