นิสัยคนไทยครับ...ไม่ชอบอะไรที่แปลกแยกแตกต่างไปจากหมู่มาก ไม่กล้าเสี่ยง ส่วนใครที่กล้าเสี่ยงก็จะรอดูว่าผลเป็นยังไง ถ้าได้ผลออกมาดีก็เลียนแบบทำตามกัน ถ้าออกมาไม่ดีก็ด่าคนที่ลองว่าโง่บอกแล้วว่าอย่า......เหมือนนอกเรื่องเนอะแต่มันเป็นรูปแบบนี้ในหลายๆเรื่องเลยตั้งแต่ รถยนต์ มอเตอไซค์ โทรศัพมือถือ ปืน ยันกระทั่งรองเท้าที่ใส่
ผมเห็นด้วยว่าวงการโฆษณาไทยมันตีบตันย่ำกับที่มาเป็นสิบปีแล้ว
ไม่ใช่แค่วลีโฆษณาทางยานยนต์ที่เน้นแต่คำว่าเหนือระดับกับสปอร์ตพรีเมี่ยม แต่รวมถึงแนวทางในการนำเสนอเนื้อหาสินค้าด้วย ยกตัวอย่างสมัยนี้โฆษณาแทบทุกชิ้นจะทำออกมาในแนวที่ว่าเป็นตลกหน้าตายแล้วให้เสียงผู้กำกับโฆษณามาทำเสียงโทนเดียวพากษ์เนื้อหา บอก(ยัดเยียด)สิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อมาเสร็จสรรพว่ามันต้องคิดแบบนี้ๆๆๆนะ ตอนที่มาแรกๆในโฆษณารถรงค์แคมเปญงดเหล้าที่ว่า จน เครียด กินเหล้ามันก็ดูแหวกแนวดีแต่พอผ่านมาสิบปีโฆษณาหลายๆชิ้นจากผู้กำกับหลายๆคนก็ออกมาแนวเดียวกันเลย โฆษณาบางชิ้นก็นำเสนอมาในแนวไม่น่าดูมากกว่าสร้างสรรค์เช่นโฆษณาน้ำยาล้างห้องน้ำที่เอาตัวเชื้อโรคตัวเมียมาทำท่าคลอดลูกแล้วเบ่งอื๊ดดดดก่อนมาตวาดคนดูว่ามองอะไร.....ตาย โฆษณาเดี๋ยวนี้มันนำเสนอสิ่งที่น่าดูกันแล้วอ่ะ!!!
พอยกเรื่องนี้มาพูดทีก็จะคำพูดที่ว่าคิดมากทำไมดูแล้วตลกดีดูๆไปเหอะคิดมากเยี่ยวเหนียว.....โถ่!!!!ก็เพราะคิดกันน้อยๆไงครับโฆษณาสมัยนี้เลยทำออกมาแบบมักง่ายเขี่ยๆๆๆให้ดูตลกแค่นั้นพอ เทียบกับโฆษณาสมัยก่อนไม่ได้เลยสักนิด
ตอนที่ผมเรียนจำได้ว่ายกเอาเรื่องเนื้อหาของโฆษณามาพูดกันในวิชาการสื่อสารของสื่อเรียกว่าเป็นประเด็นร้อนที่พูดกันได้ไม่รู้จบเลย
ตอนนั้นผมเอาเรื่องที่เบียร์ Budweiser มาโฆษณาคั่นระหว่างแข่ง Superbowl แล้วโดนผู้ชมด่าแบนทันควันเพราะว่าดูแล้วให้ความรู้สึกเหยียดเพศหญิงเกินไป
ใครที่เรียนวิชาเกี่ยวกับการสื่อสารหรือสื่อต่างๆลองเอาประเด็นนี้มาพูดในห้องเรียนดูสิ รับรองถกกันยันเลิกห้องยังพูดกันไม่จบเลย