ผมแค่พอรู้ มันมี 3 แบบ คือ
1. ทั้ง 2 ฝ่าย นัดกันมาทำการโอนรถ จากเจ้าของเดิม เป็น เจ้าของใหม่ ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ พร้อมทำเรื่องย้าย(ปลายทาง) ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ ได้เลย
2. โอนให้เสร็จที่สำนักงานขนส่งจัวหวัดนั้นๆ (กรณีที่เจ้าของเดิมไม่สะดวกมากรุงเทพฯ) ให้เรียบร้อยก่อน แล้วเจ้าของใหม่ถือเล่มคู่มือไปแจ้งไปเรื่องย้ายออกจังหวัดเดิมให้เสร็จ(เพราะไหนๆ ก็อยู่สำนักงานขนส่งจังหวัดนั้นอยู่แล้ว ก็ทำซะทีเดียว) แล้วกลับมาที่ขนส่งกรุงเทพฯ พร้อมเอกสารมาทำเรื่องย้ายเข้าเป็นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานครอีกที
3. โอนให้เสร็จที่สำนักงานขนส่งจัวหวัดนั้นๆ (กรณีที่เจ้าของเดิมไม่สะดวกมากรุงเทพฯ) ให้เรียบร้อยก่อน แล้วเจ้าของใหม่ถือเล่มคู่มือมาแจ้งไปเรื่องย้ายออก(ปลางทาง) และ ย้ายเข้า ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ ได้เลย
หมายเหตุ ข้อ 2. และ 3. จะแจ้งย้ายออก พร้อม ย้ายเข้า เป็นทะเบียน "ปลายทาง" ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่จังหวัด "ปลายทาง" มันทำไม่ได้
สรุป ข้อ 1. สะดวกสุด เร็วสุด เสียเวลาน้อยสุด สำหรับ -> เจ้าของใหม่ ถ้า......เจ้าของเก่าเขายินดีมาทำเรื่องโอน ย้าย ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร นะครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ
มาต่อยอดจากคำตอบนี้ครับ
เราสามารถให้เจ้าของเก่าเซ็นใบโอน+มอบอำนาจมาให้ก็ได้นะครับ (กรณีที่เจ้าของเก่าไม่สะดวกมาในวันเดียวกับเจ้าของใหม่) เอกสารที่ใช้ก็จะมี..
1. ใบโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ เจ้าของเก่าเซ็นมาให้เรียบร้อย
2. หนังสือมอบอำนาจ เซ็นชื่อโดยเจ้าของเก่า จำนวน 2 ใบ โดยที่ใบแรกไว้ใช้แจ้งย้ายปลายทาง ให้ระบุวัตถุประสงค์ของการมอบอำนาจว่า "แจ้งย้ายรถหมายเลขทีเบียน
... มาใช้ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (+ระบุเขตพื้นที่ ถ้าไม่ใช่สขพ.5 ที่จตุจักร) แทน" สามารถเช็คเขตพื้นที่ที่ต้องการจะแจ้งใช้รถยนต์ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
ส่วนใบที่สองเอาไว้ใช้สำหรับโอนรถครับ ระบุวัตถุประสงค์ของการมอบอำนาจว่า "ใช้สำหรับโอนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ....... แทน"
3. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของเก่าพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง จำนวน 2 ใบเป็นอย่างต่ำ เพราะเราจะต้องใช้ยื่นแจ้งย้ายกับโอนรถแยกครั้งกันครับ ในส่วนนี้แนะนำให้เช็ควันหมดอายุของบัตรประชาชนและความชัดเจนของสำเนาด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่สมบูรณ์ จนท.จะตีกลับไม่รับเรื่อง แล้วจะเสียเวลาอีก
4. ใบคำขออื่นๆ อันนี้ไปขอจากจนท.ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ได้เลย ไม่เสียเงินครับ กรอกเป็นชื่อเจ้าของเก่า ลงวัตถุประสงค์ว่า "แจ้งย้ายรถหมายเลขทีเบียน
... มาใช้ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (+ระบุเขตพื้นที่ ถ้าไม่ใช่สขพ.5 ที่จตุจักร)" เหมือนที่เขียนไปใยหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของเก่านั่นแหละครับ
5. สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันที่เราจะทำการแจ้งย้าย+โอนครับ อันนี้ขาดไม่ได้เลย
ขอเสริมอีกนิดนึงสำหรับสิ่งที่ควรทราบ จะได้ไม่เสียเวลาและเตรียมตัวก่อนไปยื่นเรื่องได้สะดวกขึ้นครับ
1. สำหรับการแจ้งย้ายปลายทาง จะต้องขึ้นไปยื่นเรื่องที่บนอาคารก่อนนะครับ แล้วจะต้องรอเป็นเวลา 3 วันถึงจะเอารถไปเข้าช่องตรวจสภาพได้ อันนี้บางทีจนท.ลืมแจ้งก็มี แล้วถ้าเราต้องเสียเวลาเอารถไปวนต่อแถวเข้าช่องตรวจ จะเสียเวลาไปกันใหญ่ครับ
2. เวลาเอารถไปเข้าช่องตรวจ แจ้งนายช่างได้เลยว่ารถคันนี้แจ้งย้าย+รับโอนนะครับ ไม่ต้องเอารถไปเข้าช่องตรวจสองรอบนะครับ และ"อย่าลืมให้นายช่างใส่ราคาประเมินมาในด้านหลังของใบโอนรถ"ด้วยนะครับ ส่วนนี้สำคัญมาก เพราะจนท.บนอาคารที่ทำเรื่องโอนให้เราจะต้องใช้ข้อมูลตรงนี้คีย์เข้าระบบเพื่อคำนวนค่าธรรมเนียมการโอนฯด้วยครับ (100,000 ละ 500฿ จากราคาประเมิน)
3. ในรอบที่เราเข้าไปยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ (หลังจากแจ้งย้าย >> เอารถเข้าช่องตรวจสภาพ >> รับเอกสารและมายื่นเรื่องที่อาคารอีกครั้ง) เราจะต้องเขียน"ใบคำขออื่นๆ" ซึ่งสามารถขอจากจนท.ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เหมือนกัน ลงชื่อตัวเราเองว่า "ขอแจ้งใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน(เดิม) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขอใช้แผ่นป้ายทะเบียนจังหวัดกรุงเทพมหานคร" ด้วยนะครับ
เท่าที่นึกได้มีเท่านี้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับจขกท.และทำเรื่องย้าย+โอนรถได้อย่างราบรื่นนะครับ พอดีผมไปทำเรื่องทะเบียนให้รถที่บริษัทบ่อยๆเลยเอาข้อมูลมาแชร์ จะได้ไม่้ต้องไปเดินงงในดงขนส่งแบบที่ผมเคยเป็นมา 55555
ยังไงก็ยินดีกับรถคันใหม่ด้วยนะครับผม