Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Akrachai ที่ พฤศจิกายน 23, 2021, 14:07:03
-
อันนี้ขำๆนะครับ ฮ่าๆ
เจ้าแบรนด์ honda นี้ส่วนใหญ่ประเทศไทยจะได้ออปชั่นน้อยกว่าญี่ปุ่นอยู่พอสมควร มันเลยมีช่องว่างให้คนไทยนำสินค้าของตกแต่ง + ระบบต่างๆ ที่รถยนต์ honda ญี่ปุ่นมี เข้ามาขายได้และกำไรสูง เนื่องจากคุณไม่ยอมให้จากโรงงานมาเลยเป็นมาตรฐานนั้นเอง (ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเพิ่มต้นทุนขนาดไหนเชียว มันคือรถตลาดเลยนะ)
เช่นพวกตระกูล jazz GD GE GK , city GM5 GM6 , civic FC FK FB FD , HRV
ผมเห็นร้านในโลกออนไลน์เต็มไปหมดที่นำของเดิมจากรถญี่ปุ่นที่ได้มาจากโรงงาน (OEM) มาขายในบ้านเราแล้วราคาสูงพอตัว ทั้งๆที่ญี่ปุ่นคือเดิมโรงงาน 555555
** แต่งแถบตายสุดท้ายได้เดิมญี่ปุ่น **
ที่ตั้งกระทู้แค่อยากจะบ่นฮอนด้าไทยแลนด์เฉยๆ ว่าจกงกอะไรหนักหนา
-
cost reduction ครับ ตัดได้บาทนึงก็เอา
ดังนั้นอะไรที่ดูแล้วตัดได้ ค่ายรถส่วนมากมักจะตัดครับ ซึ่งง่ายสุดก็คือออปชั่นที่หายไปนั่นแหละครับ
ตอนนี้ออปชั่นหลายอย่างที่ตกทะเลไปก็งมเจอแล้ว ตั้งแต่พี่จีนเริ่มตีตลาดเมืองไทย
-
เจ้าตลาดก็งี้อ่ะเน๊อะ กฎหมายกลวงๆ รถสนิมยังไงใครก็ซื้อ เกียร์พังยังไงก็ซื้ออ่ะ ฟ้องๆๆ แล้วก็เงียบ
คนจะแข่งต้องตั้งโรงงานที่ไทย ลงทุนเยอะคงยากแหล่ะ
CRV สเปคกากมาก ราคาโคตรแพงก็ขายได้
ได้แต่มองตาปริบๆ ทำไรไม่ได้
มีเงิน 1.6m อยากได้ SUV ในตลาดมีแค่ CR-V แพงสเปคกาก H6 ยังใหม่ยังไม่กล้าซื้อ HS เวลาพิสูจน์ละว่า defect มีเยอะ
สรุปซื้อ SUV ไม่ได้
ต้องไปออก accrod , camry
อนาถตัวเองมาก
พี่โตเอา rav4 มาแข่งไม่ได้หรอ คนอยากได้ SUV ไม่ได้อยากได้ PPV
-
พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก
ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก
ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา
เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ
-
รถที่ผลิตไทย ส่งไปขายออสเตเลีย เมื่อหลายปีก่อน
รถเก๋ง .. ไฟหน้า Halogen ทุกคัน ไม่ได้ xenon
รถเก๋ง .. กระจกมือหมุน 4 บาน
รถเก๋ง .. มือเปิดสีดำ ล้อกระทะ เบาะผ้า เกรดเดียวกับ ที่เราเอามาขายทำ taxi
แต่ที่ดีกว่าก็มีนะ เช่น เกียร์ M/T 6 สปีดในรถเก๋ง / ถุงลม 6 ใบ ตั้งแต่รุ่นถูกสุด (เมื่อ 10 กว่าปีก่อนนะ บ้านเรายังแทบไม่รู้จักถุงลม 6 ใบเลย) / กระบะมีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ที่เบาะ cab
-
civic นี่คนลาวเข้ามาขำ หัวเราะดังๆ อ๊อปชั่นไทยกันเลยทีเดียว
อันนี้พูดเรื่องจริงตามข้อมูล
แค่บอกว่าเราแพงกว่าเค้าและโล้นกว่าเค้าจริง
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
-
คิดว่าถ้าติดตั้งมาากโรงงานแล้วราคาจะเท่าเดิมเหรอครับ ผู้บริโภคก็ต้องรับภาระไปอยู่แล้ว บริษัทรถที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดไม่มีทางเฉือนกำไรของตัวเองหรอก
ถ้าอยากได้อ็อปชั่นเยอะๆมี 2 ทางครับ
1.หนีไปซื้อยี่ห้อที่ไม่ใช่เจ้าตลาดหรือผู้นำตลาดที่ต้องอัดอ็อปชั่นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
2.คนไทยต้องสร้างแบรนด์รถยนต์ของตัวเองขึ้นมาแล้วตั้งราคาขายถูกๆ ใส่อ็อปชั่นมาเยอะๆ แล้วคนไทยก็ต้องช่วยกันอุดหนุนกันจนมันเป็นผู้นำตลาดเพื่อกระตุ้นให้รถญี่ปุ่นอัดอ็อปชั่นมาแข่ง
-
เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
-
พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก
ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก
ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา
เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ
ใช่ครับอันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่....ถ้าวัดรุ่นท็อปจริงๆเพราะเมือก่อนผมติดตาม website honda japan มาตลอดและลองเทียบกันกับรถรุ่นที่มีขายในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งตัวท็อป เมื่อเทียบกับของไทยออฟชั่นหายไปเยอะแบบชัดเจนเลยครับ (อันนี้คือจุดหลักที่ผมจะบอกแหละ)
-
การแข่งขันทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกครับ
เว้นแต่คนซื้อไปแล้วกะใช้ยาวๆๆๆๆ ก็จะกลัวการแข่งขัน กลัวที่เลือกไปแล้วราคาจะตกหรือเปลี่ยนยุคพลังงาน
-
ลดออฟชั่นไม่เท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากให้ลดคุณภาพวัสดุและงานประกอบเลยครับ
ล่าสุดผมไปดู HRV มา ไปสังเกตเห็นตรงขาเบาะหน้า ตัวที่ขายในไทยก็ตัดเอาพลาสติกครอบขาเบาะออก เห็นขาเหล็กและหัวน็อต ทั้งๆที่ตัวที่ขายในญี่ปุ่นก็ใส่มาให้ และตัวเก่าก็มี
แผ่นปิดหลุมใส่ของด้านท้ายรถ เคยดูรีวิวตัวที่ขายต่างประเทศ เค้าก็หุ้มสักหลาดมาให้ทั้งด้านบนและด้านใต้ของแผ่น แต่ของไทยด้านล่างของแผ่นปิดโชว์ผิวไม้อัดซะงั้น :(
จริงๆก็พอจะเข้าใจแหละครับว่า ต้นทุนส่วนใหญ่คงจะหมดไปกับระบบความปลอดภัย Honda Sensing จึงไปลดต้นทุนกับการเก็บงานจุดเล็กๆน้อยๆที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ไปสนใจ
แต่ผมว่าคุณภาพที่เราประเมินด้วยสายตามันก็สำคัญไม่แพ้กันนะ ยิ่งถ้าเป็นอะไรที่ตัวเก่าของรถรุ่นนั้นเคให้มาแล้วมาตัดออกในรุ่นใหม่ มันกลายเป็นจุดพิจารณาของคนที่จะซื้อ (คนที่สังเกตอะไรแบบผม) ได้เหมือนกัน
ผมอาจจะพูดไม่ค่อยตรงประเด็นกับกระทู้เท่าไหร่นะครับ แค่เห็นว่าเรื่องมันเกี่ยวเนื่องกันอยู่หน่อยๆ เลยอยากเข้ามาบ่นจากคนที่ก็ขับฮอนด้าอยู่ :(
-
แต่ละตลาด เงื่อนไขไม่เหมือนกัน บริษัทรถก็ทำออกมาไม่เหมือนกันนะครับ
แต่ถ้าจะบ่นจริงๆ ขอสักเรื่อง ผมไม่ชอบที่เท้าแขนหลังแบบไม่มีกระดูกเลย >:( >:( >:( >:( >:( >:(
-
พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก
ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก
ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา
เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ
ใช่ครับอันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่....ถ้าวัดรุ่นท็อปจริงๆเพราะเมือก่อนผมติดตาม website honda japan มาตลอดและลองเทียบกันกับรถรุ่นที่มีขายในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งตัวท็อป เมื่อเทียบกับของไทยออฟชั่นหายไปเยอะแบบชัดเจนเลยครับ (อันนี้คือจุดหลักที่ผมจะบอกแหละ)
อยากได้สเปกเดียวกันเป๊ะๆ ก็พอจะเป็นไปได้แหละครับ
แต่ราคาไม่เท่ากันแน่ๆ แล้วเราก็คงบ่นกันอีกว่าราคากระโดดไปไกลครับ
-
ลูกค้าไม่มีอิทธิพลเหนือบริษัท ...คติพจน์รถบางค่ายเคยว่าไว้
-
ทำไมผมรู้สึกว่า toyota ให้น้อยกว่า
โดยคนไม่ได้คาดหวังออพชั่น
กรรมเลยมาตกที่ Honda Honda ก็บอกว่าว่าอยากได้ออพชั่นไปซื้อรถจีนเถอะ 😂
กรรมทอดต่อไปคือตกที่รถจีน รถจีนบอกอยากได้รถทนๆ ไปซื้อโตโยต้าเถอะ 555
-
หลายค่ายแบรนด์รถทั่วโลกเริ่มที่จะลด option ลง เมื่อ semi conductor ขาดแคลนทั่วโลก
-
สมัยที่รถทุก segment ขายแพ้ Toyota
ยอมรับเลยว่า ดูตั้งใจทำรถออกมามากกว่านี้จริงๆ ครับ
เอาแค่ front เครื่องเสียง
เป็นรถญี่ปุ่นเจ้าแรกๆ เลยนะที่ทำ Bulit-in และให้ USB มา
แถมไม่คิดเลยว่าเครื่องเสียงและลำโพง City โฉม 2008-2013 คุณภาพเสียงจะดีขนาดนี้
ทุกวันนี้พอขึ้นเป็นเจ้าตลาดรถยนต์นั่ง
เหมือนเหลิง ลืมเคสทุบรถไปซะงั้น
-
ล้อเป็นเล่นไป บางคนไม่ซื้อรถรุ่นนั้นๆเลย หากหาของแต่งไม่ได้ก็มี
ส่วนตัว การทำให้ตลาดของแต่งมีการขยับตัว จะเป็นข้อได้เปรัยบเบาๆของค่ายรถไปโดยปริยาย
มันจะเกิดมีการพูดคุย และมีชุมชนเกิดขึ้น สินค้าก็จะขายดี ถึงแม้ว่าสินค้าตัวนั้นๆจะไม่มีอะไรพิเศษในรถญี่ปุ่นก็เถอะ
-
MINDSET ของผู้บริหารชาวญี่ปุ่น เกือบทุกยี่ห้อ ยังไม่เปลี่ยน เอาเปรียบคนไทย เอาของคุณภาพต่ำกว่าขายให้คนไทยมานานแล้ว
อยากให้ปรับ MINDSET ใหม่ซะที
ผู้บริหารคนไทยต้องกล้าที่จะสู้เพื่อคนไทยด้วยครับ
-
ผมว่าค่ายญี่ปุ่นมันก็นิสัยแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วหนิครับ ยุคหลังๆที่เป็นโตฮอนนี่คือชัดเจนหน่อย
แบบใครเสียเปรียบปุ๊บก็เริ่มตั้งใจทำรถ พอกลับมาแซงก็ดึงเช็ง หน้าตาใหม่ออปชั่นโล้นๆกั๊กๆ เป็นงี้มายกเว้นในช่วง 5 ปีให้หลัง
ที่รถพี่โตฯแกทำรถแบบไม่แคร์ฮอนด้าอีกต่อไป ยอดแพ้ก็ช่างแม่ม ออปชั่นก็กั๊กๆแบบนั้นแหละ
ที่เห็นชัดๆก็ Vios-Altis ที่แพ้ City-Civic มาหลายรุ่นละ แต่ก็ไม่แคร์
คือตามหลักทุนนิยมอยู่แล้วอะครับ ถ้าอยากให้ทางคนขายฟัง คนซื้อก็ต้องลดการซื้อเพื่อแสดงจุดยืน แต่ในเมื่อรถมันก็ยังขายได้ (เหลือเชื่อเลยนะ รถไม่กี่ปีสนิมขึ้นก็ไม่เคยมีคนไปงัดสักแอะ)
เขาก็คงไม่แคร์ความเห็นอยู่แล้วอะครับ คนพูดไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้พูด
ปล. จริงๆเกลียดนโยบายการขายรถในช่วงหลังๆของฮอนด้ามาก ไอที่แบบบังคับกลายๆให้ซื้อตัวท็อปรุ่น RS เพื่อให้ได้ของแต่งจนออกมาดูได้ (3 ตัวล่าสุด City-Civic-Accord เลยนั่นแหละ)
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
-
มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
1.รายได้เฉลี่ยไทยน้อยกว่า จะให้ตัวท็อปออปชั่นเท่า
กับตลาดอื่น คุณจะซื้อไหมซีวิค 1.6 ล้าน ถามใจตัวเองก่อน
2. นิสัยชอบเอาเปรียบกับดูถูกผู้บริโภคเจ้าตลาดเป็นมานานแล้วครับ ในหลายส่วนHRV ก่อนเปลี่ยนโฉมลดcost ยับ ลดจนน่าเกลียด หรือหลายรุ่นได้อานิสงส์ปรับโครงสร้างภาษี จริงๆต้องลดราคาฮอนด้าบวกเพิ่ม
-
พี่รู้มั้ย ว่าส่วนใหญ่รถบนโชว์รูมญี่ปุ่น (ทุดยี่ห้อ) เป็นรุ่นเบาะผ้า
ล้อกระทะ ฝาครอบป้าดติก
ส่วนรุ่นท็อปออปชั่นเต็ม มักอยู่บนแค็ตตาล็อก มีให้เลือก
แต่ลูกค้ามักไม่เลือก
ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ รุ่นย่อยรถที่ขายในญี่ปุ่น มันมีตั้งแต่
ออปชั่นโล้นกว่าเรา ไปจนรุ่นท็อปที่ออกชั่นแน่นกว่าเรา
เรียกว่าเร้นจ์มันกว้างกว่า รถเขาจึงไม่ได้ดีกว่าเราไปทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่ายินดีจ่ายแค่ไหน
ของบ้านเราก็เช่นกันฮะ ถ้าพี่ยินดีจ่าย เดี๋ยวรุ่นออปชั่นเพิ่มก็ค่อยๆ ตามมาครับ
ผมยังขำเลยครับ
Lancer EX ในไทยชอบเปลี่ยน ไฟท้ายแดงของ EVO X ในราคาแพงๆ เพราะคิดว่า มันเป็นของ EVO X
แต่ EVO X รุ่นหลังๆ ดันออกไฟท้ายเป็นรุ่ยเดียว กับ EX ประเทศไทย
และ EVO X ก็ชอบไฟท้าย รุ่นใหมา่แบบประเทศไทย ซือ้ไปเปลี่ยนกันเยอะมาก
ผมยังงง ของพวกนี้ไปโทษค่ายรถได้ยังไงกันนะ สมองล้วนๆ ที่ คิดไปเอง
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
อเมริกาที่มี configurator ให้เล่นเกือบทุกยี่ห้อ เอาเข้าจริงพวกรถตลาดคนส่วนใหญ่กเลือกที่จอดอยู่ตามโชว์รูมเลยมากกว่านะ พอมี covid แรงงานขาด part ขาด ชิบขาด หลายๆเจ้าเริ่มไม่มี option ให้เลือกเท่าไร่แล้ว ปรับได้แค่ล้อ/ยาง
ถ้าไทยเราทำ ก็ทำได้แหละ แต่มั่นใจว่ารถสั้งconfig ไม่ถูกเท่ารถในstock อย่างน้อยคงไม่มีส่วนลดให้แน่ๆ แถมรอคิวผลิตไม่รู้อีกนานเท่าไร่ คนที่ยอมรอยอมจ่ายจริง คงน้อย ขยับไปตังท๊อปจบๆเลยอาจคุ้มกว่า
-
รู้แต่ว่าสิ้นปีโบนัสกระจุย 5555
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ
ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน
ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย
ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ
ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน
ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย
ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ
คือคุณเคยเข้าไปเห็นสายการผลิตรถหรือเปล่าครับ ปัจจุบันการผลิตมันก็เป็นแบบ Flexible Production Line อยู่แล้ว อย่างโรงงาน HONDA ที่อยุธยาปัจจุบันก็มีแค่ Line เดียวผลิตทั้ง Accord, CR-V, Civic, BR-V นั่นแหละบางวันก็ผลิตโมเดลนึงพรุ่งนี้ไปผลิตอีกโมเดลนึงหรือบางวันผลิต 2 โมเดลก็มี เพราะฉะนั้นเรื่องทักษะของพนักงานหรืออุปกรณ์ช่วยผลิตนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย
การผลิตรถแบบ Customization มันอยู่ที่การจัดการชิ้นส่วนทั้งการจัดลงสายการผลิตและการควบคุมชิ้นส่วนจาก Supplier ตรงนี้ต่างหากครับที่บริษัทรถไม่อยากทำ เนื่องจากบริษัทรถชั้นนำเค้าเรียกของกันวันต่อวันไม่ใช่มีในโกดังแล้วเดินไปหยิบมา ยิ่ง Customize มากก็ยิ่งมีชิ้นส่วนหลายชนิดสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการจัดการมากรวมทั้งเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดด้วย ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมดสุดท้ายมันก็จะแปลงมาเป็นต้นทุนและสะท้อนลงไปในราคาขายของทุกๆคันเพราะได้รับผลกระทบกันหมดลูกค้าจะรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายเบียดเจ้าตลาดเดิมแล้วบริษัทไม่มีทางเสนอ Customization แน่ๆ
-
เค้าก็จัดให้ตามดีมานด์
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ
ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน
ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย
ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ
คือคุณเคยเข้าไปเห็นสายการผลิตรถหรือเปล่าครับ ปัจจุบันการผลิตมันก็เป็นแบบ Flexible Production Line อยู่แล้ว อย่างโรงงาน HONDA ที่อยุธยาปัจจุบันก็มีแค่ Line เดียวผลิตทั้ง Accord, CR-V, Civic, BR-V นั่นแหละบางวันก็ผลิตโมเดลนึงพรุ่งนี้ไปผลิตอีกโมเดลนึงหรือบางวันผลิต 2 โมเดลก็มี เพราะฉะนั้นเรื่องทักษะของพนักงานหรืออุปกรณ์ช่วยผลิตนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย
การผลิตรถแบบ Customization มันอยู่ที่การจัดการชิ้นส่วนทั้งการจัดลงสายการผลิตและการควบคุมชิ้นส่วนจาก Supplier ตรงนี้ต่างหากครับที่บริษัทรถไม่อยากทำ เนื่องจากบริษัทรถชั้นนำเค้าเรียกของกันวันต่อวันไม่ใช่มีในโกดังแล้วเดินไปหยิบมา ยิ่ง Customize มากก็ยิ่งมีชิ้นส่วนหลายชนิดสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการจัดการมากรวมทั้งเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดด้วย ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมดสุดท้ายมันก็จะแปลงมาเป็นต้นทุนและสะท้อนลงไปในราคาขายของทุกๆคันเพราะได้รับผลกระทบกันหมดลูกค้าจะรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายเบียดเจ้าตลาดเดิมแล้วบริษัทไม่มีทางเสนอ Customization แน่ๆ
ผมก็พอจะเข้าใจว่าสายการผลิตรถยนต์มาบ้างนะ แล้วก็เคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ บ้าง แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเยี่ยมชมสายการผลิตรถจริงเลยก็ตาม แต่การตอบของคุณทำไมไปทางดูแคลนผมซะงั้น เหมือนมาต่อว่าผมไม่รู้อะไรเลย มันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นนะครับ
ถ้าจะอธิบายให้กระจ่าง ผมไม่มีปัญหา ผมเปิดรับเรื่องนี้ แต่การที่คุณมาถามว่าเคยไปดูของจริงไหมแบบนี้ มันดูไม่ดีกับคนที่มาอ่านและผมนะครับ
-
ทำไมผมรู้สึกว่า toyota ให้น้อยกว่า
โดยคนไม่ได้คาดหวังออพชั่น
กรรมเลยมาตกที่ Honda Honda ก็บอกว่าว่าอยากได้ออพชั่นไปซื้อรถจีนเถอะ 😂
กรรมทอดต่อไปคือตกที่รถจีน รถจีนบอกอยากได้รถทนๆ ไปซื้อโตโยต้าเถอะ 555
ถ้าเมื่อก่อนน่ะใช่เลยครับ แต่ปัจจุบันผมกลับมองว่า honda นี่ให้น้อยกว่าไปแล้ว
อย่าง accord 1.5t ตอนเปิดตัวตัดอ๊อปชั่นซะยิ่งกว่าคำว่าน่าเกลียด เทียบกับ camry เบนซิน ที่เปิดตัวมาก่อนแต่อ๊อปชั่นมากกว่าเยอะเลย
-
เท่าที่เห็นในเมืองนอกเขาขายกัน มักเริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ดโล้นๆเอาแค่พอใช้ได้ มีอุปกรณ์ตามกฎหมายกำหนด แล้วเลือกออปชั่นกันไป จนถึงตัวท็อปจัดเต็ม เอาใจลูกค้าครบทุกความต้องการ
แต่บ้านเราลูกค้าไม่สามารถเพิ่มออปชั่นโน่นนี่เองได้ โดนล็อกสเปคขาย เหมือนโรงงานขี้เกียจปรับสเปคแต่ละคันให้มันวุ่นวาย
เรื่องต้นทุนก็มีส่วน เพราะถ้าโรงงานประหยัดไปได้คันละ 10,000 บาท ขายได้ 10,000 คัน ก็ประหยัดเงินได้ 100 ล้านบาท เอามาเป็นโบนัสให้พนักงานได้ตั้งเยอะ ;D
เคยมีบริษัทรถนึงในไทยนะครับ ที่คิดจะขายรถแบบแบบให้ลูกค้าเลือกสีตัวถัง กับสีภายในแยกกันได้ ไม่โดนบังคับแบบตัวถังสีดำต้องคู่ภายในสีเบจ ตัวถังสีขาวต้องคู่ภายในสีดำงี้ (แล้วเข้าใจว่าจะนำไปสู่การขายแบบยุโรป คือมีรถมาโล้นๆ เป็นตัวล่างสุด อยากได้อ๊อปชั่นอะไรจ่ายเพิ่มเอง) คือบริษัทรถหนะอยากทำ เพราะถ้าทำได้ก็ได้ใจลูกค้าเหนือคู่แข่ง ต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มด้วย
ผลคือคนงานในไลน์ประกอบประท้วงเละเทะครับ บอกวุ่นวายไม่อยากประกอบ จะเอาแบบง่ายๆ ขี้เกียจมานั่งดูว่ารถคันนี้สีอะไร ภายในสีอะไร โปรเจคเลยไม่ได้เกิด เลยต้องขายแบบล๊อคสี ล๊อคอ๊อปชั่นแบบนี้
ถ้าบ้านเรายังใช้แรงงานคนในการประกอบรถเป็นหลัก ยากครับ
ผมว่าควรจะทำแบบเพิ่มสายการผลิต เป็นแบบอิสระ ตามคำสั่งลูกค้า เป็นการส่งรถเข้าสายพาน พร้อมรายการประกอบแต่ละคัน มีหมายเลขระบุชัดเจน และสามารถบริหารจัดการให้ประกอบได้ถูกสเปคและถูกคันด้วย ไม่งั้นทำไม่รถในสหรัฐฯ และในประเทศอื่นๆ ถึงยังประกอบรถตามแบบที่ลูกค้าปรับเองได้ตามใจชอบหละครับ
ซึ่งมันทำได้นะครับ แต่มันต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการอบรมแรงงาน ปรับอุปกรณ์ในสายการผลิต และการตั้งสายการผลิตใหม่ รวมถึงเงินเดือน/ค่าจ้างของแรงงานก็ต้องเพิ่มด้วย เพราะความยากในการทำงานก็เพิ่มขึ้นจากระบบนี้เช่นกัน
ใครทำไม่ได้ ไม่อยากทำ ก็ไปทำสายการผลิตแบบเดิม ใครอยากได้เงินเพิ่มและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็เอาเลย
ตรงนี้มากกว่าครับที่ค่ายรถไม่อยากจะทำ เพราะมันเพิ่มต้นทุน (เสียเงินเพิ่ม) ทำให้ขายได้กำไรน้อยด้วย มาเป็นแบบบังคับเลือกมากกว่า ประหยัดเงินไปเยอะ
คือคุณเคยเข้าไปเห็นสายการผลิตรถหรือเปล่าครับ ปัจจุบันการผลิตมันก็เป็นแบบ Flexible Production Line อยู่แล้ว อย่างโรงงาน HONDA ที่อยุธยาปัจจุบันก็มีแค่ Line เดียวผลิตทั้ง Accord, CR-V, Civic, BR-V นั่นแหละบางวันก็ผลิตโมเดลนึงพรุ่งนี้ไปผลิตอีกโมเดลนึงหรือบางวันผลิต 2 โมเดลก็มี เพราะฉะนั้นเรื่องทักษะของพนักงานหรืออุปกรณ์ช่วยผลิตนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย
การผลิตรถแบบ Customization มันอยู่ที่การจัดการชิ้นส่วนทั้งการจัดลงสายการผลิตและการควบคุมชิ้นส่วนจาก Supplier ตรงนี้ต่างหากครับที่บริษัทรถไม่อยากทำ เนื่องจากบริษัทรถชั้นนำเค้าเรียกของกันวันต่อวันไม่ใช่มีในโกดังแล้วเดินไปหยิบมา ยิ่ง Customize มากก็ยิ่งมีชิ้นส่วนหลายชนิดสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการจัดการมากรวมทั้งเพิ่มโอกาสที่จะผิดพลาดด้วย ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมดสุดท้ายมันก็จะแปลงมาเป็นต้นทุนและสะท้อนลงไปในราคาขายของทุกๆคันเพราะได้รับผลกระทบกันหมดลูกค้าจะรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงหรือต้องการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายเบียดเจ้าตลาดเดิมแล้วบริษัทไม่มีทางเสนอ Customization แน่ๆ
ผมก็พอจะเข้าใจว่าสายการผลิตรถยนต์มาบ้างนะ แล้วก็เคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ บ้าง แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเยี่ยมชมสายการผลิตรถจริงเลยก็ตาม แต่การตอบของคุณทำไมไปทางดูแคลนผมซะงั้น เหมือนมาต่อว่าผมไม่รู้อะไรเลย มันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นนะครับ
ถ้าจะอธิบายให้กระจ่าง ผมไม่มีปัญหา ผมเปิดรับเรื่องนี้ แต่การที่คุณมาถามว่าเคยไปดูของจริงไหมแบบนี้ มันดูไม่ดีกับคนที่มาอ่านและผมนะครับ
อ้าว คิดงั้นไปได้ ก็ที่คุณอยากให้เปิดสายการผลิตแบบอิสระก็เพราะคุณไม่เคยเห็นของจริงยังไงล่ะครับ ถ้าเคยเห็นแล้วก็คงเข้าใจทันทีว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสายการผลิตเพราะมันผลิตได้ตามที่คุณต้องการอยู่แล้ว ถึงคุณจะเคยเห็นจากสื่อที่ไหนมาแต่คุณก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี
ถ้าการตอบของผมมันทำให้คุณไม่สบายใจผมก็ขอโทษด้วยครับ
-
เค้่าผลิตที่ เป็น พัน เป็น หมื่น ใครจะมา Custom
-
ผมเข้าใจว่าคนที่อยาก customize เลือกได้ว่าจะเอาอะไร ไม่เอาอะไร น่าจะมี 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกคืออยากจ่ายถูก เลือกเฉพาะที่อยากใช้
กับกลุ่มสองคือต้องการความพิเศษที่ต่างไปจากสเปกที่บริษัทรถจัดให้
แต่สิ่งที่หนีไม่พ้นสำหรับลูกค้าที่จะ Customize คือ แพงขึ้นและรอนานขึ้น
สำหรับกลุ่มแรก เผลอๆ จะได้รถที่ออปชั่นน้อยลงในราคาที่แพงกว่าตัวท็อปแล้วยังต้องรอนานอีก
อันนี้คงไม่ตอบโจทย์แน่ๆ ละ
ส่วนกลุ่มสอง ผมไม่แน่ใจว่าจะรับกับสัดส่วนราคาที่จะแพงขึ้นได้รึเปล่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่ม
รถบ้านๆ น่ะครับ
ส่วนถ้าใครนึกไม่ออกว่าต้นทุนแบบ custom มันแพงกว่ายังไง
ก็ให้ลองนึว่าถ้าพี่จ้างคนงานวันละ 500 บาท ทำงานสกรีนเสื้อยืด
ที่มีสีและลวดลายที่แน่นอน สามารถผลิตได้วันละ 100 ตัว
แต่พอรับงาน custom เข้ามา จะต้องมาจัดแบบ สี ต่างๆ ทีละตัว
คนงานคนนี้ก็อาจทำตามแบบที่แตกต่างกันได้แค่วันละ 20 ตัวเอง
แล้วถ้าจะต้องรองรับความต้องการของลูกค้าให้ได้วันละ 100 ตัวเท่าเดิม
ก็กลายเป็นต้องจ้างคนงานเพิ่มเป็น 5 คน
อันนี้แค่คร่าวๆ นะครับ จริงๆ แล้วมันซับซ้อนกว่านั้น
-
วันนี้เปิดไปเจอคลิป civic rs ที่อินโด โดยบังเอิญ
เค้าเบาะพับได้ มีกะระยะถอย มีแอร์หลัง มีหมอนรองหัวคนนั่งหลัง3ตำแหน่ง ที่เก็บของหลังเบาะก็ให้2ข้าง ไฟที่กระจกส่องหน้าก็ยังมี เท่าที่เห็นนะที่ไม่เห็นอีกก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ๆไม่มีอะไรที่เราได้มากกว่าเค้าสักอย่างเลย
พี่ย้ายโรงงานไปประกอบที่อื่นเถอะถ้าจะตัดเล็กตัดน้อยขนาดนี้