ถ้าผมเป็นจขกทนะ ผมจะขอเป็นรถญี่ปุ่นก่อนครับ
ขับให้คล่อง เป็นรอยขีดข่วนอะไร ก็ไม่น่าเสียดาย เรียกง่ายๆว่าเป็นรถครูแหละ
เวลาจะซ่อมรถ หรือเอารถเข้าศูนย์บริการ ค่าใช้จ่ายมันก็ถูกกว่ากันเยอะ
เมื่อคุณเรียนจบ ค่อยขอท่านเป็นรถยุโรป ตอนทำงานก็ไม่สายไปหรอกครับ
สมัยเรียนมหาลัย(เมื่อ 10 กว่าปีโน้นนนน) ผมมีเพื่อนสนิทคนนึง ที่บ้านให้เอา C220 มาใช้ตอนเรียน เห็นเพื่อนผมเอามาใช้ได้สัก 2-3 เดือน ก็กลับไปขับ โคโรล่าอีกคัน ด้วยเหตุผลที่ว่า เบนซ์เปลืองน้ำมัน เวลาขับก็ต้องคอยระวัง สู้ขับรถญี่ปุ่นดีกว่า ประหยัดน้ำมัน แถมไปเฉี่ยวชนอะไรก็ไม่ต้องเสียดายด้วย
ผมคงเขียนยาวไป+ไม่ชัดเจน+ท่านคงอ่านไม่ครบ
ชี้แจงนะครับ
-ไม่ได้bmไม่เอารถครับ ตอนนี้ขับรถเป็นแต่ก็ไม่ได้ขับมานานแล้ว55+ ใบขับขี่ยังไม่มีเลยครับ
-ผมอยากได้รถที่ผมยินดีจ่ายค่าน้ำมันให้มันนะครับเพราะผมต้องออกเองถ้าได้รถที่ผมไม่อยากขับผมก็ไม่เอาเพราะไม่คุ้มค่าน้ำมันทั้งเรื่อง"เงิน"และ"ความรู้สึก"
-เรื่องระวังมันแน่นอนอยู่แล้น55+
ถึงน้องจขกทนะครับ ผมอ่านครบทุกบรรทัดที่น้องเขียน
แต่ที่ผมแนะน้องคือ มองในมุมของคนที่อายุมากกว่าคุณ ผมผ่านวัยมหาลัยมาหลายปีมากๆแล้ว
ที่ผมต้องการสื่อคือ คุณอยากได้ BM เพราะอะไร ความโก้หรือ
?
คุณรู้ไหม การซื้อรถ 1 คัน ไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้ว จะจ่ายแค่ค่าน้ำมันอย่างเดียว มันยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกเยอะ ไหนจะค่า ประกันฯ ค่าเอารถเช็คระยะ ฯลฯ
ตรงส่วนนี้แหละ ที่คุณจะต้องรับภาระเอง คิดง่ายๆว่า ถ้าคุณเอา BM มาใช้ คุณเตรียมเงินสำรองไว้ได้เลย ปีละ 100,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันนะครับ
คุณมีเงินสำรองส่วนนี้แล้วหรือยังครับ
ยิ่งคุณบอกว่าคนที่จะซื้อรถให้คุณไม่ใช่คุณพ่อหรือคุณแม่ของคุณ ผมยิ่งอยากจะบอกคุณว่า คุณลองไปปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ของคุณดีกว่าไหม ว่าท่านจะเห็นด้วยกับความคิดของคุณหรือเปล่า