Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: PM_SW ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2017, 16:26:35
-
เครื่องเบนซิน n/a เกียร์ Auto นะครับ
1. เหยียบคนเร่งประมาณ 20-30 % ให้ความเร็วไต่ไปเรื่อยๆจนเกียร์สุดท้าย
แล้วเลี้ยงความเร็ว (กด-ปล่อยเนียนๆ) ไม่แช่คันเร่ง
2. เหยียบคันเร่งเยอะหน่อย ประมาณ 40-60 % จนความเร็วถึงเป้าหมายแล้วปล่อยคันเร่ง
ถ้า ทั้ง 2 วิธี มีเป้าหมายความเร็วให้ขับไปถึง 60 km/h
วิธีที่ 1 แช่คันเร่งนานกว่า แต่รอบไม่สูง ไปถึง 60 ช้า เกียร์เปลี่ยนที่ 2พันรอบ กับ
วิธีที่ 2 กดคันเร่งไม่นานเพราะถึง 60 เร็วกว่า ใช้รอบ ~2500-3500 rpm
แบบไหนประหยัดน้ำมันกว่าครับ
-
เคยลองทั้งสองวิธีแล้ว
ถ้าสังเกตุจากตัววัดระดับความสิ้นเปลือง
แบบแรกน่าจะผระหยัดกว่าครับ เพราะระดับมันจะคงที่อยู่ย่านนึง แล้วไปเพิ่มตอนความเร็วถึง
ส่วนแบบที่สอง ระดับมันจะฮวบลงไป แล้วก็ไปคงที่ตอนความเร็วถึง
-
ผมก็สงสัย โดยส่วนตัวผมคิดว่าแบบ 2 น่าจะประหยัดกว่า เดาเอาล้วนๆเลย 55
-
ผมว่าข้อ 1 ประหยัดกว่า
เหยียบเยอะ จ่ายน้ำมันเยอะ ถ้าใกล้ที่หมายแล้วปล่อยคันเร่ง พอความเร็วตกก็ต้องเหยียบต่ออีก จะประหยัดสู้ 1 ไม่ได้ครับ
-
1 ครับ
คันเร่งคุมอากาศ อากาศเยอะ น้ำมันเยอะตาม
-
แล้วแต่อารมณ์ผมเลย ไม่เคยนึกถึงการกินน้ำมัน 5555555
-
ไม่ขอตอบเรื่องความประหยัดนะครับ ไม่ทราบจริงๆ
แต่ถ้าในชีวิตประจำวัน
ถ้าวิ่งในเมือง อาจจะใช้ข้อ1 (เพราะมีรถข้างหน้า ถนนไม่สามารถทำความเร็วได้ เร่งไปก็เท่านั้น เยียบเบาๆ แล้วปล่อยใหลดีกว่า)
ถ้าวิ่งทางไกล อาจจะใช้ข้อ2 ครับ (เพราะผมจะเหยียบให้ถึงความเร็วที่ใช้เดินทางไวๆ เพราะพอลอยลำแล้ว ที่เหลือก็แค่ประคองคันเร่ง )
-
ไม่เคยจับนะ แต่ลองขับแบบแรกตลอด ผมว่าประหยัดดี
-
หลังจากลองเองแล้วและด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ค่อยๆเหยียบ ประหยัดกกว่า ใน Jazz Gk นะครับ แต่ใน fiesta ตืบให้ขึ้นเกียร์ 6 เร็วเท่าไหร่แล้วคงคามเร็วไว้ ก็จะประหยัดกว่าค่อยๆ เหยียบ ซึ่งโดนสรุปผมว่ามันอยู่ที่เกียร์ด้วยอ่ะครับ
-
ผมเคยสงสัยมาก่อนครับ
ผมจึงทดลองขับไป แล้วจ้องที่ค่า Throttle ในแอป Torque ODB2 ครับ
ถ้ามีเป้าหมายที่ 60 กม. วิธีที่ 1 กดค่อย ๆ ไม่เกิน 30% ประหยัดครับ
ถ้ามีเป้าหมายที่ 90 กม. วิธีที่ 2 แต่เหยียบ 30 กว่า ๆ ไม่เกิน 40% จะประหยัดกว่า เพราะแบบแรกมันช้าไปครับ
พอถึงเป้าหมายก็เหยียบนิด ๆ ตัวเลขจะโชว์ที่ 22% ค้างไว้ยาว ๆ เลยครับ Eco warrior !!!!!
-
แล้วแต่น้ำหนักตัวของรถนะครับ
ถ้ารถหนักหน่อย ก็ขับแบบรถทัวร์เพราะมวลน้ำหนักเยอะแรงส่งตอนลอยตัวมันก็เยอะ สามารถใช้วอร์คกิ้งสปีดได้บ่อยๆไม่ต้องแช่คันเร่งตลอดเวลา แต่ถ้ารถเก๋งเบาๆ กระบะเบาๆ ก็แตะคันเร่งคงที่
-
เท่าที่เคยลองแล้วดูที่รถคำนวณออกมา แบบ 1 ประหยัดกว่าครับ
แต่ปกติผมเหยียบแบบ 2 ตลอด เพราะดูรวมๆก็ไม่ได้เปลืองกว่ามากนัก
-
ตามหลักแล้ววิธีที่ 1 น่าจะประหยัดกว่าคับ แต่ความเป็นจริง 2 อาจจะประหยัดกว่าบางกรณีได้ เพราะถ้าเอารอบเครื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง วิธีที่ 2 รอบเครื่องจะให้แรงบิดที่สูงกว่า (อยู่ที่รุ่นของรถ เครื่องช่วงชักยาว-สั้น กับ น้ำหนักรถ+สิ่งที่บรรทุุกมาด้วย) ถ้ารถเบาตัวเปล่า โหลดน้อย เครื่องช่วงชักยาวๆ วิธีที่1อาจประหยัดกว่า แต่ถ้ามีโหลด เครื่องแบบช่วงชักสั้น วิธีที่ 2 มีโอกาสจะประหยัดกว่าคับ
เอาแค่การรักษาความเร็วนั้นให้ถึงเส้นนะ แต่ถ้าไม่นับการรักษาความเร็วเอาแค่ถึงเส้นแล้ว วิธีที่ 2 จะได้ความเร็วที่มากกว่า ซึ่งพลังงานจลน์มากกว่า เพราะฉะนั้นจะใส่เกียร์ว่างไหลถึงเส้นได้นานกว่า ก็ส่งผลให้ประหยัดกว่าได้คับ
-
เครื่องยนต์กับเกียรก็มีส่วนนะครับ
วิธีแรก สำหรับรถเบนซิน โดยเฉพาะเครื่องเล็กๆจะประหยัดมากๆ
แรงบิดน้อย ค่อยๆไหลไป ไม่เค้น ยังไงก็ประหยัด
แต่ถ้าเค้นหนักๆพวกนี้จะกินมาก
แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เท่าที่ผมลอง เร่งหนักๆ เปลืองน้ำมันกว่าครับ
-
ค่อยๆไล่ความเร็วขึ้นไป ยังไงก็ประหยัดกว่าครับ
-
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ สำหรับความคิดเห็น :-*
-
ขึ้นกับเครื่องยน และอัตราทดเกีย ในช่วงที่จะวัดครับ
-
ชอบกดแบบ 2 ครับ นิดนึงก็ขอให้ได้เร่งหน่อย5555
-
ขอบคุณที่มาแบ่งปันผลการทดลองกันครับ
-
ถามเพิ่มเติมครับ
วิ่งที่ความเร็ว 80 อยู่เกียร์ 5 รอบ 1500 ในรถเบนซิน ต้องการเพิ่มความเร็วเป็น 120
1.ค่อยๆเติมคันเร่ง โดยกดให้ลึกลงไปเรื่อยๆลากเกียร์ 5 จนถึง 120 (ซึ่งความเร็วจะขึ้นช้าเพราะรอบเครื่อง 1500 ที่เกียร์ 5 รถไม่มีกำลัง)
2.กดคันเร่งปกติเกียร์จะเปลี่ยนจาก 5 ไป 4 รอบเครื่องประมาณ 2000 อัตราดีกว่าแบบแรก พอถึง 120 ถอนคันเร่งเกียร์เปลี่ยน 5
แบบไหนประหยัดน้ำมันกว่า
แบบไหนถนอมเครื่องยนต์เกียร์มากกว่ากันครับ
-
ถามเพิ่มเติมครับ
วิ่งที่ความเร็ว 80 อยู่เกียร์ 5 รอบ 1500 ในรถเบนซิน ต้องการเพิ่มความเร็วเป็น 120
1.ค่อยๆเติมคันเร่ง โดยกดให้ลึกลงไปเรื่อยๆลากเกียร์ 5 จนถึง 120 (ซึ่งความเร็วจะขึ้นช้าเพราะรอบเครื่อง 1500 ที่เกียร์ 5 รถไม่มีกำลัง)
2.กดคันเร่งปกติเกียร์จะเปลี่ยนจาก 5 ไป 4 รอบเครื่องประมาณ 2000 อัตราดีกว่าแบบแรก พอถึง 120 ถอนคันเร่งเกียร์เปลี่ยน 5
แบบไหนประหยัดน้ำมันกว่า
แบบไหนถนอมเครื่องยนต์เกียร์มากกว่ากันครับ
แบบที่ 1 ประหยัดกว่าครับ แต่รถไปได้ช้าไม่ทันใจ
ส่วนถนอมเครื่องกับเกียร์ ไม่ต่างกันเพราะทั้ง 2 แบบไม่ได้เค้นเครื่องยนต์อะไรเลย
อาจจะมีแบบที่ 2 ที่เครื่องยนต์เคลื่อนที่สึกหรอมากกว่าเพราะใช้จำนวนรอบสูงมากกว่าแบบที่ 1 แต่ผมขับรถแมนน่วล
ส่วนมากลากเกียร์เอามันตลอดครับ 5 แสนกว่าโลแล้วก็ยังใช้ได้ดี
-
วิธีที่1 ครับ
เพิ่มความเร็ว ค่อยๆกดคันเร่ง เลี้ยงคันเร่งให้นิ่งครับ