ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องเบนซินหายใจธรรมดามาถึงทางตันแล้วหรือยัง??  (อ่าน 5022 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
สวัสดีครับ

มาขอความเห็นจากทุกท่านครับ เกี่ยวกับเครื่องยนต์เบนซินหายใจธรรมดา ในรถบ้านๆเราเนี้ยแหละ
ทั้งอัลติส ซีวิค วีออส เทียน่า แคมรี่ อีโค้คาร์ รถบ้านๆทั้งหลายแหล่ที่วิ่งกันเกลื่อนถนน
สงสัยครับว่า มันพัฒนามาถึงทางตันแล้วหรือยัง??

1. วาลว์แปรผัน ที่ช่วยให้หายใจได้ดี ตอบสนองทุกช่วงรอบ (เมื่อสิบปีที่แล้ว โหมโฆษณาหนักมาก)
2. เกียร คลัชคู่ หรือ CVT สูญเสียกำลังน้อย ไหลลื่น คาแรงบิดสูงสุดได้ ลดรอบให้ต่ำที่สุดได้
3. ฉีดตรง เพิ่มแรงอัด ลดการสูญเสียกำลัง ลดแรงเสียดทาน

ที่กล่าวมาคือ หมดมุขแล้ว ตีลังกาคิดว่าเบนซินหายใจธรรมดามาถึงทางตันแล้วหรือยัง??
มันถึงเวลาของเบนซินเทอร์โบ รถไฟฟ้า หรือดีเซลเทอร์โบแล้วหรือยัง??

แรกๆที่เบนซ์เอา Kompressor เข้ามา คือแบบ รถหนักเกือบ 2 ตัน ใช้เครื่องพันแปดแต่วิ่งฉิวเลย
ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นแคมรี่เครื่องเล็กมีหอยบ้างมั้ย
แอบหวังลึกๆว่าซีวิคเริ่มเอา 1.5 เทอร์โบเข้ามาแล้ว คงมีความเปลี่ยนแปลงในตลาดบ้านเราบ้าง
หรืออากาศบ้านเราจะร้อนเกินไป?? ใช้รถกันโหดเกินไป เครื่องเทอร์โบเลยไม่ได้รับการพิจารณา
ทุกท่านคิดยังไงครับ

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,151
ประเด็นคือต้นทุนสูงขึ้น แต่ขายได้เท่าๆ เดิมครับ คนไทยส่วนมากไม่มองหรอกว่าเครื่องดีแค่ไหน เอามานั่งได้ มีอะไหล่เยอะก็เพียงพอ ส่วนมากรถบนถนนก็เกิน 5 ปีทั้งนั้น

ในแง่ผู้ใช้เราอาจจะคิดไม่ออกครับว่าจะพัฒนายังไง แต่ทางบริษัทรถเค้าก็วิจัยอยู่ อย่าง Skyactiv 2 เค้าก็จะพยายามใช้เทคโนโลยีบีบอัดไม่ใช้หัวฉีด ซึ่งพอเจ้านึงทำได้ ก็จะมีเจ้าอื่นทำตามได้ใน 3-5 ปีครับ

ตอนนี้เทรนด์ downsizing กำลังมา แต่อีก 10 ปี อาจจะมีคนถามคำถามว่า turbo มาถึงทางตันหรือยังก็ได้ครับ

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,698
ผมว่าไม่หรอกครับ

เพราะพวก B-seg หรือ Eco car ตัวล่าง

ยังไงก็คงต้องใช้เครื่องหายใจปกติไปก่อน

แต่อาจจะเพิ่ม หัวฉีดคู่ หรือฉีดตรง มากกว่า

ออฟไลน์ keng

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 462
เห็นด้วยกับด้านบน ทุนการพัฒนาเครื่องยนต์นั้นสูงครับ
หลายค่ายจึงเริ่มใส่เทอร์โบกับเครื่องยนต์ซีซีที่น้อยลง
เซตเกียร์ใหม่ ทำอัตราเร่งดีขึ้นแถมประหยัดกว่าเดิม
อีกไม่นานผมว่าคัมรี่น่าคงจะมีเครื่องเล็กติดเทอร์โบเหมือนกัน
เพราะเริ่มมีในเลกซัสแล้วครับ
ในปัจจุบันนี้เรื่องอากาศร้อนบ้านเราคงไม่มีผลกับเครื่องเทอร์โบนะครับ
เพราะทางบริษัทรถคงทำทดสอบการระบายความร้อนมาดีแล้ว และจะว่าไป
รถที่ขายในไทย มีไม่น้อยนะครับที่มีเทอร์โบจากโรงงาน ประเด็นนี้ตกไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2015, 11:45:10 โดย keng »

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ที่มันดูตันเพราะเรามองเรื่องแรงครับ แต่ถ้าเรื่องมลภาวะ มันพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ

รถสมัยก่อนอย่างพวกเครื่อง SR20DE 2.0 ลิตร 150 ม้า ตอนนั้นปล่อย CO2 ทะลุ 200 นะครับ
พอปี 2003 เลยเริ่มทยอยถูกปลดระวางไปทีละนิด ทุกวันนี้เครื่อง NA 2.0 ลิตรปล่อยมลภาวะ
แค่ 150-160 กรัมต่อกิโลเมตร

การพัฒนาเครื่อง NA ให้ได้ทั้งมลภาวะต่ำ ประหยัด และแรงม้าสูงควบคู่ไปด้วยกันนั้นเป็นเรื่องยาก
เพราะ CO2 นั้นเป็นสิ่งที่มากับความจุเครื่องยนต์ จริงอยู่ว่าเวลากดคันเร่งเต็มรถ NA 300 ม้ากับ
เทอร์โบ 300 ม้าต้องเผาน้ำมันใกล้เคียงกัน แต่เวลาวัด CO2 ตอนวิ่งในเมืองกับตอนจอดนิ่งๆ
ยังไงๆเครื่องความจุเล็กติดเทอร์โบก็ได้เปรียบ เครื่อง 3.0 ลิตร 230 ม้า NA กับ 2.0 เทอร์โบ 230 ม้า
NA แรงบิดเครื่องโบก็ติดตีนไวกว่า ปล่อยมลภาวะก็น้อยกว่า..หรือถ้าจะทำ 2.0 ลิตร NA 230 แรงม้า
ก็ได้ถ้าจะทำ แต่พอทำมาเสร็จก็ใส่ได้แต่ในรถเล็กๆ เพราะแรงบิดมันไม่เยอะ สมมติฮอนด้าทำเครื่อง K20
ฝาแดงขายต่อ ก็จะเวิร์กกับรถอย่าง Civic EP, EK, หรือรถเบาๆ แต่ถ้ารถหนัก ไม่เวิร์ก ลองดู FD Type-R
เดิมๆจากโรงงานก็ได้ว่าแม้ม้าจะเยอะแต่วิ่งจริงๆโดน EK วาง K20 ที่ตัวเบาๆกว่ากินเป็นทุ่ง

แต่ถ้าทำเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบ สบายมาก จะใส่รถเล็ก รถขนาดกลาง หรือ SUVหนักตันกว่าๆ
ก็วิ่งออกตัวและเร่งแซงได้ มันทำให้เกิดความคุ้มค่าในการแชร์เครื่องใช้ในตระกูลมากขึ้น

นี่ล่ะครับ เครื่อง NA เลยไม่ค่อยมีใครอยากเอาทองไปเทใส่เอางบไปเทให้ BMW เลิกยุ่งกับเครื่อง NA แล้ว
Mercedes, VW ก็เลิกแล้ว Toyota ยังทำอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่งบพัฒนาไปมากนัก Honda ก็เช่นกัน สังเกตได้ว่า
เครื่อง R กับ L และ K ยุคหลังๆไม่ได้ดีไปกว่าตอนแรกที่มันออกมามากนักยกเว้นเรื่องมลภาวะอย่างเดียว
Nissan เองหลังจากที่คบกับเบนซ์ก็พยายามเอาเทคโนโลยีเทอร์โบมาใช้ แต่ก็เลิกทำเครื่อง NA เจ๋งๆไปแล้ว
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
  • F10 525d M sport
ส่วนตัวใช้รถดีเซลturboอยู่2คัน เปรียบเทียบกับรถสมาชิกในครอบครัวที่เป็นNAที่ccใกล้เคียงกัน

ตัวturboแรงดีกว่าเยอะ ทั้งที่กินน้ำมันพอกันหรือกินน้อยกว่าNA ซึ่งถ้าจะมองรถคันถัดไปคงไม่พ้นต้องtorboอีก




ออฟไลน์ sakano

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
toyota เน้นเอาระบบ Atkinson Cycle มาพัฒนาใช้งานร่วมกันกับระบบเทอร์โบ อยู่นี่ครับ

อย่าง 6AR FSE ก็คือพื้นฐาน (VVT-iW without Turbo)  ของ 8AR FTS ใช่มั้ยครับ

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,474
    • อีเมล์
เทคโนโลยีมันไม่มีทางตันหรอก ถ้ายังตั้งใจคิดต่อ
ตอนนี้ที่ตันคือ ถ้าไม่ยอมทิ้งของเก่าแต่จะทำให้ดีขึ้น
ตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นระบบอัดอากาศ หรือไฟฟ้า
ผมว่ามันเหมือน item เสริม ประกบเข้าไปเห็นผลทันทีบนเครื่องเดิม
ที่ท้าทายและยากกว่าคือ ทำอย่างไรให้เครื่องใหม่
ประหยัดและแรงกว่าเดิม

มีผู้ผลิตบางรายทำได้ คือการลดแรงเสียดทาน ลดน้ำหนัก
เครื่องเท่าเดิม หรือเล็กกว่าเดิม แรงขึ้น ประหยัดกว่าเดิม

มันก็คงเป็นวงจรไปอย่างนี่หละ เครื่องเดิม เสริม item
ถึงที่สุดก็พัฒนาเครื่องพื้นฐาน แล้วก็บวก item อีก
จนถึงวันนึง อาจเปลี่ยนแปลงฝั่งพลังงานแทน
ไนโตรเจนก็ทำได้แล้ว อนาคต(หรืออาจมีแล้ว) อาจอาศัยพลังงาน
ก้อนนิดเดียว เหมือน iron man

ข้อจำกัดคือต้นทุน และการสนับสนุุนจากผู้รู้จริง
หรือการขัดจากผู้เสียผลประโยชน์มากกว่าครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,877
เครื่องจุดระเบิดในอนาคตอาจมี มอเตอร์ บวกเทอร์โบไฟฟ้า เทอร์โบไอเสีย เป็นตัวขับเคลื่อนพรอมๆกันก็ได้นะครับ

ส่วน n/a ผมว่ายังมีอยู่แน่นอนครับ และยังคงมีการพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างช้าๆครับ
เนื่องจากตลาดหลัก ยังไงก็ยังต้องการค่าบำรุงรักษาที่ต่ำอยู่ดีครับ

เว้นเสียแต่ค่าน้ำมันที่ประหยัดแบบเท่าตัวจนทำให้มันคุ้มทุนกว่าเห็นๆ คนจึงจะยอมรับครับ

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มอิ่มตัวของการพัฒนาครับ การพัฒนาจะเป็นไปได้ช้าทำให้ต้องหาเทคโนโลยีที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดได้ ถ้าทำได้ก็จะก้าวกระโดด แต่ถ้าไม่ได้ก็จะถูกเทคโนโลยีอื่นที่ดีกว่ามาแทนที่

ออฟไลน์ arton

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
    • อีเมล์
เป็นหัวข้อที่น่าถกกันมาก ผมว่า ทั้งหมดของการพัฒนาเครื่องทั้งในโลกที่ 1 - 3 คือ "ต้นทุน" + "กฎระเบียบโลกด้านมลภาวะ" จริงๆ ทั้ง เครื่องเทอโบ + การ downsizing มานานแล้ว (รถ F1) แต่ไม่ตอบโจทย์ด้านต้นทุน ซึ่งปัจจุบันเริ่มคุ้มค่าในด้านการผลิตแบบแมส เทรนเลยวิ่งเข้าใส่ ส่วนเครื่อง NA ถ้าเป็นช่วง s curve น่าจะชันปลายๆ แล้วใกล้เริ่มแผ่ว แต่ยังไปต่อได้ครับ ตราบจน ยังตอบโจทย์ 2 ข้อข้างบนได้ และเชื่อว่าคงไปได้อีกพักเพราะ ค่ายต่างๆ ลงทุนลงแรงไปมาก น่าจะยังให้เลือกใช้ต่อในรถขนาดเล็ก - กลาง ส่วนเทรนใหม่ๆ ก็คงได้แค่ซู๊ดปากว่า เจ๋งๆ แต่กว่าะแมสได้คงอีกพักใหญ่ ๆ ทั้ง ไฟฟ้า ไฮโดรเจน เพราะมีองค์ประกอบอื่นที่จะทำให้มันแพร่หลายทั้งโลก

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,602
    • อีเมล์
ไม่ตันครับ

ผมเห็น 1NZ-FE ขายได้เดือนละหลายพันคันนิ
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ g_abac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 315
    • อีเมล์
บอกตรงๆครับ สมัยก่อนไม่เคยสนใจเครื่องผูกโบ เพราะมองว่าดูแลรักษาลำบาก กลัวเรื่องความร้อน

ปัจจุบันพอได้ใช้ทั้ง เบนซินผูกโบ & ดีเซลผูกโบ ติดใจครับ แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำๆ ไม่ต้องเค้นลากรอบแบบแต่ก่อน เรื่องความร้อน พอเป็นเครื่องผูกโบจากโรงงานก็หายห่วงครับ มีระบบรองรับมาให้พร้อม
2008  Lexus IS250 Premium
2014  E300 Bluetec Hybrid AMG (W212)
2015  ActiveHybrid 5 M Sport (F10 LCI)
2020  E220d Sport (W213)
2020  X5 xDrive 30d M Sport (G05)

ออฟไลน์ nongkrub

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 17
เหตุเพราะญี่ปุ่นมองไปที่รถไฟฟ้า กับรถไฮบริด หรือไปไฮโดรเจน เพราะญี่ปุ่นไม่มีแหล่งน้ำมัน ต่างจากฝั่งยุโรป อเมริกา
แนวคิดการมองอนาคต การวางธุรกิจแตกต่างกัน การพัฒนาก็ไปคนละแนวทาง
แต่ปัจจุบันยังไปไม่ถึงไฟฟ้า ก็ต้องหาทางแข่งขันไปแนว turbo ไปก่อน แต่คงไม่ทุ่มทุนมาก แค่รักษาส่วนแบ่งตลาด

ออฟไลน์ testmaster

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 449
    • อีเมล์
เทอร์โบขับมันส์กว่าเยอะครับ honda ก็เริ่มทิ้งแล้ว toyota ก็เหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 19, 2015, 11:25:58 โดย testmaster »

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,098
อยากให้ผู้ผลิตพัฒนาช่วงล่างและเบรกให้ดีด้วย
ปัจจุบันรถ NA หลายรุ่น ขับเร็วขึ้นมาหน่อย
ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,855
  • *** HLM.COM ***
ถ้าในไทยผมว่ายังนะ
แต่สำหรับผมตันแล้วครับ คันต่อไปต้องโบเท่านั้น