ผู้เขียน หัวข้อ: รถ EV ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เขาคิดที่ความเร็วเท่าไหร่  (อ่าน 7053 ครั้ง)

ออฟไลน์ AgentMolder

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,408
ช่วงนี้ ประเด็นรถ EV กำลังมา เห็นหลายๆค่าย และหลายๆท่าน มักจะพูดถึงตัวเลขระยะทางการวิ่ง ต่อการชาร์จไฟแต่ละครั้งจนเต็ม

ผมอยากทราบว่าตัวเลขที่เขาบอกเนี่ยมันวัดจากไหนครับ ที่ความเร็วเท่าไหร่ ลักษณะการขับคือไม่เร่งเลยยาวๆไปจนไฟหมดหรือเปล่าครับ

ถ้าเป็นแบบนั้น เวลาเรามาใช้ในชีวิตจริง มีเร่งบ้าง กดบ้าง รถติดบ้าง ระยะทางมันก็จะสั้นลงไปอีกใช่ไหมครับ แล้วแบบนี้เราจะรู้ว่าจริงๆแล้วมันจะใช้ได้ตามที่โฆษณาหรือเปล่า หรือจะน้อยกว่านั้นเท่าไหร่ยังไง

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ระยะวิ่งเฉลี่ยตามมาตราฐานทดสอบครับ
มีเร่งบ้าง เดินทางไกล จอดเฉยๆ หรือวิ่งความเร็วคงที่

ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าใช้ตามตจว. ที่มีโอกาสเบรคยาวๆ (ชาร์ตไฟ)
หรือทำความเร็วสูงๆ แล้วมีโอกาสชลอรถบ้าง ก็มีโอกาสย้อนเก็บพลังได้

เคยอ่านรีวิว ไม่แน่ใจของ HLM หรือเปล่า
เอา Leaf ไปทดสอบบนเขา ขาลงกลับมา ระยะวิ่งเพิ่มขึ้นหลายสิบโล เพราะมันไหลลงเขายาวๆ

ออฟไลน์ ToryJung

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 195
ลองดูทดสอบ Nissan Leaf วิ่งจริง Fast charge ที่80% จนแบตเกือบหมดครับ


ออฟไลน์ Mp4_007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
วิ่งจริง ได้ไม่ถึง 200 โลเลย ชาร์จที่80% nissan leaf นะ zs ev ผมว่าต่างไม่เยอะหรอก ได้น้อยกว่าที่เครมไว้พอสมควรเลย

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )



Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )

ขอบคุณครับ คุณภาพมากๆ  :D

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
รถไฟฟ้ามันสามารถ regen ได้ ดังนั้นถ้าไม่ขับเกิน 80 กม/ชม. เทสรูปแบบไหน หยุดๆ จอดๆ ค่าก็ใกล้เคียงกัน

ข้อเสียรถไฟฟ้าคือยิ่งขับเร็วแบบยิ่งลงเร็ว อนาคตคงต้องมีชุดส่งกำลังมาช่วยในช่วงความเร็วสูง

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
  เหมือนว่าจะเหมาะกับการใช้งานระยะสั้นแบบไม่เกิน 100กม มากกว่านะครับเนี่ย แบบไป-กลับได้
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
ปัจจุบันนี้ผมว่าต้องมี 300 km ขั้นต่ำ ถึงจะขายได้

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,265
รถไฟฟ้ามันสามารถ regen ได้ ดังนั้นถ้าไม่ขับเกิน 80 กม/ชม. เทสรูปแบบไหน หยุดๆ จอดๆ ค่าก็ใกล้เคียงกัน

ข้อเสียรถไฟฟ้าคือยิ่งขับเร็วแบบยิ่งลงเร็ว อนาคตคงต้องมีชุดส่งกำลังมาช่วยในช่วงความเร็วสูง

+1ครับ ขอสัก2ระดับก็พอ

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 827
....

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )
แสดงว่าถ้าต้องการเช็คระยะก็จะวนทดสอบตามลูบข้างบน...จนกว่าแบตจะเกลี้ยงเลยใช่มั้ยครับ? สภาพการทดสอบจริงต่อให้ขึ้นไดโนทดสอบก็คงไม่สามารถคุมได้แบบในกราฟ...แต่คงทำได้แค่ใกล้เคียงจริงมั้ยครับ? อาจจะแค่กำหนดเพดานความเร็วและการจอดนิ่งคร่าวๆ ตามกรอบเวลาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งก็ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงเพื่อทดสอบได้ แต่ชีวิตจริงอาจจะมากน้อยกว่าซึ่งก็คงมีปัจจัยอื่นๆอีกพอสมควร...

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ถามแบบ ไม่รู้ครับ ทำไมไม่ชาร์จเข้าตลอดเวลาครับ

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,713
  • Blue. Just BLUE.
ถามแบบ ไม่รู้ครับ ทำไมไม่ชาร์จเข้าตลอดเวลาครับ
เท่าที่ผมเข้าใจ คือ
1. กรณีมีมอเตอร์ลูกเดียว เมื่อรถวิ่งมอเตอร์ดึงไฟฟ้าจากแบต มอเตอร์ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวปั่นไฟได้ขณะใช้งานอยู่
2. กรณีมีมอเตอร์สองลูกขึ้นไป เมื่อรถวิ่งมอเตอร์ตัวที่ 1 และ n ดึงไฟฟ้าจากแบต มอเตอร์ทั้งหมดไม่สามารถแบ่งตัวใดตัวหนึ่งไปปั่นไฟให้แบตได้ เนื่องจากแบตไม่สามารถใช้งานและชาร์ตพร้อมกันได้ในลูกเดียวกัน เว้นแต่รถจะมีแบตสองลูกที่ทำให้สลับกันใช้ สลับกันชาร์จได้ แต่ไม่รู้ว่าจะคุ้มหรือได้ผลดีหรือป่าว เพราะตอนมอเตอร์ทำหน้าที่ปั่นไฟให้แบต มันจะเกิดแรงหน่วงเยอะ ทำให้เสียพลังงานขืนกันไปมาระหว่างตัวขับเคลื่อนกับตัวปั่นไฟ
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนว่านอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )

ขอบคุณครับ อยากรู้มานานแล้วว่าwltp นี่มันคืออะไร กระทู้คุณภาพมากๆครับ

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
....

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )
แสดงว่าถ้าต้องการเช็คระยะก็จะวนทดสอบตามลูบข้างบน...จนกว่าแบตจะเกลี้ยงเลยใช่มั้ยครับ? สภาพการทดสอบจริงต่อให้ขึ้นไดโนทดสอบก็คงไม่สามารถคุมได้แบบในกราฟ...แต่คงทำได้แค่ใกล้เคียงจริงมั้ยครับ? อาจจะแค่กำหนดเพดานความเร็วและการจอดนิ่งคร่าวๆ ตามกรอบเวลาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งก็ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงเพื่อทดสอบได้ แต่ชีวิตจริงอาจจะมากน้อยกว่าซึ่งก็คงมีปัจจัยอื่นๆอีกพอสมควร...

ใช่แล้วครับ บนถนนจริงคงมีความแตกต่างจากตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐานที่บริษัทรถบอกมา
wltp พึ่งใช้มาไม่นาน ผมไม่มีรถใหม่ๆ ยังไม่ทราบว่า loop wltp จะแตกต่างจากการใช้งานจริงของผมแค่ไหน
รถเก่าผมให้ตัวเลขมาเป็น loop ของยุโรป ผมใช้งานย่านรถติด บางคันกินน้ำมันกว่าตัวเลขที่ให้มา 26%
คาดว่าการใช้งานของผมก็คงได้ระยะทางน้อยกว่า loop wltp เช่นกัน เพราะเท่าที่ดูจากกราฟ wltp ไม่มีการหยุดนิ่งที่นานเกินกว่า 1 นาทีเลย แต่แถวบ้านผม ไฟแดงครั้งละ 5 นาที บางทีรอ 2-3 ไฟเขียวกว่าจะผ่าน

ตัวเลขที่บริษัทรถให้มา ผมเอาไว้ใช้ดูเปรียบเทียบคร่าวๆระหว่างรถรุ่นต่างๆ ว่าถ้าขับใน loop เดียวกัน  คันไหนกินน้ำมันมากน้อยกว่ากันเท่าไหร่น้ะครับ

ขอบคุณ คุณ Nonlamer และคุณ koko86 ที่ชมครับ จำได้สมัยก่อนผมดูแค่ 0-100 กม/ชม แต่พอมีอายุขึ้น เริ่มสนใจเรื่องอัตราสิ้นเปลือง เลยไปค้นข้อมูลวิธีการวัดในรูปแบบต่างๆมา เพราะอยากรู้ว่ารถตัวเองขับจริงจะแตกต่างจาก spec เท่าไหร่บ้าง ผลคือ กินน้ำมันกว่า spec ทุกคัน  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 28, 2019, 23:01:40 โดย ttcl »