Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TK2003 ที่ กรกฎาคม 16, 2013, 20:23:26
-
ถ้าผมจะซื้อต่อรถจากโครงการรถคันแรกผมจะทำแบบนี้ได้ไหมครับ
1. ถ้าเจ้าของเดิมได้เงินแสนคืนแล้ว ให้เขาไปโป๊ะส่วนเหลือจากไฟแนนซ์ได้ไหม
2. แล้วซื้อเงินสดจากเขาเลยแล้วหักส่วนต่างเงินแสนออก(ถ้าเขายอม 55)
3. แล้วทำสัญญาซื้อขาย โอนลอยไว้หลังจาก 5 ปีแล้วค่อยโอน
4. สรุปครับ
รถ 500,000 หัก 100,000 =400,000 แล้วตกลงราคาซื้อขายกัน จบครับ
ปล. ใครจะคุ้มกว่ากัน และใครเสี่ยงกว่า ระหว่างคนซื้อกะคนขาย
ปล. 2 แล้วมันผิดกฏหมายไหมครับ
-
พี่ครับแล้วถ้าเค้าไปแจ้งเล่มหาย แล้วพี่มารู้ตัวอีกทีอีก 5 ปีข้างหน้า
เขาสวมทะเบียนไปเรียบร้อยแล้ว ตังค์ก็จ่ายไปแล้ว พี่จะทำยังไง ?
หรือถ้ามันเป็นรถเถื่อนพี่จะรู้อีกทีตอนโอนอีก 5 ปีข้างหน้าพี่จะทำไง ?
หรือถ้าคิดในแง่คนขาย
ถ้าเกิดคนซื้อเอารถไปทำผิดกฎหมาย คงวุ่นวายน่าดู
-
ขออภัย แต่ขอพูดตรงๆนะครับ
มันเป็นการ "โกงเงิน" ภาษีของพวกผมด้วยครับ
ท่านทำ ท่านก็รู้แก่ใจ ถึงมันจะเป็นช่องของกฎหมาย แต่ท่านจะโกงโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายตามพวกนักการเมือง หรือตำรวจบางคนหรือครับ
ขอโทษครับ ที่ต้องพูดตรงๆ มันเป็นภาษีและหนี้สินที่รัฐบาลเอาไปผลาญเล่นครับ
ขอโทษอีกครั้งครับ
-
คนขายไม่บ้าทำอย่างนั้นแน่ ๆ ถ้าคุณดันเอารถไปขายก่อนห้าปี เขาต้องคืนเงินแสนให้รัฐ
-
ทำได้ครับ ถ้าไว้ใจกันมากพอ
-
น่าคิดทั้งนั้น
-
ใช่ครับผมลืมคิดเรื่องแจ้งเล่มหาย กับเรื่องโกงภาษีตัวเองบวกประชาชนครับ(แต่กรณีนี้ซ้ือจากคนใกล้ตัวครับที่ผ่อนไม่ไหว) ขอบคุณครับ
-
ผ่อนไม่ไหวก็ทำเรื่องแจ้งยกเลิกคืนภาษีไป แล้วซื้อขายได้ตามปกติครับ :)
-
ถ้าจะซื้อขายต้องยกเลิกใช่มั้ยครับ เช่น ผู้ขายจะต้อง นำเงินที่ได้รับคืนมา 1 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย คืนให้กับกรมสรรพสามิต เสร็จแล้วก็สามารถซื้อขายได้ปกติเลยรึป่าวครับ
-
มันจะยุ่งเป็นยุงตีกันซะมากกว่าครับ
เงินไม่เข้าใครออกใคร อะไรก็เกิดขึ้นได้ จะทะเลาะกันเปล่าๆครับ
-
อย่าเสี่ยงเลยครับ ผมว่าปัญหาคนอยากขายก่อน 5 ปีเยอะเดี๋ยวสักพักคงมีนโยบายอะไรซักอย่างมาเยียวยาหรือผ่อนปรน
-
ตามกฏที่ตั้งไว้ ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือใน 5ปี ถ้าผิดสัญญา ต้องจ่ายภาษี 100000 ที่คืนไปพร้อมดอกเบี้ย คืนกลับมา จากนั้นจะเอารถไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้
ต่อให้เป็นคนสนิท ก็ไม่สามารถโอนได้อยู่ดี ถ้าไม่จ่ายภาษีคืนรัฐ จริงๆ ภาษีนี้มันก็คือ ภาษีตัวรถอยู่แล้ว รัฐแค่ไม่เก็บ เพื่อให้คนออกรถคันแรกง่ายขึ้น
ฉนั้น รัฐไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ไม่ใช่ภาษีใคร ภาษีเจ้าของรถนั่นแหละที่แฝงมาในมูลค่ารถแต่แรก
แล้วรัฐได้อะไร ก็ภาษีประจำปี พรบ ภาษีจากน้ำมันที่เติม
ธุรกิจได้อะไร บิษัทรถ ไดเ้การจ้างงานไม่ขาดตอน ผู้ผลิตชิ้นส่วน แทนที่จะปิดโรงงานเพราะน้ำท่ววม ก็เดินการผลิตต่อ เพราะมี คำสั่งซื้อ พนักงานโรงงานก็ไม่โดนลอยแพ เพราะงานมีให้ทำ พอมีงานให้ทำก็มีการใช้จ่าย มันก็เป็นลูกโซ่ อยุ่ดี
-
ไม่ดีอย่าทำ ซื้อแบบถูกต้องตรงไปตางมาดีกว่าทรัพย์สินเป็นแสน
-
ฉนั้น รัฐไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ไม่ใช่ภาษีใคร ภาษีเจ้าของรถนั่นแหละที่แฝงมาในมูลค่ารถแต่แรก
แล้วรัฐได้อะไร ก็ภาษีประจำปี พรบ ภาษีจากน้ำมันที่เติม
การใช้จ่ายของรัฐมาจากภาษีประชาชน เงินที่รัฐไม่เก็บนี่แหละที่เป็นเงินเอามาใช้ต่อส่วนรวม รัฐเสียรายได้ใครรับผิดชอบ ประชาชนทุกคนครับ งบไม่พอใครจ่ายเพิ่ม ก็ประชาชนอีกเช่นกัน เช่นถ้างบไม่พอถนนเส้นหนึงอาจถูกพักการสร้าง ถาใว่าใครเสียประโยชน์ ก็ประชาชนทุกคนที่ใช้ถนน
-
ถ้าซื้อขายกับบุคคลที่ไม่เคยรู้จัก สนิทสนมด้วยเสี่ยงมากๆครับ
ส่วนผมใช้ชื่อน้องสาวซื้อเอาครับ น้องไม่เคยมีชื่อในเล่มทะเบียนรถ ถ้าทำตามกฎกติกามารยาทก็ไม่ผิดอะไร รถก็ได้ใช้(ใช้ด้วยกันในบ้าน) เงินภาษีก็ได้คืน
-
จากคำถามทำได้อยู่แล้วครับ(และคิดว่ากรณีแบบนี้ยังเกิดขึ้นอีกมาก)
แต่ถ้าจะให้ดีต้องซื้อ-ขาย กับคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพื่อป้องกันการโกงต่างๆเช่น แจ้งทะเบียนรถหาย เอารถไปขนยา ชนแล้วหนี เป็นต้น ครับ
-
ขอตอบอีกมุมนะครับ มันได้ลด 1 แสน ไม่กี่รุ่นนะครับ เราอย่าเป็นเหยื่อเทคนิคทางการตลาดของ..... เลยครับ
มันเหมือนกับจำนำข้าว 15,000.- ข้าวแบบไหนที่ได้ หมายเหตุเล็ก ๆ ข้างขวด อันนั้นเอาไว้สื่อกับชาวนา ไม่มีใครได้เต็มตามแคมเปน
แต่เรื่องรถ คนชั้นกลางของสังคม น่าจะพูดเป็นคัน ๆ ไป อย่าเหมารวมว่าลด 1 แสน พูดกันจนเข้าใจผิดว่ารถทุกคันในโครงการลดตามนั้น
ตอนนี้คนซื้อรถคันแรกไม่ว่ากระบะตอนเดียว แค๊บ อีโค่ ฯลฯ ในโครงการ หลายคนสร้างหนี้ไว้รอเงินที่คิดว่าจะได้คืนเต็ม เมื่อถึงเวลาจริงได้ไม่ถึง
อย่างปัญหาข้างต้นคิดว่าจะได้คืนเต็มคำนวนเสร็จเรียบร้อยว่าจะขายเหลือเท่าไหร่ พอถึงเวลาได้รับคืนไม่ได้ตามที่คาดหวังก็จะเป็นการขาดทุนเป็นต้น
การซื้อขายกรณีกระทู้ ผมมองว่าเป็นสิทธิที่ท่านจะทำได้ สมัยนี้มันห้ามการคิดหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองไม่ได้หรอกครับ (เราเป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง มีตัวอย่างให้เห็นมากมายว่าคนที่คิดจะหาประโยชน์ของช่องว่างทางกฎหมายได้ดิบได้ดี เป็นที่รักใคร่ของคนค่อนประเทศ ผมก็นึกภาพไม่ออกว่าเราจะต้องสอนลูกหลานอย่างไร พ่อจะเป็นคนบ้าในสายตาลูกไหมหากสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เสียสละ ไม่เอาเปรียบสังคม)
และหลายท่านที่รีบซื้อรถในโครงการก็มีความคิดแบบนั้น ซื้อไปก่อนเวลาเบื่อก็ขายจะได้ขาดทุนน้อย ๆ ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ เหมือนคนที่ซื้อรถในโครงการได้เปรียบ แต่ตามสภาพความเป็นจริงตลาดมือสองก็จะเข้าใจผิดเช่นกันว่ารถมันราคาต้องต่ำกว่าปกติอีก 1 แสน คราวนี้คนที่ซื้อรถนอกโครงการ และในโครงการที่ส่วนใหญ่ได้ลดจริงเพียง 5 - 6 หมื่นบาท จะกลับกลายเป็นผู้เสียเปรียบแทน กลไกของตลาดจะผิดเพี้ยนไปหมด เนื่องจากการกระตุ้นดีมานเทียมดังกล่าว
หมายเหตุ หวังว่าคงไม่มองเป็นเรื่องการเมืองไปหมดนะครับ
-
ตอนนี้เราก็คงเห็น รถที่ติดขึ้นแบบรู้สึกได้ ตอนนี้เราก็เห็นรถที่จอดในศูนย์จำนวนมาก เห็นน้ำมันที่ขึ้นเอาขึ้นเอา ประโยชน์มีสำหรับคน 1.2 ล้านคน แล้วอีก หลายล้านที่เค้าไม่ต้องการเท่าไหร่ ก็คงต้องอยู่ต้องทนด้วยกัน กว่าจะกลับมาเดินการผลิตปรกติ ตามความต้องการ ข้อเลี่ยงแบบนี้จะมีคนใช้เยอะ แน่ เพราะผมว่าเต๊นมือสอง และคนที่ต้องหมุนเงิน คงต้องใช้ช่องว่างนี้ทำให้ตัวเองรอดสันดอน ของเวรกรรมร่วมกันในครั้งนี้ และคิดว่าไม่น่าจะจบ แค่เท่าที่เห็นน่าจะมีอะไรที่ต่อเนื่องอีก