ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนขอความรู้คุณ Jae และเพื่อนๆ เรื่องคุณสมบัติ HVI ของน้ำมันเครื่องครับ  (อ่าน 5557 ครั้ง)

ออฟไลน์ spitfire

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 133
พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องอยู่ครับ ในตลาดมันมีเยอะจริงๆ
ได้เจอกระทู้เก่าที่คุณ Jae เคยคอมเม้นท์ไว้ เกี่ยวกับเรื่อง HVI
ที่ว่า XHVI (extra high viscosity index) น่าจะดีกว่า VHVI (very high viscosity index)

แล้วก็ไปเจอ handbook ตามลิงค์ จากหน้า11 เรื่อง solubility
http://www.engnetglobal.com/documents/pdfcatalog/NYN001_200412073535_Base%20oil%20handbookENG.pdf

แต่ข้อมูลเหมือนจะสลับกัน ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

เลยจะรบกวนขอความรู้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ

AMG C43 Coupe C205;
 - ECU Tuning by Gettuned
 - BMC Air Filter
 - KW HAS
 - EBC Yellowstuff
 - RENNtech Decklid

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องอยู่ครับ ในตลาดมันมีเยอะจริงๆ
ได้เจอกระทู้เก่าที่คุณ Jae เคยคอมเม้นท์ไว้ เกี่ยวกับเรื่อง HVI
ที่ว่า XHVI (extra high viscosity index) น่าจะดีกว่า VHVI (very high viscosity index)

แล้วก็ไปเจอ handbook ตามลิงค์ จากหน้า11 เรื่อง solubility
http://www.engnetglobal.com/documents/pdfcatalog/NYN001_200412073535_Base%20oil%20handbookENG.pdf

แต่ข้อมูลเหมือนจะสลับกัน ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

เลยจะรบกวนขอความรู้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ




ก่อนอื่น มันคือ VI ครับ ไม่ใช่ HVI  และ XHVI กับ VHVI ถ้าพูดบนน้ำมันเบอร์เดียวกัน มาตรฐานเดียวกันที่โลกนี้ยอมรับ  XHVI จะมี VI มากกว่า VHVI

หนังสือที่อ้างมา เข้าอธิบายใหัฟังถึง Base Oil ครับ ในที่นี้เขาเจาะจงลำดับ XHVI, PAOs, VHVI ว่า VGS และ Aniline point ของ VHVI ที่เขายกมานั้นมีค่าดีกว่า แต่ไม่ได้บอกว่า VI มากกว่านะครับ อย่าเอาไปมั่วกัน

ซึ่งในโลกนี้ ถ้าเราคุณกันเรื่องว่า Base oil ที่ยังไม่ผสมเป้นน้ำมันเครื่อง ก็ถูกต้องแล้วครับว่า Base oil พวก Ester, PAOs, มันเสี่ยงต่อการเป็นกรด และผสมกับน้ำมันชนิดอื่นได้ยากกว่าตามลำดับ เพราะอย่างที่ผมเคยเขียนไปและพูดไปน่าจะเป็นพันครั้งว่า ESTER ไม่สามารถนำมาใช้เปล่า ๆ ได้ มันไม่ทนร้อนชื้น อันนี้ถ้าเคยอ่านที่ผมเขียน จะเห็นประโยคแบบนี้ซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆกันหลายกระทู้มาก เขียนจนเริ่มเบื่อเหมือนกันครับ เพราะคิดว่า ใคร ๆ ก็ไปหาอ่านได้ แต่ทำไมยังซื้อใช้ ESTER เยอะ ๆ กันอีก

เอามาดูเรื่องน้ำมันเครื่องที่ใส่กระป๋องแล้วดีกว่า ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำมันในโลกนี้มันถูกขายตามสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน คนผลิต ก็ต้องคิดว่า ทำอย่างไรจะเหมาะสมกับ อุณหภูมิต่ำสุด และ สูง (อาจจะไม่สุด) เช่น เบอร์ 0W-20 ที่ศูนย์บริการหลายแห่งยัดเยียดให้ลูกค้าใช้ เบอร์นี้ VI จะสูงมาก ส่วนใหญ่เป็นพวก XHVI  แต่เป็น Hydrocracked เพราะถูก ทำง่าย ประหยัดน้ำมันเวลาอุณหภูมิตำ น้ำมันเบอร์นี้ และเบอร์ 0W-10 มันใช้ได้ดีใน ALASKA, CANADA, China, EUROPE ครับ เอาแค่ที่ผมว่ามานี่ ก็เกินครึ่งโลกแล้วมั้ง ถามว่าพวกนี้มีอากาศร้อนไหม มีครับ แต่ร้อนไม่เท่าเราหรอก เขาใช้ได้ดีเพราะOil temp มันอยู่แค่ 80-90 เอง ครับ

แต่มาเมืองไทย Oil Temp อย่าง BMW อยู่แถว ๆ 100-120 แทบจะตลอดเวลา ยิ่งรถติดมันก็ยิ่งร้อน HTHS ของน้ำมัน ถ้าได้แค่ 2.6 มันจะไหวไหม ? ผนังสูบมันไม่ใช่ 150 องศาแน่ ๆครับ

....

ชักจะยาวอีกละ

...

เอาเป็นว่า เลือกน้ำมันเครื่อง ให้ดู Base oil, VI, HTHS, ยี่ห้อ, คนขายของแท้, การใช้งานอุณหภูมิ อากาศ, ระยะการถ่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาเหมาะสม เช่นน้ำมันเบอร์เดียวกัน ยี่ห้อ M ใส่ สารสังเคราะห์ 6 ชนิด ราคา 2 พัน กับยี่ห้อ C ใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด ราคา 2พันเหมือนกัน ผมก็ต้องเลือก M  แต่ถ้ามียี่ห้อPใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด แต่ราคาครึ่งนึงของ C ผมก็ไม่เลือก M แล้วไปใช้ P ก็พอ เพราะผมอาจจะไม่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่ากันนิดหน่อยของ M ก็ได้ ทุกยี่ห้อก็มีพืื้นฐานทางคุณสมบัติไม่เท่ากันแต่ก็มีแน่ ๆ ล่ะ เช่น ป้องกันตะกอน ลดคราบโคลน ทำความสะอาด ช่วยจุดระเบิด ลดการเกิดฟอง ฯลฯ "สำหรับผม" ผมว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับทำได้ดีมากน้อยต่างกันแค่นั้นล่ะ


ยี่ห้อไหนดีไม่ดีกว่าอีกยี่ห้อไหน ผมตอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้นครับ  นอกจากตัวผมเอง เพราะผมชั่งน้ำหนักราคาที่จ่ายกับน้ำมันไว้แล้ว คุณเองก็ต้องไปชั่งน้ำหนักราคากับความต้องการของคุณเช่นกันครับ




ออฟไลน์ Spec C Wannabe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
พอดีผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องอยู่ครับ ในตลาดมันมีเยอะจริงๆ
ได้เจอกระทู้เก่าที่คุณ Jae เคยคอมเม้นท์ไว้ เกี่ยวกับเรื่อง HVI
ที่ว่า XHVI (extra high viscosity index) น่าจะดีกว่า VHVI (very high viscosity index)

แล้วก็ไปเจอ handbook ตามลิงค์ จากหน้า11 เรื่อง solubility
http://www.engnetglobal.com/documents/pdfcatalog/NYN001_200412073535_Base%20oil%20handbookENG.pdf

แต่ข้อมูลเหมือนจะสลับกัน ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

เลยจะรบกวนขอความรู้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ



หน้า11 พูดถึง SOLUBILITY คือความสามารถในการทำละลาย

XVHI VCG=0.763  Aniline Point = 126C
VHVI VCG=0.785  Aniline Point = 110C

อ่านแล้วก็ถูกต้องตาม Logic นะครับว่า XVHI มีคุณสมบัติเหนือกว่า VHVI

ตัวเลขบอกเราว่า XVHI มีความสามารถในการทำละลายที่แย่กว่า VHVI ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า XVHI เป็น Base Oil ที่มีความเสถียร ไม่ยอมรวมกับใครง่ายๆ และกว่าจะยอมรวมตัวกับใครได้ก็ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงกว่า VHVI ซึ่งก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่กว่า ประมาณว่าไม่มั่ว ไม่สำส่อน  มีความสามารถในการรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเค้าเองได้สูง ;D

แต่สำหรับผม ผมว่าคิดมากไป Solubility ไม่น่าเป็นค่าที่ผู้บริโภคต้องสนใจ แต่ผู้ผลิดต้องสนใจเพราะเค้าต้องพิจารณาว่า Base Oil ตัวนั้นตัวนี้จะสามารถผสม Additive หรือสารอื่นๆลงไปได้ง่ายหรือยาก แต่ผู้บริโภครู้ไปก็คงไม่ได้ช่วยอะไร

wildstocks

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าไม่เป็นการรบกวนอยากให้ช่วยแนะนำ ให้ความรู้กับสมาชิกเรื่องน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเมืองไทยหน่อยครับว่า อย่างรถเก๋งแบบต่างๆ ควรใช้อะไร 0w 5w 10w เบอร์ 30 40 50 แล้วรถกระบะควรใช้เบอร์ไหนอะไรแบบนี้อะครับ แล้วควรเลือกมาตราฐานไหนอะไรยังไงถึงดี

คนส่วนมากมักไม่ค่อยรู้ พอจะไปถามก็เจอพวกมั่วซะเยอะ ถ้าได้จากคนมีความรู้และประสบการณ์โดยตรงคงมีประโยชนืไม่น้อย

 ขอขอบคุณแทนคนอ่านทุกคนครับ


ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์


เอาเป็นว่า เลือกน้ำมันเครื่อง ให้ดู Base oil, VI, HTHS, ยี่ห้อ, คนขายของแท้, การใช้งานอุณหภูมิ อากาศ, ระยะการถ่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาเหมาะสม เช่นน้ำมันเบอร์เดียวกัน ยี่ห้อ M ใส่ สารสังเคราะห์ 6 ชนิด ราคา 2 พัน กับยี่ห้อ C ใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด ราคา 2พันเหมือนกัน ผมก็ต้องเลือก M  แต่ถ้ามียี่ห้อPใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด แต่ราคาครึ่งนึงของ C ผมก็ไม่เลือก M แล้วไปใช้ P ก็พอ เพราะผมอาจจะไม่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่ากันนิดหน่อยของ M ก็ได้ ทุกยี่ห้อก็มีพืื้นฐานทางคุณสมบัติไม่เท่ากันแต่ก็มีแน่ ๆ ล่ะ เช่น ป้องกันตะกอน ลดคราบโคลน ทำความสะอาด ช่วยจุดระเบิด ลดการเกิดฟอง ฯลฯ "สำหรับผม" ผมว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับทำได้ดีมากน้อยต่างกันแค่นั้นล่ะ


ยี่ห้อไหนดีไม่ดีกว่าอีกยี่ห้อไหน ผมตอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้นครับ  นอกจากตัวผมเอง เพราะผมชั่งน้ำหนักราคาที่จ่ายกับน้ำมันไว้แล้ว คุณเองก็ต้องไปชั่งน้ำหนักราคากับความต้องการของคุณเช่นกันครับ





M = Mobile 1
C = Castrol
P = PTT

รึป่าวครับ

ออฟไลน์ pee1818

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849


เอาเป็นว่า เลือกน้ำมันเครื่อง ให้ดู Base oil, VI, HTHS, ยี่ห้อ, คนขายของแท้, การใช้งานอุณหภูมิ อากาศ, ระยะการถ่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาเหมาะสม เช่นน้ำมันเบอร์เดียวกัน ยี่ห้อ M ใส่ สารสังเคราะห์ 6 ชนิด ราคา 2 พัน กับยี่ห้อ C ใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด ราคา 2พันเหมือนกัน ผมก็ต้องเลือก M  แต่ถ้ามียี่ห้อPใส่สารสังเคราะห์ 2 ชนิด แต่ราคาครึ่งนึงของ C ผมก็ไม่เลือก M แล้วไปใช้ P ก็พอ เพราะผมอาจจะไม่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่ากันนิดหน่อยของ M ก็ได้ ทุกยี่ห้อก็มีพืื้นฐานทางคุณสมบัติไม่เท่ากันแต่ก็มีแน่ ๆ ล่ะ เช่น ป้องกันตะกอน ลดคราบโคลน ทำความสะอาด ช่วยจุดระเบิด ลดการเกิดฟอง ฯลฯ "สำหรับผม" ผมว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับทำได้ดีมากน้อยต่างกันแค่นั้นล่ะ


ยี่ห้อไหนดีไม่ดีกว่าอีกยี่ห้อไหน ผมตอบให้ใครไม่ได้ทั้งนั้นครับ  นอกจากตัวผมเอง เพราะผมชั่งน้ำหนักราคาที่จ่ายกับน้ำมันไว้แล้ว คุณเองก็ต้องไปชั่งน้ำหนักราคากับความต้องการของคุณเช่นกันครับ





M = Mobile 1
C = Castrol
P = PTT

รึป่าวครับ

สงสัยจะใช่ อิอิ

ออฟไลน์ spitfire

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 133
ขอบคุณ คุณJae, คุณspec wannabe และเพื่อนๆมากครับ
ผมเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้นเลยครับ
ขอบคุณครับ
AMG C43 Coupe C205;
 - ECU Tuning by Gettuned
 - BMC Air Filter
 - KW HAS
 - EBC Yellowstuff
 - RENNtech Decklid