ผู้เขียน หัวข้อ: ถามพี่จิมมี่เรื่องการใช้เกียร์ AT ขณะรถติดไฟแดงครับ  (อ่าน 9107 ครั้ง)

ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
อยากถามพี่จิมมี่และเพื่อนๆหน่อยครับ เกี่ยวกับเกียร์ AT พอดีคันก่อนหน้านี้ผมใช้เกียร์ธรรมดามาตลอดไม่ค่อยคุ้นเคยกับ AT อะครับ (ถ้าพี่ๆมีอะไรอยากแนะนำนอกเหนือจากที่ผมถาม เชิญได้เลยนะครับผม)

1.เวลาที่เราจอดรถ(ถึงที่หมายแล้ว) ถ้าถนนเป็นพื้นราบธรรมดา กับ ทางชัน เราควรดึงเบรคมือก่อนเข้าเกียร์ P ทั้งคู่หรือเปล่าครับ เคยได้ยินว่าทางชันให้ดึงเบรคมือก่อน ภาระจะได้ไม่ไปตกที่เกียร์น่ะครับ
2.เวลารถติดไฟแดงซัก 60 วินาที ควรเหยียบเบรคหรือเข้าเกียร์ N ครับ
3. ถ้ารถติดซัก 2 นาทีขึ้นไป ควรเหยียบเบรคหรือเข้าเกียร์ N ครับ
4. ถ้าผมเข้าเกียร์ D ไว้ ขณะรถติดไฟแดง แต่ผมใช้เบรคมือแทนเบรคเท้านี่เหมาะสมมั๊ยครับ
5. ขณะจอดเวลารถติด เราเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรค กับ เข้าเกียร์ N นี่มันกินน้ำมันเท่ากันหรือเปล่าครับ
6.ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี่ ทั้ง AT และเกียร์ PS ควรปฏิบัติเหมือนกันใช่ป่าวครับ

ขอบคุณมากครับผม

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
เป็นคำถามดั้งเดิมและโบราณกาล เป็นคำถามยอดฮิต FAQ

และคุณชาญ เจียรประดิษฐ์ จากอู่กรุงเทพ เคยตอบเอาไว้ให้เป็นบทความในเว็บของเรามาแล้ว

เชิญที่นี่.. กรุาเข้าไปอ่านประกอบไว้ด้วยครับ

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55

1. ถูกแล้วครับ แต่ ไม่ต้องซีเรียสมากก็ได้ ทุกวันนี้ ผมจอดรถบนพื้นราบ ผมไม่ได้ใส่เบรกมือไว้เลย เข้าเกียร์ P ไว้อย่างเดียว
2. เหยียบเบรกครับ
3. เหยียบเบรกครับ
4. ทำได้ครับ แต่ยกเบรกมือขึ้นให้สุดๆ ให้แน่ใจว่ารถจะไม่ไหลขึ้นไปข้างหน้า
5. เครื่องยนต์หมุนเดินเบาพอกัน กินน้ำมันพอกันครับ ไม่ได้ต่างมากมายนัก
6. แล้วเกียร์ PowerShift เนี่ย มันเป็นเกียร์อัตโนมัติหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ ก็ควรจะปฏิบัติแบบเดียวกันสิครับ

ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
ขอบคุณมากครับผม

คุ้นๆว่าเคยอ่านเหมือนกัน แต่หาไม่เจอ อิอิ  ขอบคุณมากครับ กระจ่างเลย

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
เรื่องปลดเกียร์ D --> N ในระหว่างรถติดไฟแดง ก็มีทั้งPros และ Cons นะครับ

ก่อนจะเลือกข้าง  ลองมาทำความเข้าใจกับไส้ของเกียร์ออโตก่อนไหมครับ

เกียร์ออโตทั่วๆไปที่เราใช้กันนั้น จะประกอบด้วยชุดเฟืองขบกันกันอยู่ 3 ชุด ในลักษณะที่เรียกว่าเฟืองดาวนพเคราะห์ ( รูปแบบที่นิยมมากก็คือ เกียร์ซิมป์สัน )  ไม่มีรูปจะอธิบาย หาตำราไม่เจอ ( search ดูเอาจาก google ก็แล้วกันครับ )
เจ้าเฟืองทั้ง 3 ชุดนี้  หากปล่อยให้มันอยู่กันอย่างอิสระแล้ว  แรงขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ผ่านชุด ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ จะทำให้เฟืองทั้ง 3 ชุดที่ขบกันนั้น หมุนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีแรงส่งไปหมุนล้อ

หากจะให้เกิดแรงไปฉุดหมุนล้อ ก็ต้องลอคเฟืองชุดใดชุดหนึ่งให้หยุดอยู่กับที่ จึงจะมีแรงส่งผ่านไปยังล้อได้

เมื่อโยกคันเกียร์จาก D ---> N  สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะมีการลอคเฟือง 1 ชุดให้หยุดนิ่ง โดยอาศัยชิ้นส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนเบรค มีลักษณะเป็นแถบคล้ายกับผ้าเบรค ซึ่งเรียกว่า "Brake band" เจ้าแถบที่ว่านี่จะทำหน้าที่จับให้ชุดเฟือง1ชุดหยุดเพื่อส่งกำลังดังกล่าว  

นั่นแปลว่าทุกๆครั้งที่เราโยกจาก  N --> D หรือ N -->R  เจ้า brake band ก็จะต้องออกแรงไปหยุดชุดเฟืองที่กำลังหมุนให้หยุดอยู่กับที่ และจะจับอยู่เช่นนั้นตลอดเวลาจนกว่าจะโยกกลับไปที่ N
การสึกหรอของตัว brake band จะเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่มันจะต้องจับให้ชุดเฟืองหยุดนิ่ง  ( บางคนบ้าๆ เร่งเครื่องแล้วโยกเกียร์ คงอยากจะออกตัวล้อเอี๊ยดดดดด  แบบนี้brake band ยิ่งสึกหรอสูงขึ้น )   อาการของเกียร์ลื่นในเวลาที่เปลี่ยนเกียร์ N --> D เพื่อให้รถเคลื่อนที่นั้น  มีสาเหตุมาจากการสึกหรอของ brake band เป็นสำคัญ

ดังนั้น ถ้าขยันโยก N --> D บ่อยๆ  ก็จะสึกหรอบ่อยๆ  สึกหรอไปเรื่อยๆ จนหมด แล้วก็เกียร์ลื่น ออกตัวไม่ได้


รอบเดินเบา อยู่ที่เกียร์D  เหยียบเบรคค้างไว้ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เปลืองน้ำมัน เปลืองขึ้นแน่ๆ เพราะว่าเมื่อเหยียบเบรค เบรคจะไปฆ่ากำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ทำให้ล้อไม่หมุน รถไม่ขยับ  การที่ทำให้รถไม่ขยับจะเกิดแรงต้านกลับส่งไปยังชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ส่งผลกลับไปยังเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ถูกฉุดรอบลงมา ไม่มากก็น้อย ขึ้นกับการออกแบบชุดกังหัน turbine และ impeller ซึ่งเมื่อรอบเครื่องถูกฉุดให้ลดลง ระบบรักษารอบเดินเบาก็จะต้องปรับรอบเพิ่มขึ้นให้เท่ากับรอบเดินเบาปกติ นั่นคือ จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง

เมื่อยเท้าแน่ๆ แต่ไม่มีผลให้ระบบเบรคเกิดความเสียหาย หรือสึกหรอ เพราะว่าการสึกหรอของเบรคนั้นมาจากการหมุนของจานหรือดรัมเบรค เสียดสีกับผ้าเบรค เมื่อไม่มีการหมุนก็ไม่มีการเสียดสี ก็ไม่มีการสึกหรอ

การเหยียบเบรคเป็นการส่งแรงผ่านแม่ปั๊มเบรคไปกดแคลิปเปอร์เบรคอีกทีหนึ่ง ส่วนที่จะรับแรงจริงๆก็คือส่วนของลูกยางในแม่ปั๊มเบรค และชุดแคลิปเปอร์ ซึ่งไม่ได้ใช้มากเหมือนกับการออกแรงเหยียบหยุดรถที่กำลังเคลื่อนที่ การสึกหรอในส่วนนี้จึงแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มากนักจนต้องยกเอามากล่าวกัน

ดึงเบรคมือแทนก็จะตัดปัญหาเรื่องเมื่อยเท้า และเรื่องแรงดันในระบบเบรค เพราะเบรคมือส่วนใหญ่จะใช้กลไกลวดสลิงดึงให้ผ้าเบรคขยับ ( บางรุ่นก็อาจจะไปกระทำกับ caliperโดยตรง บางรุ่นก็อาจจะเป็นดรัมเบรคซ่อนอยู่ในดิสก์เบรค )


คราวนี้ถึงบทที่ผู้ใช้จะเลือกหละ  เลือกยอมให้brake band สึกหรอ  หรือ เลือกยอมจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยได้ขับรถฝ่าเข้าไปในเมืองบ่อยๆ  บ้านผมอยู่ชานเมือง ทำงานอยู่นครปฐม  ส่วนใหญ่ขับเกียร์แมนนวล  แต่ก็บ่อยครั้งยึดรถผบ.ไปขับแทน หลายครั้งทีเีดยวที่ผมโยกจาก N-->Dเพียงครั้งเดียว  แล้วไปปลด D-->N เมื่อถึงที่จอดรถ  
เวลาเจอรถติด ผมจะเหยียบเบรค  ถ้าติดนานผมจะดึงเบรคมือ  แต่ถ้าติดนานโคตรๆแบบไม่รู้อนาคต  ผมเลือกดับเครื่องครับ ฮ่า ฮ่า

มัวแต่พิมพ์อยู่ คุณJIMMYให้link ทีเดียวจบเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 06, 2010, 18:49:29 โดย lucifer »

ออฟไลน์ jukkrapong.p

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
แล้วถ้าเป็นเกียร์ CVT ควรจะเหยียบเบรคเหมือนกันไหมครับ

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
หลักการเดียวกันแหละครับ ถึงจะเป็นเกียร์CVT ก็ต้องมี Brake band เช่นกัน

ออฟไลน์ kritphakhin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,943
มาเก็บความรู้ครับ

ออฟไลน์ TDCI

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 397

แล้วเราใช้ประโยชน์จาก D ในกรณีไหนบ้างครับ


ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073

แล้วเราใช้ประโยชน์จาก D ในกรณีไหนบ้างครับ



ขอบคุณ Lucifer ด้วยครับ แจ่มเลย

ส่วนพี่ TDCi กำลังจะถามว่า เกียร์ N ใช้ประโยชน์ตอนไหนหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ถามเหมือนพ่อผมเลย ผมคิดออกแค่อย่างเดียวคือตอนจอดเท่านั้นเองคับ

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
N หรือครับ  เอาไว้ตอนจอดไว้ให้เข็นไงครับ
รถเกียร์ออโต้บางคัน(ส่วนใหญ่ก็พวกแพงๆ) ดับเครื่องแล้วถ้าเกียร์ไม่อยู่ที่P มันไม่ยอมให้ชักกุญแจออกจากเบ้าด้วย  ก็เลยต้องโยกเกียร์Pไว้แล้วชักกุญแจออก
พอดึงกุญแจออก เกียร์ก็ค้างที่P  แล้วก็จากไป  ถ้าบังเอิญจอดปิดเขาอยู่ก็จะเดือดร้อนเอาง่าย
รถแพงๆท่านก็เลยทำที่ให้ปลดshift lock แล้วโยกเกียร์ไปไว้ที่  N จะได้เข็นกันได้

จากประสพการณ์เรื่องเกียร์ P กับรถติดไฟแดง หรือ รถติดนานๆ มีอยู่ 2 เรื่อง ( ไม่ได้เจอเองนะครับ  แต่พรรคพวกเจอมา )
1.  คนขับรถคันหน้าใส่เกียร์ Pไว้ขณะที่จอดติดไฟแดงอยู่ ( ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน ) พอไฟเขียวปุ๊บเธอก็ชักเกียร์ลง 1 จังหวะปั๊บ  ทราบใช่ไหมครับว่ามันจะไปลงเกียร์อะไร   :o แล้วเธอก็เหยียบคันเร่งเลย  หน้ารถของเพื่อนผมก็เลยบุบซะ  เธอก็ของขึ้นหาว่าเพื่อนผมชนท้ายเธอ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เล่นซะอารมณ์เสียกันทั้ง 2 ฝ่าย
2.  อีกรายหนึ่งซวยหน่อย ไม่ได้ถามว่าซ่อมไปเท่าไหร่  ใส่เกียร์Pจอดไว้นี่แหละ  แล้วโดนชนท้ายอย่างจัง  ไม่รู้อะไรพังบ้าง  ( ก็เกียร์Pมันจะมีสลักสำหรับลอคเฟืองหรืออะไรนี่แหละ ลืมกลไกไปแล้วครับ แก่แล้ว  ลอคไว้ไม่ให้เพลาขับหมุน  โดนชนท้ายเข้าให้อย่างจัง เดาๆเอาก็แล้วกันว่าอะไรพังบ้าง )

เตือนไว้อย่างหนึ่ง  เวลาจอดรถไว้หน้าประตูเพื่อที่จะเปิดประตูบ้าน  ยอมBrake bandสึกสักจึ๊กหนึ่งก็แล้วกันครับ  บางคนใส่เกียร์ D ไว้  แล้วดึงเบรคมือ  รถเกียร์ออโต้บางคันตั้งชดเชยรอบเดินเบาในเวลาที่คอมเพรซเซอร์แอร์ทำงานไว้ค่อนข้างมาก  ( ประสพการณ์จาก Honda Civic 3dr รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ซื้อให้ผบ.ใช้ ) พอคอมพ์แอร์ทำงานปุ๊บ รอบเครื่องกระชากปั๊บ  เบรคมือดึงไว้เบาไป รถมันก็เลยวิ่งไปข้างหน้า  ใครไปยืนขวางหน้าอาจจะโดนอัดติดกับประตูตายเหมือนในข่าวที่ผ่านๆมาก็ได้นะครับ

แล้วรถเกียร์ออโต้ส่วนใหญ่ จาก N ลากมา D เนี่ย  มักจะลากลงมาได้เลย  ไม่ต้องกดshift lock   ซ้ำร้ายบางคันไม่ต้องกดเบรคด้วย   ดังนั้นอย่าใส่เกียร์ N ทิ้งไว้โดยมีเด็กนั่งอยู่ด้วยเด็ดขาด  โดยเฉพาะรถที่ลากจากNลงมาDได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรค 
ใส่เกียร์ P เอาไว้นะครับ  ( รถแพงๆส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก  รถรุ่นล่างๆลงมาผมเองไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้กันไว้หรือเปล่า  เพราะเจ้า Honda Civic 3dr ราคา 396,000 บาท , Hondaที่ราคาถูกที่สุดในประวัติศาสตร์บ้านเรา เมื่อ 17ปีก่อน , มันลากจาก N ลงมา Dได้เลย  คิดถึงทีไรแล้วสยอง )

จริงๆแล้ว ผมเองเป็นคนไม่ชอบขับรถเกียร์ออโต้เลย  เกียร์ที่ว่าฉลาดมากๆอย่างเกียร์ของAudi ผมก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดี  คงจะเป็นเพราะขับรถบนทางหลวงอยู่ประจำๆกระมังครับ  แล้วก็ไม่ค่อยชอบกับอาการ"ไหล" ยกคันเร่งแล้วยังไงก็ขอไหลไปก่อนนิดหนึ่งเสมอๆ เกียร์ฉลาดแค่ไหนก็จะยังมีจังหวะไหลแบบนี้ให้รู้สึกได้  ผิดกับเกียร์แมนนวลนี่ตามสั่งทุกอย่าง  แต่ชักเริ่มแก่แล้วเวลาเอารถผบ.มาขับทีไร ถึงจะไม่ถูกใจนัก แต่ก็ติดใจทุกที ฮ่า ฮ่า

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
มีความรู้นิดเดียวพอจะตอบได้แค่ข้อแรกครับ
ในกรณีที่ว่ามา หลังจากถอนเท้าจากเบรคหลังจากเปลี่ยนเป็นเกียร์ P ถ้าไม่ดึงเบรคมือไว้ก่อน รถจะขยับนิดๆเป็นระยะไม่กี่นิ้ว แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกไม่ดีว่าเกียร์จะโดนอะไรไปด้วย แต่ถ้าดึงเบรคมือแล้วถอนเท้าจากเบรค มันก็จะอยู่อย่างนั้นครับ แล้วมาว่ากันอีกทีที่เกียร์ N ก่อนออกรถ

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า PowerShift ไม่น่าจะอยู่ในกลุ่มของ Automatic Transmission นะครับ
แต่เป็น Semi-Automatic หรือ  Clutchless Manual หรือ Automated Manual Transmission
เนื่องจากมีโครงสร้างแบบเกียร์ธรรมดา ไม่มี  Torque Converter ไม่ใช้ Planetary Gearsets

ดังนั้น จากบทความของคุณชาญ ผมคิดว่ากรณีนี้ PowerShift ไม่น่าเกี่ยว
แล้วยิ่งเป็น PS แบบ  Dry-Clutch ด้วยแล้ว น่าจะสบายใจได้มากกว่า AT ทั่วไป


จริงๆแล้ว ผมเองเป็นคนไม่ชอบขับรถเกียร์ออโต้เลย  เกียร์ที่ว่าฉลาดมากๆอย่างเกียร์ของAudi ผมก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดี  คงจะเป็นเพราะขับรถบนทางหลวงอยู่ประจำๆกระมังครับ  แล้วก็ไม่ค่อยชอบกับอาการ"ไหล" ยกคันเร่งแล้วยังไงก็ขอไหลไปก่อนนิดหนึ่งเสมอๆ เกียร์ฉลาดแค่ไหนก็จะยังมีจังหวะไหลแบบนี้ให้รู้สึกได้  ผิดกับเกียร์แมนนวลนี่ตามสั่งทุกอย่าง  แต่ชักเริ่มแก่แล้วเวลาเอารถผบ.มาขับทีไร ถึงจะไม่ถูกใจนัก แต่ก็ติดใจทุกที ฮ่า ฮ่า

ผมเคยลอง Focus TDCi PowerShift ถอนคันเร่งแล้วไม่ไหลนะ แต่ DSG ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยอ่ะ
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ TDCI

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 397
ตายโหงแล้ว! (อุทาน)

โพสต์แล้วไป ลืมดู  เขียนผิดเป็น D ซะงั้น

เป็น N  ครับ ขอบคุณน้าฟอร์ดเขียวมาก

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์

ผมเคยลอง Focus TDCi PowerShift ถอนคันเร่งแล้วไม่ไหลนะ แต่ DSG ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยอ่ะ


ตอนนี้บอกตามตรงว่า คงจะเลิกคบกับรถยุโรปแล้วครับ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว  คันเดียวที่เคยใช้ก็คือ Audi A4 V6 2.4L เกียร์ออโต้ฉลาดโคตรๆ 5สปีด  lockup torque converterทำงานทุกเกียร์ครับ  ขับลงที่จอดรถ ถอนคันเร่งนี่ สัมผัสกับอาการไม่ไหลได้ครับ  แต่ถ้าลองจับความรู้สึกดีๆ มันก็จะมี"lag time" เพื่อรอให้ระบบดังกล่าวจับได้ว่าอะไรเป็นอะไรก่อนที่จะลงมือ  เร็วอย่างไรก็ยังจับสัมผัสได้ครับ  (​ยกเว้นใช้เกียร์ออโตมาตลอด ก็อาจจะไม่ใส่ใจfeelingตรงนี้)  เพียงแต่ผมใช้เกียร์แมนนวลเป็นหลัก ใช้เกียร์ออโตเป็นรถเสริม ก็เลยบอกความรู้สึก"ไหล"ได้ไม่ยาก 

เรืองpowershift ตรงนี้ไม่ได้สนใจศึกษาโครงสร้างและการทำงานครับ  จริงๆความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี่เรื่องรถยนต์มันตกผลึกไปนานแล้ว  ตอนนี้จะซื้อรถแต่ละคันนี่ คิดข้ามshotเรื่องspecไปไกลถึงที่ว่า ถ้าหากมีปัญหาจะซ่อมแซมยากหรือไม่  ช่างไทยจะมีปัญญาไหม  ซื้อมาแล้วจะทนขับมันได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า

สุดท้ายก็เกิดความรู้สึกว่า รถก็คือรถ มีไว้ให้ไม่ต้องเดินขึ้นรถเมลล์หรือโบกแทกซี่ไป ก็คงเท่านั้นแหละครับ
อาจจะดูสุดโต่งไปบ้าง  แต่ถ้าผ่านร้อนผ่านหนาวมานานๆ ซื้อรถใช้เองมาหลายๆคัน  ใช้ทั้งรถดี รถงั้นๆ ซ่อมรถเองบ้าง ต้องจ้างเขาซ่อมบ้าง เจอช่างดีบ้าง ช่างแย่บ้าง สุดท้ายก็จะเข้าใจความรู้สึกนี้เองแหละครับ
ตอนนี้ใครมาถามเรื่องรถนี่  ไม่มีข้อมูลแล้ว  ถึงต้องมาสมัครเป็นสมาชิกเวปนี้ครับ  ปีหน้าอาจจะหาเรื่องเปลี่ยนรถบ้าง เพราะคันเก่าก็แก่มากแล้ว

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
^
^
อ่อ ผมก็เข้าใจผิด เห็นบอกว่าเกียร์ฉลาดๆของ Audi ก็เลยนึกว่าเป็น S-Tronic หรือ DSG

อาการเกียร์มึน ขอเวลาคิดว่าจะเอาไงดีกับชีวิต ผมว่า Conventional Automatic เป็นหมดแหละครับ
แต่ถ้าเป็น Clutchless Manual ยังไงๆความรู้สึกรวมถึงอาการไหล ก็น่าจะต่างจาก Automatic

ผมว่า AMT แบบ Dual-Clutch น่าจะเป็นมาตรฐานรถยนต์ภายในไม่กี่ปี ก่อนที่ Quad-Clutch จะมา
เทคโนโลยีมันไปเรื่อยๆ ถ้ายังต้องอยู่กับมัน ก็หาโอกาสตามศึกษาบ้างก็ดีครับ เอาใจช่วย

ที่คิดไกลถึงที่ว่า ถ้าหากมีปัญหาจะซ่อมแซมยากหรือไม่  ช่างไทยจะมีปัญญาไหม
ผมว่ามาถูกทางแล้วครับ มันเป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ก็คงต้องคิดก่อนซื้อรถ
แต่จะหาคำตอบพวกนี้ได้ คงต้องมีข้อมูล Specification ของรถเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ อืม...นะ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 648
  • Spirit of the "R"
อืม...ความรู้ท่วมๆเลยหระทู้นี้ ต้องเซฟเก็บไว้อ่าน  8)
'18 Honda Jazz gk5 s mt
'11 Volkswagen Scirocco R
'04 Honda Integra dc5 Type R
'96 Honda Prelude bb1

ออฟไลน์ Satanic za'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
นั่นสิ ผมก็รู้สึกว่า กระทู้นี้ความรู้ท่วมจอ อิอิ

ออฟไลน์ JT77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 50
มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ  ;D

ออฟไลน์ Kraze

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
ผมก็เข้าเกียร์คาไว้ที่ D เวลาติดไฟแดงเหมือนกันครับแต่มีเพื่อนผมคนนึงก็เข้าเกียร์ D ไว้เวลาติดไฟแดงเหมือนกัน
แต่เนื่องจากตอนที่เกิดเหตุมันเป็นไฟแดงที่ติดนานมากๆด้วยความเผลอหรือลืมตัวเพื่อนก็เลยผ่อนแรงที่กดเบรคซะ
ผลคือรถก็ไหลแล้วไปจูบกับรถคันหน้า รถเพื่อนกันชนบุบไปเลยส่วนรถคันหน้าไม่เป็นอะไร = =; ยังไงก็ระวัง
อย่าลืมตัวถ้าเกิดไปติดไฟแดงแบบนานจริงๆเข้าละกันละครับว่าเรากำลังเข้าเกียร์ D คาไว้อยู่