เปรียบเทียบ Benz C220d กับ BMW 320d GT ให้หน่อยครับ

[wonder]

คุณลุงผมฝากให้หาข้อมูล2คันนี้ให้ครับ

มี BENZ C220d Avantgarde และ BMW 320d GT Luxury

ซึ่งมีเงินค่ารถให้เดือนละ 31,000 หากเอารถ 1ใน2คันนี้ ก็จะหักเงิน 31,000 ไปเป็นเวลา 5 ปี = 1.86ล้าน

พอครบ5ปีเราสามารถซื้อรถเป็นของเราได้ Benz ไม่เกิน650,000บาท ส่วน BMW ไม่เกิน 850,000บาท

และในส่วนของ BMW BSI ซ่อมฟรีปีที่6 ไม่เกิน 120,000กม.

โดยที่ในช่วง5ปีแรก ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน ไม่ต้องเสียซักบาท ยกเว้นค่าน้ำมันครับ


ปัจจุบันใช้ Nissan Teana J32 MC 2.5 อยู่ครับ ปัจจุบัน7ปี 150,000กม.แล้ว

การใช้รถคือ
- ไปกลับกทม.-ระยองอย่างน้อยสัปดาห์ละ1ครั้ง รวม 500 โล นอกนั้นใช้รถใกล้ๆวันละ10-20โล
- ขับรถค่อนข้างเร็ว (120-140)
- ไม่เคยใช้รถยุโรปมาก่อน
- ปีใหม่ สงกรานต์มีไปต่างจังหวัด ภาคเหนือ ภาคใต้
- ใช้รถยาวๆ 10ปี
- ที่บ้านลุงมีรถสำรองอยู่ ถ้าคันนี้เสียสามารถสลับรถใช้ได้

คำถามที่อยากทราบคือ
- เนื่องจากไม่เคยใช้รถยุโรปมาก่อน อยากทราบว่ามันจุกจิก เสียบ่อยไหม ค่าเช็คระยะ(หลังปีที่5) และหลังปีที่5จะเสียบ่อยไหมครับ
- ถ้าลองคำนวณเงินดูแล้ว จะประหยัดกว่าซื้อรถราคาเต็ม 2-3แสน แต่ทราบมาว่ามันตกรุ่นไปแล้ว2คันนี้ ดังนั้นก็จะค่าเท่ากับซื้อรถมือ1ที่ได้ส่วนลดเยอะๆ แต่ไม่ต้องจ่ายค่าเช็คระยะ ค่าประกันในช่วง5ปีแรก
- ค่าประกันชั้น1 ปีละเท่าไรครับ
- มองอีกตัวเลือกนึงไว้ คือไม่เอารถเอาเป็นเงินแทน แล้วพอครบ5ปีเอาไปซื้อรถที่ชอบ เช่น Camry Hybrid 2024 หรืออาจจะ LEAF หรือรถEVในปีนั้น (จริงๆลุงชอบนิสสัน แต่Teanaใหม่มันไม่วางขายบ้านเราแล้ว คันก่อนteana คือ cefrio A33) จริงๆผมมองตัวเลือกนี้ แต่ลุงเหมือนอยากลองรถยุโรปบ้าง

อยากทราบข้อมูลจากการใช้รถแบบจริงๆเลยครับ ทั้งด้านดี หรือด้านที่เสียบ่อย ความจุกจิก

ขอบคุณมากครับ

[Mr.Joe]

ตอบจากประสบการณ์ลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน ใช้ 320d GT กับ C300 bluetec hybrid นะครับ
จริงๆคัน 320d GT คันนี้ไม่ได้อยู่ใน list จะซื้อ เพราะแต่แรกไปดู 520d แต่ด้วยข้อเสนอ กับการใช้งานที่น่าสนใจ เลยได้มาแบบงงๆ
ผ่านมาหลายปี ตอนนี้รถที่ใช้เยอะสุดคือ 320d GT คันนี้ครับ กับข้อสรุปง่ายๆคือ
1. คันไม่ใหญ่ แต่ภายในกว้าง วิ่งใกล้-ไกลสะดวก
2. ออกต่างจังหวัดสบายกว่า เพราะกว้าง ท้ายรถขนของได้เยอะ
3. มีคนขับรถ แต่เวลาสลับขับเองก็ง่าย
4. ช่วงล่างนั่งสบาย (ตัวที่ซื้อเป็น Luxury line)
ส่วนคัน C เอาไว้ขับเองเวลาไปไหนกัน 2 คน เพราะข้อจำกัดที่แถว 2 แคบ (ซีรี่ส์ 3 ธรรมดาก็แคบ) ไปเขาใหญ่นี่ต้องแวะปั้มรอบนึง ให้คนนั่งลงมายืดเส้น
ส่วนการขับเอง C300 สนุกกว่านิดๆ เพราะตัวที่ซื้อเป็นตัวท็อป AMG เวลาไฟเต็มนี่กดมันมาก
สุดท้ายประเด็นความจุกจิก ตรงนี้คงเทียบให้ไม่ได้นะครับ เพราะ C ของลูกพี่ลูกน้องเป็นตัวที่ขึ้นชื่อกันอยู่แล้วว่างอแงเก่ง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ไม่เอาออกทางไกลแล้ว กลัวจะไปกินข้าวลิงข้างทาง ส่วนถ้าจะขายต่อก็ปาดเหงื่อตอนเห็นราคามือสองสำหรับตัวนี้ มันลงเยอะจริงๆ 555
ส่วน 320d GT วิ่งมาจะ 80,000 กม.แล้ว ยังไม่เคยงอแงครับ

[sukhontha]

หักเงิน  คือหักเงินคุณใช่ไหม?  ถ้าใช่  ไม่เอา  เก็บเงินดีกว่า

[Stp]

C-Class เอาจริงๆ พื้นที่ด้านหลังน่าจะสู้ 320d GT ไม่ได้เลย ยิ่งเปิดฝาท้ายเก็บของนี่คนละแบบด้วย

ส่วนรถยุโรปจุกจิกไหม ผมอยากบอกว่า คนที่คิดจะใช้รถยุโรปควรจะคิดอยู่เสมอว่ามันจุกจิกได้ เพราะถ้าคุณเอาความคิดแบบรถญี่ปุ่นมาใช้ ไฟเตือนขึ้นครั้งแรกคุณก็จะไม่สบายใจไปตลอดที่ใช้ชีวิตกับมัน ทั้งที่บางทีมันไม่ได้เป็นสาเหตุอะไรร้ายแรงหรอก

แถมอีกอย่าง C-Class, Series 3 อยู่ในกลุ่มรถกลาง-ล่างของแบรนด์ บางคนซื้อรถยุโรปแล้วด่ากราดซื้อมาเกือบ 3 ล้าน สู้ Camry, Accord ไม่ได้ บลา บลา เอิ่ม... ต่างประเทศต้นทางเขาไม่ได้ขายราคานี้นะ ดังนั้นเขาไม่ได้มองว่าอยู่ในกลุ่มที่คนไทยเอามาเปรียบเทียบหรอก

[AgentMolder]

เคยขับเทียน่า แล้วลด class ลงมา C-seg นี่บอกเลยว่า เล็กกว่า กระด้าง แข็ง แคบกว่าเยอะครับ

จริงๆจะไปยุโรป ต้องระดับ E class หรือ Series 5 เลยนะ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ

[NoBiReacto]

ลองดู 320d gt ครับ พื้นที่ด้านหลังใหญ่โตมาก นั่งสบายกว่า series 5 อีกครับ

C class รุ่นนี้ผมว่าภายในอึดอัดกว่ารุ่นเดิมครับ เบาะหลังนี่นั่งสบายเลยจริงๆ

[bingoman]

- เนื่องจากไม่เคยใช้รถยุโรปมาก่อน อยากทราบว่ามันจุกจิก เสียบ่อยไหม ค่าเช็คระยะ(หลังปีที่5) และหลังปีที่5จะเสียบ่อยไหมครับ

+จากที่ผมใช้ มีทั้ง 320i และ 530d  ทั้งสองรุ่นพอปีที่ 5 จะมีปัญหาเล็กๆ ให้ เช่นหน้าต่างเปิดไม่ได้ ปุ่มพลาสติกในรถลอก ช่วงล่างมีเสียงกุกกักๆ พวงมาลัยหอนตอนหมุนเพื่อถอยจอด   ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ได้กระทบแบบหนักหนา ไม่ได้ทำให้ต้องเรียกรถยก  แต่ก็ทำให้รำคาญเล็กๆ ครัย



- ค่าประกันชั้น1 ปีละเท่าไรครับ

+ถ้ารถปีแรกๆ ที่ทุนประกันประมาณ 2 ล้าน+- ค่าประกันชั้น 1 ปีนึง ผมประมาณให้ 4-5.5 หมื่นบาทครับ



- มองอีกตัวเลือกนึงไว้ คือไม่เอารถเอาเป็นเงินแทน แล้วพอครบ5ปีเอาไปซื้อรถที่ชอบ เช่น Camry Hybrid 2024 หรืออาจจะ LEAF หรือรถEVในปีนั้น (จริงๆลุงชอบนิสสัน แต่Teanaใหม่มันไม่วางขายบ้านเราแล้ว คันก่อนteana คือ cefrio A33) จริงๆผมมองตัวเลือกนี้ แต่ลุงเหมือนอยากลองรถยุโรปบ้าง

+ทำแบบนั้น จะยิ่งผลาญเงินนะครับ  เพราะเงินที่ไปลงกับ BMW, Benz เกือบ 2 ล้าน ที่ผ่อนทุกเดือน  แต่พอครบสัญญาแล้วไม่ได้รถนี่สิ  แล้วไปเอาคันใหม่  หมายความว่าก็ต้องเริ่มผ่อนใหม่จาก 0 นะครับ  เท่ากับเสียเงิน 1.8 ล้านสำหรับ BMW, Benz ที่สุดท้ายเราไม่ได้รถ แล้วยังต้องไปเสียเพิ่มอีกเกือบ 2 ล้านกับ Camry, Leaf อีก

[Dr.Jones]

 

ลองคิดดูแบบนี้ เงินเราจะต้องเสียในหลัก 2 ล้านบาทขึ้นไปพอสมควร
เราจะได้อะไรกลับมา ที่ต้องได้แน่ๆคือภาพลักษณ์และการสบายใจ

ถ้ามืิใหม่รถยุโรป อาจต้องไปพึ่งพา 320d เพราะมี BSI ซึ่งอุ่นใจระดับนึง

แต่ถ้าเป็นข้าพเจ้าจะรอเล่น C Class ปลายรุ่นตัวก่อนปิดโรงงานเพราะอาจมีเบนซิน EQ Boost เข้ามาทำตลาด
(ระยะยาวมีอนาคตกว่าดีเซลและเป็นตราดาว)

(คนที่ถามว่าข้าเจ้าเอาที่ไหนมาว่าเบนซ์จะเอา C Class ดีเซลกลับมาขาย หายไปไหนแล้ว ไม่เห็นมาคุยต่อเลย กลัวหรือ)

[xxivaprl]

"อยากลองรถยุโรป" ก็ต้องจัดซักคันครับ
 จิ้มไป 320d GT ครับ

[axister]

รถฟลีทบริษัทใช่มั้ยครับหรือ ให้เป็นค่ารถไปสั่งให้ผ่อน
ถ้าฟลีทแนะนำเป็น c220d ดีกว่าครับ maintenance ฟรีอยู่แล้วตัว 320d GT ค่อนข้างเก่า และของเล่นน้อย ดีที่ส่วนลด ถ้าให้เป็นค่าผ่อนผมคงไป GT

แต่ยังไงรถฟลีทมีค่าดูแลอยู่แล้ว เป็นผมคงเลือกที่ชอบไปเลยครับ gt เทอะทะกว่าหน่อย ขับแล้วเหวงๆ c ก็คับแคบกันไปเลย ค่อนข้างต่างกันชัดเจนไปลองดูน่าจะได้คำตอบ

ถามที่อยากทราบคือ
- เนื่องจากไม่เคยใช้รถยุโรปมาก่อน อยากทราบว่ามันจุกจิก เสียบ่อยไหม ค่าเช็คระยะ(หลังปีที่5) และหลังปีที่5จะเสียบ่อยไหมครับ
- ถ้าลองคำนวณเงินดูแล้ว จะประหยัดกว่าซื้อรถราคาเต็ม 2-3แสน แต่ทราบมาว่ามันตกรุ่นไปแล้ว2คันนี้ ดังนั้นก็จะค่าเท่ากับซื้อรถมือ1ที่ได้ส่วนลดเยอะๆ แต่ไม่ต้องจ่ายค่าเช็คระยะ ค่าประกันในช่วง5ปีแรก
- ค่าประกันชั้น1 ปีละเท่าไรครับ
- มองอีกตัวเลือกนึงไว้ คือไม่เอารถเอาเป็นเงินแทน แล้วพอครบ5ปีเอาไปซื้อรถที่ชอบ เช่น Camry Hybrid 2024 หรืออาจจะ LEAF หรือรถEVในปีนั้น (จริงๆลุงชอบนิสสัน แต่Teanaใหม่มันไม่วางขายบ้านเราแล้ว คันก่อนteana คือ cefrio A33) จริงๆผมมองตัวเลือกนี้ แต่ลุงเหมือนอยากลองรถยุโรปบ้าง

- อันนี้คงแล้วแต่การใช้งานและดูแลและความจุกจิกของรุ่น ผมใช้ f30/g20 ไม่มีไรเสียร้ายแรงครับ ค่าบำรุงตกปีละ 5 หมื่น ตอนปีที่ 5 เสียไม่บ่อยนะ
- ป.1 ประมาณ 38k ของคุ้มภัย (f30), 44,6xx (g20) วิริยะแถมมาตอนซื้อ
- เนื่องจากเป็นรถฟลีทบริษัท ข้อนี้ผมแนะนำให้เอาเป็นเงินแทน เพราะ 5ปีเราจะได้ราคาซากมาพร้อมรถ ไม่ต่างจากซื้อมือสอง เก็บเงิน 5 ปีที่ใช้ฟรีไปออกคันใหม่ดีกว่าจะยุโรปก็ได้ แล้วชอบ teana มาเจอ c หรือ 3 อาจจะรู้สึกไม่ชอบ เพราะมันค่อนข้างต่างกันมาก ไม่มีเหตุผลอะไรจะเอารถเก่าไปใช้ต่อ และจะได้ใช้อย่างไม่กังวล ยิ่งถ้ามีชน มีอะไรเสียหนัก เรารู้ก่อนยังจะไปเอาอีกหรอ

ถึงเวลาอาจจะตัดสินใจได้ เรื่องความจุกจิก ถ้าเทียบกับรถญี่ปุ่น

[CJ.]

ตามโจทย์น่าจะใช้ได้ทั้ง 2 ตัวเลือกครับ ถ้าอยากได้รถใหญ่กว่าหน่อยเอา 3GT ครับ
ช่วงนี้ผมใช้รถในเมือง ติดๆไหลๆ C220d รู้สึกไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่ แต่ชอบที่รถขนาดกำลังดีครับ

[wonder]

- มองอีกตัวเลือกนึงไว้ คือไม่เอารถเอาเป็นเงินแทน แล้วพอครบ5ปีเอาไปซื้อรถที่ชอบ เช่น Camry Hybrid 2024 หรืออาจจะ LEAF หรือรถEVในปีนั้น (จริงๆลุงชอบนิสสัน แต่Teanaใหม่มันไม่วางขายบ้านเราแล้ว คันก่อนteana คือ cefrio A33) จริงๆผมมองตัวเลือกนี้ แต่ลุงเหมือนอยากลองรถยุโรปบ้าง

+ทำแบบนั้น จะยิ่งผลาญเงินนะครับ  เพราะเงินที่ไปลงกับ BMW, Benz เกือบ 2 ล้าน ที่ผ่อนทุกเดือน  แต่พอครบสัญญาแล้วไม่ได้รถนี่สิ  แล้วไปเอาคันใหม่  หมายความว่าก็ต้องเริ่มผ่อนใหม่จาก 0 นะครับ  เท่ากับเสียเงิน 1.8 ล้านสำหรับ BMW, Benz ที่สุดท้ายเราไม่ได้รถ แล้วยังต้องไปเสียเพิ่มอีกเกือบ 2 ล้านกับ Camry, Leaf อีก

อันนี้ผมหมายถึงไม่เอารถ เอาเป็นเงินแทน พอ5ปีก็จะมีเงิน 1.86ล้าน เอาไปซื้อรถที่ชอบครับ

[SM.]

ถ้าไม่มีคนนั่งหลัง เลือก c ได้ครับ

ถ้ามีคนนั่งหลัง ไป 3 GT ครับ