ผู้เขียน หัวข้อ: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?  (อ่าน 13695 ครั้ง)

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,588
  • may the force lead your way ...
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2019, 22:06:47 »
คำถามคือ มองที่ไหนครับ สะอาด สะอาดที่ไหน?

ต้องแยกประเด็น แหล่งกำเนิดไฟฟ้าครับ
อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า รัฐควบคุมเข้ม มลพิษก็จะคาดการณ์ได้ (เยอะหรือน้อยค่อยว่ากัน)
มันก็จะเข้าสู่การเมืองที่ว่า ถ้าไม่เกิดการซิกแซก ก็จะเป็นไปตามมาตรฐานที่ควบคุม
คือดีกว่าส่วนบุคคลที่ไร้การควบคุมครับ

ในมุมผมวิศวกรไฟฟ้า(ไม่ต้องวิศวะก็ได้) คิดว่ารถ HB หรือ EV ล้วน
นอกจากเครื่องยนต์ที่พัฒนาการจน efficiency ต่อหน่วยไฟที่กิน ดีขึ้นเรื่อยๆ
และคิดว่าดีกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้งานมากว่าจะเปลี่ยนยุคคือโบราณแล้วหลายๆโรง

กับอีกอันที่สำคัญคือ พลังงานจลน์จากการเบรค ที่นำมาผลิตไฟอย่างมีนัยสำคัญ
ที่ช่วยให้การใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างที่รถสันดาบเทียบไม่ได้เลยครับ

เป้าหมายในอนาคตของมนุษยชาติคือนำพลังงานที่ใกล้ตัวมาแปลงเป็นไฟฟ้า
เช่น แดด ลม คลื่นทะเล ฯลฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ

รถสันดาป คือพลังงานจากน้ำมันอย่างเดียวที่แปลงเป็นแรงขับเคลื่อน
อย่างอื่นล้วนเป็นตัวถ่วงในการใช้พลังงานทั้งสิ้น เช่น การเบรค แรงต้านของลม ฯลฯ
แต่รถพวก HB หรือ EV คือเอาตัวถ่วงเปลี่ยนมาเป็นพลังงานได้อย่างนึงคือการเบรค

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองภาพรวมคือก่อมลพิษต่อโลกนี้เหมือนกัน
แต่ก่อแบบควบคุมได้เป็นจุด กับก่อแบบควบคุมไม่ได้กระจาย
อย่างไหนดีกว่ากันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนแล้วครับ  :o

สรุป เริ่มที่ตัวเอง ทำเท่าที่ทำได้ที่กระเป๋าตังอำนวย
คือเปลี่ยนรถเป็นพวกนี้ได้ก็ดีกว่าในระดับนึง
ก็เพียงพอแล้วต่อความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Odd_yim

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 439
    • อีเมล์
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2019, 22:44:52 »
ถ้าจะวัดในแง่ของมลพิษหรือการปล่อย CO2 ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าของไทยจะมีค่าอยู่ 0.58-0.60 kgCO2/kWh ซึ่งมาจากเชื้อเพลิงหลักคือ ก๊าซธรรมชาติกับถ่านหิน ราว ๆ 80% ส่วนรถ EV ปัจจุบัน อ้างอิงจาก https://ev-database.org/compare/efficiency-electric-vehicle-most-efficient จะใช้พลังงานอยู่ราว ๆ 15 kWh/100 km  ดังนั้นเมื่อใช้รถ EV ในไทย คำนวณคร่าว ๆ ก็จะปล่อยมลพิษประมาณ 87-90 g/km
     ในอนาคตตามแผนผลิตไฟฟ้าของไทย จะมีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Carbon Capture Storage (CCS) ทำให้การปล่อย CO2 จากการผลิตไฟฟ้าก็จะน้อยลง และรถ EV ก็จะมีประสิทธิภาพดีขึ้น ที่ผมเคยอ่านงานวิจัย น่าจะใช้พลังงานอยู่ราว ๆ 10 kWh/100 km  ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ถูกกว่า แนวโน้มรถ EV ทั้ง BEV หรือ FCEV ต้องเกิดอย่างแน่นอนครับ

     อุปสรรคในไทย ตอนนี้ คือ หัวจ่ายแบบ Quick Charge ยังมีน้อยและราคาลงทุนต่อหัวยังแพงมาก และถ้ารถ EV มาจริง ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีกสัก หมื่นเมกะวัตต์ เป็นอย่างน้อยครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2019, 16:54:03 »
บ้านเรายังไม่พร้อมกับ EV เท่าไหร่ มัวแต่ทะเลาะกันเอง ทำให้ประเทศเสียเวลาไปมาก

smileymee

  • บุคคลทั่วไป
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2019, 18:58:52 »
ตอบข้อ 1 ครับ

เครื่องสันดาปภายใน efficiency สูงสุด 20% (คือใส่น้ำมันที่มีพลังงานศักย์เคมี 100 หน่วย แปลงเป็นพลังงานจลที่หมุนเพลาได้ 20) ซึ่งการใช้งานรถส่วน ใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ทำ efficiency สูงสุด ใช้งานจริงเลขต่ำกว่านี้

ีรถไฟฟ้า efficiency โรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 40% สายส่ง 88% แบตเตอรี่และมอเตอร์รถ 80% รวมทั้งระบบ 28%

... ถือว่าดีกว่ากันอย่างน้อย (เพราะเครื่องสันดาปภายในใช้จริงบนถนนได้ไม่ถึง 20% แต่โรงไฟฟ้า operate ที่แถวๆ 40% ตลอด) 1.4 เท่าอยู่นะครับ เทียบได้กับเปลี่ยนจากรถ 15 ก.ม./ลิตร มาเป็นรถ 21 ก.ม./ลิตร

ใช้ input น้อยกว่า (โดยทั่วไป) ของเสียก็น้อยกว่าครับ

นี่ยังไม่คิดว่าโรงไฟฟ้ากำจัดมลพิษได้ดีกว่าเครื่องรถยนต์นะครับ

คุณ turin ข้อมูลแน่นมากครับ ผมเองก็ลืมคิดเรื่อง efficacy ของโรงไฟฟ้าไปเลย ถ้าหากคำณวนตามนี้ ในหน่วยพลังงานเท่ากัน รถไฟฟ้าวิ่งได้ไกลกว่า40% แต่ถ้ารวมเวลาที่รถติดๆ เผาน้ำมันทิ้ง ผมว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 50%เลยทีเดียว ซึ่งประสิทธิภาพขนาดนี้ ถ้าคิดรวมทั้งประเทศ จะช่วยลดมลพิษลงอย่างแน่นอน นี่คิดแค่ในกรณีที่สัดส่วนไฟฟ้าได้จากฟอสซิล100%ถ้าเปลี่ยนไปใช้พลังธรรมชาติมากขึ้นน่าจะลดได้มากกว่านี้อีก

ประโยชน์ที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาคือ ลดการนำเข้าน้ำมัน ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศซึ่งก็มีผลต่อความมั่นคงด้วย

ตอนนี้เทนรด์รถไฟฟ้า ยังไงมันก็มา ในประเทศมหาอำนาจอย่าง อเมริกา ในจีนเป็นเรื่องปกติแล้ว ถ้ามันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ทางรัฐเขาคงไม่ทุ่มทุนสนับสนุนกันมากมายขนาดนั้นจริงไหมครับ

ยิ่งในบ้านเราช่วงนี้pm2.5 จางๆลงไปอาจจะลืมว่าเรืาองมลพิษนี่นมันใก้ตัวเราขนาดไหน ผมยังจำวันที่ตื่นมาทุกคนต้องใส่หน้ากากเข้าหากันได้อยู่เลย มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ

รถไฟฟ้า ประสิทธิภาพดีกว่า มลพิษน้อยกว่า รถยี่ห้อดังๆอย่างเบนซ์อีก10ปีเค้าวางแผนจะหยุดการผลิตเครื่องยนต์สันดาปแล้ว เสียดายอย่างบ้านเรา ที่ควรจะมามุ่งวางแผนทางด้านนี้อย่างจริงจังเพื่อรับมือกับอนาคตครับ
+1 ครับผม

smileymee

  • บุคคลทั่วไป
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2019, 19:00:26 »
คำถามคือ มองที่ไหนครับ สะอาด สะอาดที่ไหน?

ต้องแยกประเด็น แหล่งกำเนิดไฟฟ้าครับ
อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า รัฐควบคุมเข้ม มลพิษก็จะคาดการณ์ได้ (เยอะหรือน้อยค่อยว่ากัน)
มันก็จะเข้าสู่การเมืองที่ว่า ถ้าไม่เกิดการซิกแซก ก็จะเป็นไปตามมาตรฐานที่ควบคุม
คือดีกว่าส่วนบุคคลที่ไร้การควบคุมครับ

ในมุมผมวิศวกรไฟฟ้า(ไม่ต้องวิศวะก็ได้) คิดว่ารถ HB หรือ EV ล้วน
นอกจากเครื่องยนต์ที่พัฒนาการจน efficiency ต่อหน่วยไฟที่กิน ดีขึ้นเรื่อยๆ
และคิดว่าดีกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้งานมากว่าจะเปลี่ยนยุคคือโบราณแล้วหลายๆโรง

กับอีกอันที่สำคัญคือ พลังงานจลน์จากการเบรค ที่นำมาผลิตไฟอย่างมีนัยสำคัญ
ที่ช่วยให้การใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างที่รถสันดาบเทียบไม่ได้เลยครับ

เป้าหมายในอนาคตของมนุษยชาติคือนำพลังงานที่ใกล้ตัวมาแปลงเป็นไฟฟ้า
เช่น แดด ลม คลื่นทะเล ฯลฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ

รถสันดาป คือพลังงานจากน้ำมันอย่างเดียวที่แปลงเป็นแรงขับเคลื่อน
อย่างอื่นล้วนเป็นตัวถ่วงในการใช้พลังงานทั้งสิ้น เช่น การเบรค แรงต้านของลม ฯลฯ
แต่รถพวก HB หรือ EV คือเอาตัวถ่วงเปลี่ยนมาเป็นพลังงานได้อย่างนึงคือการเบรค

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองภาพรวมคือก่อมลพิษต่อโลกนี้เหมือนกัน
แต่ก่อแบบควบคุมได้เป็นจุด กับก่อแบบควบคุมไม่ได้กระจาย
อย่างไหนดีกว่ากันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนแล้วครับ  :o

สรุป เริ่มที่ตัวเอง ทำเท่าที่ทำได้ที่กระเป๋าตังอำนวย
คือเปลี่ยนรถเป็นพวกนี้ได้ก็ดีกว่าในระดับนึง
ก็เพียงพอแล้วต่อความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ครับ
+1 ครับผม

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 827
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2019, 21:34:07 »
ถ้าดูกันที่ตัวเครื่องหรือมอเตอร์อย่างเดียว ความสูญเสียพลังงานหรือประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานที่สะสมให้เป็นพลังงานกล ผมว่ามอเตอร์ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ต่ำกว่า 20-30% ที่สำคัญอีกอย่างคือผลผลิตจากการทำงานอย่างเสียง ควัน อนุภาค ความร้อน รวมถึงผลิตภัณฑ์ในกระบวนการบำรุงรักษา เช่นน้ำมันเครื่องเก่า น้อยมากๆนะครับ จะเปรียบเทียบกันต้องมองให้รอบด้านจริงๆ...

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2019, 11:14:39 »
สะอาดตอนใช้งาน

แต่ตอนที่แบตเตอรี่หมดอายุการใช้งานละ.......??

ออฟไลน์ Mr. RO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
    • อีเมล์
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2019, 15:44:59 »
ตอบข้อ 1 ครับ

เครื่องสันดาปภายใน efficiency สูงสุด 20% (คือใส่น้ำมันที่มีพลังงานศักย์เคมี 100 หน่วย แปลงเป็นพลังงานจลที่หมุนเพลาได้ 20) ซึ่งการใช้งานรถส่วน ใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ทำ efficiency สูงสุด ใช้งานจริงเลขต่ำกว่านี้

ีรถไฟฟ้า efficiency โรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 40% สายส่ง 88% แบตเตอรี่และมอเตอร์รถ 80% รวมทั้งระบบ 28%

... ถือว่าดีกว่ากันอย่างน้อย (เพราะเครื่องสันดาปภายในใช้จริงบนถนนได้ไม่ถึง 20% แต่โรงไฟฟ้า operate ที่แถวๆ 40% ตลอด) 1.4 เท่าอยู่นะครับ เทียบได้กับเปลี่ยนจากรถ 15 ก.ม./ลิตร มาเป็นรถ 21 ก.ม./ลิตร

ใช้ input น้อยกว่า (โดยทั่วไป) ของเสียก็น้อยกว่าครับ

นี่ยังไม่คิดว่าโรงไฟฟ้ากำจัดมลพิษได้ดีกว่าเครื่องรถยนต์นะครับ

     ผมเห็นด้วยกับคุณ Turin นะ ถ้าตัวเลขประสิทธิภาพ การใช้ประมาณ ระบบโดยรวม ของการใช้งานรถ EV เทียบกับ  รถ ICE เพียวๆมีตัวเลขเช่นนั้น  ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่ามันน่าจะมีค่าในทิศทางประมาณนั้น
แต่ อยากทราบว่า ถ้า เป็นรถแบบ REEV ค่าประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน น่าจะเป็นอย่างไร น่าจะอยู่ระหว่าง BEV  และ ICE เพียวๆ ใช่หรือไม่ครับ และค่าประสิทธิภาพสูงสุดของ REEV นี่จะมีค่าประมาณไหนมีใครมีตัวเลขไหมครับ 

      ส่วนตัว ผมว่าประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม  ถ้าสนับสนุน รถ REEV  และมีรถ REEV นะโดยให้ใช้เชื้อเพลิงพวก E85 หรือ B50, B100 ได้นะครับ  แต่รถต้องใช้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพดีๆ ติดระบบกรองไอเสียดีๆ แม้จะมีไอเสียปล่อยในเมืองบ้างแต่ไม่น่าเยอะเท่า ICE เพียวๆใช่ไหมครับ ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับประเทศอย่างเราดังนี้นะครับ
1. สามารถจะช่วยเหลือเกษตรกร ที่ปลูกพืชที่สามารถแปลงมาใช้เป็นพลังงานได้ เช่น อ้อย ปาล์ม มันสำปะหลัง กรณีที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ
2. แถมเราจะลดการพึ่งพิงจากต่างประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อไฟจากต่างประเทศ หรือลดการซื้อเชื้อเพลิงฟอสซิล
3. รัฐลดการสร้างโรงไฟฟ้ากำลังเพื่อจะมาสนับสนุนการใช้งานรถไฟฟ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2019, 08:16:25 โดย Mr. RO »

ออฟไลน์ ชายโอ๊ต

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,034
Re: รถ EV สะอาดกว่าจริงหรือ?
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2019, 14:44:00 »
ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจซื้อรถที่เน้นรักษ์โลกมาตลอดครับ โดยเฉพาะตอนนี้ที่กำลังเริ่มมาแรงคือรถ EV ก็เลยอยากศึกษาก่อนซักหน่อย คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่ารถ EV นั้นสะอาด ไม่ปล่อยสารพิษเลย ซึ่งผมก็คิดอย่างนั้น

แต่เมื่อลองไปนั่งคิดเอง + ค้นตามอินเตอร์เนตเพิ่มเติมก็มีข้อกังวลอยู่ประมาณนี้ครับ

1. รถไฟฟ้า ไม่ปล่อยไอเสียจริง แต่แหล่งกำเนิดไฟฟ้าบ้านเรานั้น เกือบทั้งหมดมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้นคือที่จริงแล้ว มันก็เหมือนแค่เราเปลี่ยนที่ทำลายโลกรึเปล่าครับ
2. กระบวนการในการผลิตรถไฟฟ้า เน้นโดยเฉพาะแบตเตอรี่ ก่อสารพิษและสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศสูงมาก และกระบวนการทำลายแบตเตอรี่ก็เช่นกัน

เลยมีความคิดว่า ถ้ารถไฟฟ้ามันไม่ได้สะอาดขนาดนั้น มันอาจจะดีกว่ามั้ยถ้าผมเลือกไปเติมน้ำมันอย่าง e85 เพราะเอทานอลนั้นพิสูจน์แล้วว่าเผาไหม้สะอาดมาก และราคารถจับต้องได้มากกว่า
1. ก็ต้องยอมรับว่า ณ ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ มากกว่า 70% ยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่ยังปล่อยมลพิษ
แต่โรงไฟฟ้าพวกนี้มีมาตรฐานเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษระดับหนึ่ง ซึ่งการที่เป็นจุดรวมศูนย์จะถูกควบคุม และปล่อยมลพิษน้อยกว่า
รถยนต์เครื่องยนต์สันดาบทีเราใช้อยู่แล้วมากๆๆครับ

2.เทคโนโลยีพวกนี้กำลังพัฒนาเรื่อยๆ โดยแข่งกับเรื่องต้นทุนการพัฒนาที่ลดต่ำลงเรื่อยๆเช่นกันครับ

ถึงจะฟังดูน่ากลัว แต่ทั้ง 2 ข้อนี้ ก็ให้ข้อเท็จจริงที่จะช่วยลดมลพิษมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาบแน่นอนครับ
โดยส่วนตัวผม ถ้าพร้อมด้านฐานะการเงิน (เมื่อไหร่ไม่รู้) ซื้อแน่นอนครับ ฮ่าๆ
"ศัตรูแห่งความก้าวหน้า คือเวลาที่เสียไป"